ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า - ตอนที่ 407 ความผิดบาป
ตอนที่ 407 ความผิดบาป
บุตรชายที่อยู่ด้านหน้าคนนี้ยังหนุ่มแน่น แต่ผมกลับขาวหงอกไปเกินครึ่งหัวแล้ว บุตรชายที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้ไอออกมาเป็นเป็นเลือด และเป็นบุตรชายที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้ที่ตะโกนตำหนิตนด้วยความโกรธ เซ่าเติงอวิ๋นพิงราวกั้นมองบุตรชายที่อยู่ตรงหน้าแล้วส่ายหน้าช้าๆ ความเงียบคือเสียงที่ดังที่สุด
เซ่าผิงปอหายใจหอบถี่ คล้ายจะรู้สึกตัวแล้วว่าไม่ควรพูดกับบิดาตนเช่นนี้ จึงปรับน้ำเสียงให้อ่อนลง
“อย่างน้อยที่สุด การที่ตระกูลเซ่ามาถึงจุดนี้ได้ก็ไม่เหลือทางให้ถอยแล้ว แล้วก็จะถอยไม่ได้เช่นกัน ทันทีที่ถอยจะต้องเผชิญกับหายนะที่ไม่อาจฟื้นฟูกลับมาได้แน่นอน ผู้ใดจะยอมปล่อยพวกเราไป? ไม่ว่าจะแคว้นเยี่ยนหรือแคว้นหานล้วนจะขุดรากถอนโคนตระกูลเซ่า! เมื่อตระกูลเซ่าล่มสลาย ท่านพ่อน่าจะจินตนาการได้กระมังว่าจุดจบของหลิ่วเอ๋อร์จะเป็นอย่างไร คนเหล่านั้นจะยอมปล่อยหลิ่วเอ๋อร์ไปเหมือนไม่เคยมีเรื่องใดเกิดขึ้นหรือ? หรือท่านทนเห็นหลิ่วเอ๋อร์กลายเป็นนางโลมในหอคณิกาที่ผู้ใดก็ย่ำยีได้? ท่านพ่อ ขอเพียงตระกูลเซ่ายังอยู่ ผู้ใดก็แตะต้องหลิ่วเอ๋อร์ไม่ได้ทั้งสิ้น ขอเพียงยังมีอำนาจหนุนหลังหลิ่วเอ๋อร์อยู่ เฮ่าเจินจะต้องดีต่อหลิ่วเอ๋อร์แน่ แม้ว่าจะเป็นการสวมหน้ากากเสแสร้งก็ตาม”
“ท่านพ่อ ท่านยอมฟังข้าสักครั้งเถิด ให้หลิ่วเอ๋อร์ออกเรือนกับเฮ่าเจินมิใช่เรื่องเลวร้ายเลยจริงๆ ลูกทำเพราะหวังดีต่อนางจริงๆ จากนี้ต่อให้ตระกูลเซ่าล่มสลาย แต่ขอเพียงหลิ่วเอ๋อร์ยังเป็นพระชายาอยู่ อย่าว่าแต่จะอยู่สุขสบายไร้กังวลเลย ต่อให้ตายก็ยังได้ตายอย่างมีศักดิ์ศรี ไม่ต้องไปถูกผู้อื่นย่ำยีเหยียดหยาม”
“ท่านพ่อ เรื่องบางเรื่องมันก็หมดหนทางแล้ว หากจะพูดถึงความลำบาก ก็บอกได้เพียงว่าหลิ่วเอ๋อร์ชะตารันทดไม่ควรเกิดมาในตระกูลเซ่าเลย ตอนท่านพ่อเป็นขุนนางรับใช้แคว้นเยี่ยน หากเราไม่ทรยศต่อแคว้นเยี่ยน บทลงเอยของหลิ่วเอ๋อร์จะเป็นอย่างไรท่านก็รู้แก่ใจดี ตอนนี้มันก็เหมือนกัน หากตระกูลเซ่าพังพินาศ หลิ่วเอ๋อร์ก็ยากจะหนีรอดภัยไปได้ ตั้งแต่วันที่นางถือกำเนิดขึ้นมาในตระกูลเซ่า นางก็ถูกลิขิตให้ต้องเผชิญหน้ากับเรื่องราวหลายอย่างแล้ว หาใช่ข้าต้องการทำร้ายนางไม่!”
