ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า - ตอนที่ 444 เจ้าศักดินา
ตอนที่ 444 เจ้าศักดินา
ทางซางเฉาจงเองก็ยอมรับเงื่อนไขของสำนักหยกสวรรค์ ยกเรื่องผู้คุ้มกันของตนให้สำนักหยกสวรรค์จัดการไม่ให้ผู้คุ้มกันจากสามสำนักเข้ามาแทรกแซง
เหล่าแม่ทัพแยกย้ายไปจัดการตามบัญชา เหมยหลินเซิ่ง อู๋เทียนตั้งและจ้าวซิงเฟิงจากไปอย่างเงียบๆ เช่นกัน ทั้งสามต่างรู้แจ้งแก่ใจดี เกรงว่าซางเฉาจงคงอยากดำเนินการกับไพร่พลในสังกัดของพวกเขาให้หมดจด สลายอำนาจของพวกเขา
และเรื่องราวก็เป็นไปตามนั้นจริงๆ ซางเฉาจงเคยเสียเปรียบมาแล้ว เหตุการณ์ที่ถูกบังคับให้ตกอยู่ในสถานการณ์สิ้นหวังยังคงกระจ่างชัดเหมือนอยู่ตรงหน้า ยามนั้นรู้สึกสิ้นหวังเพียงใดแล้ว หากประสบเหตุการณ์เช่นนั้นแล้วยังไม่ทำการเปลี่ยนแปลงสิถึงจะแปลก ดังนั้นการกวาดล้างที่กำลังจะมาถึงในครานี้ย่อมรุนแรงอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน
ซางเฉาจงถึงขนาดที่หมายหัวเฟิ่งหลิงปอและหลานๆ ทั้งหลายของเฟิ่งหลิงปอด้วย การสังหารเฟิ่งรั่วอี้และเฟิ่งรั่วเจี๋ยไปไม่อาจทำให้เขาสบายใจได้ ขอเพียงบุตรชายของทั้งสองคนและเฟิ่งหลิงปอยังอยู่ เผิงโย่วไจ้ที่มีตำแหน่งเป็นเจ้าสำนักหยกสวรรค์ก็อาจจะทุ่มกำลังช่วยสนับสนุนได้ทุกเมื่อ ยังคงมีโอกาสที่จะเข้ามาแทนที่ทางฝั่งนี้อยู่
เมื่อเห็นทุกคนแยกย้ายไปแล้ว เผิงโย่วไจ้ที่คอยฟังอยู่ด้านข้างก็เดินเข้ามา เอ่ยถามด้วยท่าทีไม่ทุกข์ร้อนว่า “ท่านอ๋องรับราชโองการจากราชสำนัก ได้รับแต่งตั้งเป็นผู้ว่าการมณฑลหนานโจว ในวันมงคลเช่นนี้ไยถึงไม่เห็นหนิวโหย่วเต้ามาร่วมยินดีเล่า?”
ทางเขาเฝ้ารอให้หนิวโหย่วเต้าปรากฏตัวอยู่ตลอด จนใจที่หลายวันมานี้ไม่เห็นแม้แต่เงาของหนิวโหย่วเต้าเลย ต่อให้ข้าไม่ทำร้ายเจ้า อีกทั้งแผนการเจ้าก็สำเร็จแล้ว เจ้าก็ควรออกมาพูดเรื่องผลกำไรการค้าสุราให้ชัดเจนหรือเปล่า?
