ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า - ตอนที่ 476 ปราณปีศาจประหลาด
ตอนที่ 476 ปราณปีศาจประหลาด
ภายในร่างเขายังมียันต์ถ่ายทอดธรรมคุ้มกายที่ตงกัวเฮ่าหรานถ่ายทอดให้เหลืออยู่สามจุด ไม่เคยนำออกมาใช้เลย เก็บไว้ใช้รักษาชีวิตในช่วงเวลาคับขัน
แต่ถึงแม้จะเผชิญกับพลังอันน่าหวาดกลัวเช่นนี้ของอสูรศักดิสิทธิ์ เขาก็ไม่คิดจะนำออกมาใช้
ไม่ใช่ว่าไม่อยากใช้ แต่เป็นเพราะสิ่งนั้นมันใช้ไม่ได้ผลกับอสูรศักดิ์สิทธิ์ ทั้งยังส่งผลกระทบต่อเขาในการใช้พลังเคล็ดวิชาเคลื่อนย้ายมหาจักรวาลเพื่อทำการป้องกันด้วย หากมิใช่เพราะเคล็ดเคลื่อนย้ายมหาจักรวาลช่วยสลายพลังโจมตีอันคลุ้มคลั่งไป เมื่อครู่เขาคงถูกอสูรศักดิ์สิทธิ์ชกจนเละเป็นเนื้อบดไปแล้ว ในสถานการณ์เช่นนี้หากไม่ใช้เคล็ดวิชาเคลื่อนย้ายมหาจักรวาล แต่ใช้ยันต์ถ่ายทอดธรรมคุ้มกายแทน นั่นไม่ต่างอะไรกับการรนหาที่ตายเลย
วิชากระบี่เอกะวิถีแบ่งประทีปอันใด ยันต์ถ่ายทอดธรรมคุ้มกายอันใด เมื่อเผชิญกับเจ้าตัวที่พละกำลังแข็งแกร่งจนน่าหวาดกลัวเช่นนี้ สิ่งเหล่านั้นก็ไม่ได้ต่างอะไรกับของเล่นเด็กเลย กระทั่งสิทธิ์ในการเอาออกมาใช้ก็ไม่มี
เขาถึงขนาดรับรู้ได้จากตอนที่อสูรศักดิ์สิทธิ์ทำลายพลังจากยันต์กระบี่สวรรค์ของก่วนฟางอี๋ ว่าอสูรศักดิ์สิทธิ์ยังไม่ได้ทุ่มพลังทั้งหมดออกมาอย่างแท้จริงเลยด้วยซ้ำ เหมือนผู้ใหญ่คนหนึ่งที่ต่อสู้กับเด็กน้อยวัยสามขวบอยู่ ถึงจะไปยั่วโมโหผู้ใหญ่เข้า ผู้ใหญ่ก็เพียงแค่ตีสักทีเท่านั้น ไหนเลยจะมีเด็กสามขวบที่ทำให้ผู้ใหญ่ต้องใช้พลังทั้งหมดเพื่อโจมตีได้
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเผชิญความอับจนหนทางไร้กำลังเช่นนี้ ได้แต่โอดครวญอยู่ในใจ
แม้ชีวิตจะแขวนอยู่บนเส้นด้าย แต่เขาไม่มีทางเฝ้ารอความตายอยู่เฉยๆ ฝ่ามือข้างที่ง่ามมือฉีกขาดซัดออกไปอีกครั้ง ซัดฝ่ามือมหาจักรวาลออกไปอีกครั้ง
แต่จู่ๆ หมัดที่ชกเข้ามาก็หยุดลง ยามเคลื่อนไหวรวดเร็วดั่งสายฟ้า ยามหยุดนิ่งกลับแผ่วเบาไร้เสียง ปล่อยให้หนิวโหย่วเต้าซัดฝ่ามือเข้าใส่
ผัวะ! เสียงกระแทกดังขึ้นมา
พลังจากฝ่ามือนี้ไม่นับเป็นอันใดสำหรับอสูรศักดิ์สิทธิ์เลย อสูรศักดิ์สิทธิ์หยุดนิ่งอยู่ที่เดิมโดยไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย
ฝ่ามือที่กระทบกับหมัดของอีกฝ่ายยังไม่ได้ชักกลับมา หนึ่งหมัดหนึ่งฝ่ามือเชื่อมประสานไม่แยกจาก
หนิวโหย่วเต้ารับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายตั้งใจปล่อยให้ตนซัดฝ่ามือใส่โดยไม่ตอบโต้ เขามองนางด้วยความมึนงง นี่มันหมายความว่าอย่างไร?