เซ่าเติงอวิ๋นเอ่ยด้วยสีหน้าโศกหมอง “สรรหาเหตุผลมากล่าวอ้าง! เหตุใดเจ้าถึงไม่ถามความสมัครใจของตัวหลิ่วเอ๋อร์เอง? ไยเจ้าไม่เอาเหตุผลเหล่านี้ไปพูดให้นางฟังแล้วให้นางเลือกเองเล่า ดูว่านางยินดีจะรับเกียรติยศรุ่งโรจน์ที่เจ้ามอบให้หรือเปล่า?”
เซ่าผิงปอกล่าวว่า “หลิ่วเอ๋อร์อ่อนต่อโลก ตอนนี้ไม่มีวุฒิภาวะพอจะเลือกได้ ในฐานะพี่ชาย ข้าต้องรับผิดชอบช่วยชี้แนวทางให้นาง! ข้ายินดีให้นางนึกเสียใจเพียงชั่วคราว ดีกว่าให้นางนึกเสียใจไปชั่วชีวิต”
เซ่าเติงอวิ๋นกัดฟันถาม “นี่เจ้าคิดจะบังคับให้นางออกเรือนหรือ?”
เซ่าผิงปอส่ายหน้า “ท่านพ่อวางใจเถอะ ทุกอย่างล้วนขึ้นอยู่กับความสมัครใจ ข้าเพียงมอบทางเลือกให้นางเท่านั้น ไม่มีทางบังคับนางแน่นอน หากนางยินดีแต่งก็แต่ง หากไม่ยินดีแต่ง ข้าก็ไม่บังคับ!”
วาจานี้ทำให้เซ่าเติงอวิ๋นกับหยางซวงผงะไปพร้อมกัน นึกสงสัยว่าตนหูฝาดไปหรือไม่ ด้วยนิสัยของเซ่าหลิ่วเอ๋อร์แล้ว นางจะตอบตกลงออกเรือนได้อย่างไร ส่วนคนผู้นี้ก็เจรจากับทางแคว้นฉีไว้แล้ว หากเกิดเหตุเหนือความคาดหมายขึ้น เขาจะยอมรับได้หรือ?
เซ่าเติงอวิ๋นจี้ถามทันที “คำพูดนี้เป็นความจริง?”
เซ่าผิงปอตอบว่า “ขอเพียงท่านพ่อยอมรับปากว่าจะให้หลิ่วเอ๋อร์ได้เลือกเอง ไม่ทำเรื่องใดๆ ที่จะรบกวนการตัดสินใจของหลิ่วเอ๋อร์ ข้าก็รับปากท่านพ่อว่าจะไม่บังคับนางแน่นอน!”
“ได้!” เซ่าเติงอวิ๋นชี้เขา “เจ้าพูดเองนะ”
เซ่าผิงปอตอบว่า “ไม่ผิดคำพูดแน่นอนขอรับ!”
ในเวลานี้เอง เซ่าซานเสิ่งที่รออยู่ด้านนอกก็เร่งเดินเข้ามา รายงานว่า “นายท่าน คุณชายใหญ่ คุณหนูมาขอเข้าพบอยู่ด้านนอกขอรับ”
เซ่าเติงอวิ๋นชี้ไปทางเซ่าผิงปอ “มาแล้ว ในเมื่อนางมาหาเจ้าแล้ว เจ้าก็อธิบายเอาเองเถอะ”
บุตรสาวร่ำไห้มาขอคำอธิบายจากเขา แต่รายละเอียดเรื่องราวเป็นอย่างไรเขาไม่ทราบแน่ชัด จึงไม่สามารถอธิบายอะไรได้ บอกให้นางรอคอยพี่ใหญ่ของนางกลับมาอธิบายเอง
“แค่กๆ!” เซ่าผิงปอกำมือป้องปากไอเล็กน้อย หันไปเอ่ยว่า “เชิญเข้ามา!”