คำนวณพลาดไปหนึ่งก้าวแล้ว ความรู้สึกที่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบช่างน่าอึดอัดนัก
ซางเฉาจงตอบว่า “ข้าก็ตามหาเขาอยู่เช่นกัน ไม่รู้ว่าเขาไปอยู่ที่ไหน”
เขาปฏิเสธที่จะตอบ ความจริงแล้วเขาก็ไม่ทราบเช่นกันว่าหนิวโหย่วเต้าไปอยู่ที่ไหน เขาเองก็อยากพบหนิวโหย่วเต้าเช่นกัน ความรู้สึกตื้นตันนั้นติดอยู่ในใจเสมอมา
ที่สำคัญคือหนิวโหย่วเต้าต่างไปจากสำนักหยกสวรรค์ อีกฝ่ายไม่เคยเรียกร้องสิ่งใดจากเขาเลย คอยช่วยเหลือเขามาตลอด มอบความช่วยเหลือให้ในยามที่ลำบาก ถึงแม้หนิวโหย่วเต้าจะเป็นผู้บำเพ็ญเพียรเช่นกัน แต่ก็คบหากันเยี่ยงสหายมาโดยตลอด คบค้ากับหนิวโหย่วเต้าแล้วรู้สึกปลอดภัยนัก ความรู้สึกเช่นนี้ทำให้เหมิงซานหมิงและหลานรั่วถิงล้วนนึกถึงตงกัวเฮ่าหรานขึ้นมา
ทั้งสองต่างบอกว่ามิน่าล่ะ ตงกัวเฮ่าหรานถึงได้รับหนิวโหย่วเต้าเป็นศิษย์คนสุดท้ายได้ บุคลิกคล้ายกับผู้เป็นอาจารย์อย่างยิ่ง
แต่ถ้าหนิวโหย่วเต้ามาได้ยินประโยคนี้เข้า ก็ไม่ทราบเช่นกันว่าเขาจะคิดอย่างไร
เผิงโย่วไจ้หน้าตึงขึ้นมาเล็กน้อย คำตอบนี้นับว่าทำให้รู้ซึ้งถึงกลยุทธ์ของใครบางคนอย่างแท้จริง ที่ผ่านมาเป็นเพราะปะทะกันอย่างอ้อมๆ จึงไม่รู้สึกอะไรมากนัก แต่หนนี้เรียกได้ว่าปะทะกับเจ้านั่นโดยตรง สำนักหยกสวรรค์เสียหายอย่างรุนแรง
เขาไร้ที่จะระบายความคับข้องใจนี้ จนปัญญาเพราะเจ้านั่นหลบซ่อนไม่เผยตัว เพียงแค่คอยบงการอยู่เบื้องหลังเท่านั้น
สำหรับตัวเขาในตอนนี้ ซางเฉาจงไม่ได้น่ากลัวเลย เพราะถึงอย่างไรชีวิตของซางเฉาจงก็อยู่ในกำมือของสำนักหยกสวรรค์ คนที่ทำให้เขากริ่งเกรงอย่างแท้จริงคือหนิวโหย่วเต้าที่ซ่อนตัวอยู่เบื้องหลัง โดยเฉพาะหลังจากเสียเปรียบในครั้งนี้ หากไม่กำจัดคนผู้นี้ทิ้ง เขาคงจะต้องกังวลอยู่ตลอดว่าซางเฉาจงจะหลุดพ้นจากการควบคุมไปวันไหน
เมื่อเห็นเขาไม่บอก เผิงโย่วไจ้ก็ไม่บังคับเช่นกัน เอ่ยเตือนเพียงประโยคเดียว “บุญคุณความแค้นระหว่างท่านอ๋องและตระกูลเฟิ่ง พระชายาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย หวังว่าท่านอ๋องจะมีเมตตาไม่สร้างความลำบากใจให้แก่นาง”
ทางสำนักหยกสวรรค์ไม่มีทางยอมให้ครอบครัวเผิงอวี้หลานอยู่ที่นี่ต่อไป มิเช่นนั้นมีความเป็นไปได้สูงที่จะถูกซางเฉาจงลงมือกำจัด เดิมทีเตรียมจะพาเฟิ่งรั่วหนานจากไปพร้อมกัน เพื่อไม่ให้ถูกซางเฉาจงพาลหาเรื่อง
แต่ตัวเฟิ่งรั่วหนานเองกลับยินยอมจะทนทุกข์กับซางเฉาจงมากกว่าติดตามตระกูลเฟิ่งไป ทุกคนต่างทราบกันดีว่าครั้งนี้ตระกูลเฟิ่งได้ทำลายความรู้สึกของบุตรีเข้าแล้วจริงๆ
เรื่องบางอย่างย่อมไม่อาจบังคับกันได้ ในเมื่อเฟิ่งรั่วหนานไม่อยากไป พวกเขาก็ไม่อาจบังคับพาตัวเฟิ่งรั่วหนานไปได้เช่นกันดฮณ๊ฯดฯฌซ,
ซางเฉาจงกล่าวว่า “เจ้าสำนักโปรดวางใจ ข้าไม่ถึงขั้นจะไปพาลพาโลใส่สตรี รั่วหนานเป็นชายาของข้า ข้าจะดูแลให้อยู่สุขสบาย ไม่มีทางทำร้ายนางแน่นอน!”