เขาไม่ทราบว่าตนรู้สึกไปเองหรือไม่ แต่ลวดลายสีเงินที่ดูชั่วร้ายทั่วใบหน้าของอสูรศักดิ์สิทธิ์คล้ายจะหดเล็กลง ใบหน้าคล้ายจะมีความเป็นมนุษย์เพิ่มขึ้นมาเล็กน้อย
อสูรศักดิ์สิทธิ์มองเขาด้วยแววตาสับสน จู่ๆ ก็เอ่ยถามว่า “ข้าเป็นใคร?”โนเวลพีดีเอฟ
ในน้ำเสียงไม่ได้มีความโกรธเกรี้ยวแล้ว มีเพียงความรู้สึกสับสนเป็นอย่างมาก
เจ้าเป็นใครน่ะหรือ? ข้าพูดไปแล้วเจ้าจะเชื่อหรือไง? หนิวโหย่วเต้าสงสัย ก่อนหน้านี้คิดจะหลอกลวงอีกฝ่าย แต่ทำไม่สำเร็จ ตอนนี้กลับกลายเป็นอีกฝ่ายที่กระโจนลงหลุมพรางด้วยตัวเอง นี่หมายความว่าอย่างไรกัน?
แต่ในเมื่อมีโอกาสได้รอมชอมแล้วเขาย่อมไม่ปล่อยผ่าน เขาลองชักมือกลับเพื่อแสดงถึงเจตนาดี อีกฝ่ายก็ค่อยๆ หดกำปั้นกลับไป
หนิวโหย่วเต้าเพิ่งจะแอบโล่งใจ จากนั้นจู่ๆ ก็สะดุ้งขึ้นมาอีกครั้ง
ฟุ่บ! จู่ๆ อสูรศักดิ์สิทธิ์ก็ชกหมัดออกมาอีกครั้ง
หนิวโหย่วเต้ารีบซัดฝ่ามือมหาจักรวาลออกไปอีกครั้ง ปะทะเข้ากับหมัดของอีกฝ่ายเหมือนเดิม ยังคงปลอดภัยดี เนื่องจากอีกฝ่ายหยุดหมัดลงอีกครั้ง
จากนั้นเหตุการณ์ก็วนเวียนซ้ำไปซ้ำมา เจ้าชกมา ข้าซัดฝ่ามือไป ทั้งสองโต้กันไปโต้กันมา ดูเข้าขากันเป็นอย่างยิ่ง
ก็ไม่ถึงขั้นจะเรียกว่าเข้าขาอันใดได้ หนิวโหย่วเต้าจำเป็นต้องเล่นไปตามจังหวะของอีกฝ่ายเท่านั้น
ยิ่งทำก็ยิ่งรู้สึกแปลก ครั้งนี้มองออกอย่างชัดเจนแล้วว่าทุกครั้งที่เขาซัดฝ่ามือออกไป ลวดลายสีเงินที่เต็มไปด้วยความรู้สึกชั่วร้ายที่อยู่บนใบหน้าของอสูรศักดิ์สิทธิ์ดูเหมือนจะจางลงไป
ในที่สุดหยวนกังที่ถูกโจมตีจนสับสนมึนงงและบาดเจ็บไปทั่วร่างกายก็ค่อยๆ ได้สติกลับมา ขาทั้งสองข้างยังคงสั่นสะท้าน คล้ายไม่สามารถพยุงร่างกายตนเองต่อไปได้แล้ว ระหว่างที่ยันดาบหอบหายใจ เขาเงยหน้ามองไปยังทิศทางที่มีเสียงดึงแว่วมา ตอนไม่เห็นยังพอว่า พอได้เห็นแล้วก็พูดไม่ออก นี่มันอะไรกัน?
เขามองเห็นอสูรศักดิ์สิทธิ์กำลังต่อยใส่หนิวโหย่วเต้าหมัดแล้วหมัดเล่า ส่วนหนิวโหย่วเต้าก็ซัดฝ่ามือออกไปรับหมัดแล้วหมัดเล่า ทั้งสองยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ปะทะตอบโต้กันไม่หยุด
ภาพเหตุการณ์นี้ทำให้หยวนกังตกตะลึงเป็นอย่างมาก พลังของเต้าเหยี่ยแกร่งกล้าถึงขั้นที่สามารถปะทะกับอสูรศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้ได้เลยหรือ?
แต่พอคิดๆ ไปก็รู้สึกว่าผิดปกติ เขาเคยฝึกซ้อมกับหนิวโหย่วเต้าอยู่บ่อยครั้ง พอจะทราบตื้นลึกหนาบางของพลังหนิวโหย่วเต้าดี ไม่มีทางเทียบชั้นกับพลังของอสูรศักดิ์สิทธิ์ได้เลย จะบอกว่าต่างกันราวฟ้ากับดินก็ไม่เกินไปเลยแม้แต่นิดเดียว แล้วจะปะทะกันตัวต่อตัวเช่นนี้ได้อย่างไร?