“ขอรับ!” เซ่าซานเสิ่งเดินออกไป
ผ่านไปสักพัก เซ่าหลิ่วเอ๋อร์เร่งเดินเข้ามา
ภายในระเวลาเพียงไม่กี่ปี รูปร่างของนางงามสง่าเพรียวบางขึ้นเรื่อยๆ ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นไม่น้อย ความสดใสไร้เดียงสาไม่รู้จักโตหายไปไม่น้อยทีเดียว
“ท่านพ่อ!” เซ่าหลิ่วเอ๋อร์คารวะเพียงเซ่าเติงอวิ๋น ไม่ได้คารวะพี่ใหญ่ของตน หากแต่ถามไปตรงๆ ว่า “พี่ใหญ่ ด้านนอกมีข่าวลือว่าท่านจะให้ข้าออกเรือนเป็นชายาใหม่ของอิงอ๋องแห่งแคว้นฉี จริงหรือไม่?”
เซ่าผิงปอหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดคราบเลือดตรงมุมปาก แล้วก็เช็ดคราบเลือดที่ไอเปื้อนฝ่ามือช้าๆ เอ่ยเสียงเรียบเฉยว่า “เรื่องราวเป็นเช่นนี้จริง ตอนที่ข้าเดินทางไปแคว้นฉี บังเอิญว่าเฮ่าเจินตกพุ่มม่ายพอดี ด้วยเหตุนี้จึงทูลขอสมรสพระราชทานจากฮ่องเต้เฮ่าอวิ๋นถูแห่งแคว้นฉี ฮ่องเต้แคว้นฉีตอบตกลงแล้ว กลับมาครั้งนี้เตรียมจะบอกข่าวมงคลนี้กับเจ้าอยู่พอดี ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะทนรอไม่ไหวจนเป็นฝ่ายมาหา”
พอได้รับคำยืนยันจากปากเขา เซ่าหลิ่วเอ๋อร์ใจหายวาบ เอ่ยด้วยความโกรธ “พี่ใหญ่ลืมเรื่องที่รับปากข้าไว้แล้วหรือ?”
เซ่าผิงปอเหลือบมองพลางเอ่ยว่า “รับปากหรือ? รับปากเรื่องใด?”
เซ่าหลิ่วเอ๋อร์กล่าวว่า “ถานเย่าเสียน! พี่ใหญ่เคยรับปากข้าไว้ว่าท่านจะให้เวลาถานเย่าเสียนสามปี ท่านเคยบอกว่าขอเพียงเขาสร้างผลงานตั้งตัวได้ภายในสามปี ท่านก็จะยอมให้ข้าออกเรือนกับเขา นี่ยังไม่ครบกำหนดสามปีเลย ไยท่านถึงผิดคำพูด”
“ถานเย่าเสียน?” เซ่าผิงปอใช้ผ้าเช็ดหน้าถูฝ่ามือแล้วเอ่ยไปว่า “หลิ่วเอ๋อร์ ลืมคนผู้นั้นเสียเถิด เขาไม่มีทางกลับมาหาเจ้าอีกแล้ว”
เซ่าหลิ่วเอ๋อร์เอ่ยอย่างโกรธเคือง “ท่านมีสิทธิ์อะไรมาว่าเขาเช่นนี้? ข้ารับปากแล้วว่าจะรอเขาสามปี ยังไม่ครบกำหนดสามปี ข้าจะไม่แต่งกับผู้ใดทั้งนั้น ผู้ใดกล้าบังคับข้า ข้าจะตายให้ดู!”
เซ่าผิงปอเอ่ยว่า “อย่าว่าแต่สามปีเลย ต่อให้รออีกสามสิบปีเขาก็ไม่มีทางกลับมาอีก วันนั้นที่พวกเจ้าหนีตามกันไป หลังจากเขาแยกกับเจ้าแล้ว ข้าได้รับข่าวว่าบัณฑิตปวกเปียกที่ไร้เรี่ยวแรงจะเชือดไก่อย่างเขาพบโจรร้ายเข้า จึงสิ้นชีพด้วยน้ำมือโจร ไม่มีวันกลับมาแล้ว”
เซ่าเติงอวิ๋นและหยางซวงจ้องมองเขาอย่างรวดเร็ว ต่างตระหนักได้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น
เซ่าหลิ่วเอ๋อร์ตวาดอย่างโกรธเกรี้ยว “ท่านพูดเหลวไหล!”