เผิงโย่วไจ้เงียบไป ไม่ได้พูดอะไรอีก หันหลังเดินออกไป หากเฟิ่งรั่วหนานได้รับความคับข้องหมองใจอันใดจริงๆ แล้วไม่ยอมปริปากบอก คนนอกก็ยากจะเข้าไปยุ่งเรื่องระหว่างสามีภรรยาได้ พูดมากไปก็ไร้ประโยชน์
คนทั้งกลุ่มออกมาส่งเผิงโย่วไจ้นอกห้องโถง เฝ้ามองคณะของเขาเดินทางจากไป
ในที่สุดคลื่นลมก็สงบลงแล้ว ซางเฉาจงที่ยืนอยู่บนขั้นบันไดใต้ชายคาเงยหน้ามองฟ้าพรูลมหายใจออกมา อารมณ์สดใสดั่งฟ้าหลังฝน ในที่สุดมณฑลหนานโจวก็ตกอยู่ในมือตนแล้ว!
ซางซูชิงพลันถอนหายใจเบาๆ “ไม่รู้ว่าเต้าเหยี่ยจะกลับมาเมื่อไร”
ทั้งกลุ่มต่างทอดถอนใจ หนิวโหย่วเต้าไม่เพียงแต่จะช่วยให้ทางนี้ได้ครองมณฑลหนานโจวเท่านั้น ยังช่วยให้ทางนี้ได้รับการแต่งตั้งจากทางราชสำนักด้วย ทางนี้จึงไม่ถูกกล่าวหาว่ากบฏ ตำแหน่งผู้ว่าการมณฑลหนานโจวที่ได้รับแต่งตั้งจากราชสำนักอย่างเป็นทางการ มีทั้งเกียรติยศและตำแหน่ง ช่วยลดความยุ่งยากไปได้มากจริงๆ และยิ่งทำให้ทุกคนรู้สึกสะท้อนใจยิ่งกว่าเดิม
หลานรั่วถิงเอ่ยว่า “ยึดครองมณฑลหนานโจวเป็นเพียงจุดเริ่ม การบริหารดูแลมณฑลหนานโจวหลังจากนี้ยังคงเป็นปัญหา สำนักหยกสวรรค์ไม่มีทางยอมสูญเสียไปเปล่าๆ ต่อไปพวกเขาจะต้องเรียกร้องทรัพย์สินในมณฑลหนานโจวแน่นอน นี่นับเป็นเรื่องยุ่งยาก”
ทุกคนล้วนทราบดีว่าที่สำนักหยกสวรรค์ยอมเสี่ยงชิงมณฑลหนานโจวมา ก็เพื่อให้ได้รับแหล่งทรัพย์สินที่ใหญ่มากขึ้นกว่าเดิม พวกเขาย่อมต้องยื่นมือเข้ามาแทรกแซงอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
ในเวลานี้เอง องครักษ์นายหนึ่งเดินเข้ามายืนอยู่ด้านล่างบันไดพลางรายงานว่า “ท่านอ๋อง สามเจ้าสำนักจากสำนักเซียนสถิต สำนักเมฆาล่องและสำนักคีรีพิลาศมาขอเข้าพบพ่ะย่ะค่ะ”
ขณะที่ซางเฉาจงกำลังจะบอกให้เชิญเข้ามา หยวนกังที่อยู่ด้านข้างกลับเอ่ยขัดว่า “เต้าเหยี่ยสั่งว่าให้หมางเมินพวกเขา ไม่ต้องไปสนใจพวกเขาชั่วคราว”
ทั้งกลุ่มหันไปมองเขาพร้อมกัน ซางเฉาจงเอ่ยอย่างลังเลว่า “แบบนี้จะดีหรือ?”
หยวนกังกล่าวว่า “เต้าเหยี่ยสั่งให้พวกเขามาคุ้มกัน แต่พวกเขาทำตัวแบ่งรับแบ่งสู้ หดหัวอยู่นอกเมือง ด้วยไม่อยากล่วงเกินฝ่ายใดทั้งสิ้น ทำให้ท่านอ๋องเกือบมีอันตราย! หลังจากเต้าเหยี่ยทราบเรื่องก็ไม่สบอารมณ์อย่างยิ่ง จะปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไปไม่ได้ จึงจะไล่พวกเขากลับไปเฝ้าบ้านเต้าเหยี่ยที่จังหวัดชิงซาน รอจนพวกเขาตัดสินใจได้แล้วว่าจะเลือกยืนข้างฝ่ายไหนก็ค่อยว่ากันอีกที หากไม่ใช่พวกเดียวกันก็ไม่จำเป็นต้องสนใจอันใดอีก ปล่อยพวกเขาอยู่กันไปตามยถากรรม”
ให้คนของสามสำนักกลับไปเฝ้าบ้านเต้าเหยี่ยที่จังหวัดชิงซานหรือ? ซางซูชิงกะพริบตาปริบๆ ดวงตาทอแววขบขัน รู้สึกว่าวาจานี้ของเต้าเหยี่ยช่างแข็งกร้าวนัก
เหมิงซานหมิงและหลานรั่วถิงสบตากันแล้วยิ้ม หนิวโหน่วเต้ากล่าวเช่นนี้ออกมาได้ แปลว่าสามสำนักได้ตกอยู่ในกำมือของหนิวโหย่วเต้าเป็นที่แน่นอนแล้ว ความสามารถเช่นนี้ทำให้พวกเขาพูดไม่ออกเลยจริงๆ แต่จะว่าไปแล้ว คนที่สามารถงันคานกับสำนักหยกสวรรค์ได้ ไหนเลยจะหวาดกลัวสามสำนักนี้ได้
เหมิงซานหมิงเอ่ยอย่างทอดถอนใจ “สีเขียวเกิดจากครามแต่เข้มยิ่งกว่าคราม สมัยก่อนอาจารย์ตงกัวยังไม่มีความสามารถเท่าศิษย์ของเขาคนนี้เลย”
หลานรั่วถิงพยักหน้ารับ “ศิษย์คนสุดท้ายของอาจารย์ตงกัวกลับถูกสำนักสวรรค์พิสุทธิ์ขับไล่อย่างไร้เยื่อใย เฮ้อ น่าเสียดายแทนสำนักสวรรค์พิสุทธิ์ ปล่อยให้บุคคลมีความสามารถหลุดมือไปเสียแล้ว” ทางนี้มีความผูกพันแต่เก่าก่อนอยู่กับสำนักสวรรค์พิสุทธิ์อยู่ ในอดีตสำนักสวรรค์พิสุทธิ์ให้ความช่วยเหลือหนิงอ๋องมาโดยตลอด พอเห็นสำนักสวรรค์พิสุทธิ์ตกต่ำจึงอดเวทนาไม่ได้
แววตาซางซูชิงวูบไหว พอเอ่ยถึงสำนักสวรรค์พิสุทธิ์ นางก็นึกถึงสตรีที่เคยเข้าพิธีวิวาห์กับหนิวโหย่วเต้านางนั้น ในจิตใต้สำนึกของนางไม่ปรารถนาให้หนิวโหย่วเต้ากลับไปยังสำนักสวรรค์พิสุทธิ์
เหมิงซานหมิงเหลือบมองสีหน้าท่าทางของซางซูชิงจากทางหางตา จึงกล่าวว่า “ในเมื่อเต้าเหยี่ยไม่อยากกลับไป พวกเราเองก็ไม่สะดวกจะบีบบังคับเช่นกัน ท่านอ๋อง ทำตามความต้องการของเต้าเหยี่ยเถิดพ่ะย่ะค่ะ”
ซางเฉาจงพยักหน้ารับ เอ่ยกับองครักษ์ว่า “แจ้งกลับไปตามนี้แล้วกัน ให้พวกเขากลับไปรอที่จังหวัดชิงซาน”
“พ่ะย่ะค่ะ!” องครักษ์ประสานมือรับคำสั่งแล้วออกไป艾琳小說
….
“ถ่ายทอดคำสั่ง โยกย้ายฐานทัพไปที่มหานครหนานโจว!”