เซ่าผิงปอเอ่ยว่า “เป็นความจริง ข้าเพียงกลัวเจ้าจะเสียใจ จึงไม่ได้บอกเจ้าตั้งแต่ตอนนั้นก็เท่านั้น”
เซ่าหลิ่วเอ๋อร์จ้องมองเขา คล้ายจะพิสูจน์หาความจริงจากสีหน้าเขา ผ่านไปครู่หนึ่งเปลือกตาพลันกระตุกเหมือนจะเข้าใจอะไรขึ้นมาแล้ว ใบหน้าซีดลงทันที เอ่ยด้วยด้วยเสียงสั่นเครือว่า “โจรร้ายที่ไหนกัน? ฝีมือท่านนั่นแหละ เป็นฝีมือท่านใช่หรือไม่?”
เซ่าผิงปอพับผ้าเช็ดหน้า ค่อยๆ สอดกลับเข้าแขนเสื้อ มองนางด้วยสายตาสงบนิ่ง ไม่ได้ยอมรับและไม่ได้ปฏิเสธ
แต่ในความเป็นจริง นี่ก็เท่ากับเขายอมรับแล้ว เซ่าเติงอวิ๋นแหงนหน้าขึ้นฟ้าหลับตาลง
“อ๊า! ข้าจะฆ่าเจ้า เจ้ามันเดรัจฉาน เซ่าผิงปอ ข้าจะฆ่าเจ้า…”
เซ่าหลิ่วเอ๋อร์คลุ้มคลั่งขึ้นมาทันที โผเข้ามาบีบคอเซ่าผิงปอ หวังจะบีบให้ตายคามือ อยากบั่นคอเขาให้ขาดเสียตอนนี้
เซ่าผิงปอมิได้ตอบโต้ ปล่อยให้นางบีบไป ยังคงมองนางอย่างสงบนิ่ง สายตาที่น้องสาวมองเขาคล้ายกำลังมองดูศัตรูที่ไม่อาจอยู่ร่วมฟ้ากันได้ นี่ทำให้เขาปวดใจขึ้นมาเช่นกัน
ผู้คุ้มกันจากสำนักเขามหายานที่คอยสังเกตการณ์อยู่ไกลๆ กลับมิอาจอยู่เฉยได้ สำหรับสำนักเขามหายานแล้ว คุณค่าในตัวเซ่าหลิ่วเอ๋อร์ไม่มีทางเทียบเซ่าผิงปอได้ แล้วจะปล่อยให้เซ่าผิงปอตายด้วยน้ำมือเซ่าหลิ่วเอ๋อร์ได้อย่างไร
ผู้บำเพ็ญเพียรสองคนทะยานเข้ามาอย่างรวดเร็ว ตรงเข้าควบคุมตัวเซ่าหลิ่วเอ๋อร์ ดึงนางออกไป
“เซ่าผิงปอ เจ้าต้องไม่ตายดี…”
เซ่าหลิ่วเอ๋อร์ที่ถูกลากตัวออกไปยังคงด่าทออย่างดุร้าย
“แค่กๆ…” เซ่าผิงปอกุมลำคอแล้วไอออกมาเล็กน้อย หลังจากสูดหายใจคล่องขึ้นแล้วก็เอ่ยว่า “หลิ่วเอ๋อร์ จะออกเรือนไปที่แคว้นฉีหรือไม่ เจ้าก็ตัดสินใจเองเองเถิด ข้าไม่ฝืนใจเจ้า” เขาปล่อยมือจากลำคอแล้วโบกมือเล็กน้อย
“เซ่าผิงปอ…”
เซ่าหลิ่วเอ๋อร์ที่ถูกลากตัวออกไปกรีดร้องเสียงแหลม
เซ่าผิงปอที่เนื้อตัวเปื้อนฝุ่นยืนนิ่ง มองดูนางถูกลากตัวออกไป แววตาแฝงความเจ็บปวดที่ยากจะบรรยายได้เอาไว้
น้ำเสียงของเซ่าเติงอวิ๋นดูแก่ชราขึ้นมา “ตอนนี้แม้แต่น้องสาวเจ้าก็เห็นเจ้าเป็นศัตรูไปแล้ว เจ้าพอใจหรือยัง?”