เมื่อมีคำสั่งจากซางเฉาจงลงไป กองทัพที่เฝ้ารักษาการณ์ในเมืองซั่งผิงรวมถึงเหล่าผู้บำเพ็ญเพียรต่างเริ่มออกเดินทางอย่างยิ่งใหญ่
ไม่ว่าจะเป็นด้านขนาดของเมืองหรือว่าที่ตั้งตามภูมิศาสตร์ ตลอดจนถึงปัจจัยในด้านต่างๆ เมืองซั่งผิงล้วนมิใช่ตัวเลือกแรกเลย เมื่อได้มณฑลหนานโจวมาครองย่อมต้องย้ายเข้ามหานครหนานโจวแน่นอน
ด้านนอกเมือง เมื่อเห็นพวกซางเฉาจงออกเดินทางโดยมีไพร่พลมากมายมหาศาลห้อมล้อม เฟ่ยฉางหลิว เซี่ยฮวาและเจิ้งจิ่วเซียวล้วนอยากเข้าไปพบ แต่ถูกศิษย์สำนักหยกสวรรค์ขับไล่ออกไป
ตอนนี้สำนักหยกสวรรค์ก็เขม่นพวกเขาแล้วเช่นกัน ตอนนี้ยังไม่อาจทำอันใดหนิวโหย่วเต้าได้ ในสายตาของเผิงโย่วไจ้ สามสำนักคือคนของหนิวโหย่วเต้า ทางนี้ย่อมไม่ไว้หน้าพวกเขา
ซางเฉาจงเห็นพวกเขาแล้ว แต่ก็ไม่มีทีท่าจะเข้าไปพบปะพวกเขาเช่นกัน ทิ้งพวกเขาแล้วจากไปเช่นนี้เลย
ความรู้สึกที่ซ้ายก็ไม่เอาขวาก็ไม่แลเช่นนี้ทำให้ทั้งสามคนอึดอัดใจจริงๆ สามเจ้าสำนักมองดูกองทัพใหญ่โยกย้ายจากไปตาปริบๆ แต่ละคนกระอักกระอ่วนเป็นอย่างยิ่ง
เจ้าสำนักทั้งสามเองก็จนปัญญาเช่นกัน เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว พวกเขาย่อมทราบเรื่องที่มณฑลจินโจวเคลื่อนทัพแล้วเช่นกัน คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าหนิวโหย่วเต้าจะระดมกำลังจากมณฑลจินโจวมาช่วยเสริมกำลังให้ซางเฉาจงได้ แผนการของสำนักหยกสวรรค์พังป่นปี้ สุดท้ายมณฑลหนานโจวก็ตกอยู่ในเมืองซานเฉาจงอยู่ดี
เมื่อเป็นเช่นนี้ วิธีการหลบเลี่ยงไม่ล่วงเกินทั้งสองฝ่ายของพวกเขากลับกลายเป็นว่าทำให้ทั้งสองฝ่ายไม่สบอารมณ์ ยามนี้เท่ากับล่วงเกินทั้งสองฝ่ายเข้าแล้ว เป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไรกัน
พวกเขาทราบดีตอนนี้กำลังของสำนักหยกสวรรค์มีจำกัด จำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือจากสำนักขนาดเล็กบางส่วนเพื่อช่วยปกป้องมณฑลหนานโจว พวกเขาจะเลือกไปสวามิภักดิ์ต่อสำนักหยกสวรรค์ก็ได้ แต่ก็จะล่วงเกินซางเฉาจงเข้า อีกทั้งพวกเขาสวามิภักดิ์ต่อสำนักหยกสวรรค์ไปก็ไม่มีประโยชน์เช่นกัน หากไพร่พลและเจ้าหน้าที่ในพื้นที่อยากต่อต้านพวกเขาล่ะก็ สามสำนักก็ไม่อาจหยั่งรากฐานในมณฑลหนานโจวอย่างมั่นคงได้เช่นกัน
“ทำอย่างไรดี?” เซี่ยฮวาหันไปเอ่ยถาม
เจิ้งจิ่วเซียวลูบจมูก “หนิวโหย่วเต้าให้พวกเรากลับไปรอที่จังหวัดชิงซานมิใช่หรือ ยังไม่ได้ยื่นคำขาดมา แปลว่ายังมีช่องทางให้เจรจาอยู่ เขาโดดเดี่ยวไร้กำลังจำเป็นต้องมีความช่วยเหลือจากพวกเราเช่นกัน มิสู้กลับไปรอข่าวที่จังหวัดชิงซานก่อนแล้วกัน”
เซี่ยฮวาถอนหายใจดังเฮ้อ “พวกเราสามสำนักก็มีความดีความชอบในการยึดหนานโจวเช่นกัน แต่เรื่องกลับกลายเป็นเช่นนี้ไปได้ มันเรื่องบ้าอันใดกัน?”
เฟ่ยฉางหลิวเอ่ยด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “คนไร้กำลังก็มีวันที่ผงาดเรืองอำนาจขึ้นมาได้เช่นกัน ในอดีตสำนักหยกสวรรค์ก็เป็นเช่นนี้มิใช่หรือ? ไปเถอะ กลับไปรอหนิวโหย่วเต้าที่จังหวัดชิงซานกัน”
…….
รัชศกแคว้นอู่ปีที่ห้าร้อยยี่สิบแปด ซางเฉาจงย้ายเข้าประจำมหานครหนานโจว ประกาศให้ทั่วหล้าทราบอย่างเป็นทางการว่าเขาได้ยึดครองมณฑลหนานโจวแล้ว
ภายในวังหลวงแคว้นเยี่ยน มีเสียงหัวเราะขมขื่นแว่วดังขึ้น “เจี้ยนปั๋ว บุตรชายที่เจ้าให้กำเนิดช่างยอดเยี่ยมนัก!”
ก่าเหมี่ยวสุ่ยหัวหน้าผู้ดูแลราชยานยืนอยู่บนกำแพงวังหลวง สีหน้าคร่ำเคร่ง ยามนี้ตระหนักได้แล้วว่าตนติดกับหนิวโหย่วเต้าเข้าแล้ว!
ภายนอกวังหลวง อำนาจของซางเฉาจงผงาดรุ่งเรืองขึ้นมา ซ้ำยังผงาดขึ้นมาเร็วถึงขนาดนี้อีก ประกอบกับกององครักษ์เลิศล้ำห้าวหาญก่อตั้งขึ้นมาใหม่อีกครั้ง ทำให้เกิดคลื่นลมผันผวนขึ้นมาใต้ฉากหน้าอันสงบราบเรียบ
เชื้อพระวงศ์มากมายที่ก่อนหน้านี้ตัดขาดกับซางเฉางจงไป ล้วนเริ่มส่งจดหมายติดต่อหาซางเฉาจงอย่างลับๆ กันบ้างไม่มากก็น้อย ที่หาเหตุติดต่อไปหาอย่างหน้าด้านๆ ก็เพราะตำแหน่งผู้ว่าการมณฑลหนานโจวของซางเฉาจงได้รับการแต่งตั้งจากราชสำนัก ในเมื่อราชสำนักละเว้นโทษเจ้าแล้ว พระญาติพระวงศ์อย่างพวกเราย่อมเป็นครอบครัวเดียวกันอยู่
แต่เหล่าเชื้อพระวงศ์ก็ไม่ได้จะทำอันใดกับซางเฉาจง เพราะไม่ว่ามองอย่างไรก็เหมือนซางเฉาจงกำลังก่อร่างสร้างตัวขึ้นมาเพื่อล้างแค้นแทนหนิงอ๋อง เกรงว่าไม่ช้าก็เร็วคงจะบุกโจมตีเมืองหลวงแคว้นเยี่ยน เรื่องในอนาคตล้วนไม่มีผู้ใดบอกได้แน่ชัด เตรียมทางถอยไว้ให้มากย่อมเป็นเรื่องดี การส่งจดหมายหรือของขวัญไปแสดงไมตรีก็ไม่ได้สิ้นเปลืองอันใดนัก
เมื่อกลุ่มอิทธิพลต่างๆ ในใต้หล้าได้ทราบข่าวก็แปลกใจ เพราะจากข่าวที่ได้ยินมาก่อนหน้านี้ ไม่ว่ามองอย่างไรก็ล้วนเป็นเฟิ่งหลิงปอที่จะได้ครองมณฑลหนานโจวทั้งสิ้น จู่ๆ ก็กลายเป็นซางเฉาจงไป แล้วจะไม่ให้พวกเขาแปลกใจได้อย่างไร?
สำหรับซางเฉาจงแล้ว การได้ครอบครองมณฑลหนานโจวมีความหมายต่อเขาเป็นอย่างยิ่ง นี่นับว่าเขาได้กลายเป็นเจ้าศักดินาอย่างแท้จริง กลายเป็นเจ้าศักดินาที่สามารถส่งผลกระทบต่อรูปการณ์ของใต้หล้าได้อย่างเป็นทางการ อิทธิพลของเขาในยามนี้ไม่ใช่สิ่งที่ตัวเขาในตอนที่ปกครองสองจังหวัดก่อนหน้านี้จะเทียบได้ เขาได้เข้าสู่สายตาของผู้กล้าทั่วหล้าอย่างเป็นทางการแล้ว!
……………………………………………………………………………