เซ่าผิงปอหันหลังให้เอ่ยไปว่า “สำหรับนางแล้ว ถานเย่าเสียนเป็นเพียงคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิต จะกลายเป็นเพียงความทรงจำที่ไม่แน่ไม่นอนในช่วงวัยชราของนางเท่านั้น ประสบการณ์เพียงชั่วครั้งคราวไม่ได้แปลว่าจะคงอยู่ชั่วชีวิต นางอยู่ภายใต้การปกป้องของบิดาและพี่ชาย ไม่เคยต้องเจอเรื่องทุกข์ร้อนกังวลใดๆ เลยมองไม่เห็นเส้นทางอนาคตที่ไกลออกไปของตัวเอง ตอนนี้ยังมีอารมณ์แบบหนุ่มสาวข้าก็พอจะเข้าใจได้ รอจนนางออกเรือนไปยังแคว้นฉีแล้ว นางจะได้เผชิญความรุ่งเรืองและความอดสูบางอย่างเข้า รอจนนางให้กำเนิดบุตรธิดาของตนแล้ว นางจะเข้าใจเองว่าตนต้องการสิ่งใด เมื่อถึงเวลานั้นนางจะไม่มีทางนึกชังพี่ชายอย่างข้าแน่นอน นางจะต้องการให้พี่ชายอย่างข้าคอยช่วยเหลือนาง”
“อนาคตอย่างนั้นหรือ?” เซ่าเติงอวิ๋นหัวเราะฮ่าๆ “เจ้าคิดว่านางเป็นเช่นนี้แล้วยังจะตอบตกลงแต่งไปแคว้นฉีอีกหรือ?”
เซ่าผิงปอย้อนถาม “รั้งอยู่ที่ตระกูลเซ่าแล้วนางจะมีกำลังพอจะล้างแค้นได้หรือ? หากไม่ชังข้า นางจะยอมแต่งไปแคว้นฉีหรือ? น้องสาวของข้า ข้าเฝ้ามองนางมาแต่เล็กจนโต ข้าย่อมรู้จักนางดี นางจะตอบตกลงแน่ นางอยากยืมกำลังของเฮ่าเจินเพื่อล้างแค้น ด้วยเหตุนี้หลังจากออกเรือนกับเฮ่าเจินแล้ว นางจะต้องเอาใจเฮ่าเจินเป็นอย่างดีแน่ น้องสาวคนนี้ของข้าก็มิใช่คนไร้ความสามารถเช่นกัน นางจะทำได้ดีแน่นอน นางจะใช้ชีวิตคู่กับเฮ่าเจินเป็นอย่างดี ท่านพ่อไม่จำเป็นต้องกังวลว่านางจะไปร้องห่มร้องไห้อาละวาดอยู่ทางนั้น นางรู้ความมากนัก คืนนี้นางคงจะคิดตกแล้ว วันพรุ่งนี้นางจะมาหาท่านพ่อ แล้วก็แจ้งท่านพ่อว่ายินดีออกเรือนไปแคว้นฉี หวังว่าท่านพ่อจะรักษาคำพูดที่กล่าวไว้ ไม่ขัดขวางนาง”
หยางซวงมองเขาด้วยความตกตะลึง
เซ่าเติงอวิ๋นก็เบิกตากว้างเช่นกัน ในที่สุดก็เข้าใจคำพูดของเขาที่ว่าจะไม่บังคับเซ่าหลิ่วเอ๋อร์แล้วว่ามีความหมายอย่างไร มิน่าล่ะเขาถึงกล้าไปยื่นขอสมรสพระราชทานจากฮ่องเต้แคว้นฉีโดยพลการเอง
เซ่าเติงอวิ๋นเอ่ยอย่างกลุ้มใจ “ในเมื่อรู้ดีว่านางจะล้างแค้น เจ้าไม่กลัวว่าในอนาคตนางจะอาศัยกำลังทางแคว้นฉีมาทำลายงานของเจ้าหรือ?”
เซ่าผิงปอหันหลับมา “เฮ่าเจินมิใช่คนโง่ เขาทราบดีว่าตนต้องการสิ่งใด แยกแยะหนักเบาเป็น ไหนเลยจะปล่อยให้หลิ่วเอ๋อร์ก่อเรื่องได้ เรื่องใหญ่เช่นการครองแผ่นดินมิใช่เรื่องที่หลิ่วเอ๋อร์จะเข้ามายุ่งได้ ก็เหมือนกับที่ข้าพูดไปก่อนหน้านี้ เมื่อเวลาผ่านไป หลิ่วเอ๋อร์จะค่อยๆ เข้าใจเองว่าจำเป็นต้องมีพี่ชายอย่างข้า แม้จะชิงชังถึงเพียงใด แต่หากมีสักวันที่นางได้โอกาสขึ้นเป็นมารดาแห่งแผ่นดินแคว้นฉีขึ้นมา ไม่ช้าก็เร็วนางจะต้องตัดสินใจกระทำเรื่องทำนองเดียวกันเพื่อบุตรธิดาของนางแน่ เมื่อถึงเวลานั้น ถานเย่าเสียนจะยังสำคัญต่อนางอีกหรือ?”
“ท่านพ่อ เรื่องนี้ท่านไม่จำเป็นต้องกังวลไป เรื่องวิวาห์ของหลิ่วเอ๋อร์ยกให้ข้าจัดการก็พอ ตระกูลเซ่าไม่เหลือทางถอยแล้ว เรื่องดีท่านรับหน้าไป ส่วนเรื่องเลวร้ายให้ข้ารับไว้เอง ความผิดบาปทั้งหมดข้าจะรับไว้เอง!” ว่าจบก็หันหลังจากไป
เซ่าผิงปอพบว่าบุตรชายปีกกล้าขาแข็งจนตนเอาไม่อยู่แล้ว รับมือไม่ไหวแล้วจริงๆ ได้แต่เอ่ยอย่างโศกเศร้าและจนปัญญาว่า “ข้าจำได้ว่าตอนเจ้ายังเล็กเคยเป็นเด็กฉลาดว่าง่ายรู้ความ เหตุใดจึงกลายเป็นแบบทุกวันนี้ได้?”
เซ่าผิงปอหยุดเดิน เงียบไปสักพัก ก่อนจะย้อนถามทั้งที่หันหลังอยู่ว่า “ท่านพ่อเอาแต่ถามข้าอยู่ซ้ำๆ ว่าเพราะเหตุข้าถึงกลายเป็นเช่นทุกวันนี้ได้ เหตุใดที่ผ่านมาถึงไม่เคยถามเลยล่ะว่าข้าต้องประสบพบเจอสิ่งใดมาบ้าง?”
เซ่าเติงอวิ๋นกล่าวว่า “เจ้าอยู่สุขสบายไร้กังวลมาแต่เล็ก ไหนเลยจะเคยปล่อยให้เจ้าเผชิญเรื่องเลวร้ายอันใด?”
“ท่านพ่อ นั่นเป็นเพียงสิ่งที่ท่านเห็น หลังจากท่านแต่งกับอนุหร่วน จนกระทั่งอนุหร่วนให้กำเนิดบุตรชายของตนออกมา พออยู่ต่อหน้าท่านอนุหร่วนก็แสร้งทำดี จนท่านไม่มีทางจินตนาการออกว่าข้าต้องเผชิญความอดสูคับข้องใจมากมายน้อยเพียงใด”
“ปีนั้น ท่านติดตามหนิงอ๋องไปเพื่อช่วยเหลือองค์ฮ่องเต้ คนมากมายล้วนบอกว่าท่านจะไม่กลับมาแล้ว อนุหร่วนก็ยิ่งปฏิบัติกับข้าอย่างเลวร้าย เป็นเพราะหลิ่วเอ๋อร์อายุยังน้อยไม่รู้ความ เลยเผลอทำชามใบหนึ่งแตก ข้ากับหลิ่วเอ๋อร์ถูกนำตัวไปขังไว้ในห้องใต้ดินที่หนาวเย็นชื้นแฉะ หลิ่วเอ๋อร์ยังเล็กมากไม่รู้เรื่องใดๆ ทั้งสิ้น ร้องไห้เป็นอย่างเดียว ข้าโอบกอดนางไว้ แต่ข้าเองก็กลัวมากเช่นกัน เนื่องจากมีคนเทหนูจำนวนมากเข้ามาในห้องใต้ดิน ครั้งแรกข้าปิดตาหลิ่วเอ๋อร์เอาไว้ หลิ่วเอ๋อร์ร้องว่าหิว แต่ไม่มีผู้ใดนำอาหารมาให้พวกเรา ท่านรู้หรือไม่ว่าข้ากับหลิ่วเอ๋อร์เอาตัวรอดมาได้อย่างไร? หนูอย่างไรเล่า กัดกินกันแบบดิบๆ อาศัยหนูเป็นๆ เหล่านั้นประทังชีวิตจนรอดมาได้ พวกข้าถึงได้ยืนหยัดอยู่มาจนได้รับข่าวการกลับมาของท่าน”
………………………………………………………………..