ด้วยปัญหาด้านแนวสายตา ทำให้มองเห็นไม่ชัดเจนนัก เขาเดินออกไปก้าวหนึ่ง อยากจะเข้าไปดูให้ชัดๆ หน่อยว่าระหว่างเต้าเหยี่ยและอสูรศักดิ์สิทธิ์ตนนั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่แข้งขากลับอ่อนยวบจนแทบจะทรุดลงไปแล้ว นี่เป็นเพราะใช้ดาบค้ำยันร่างเอาไว้ถึงได้ไม่ล้มลงไป
ความเจ็บปวดรุนแรงระลอกหนึ่งแล่นเข้ามา รู้สึกราวกับทุกตำแหน่งในร่างกายล้วนถูกฉีกทึ้ง จะขยับสักนิดก็ยังยาก พลังจากการโจมตีนั้นรุนแรงเกินไป
เขารู้สึกว่าตัวเองโชคดีมาก เป็นเหมือนที่เต้าเหยี่ยนเคยกล่าวไว้ อสูรศักดิ์สิทธิ์ดูเหมือนจะค่อนข้างสับสนเลอะเลือนจริงๆ ยามลงมือไม่ได้ไตร่ตรองอันใดเลย คล้ายสุ่มโจมตีไปเรื่อย เหมือนอาศัยสัญชาตญาณในการตอบโต้ เพียงใช้ปีกฟาดใส่เขาเบาๆ เท่านั้น หากว่าชกหมัดโจมตีอย่างรุนแรงจริง ด้วยความระดับความแข็งแกร่งของร่างกายตนเองในเวลานี้เกรงว่าคงสิ้นใจตายทันที
เขาเงยหน้ามองทั้งสองคนที่ปะทะกันอยู่อีกครั้ง ไม่ว่าเต้าเหยี่ยจะสู้กับอสูรศักดิ์สิทธิ์ตัวต่อตัวด้วยเหตุใด แต่ตอนนี้เขาค่อนข้างนึกเสียใจกับความมุทะลุของตนเสียแล้ว ที่แท้เต้าเหยี่ยมีวิธีรับมืออยู่จริงๆ การกระทำอันมุทะลุของตนไม่ได้ทำร้ายเพียงตนเท่านั้น แต่ยังทำให้คนอื่นเดือดร้อนไปด้วย
เขาหันหลังมองออกไป ไม่ทราบเช่นกันว่าก่วนฟางอี๋เป็นอย่างไรบ้าง หยวนฟางหนีหายไปอย่างไร้ร่องรอยแล้วดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ
ทั้งร่างปวดร้าวเหมือนจะแยกเป็นเสี่ยงๆ แข้งขาอ่อนแรง เขาหมดหนทางจะไปหาแล้ว ยิ่งไม่สามารถให้ความช่วยเหลือหนิวโหย่วเต้าได้
ร่างกายค้ำดาบที่ตั้งยันพื้นไว้ เขาค่อยๆ ปรับจังหวะการหายใจ ก้อนปูดครึ่งวงกลมค่อยๆ ขยับเคลื่อนตัวอยู่ตรงหน้าท้อง ไอหมอกสีแดงวนเวียนอยู่ระหว่างปากและจมูก หายใจดังฟืดฟาดปานเครื่องสูบลม
ทั้งสองคนที่สู้กันยังคงสู้กันอยู่ ทั้งสองตอบโต้กันไปมา เจ้าต่อยใส่ข้า ข้าซัดฝ่ามือใส่เจ้า รู้จังหวะเข้าขากันดี
สู้กันไปสู้กันมา หนิวโหย่วเต้าสังเกตเห็นว่าบนแก้มของอสูรศักดิ์สิทธิ์มีประกายน้ำตา หยดน้ำตาไหลลงมาตามพวงแก้ม
อสูรศักดิ์สิทธิ์ยกมืออีกข้างขึ้นมา ใช้ปลายเล็บแหลมคมปาดน้ำตาหยดหนึ่งออกเบาๆ ภายใต้แสงสีเงินที่ส่องกระทบ หยดน้ำตาดูราวผลึกแวววาว
สายตานางหันเหจากหยดน้ำตาบนปลายนิ้วไปที่หนิวโหย่วเต้า ถามงึมงำว่า “เหตุใดข้าถึงหลั่งน้ำตา เหตุใดในใจข้าถึงเศร้าหมอง?”
หนิวโหย่วเต้าจะไปรู้ได้อย่างไร เขาก็อยากจะถามนางเช่นกันว่าตอนนี้พวกเราสองคนทำอะไรกันอยู่?
อีกฝ่ายตั้งใจชกหมัดออกมาซ้ำๆ เขาก็ได้แต่ซัดฝ่ามือตอบโต้ไปอย่างระมัดระวังเสมือนปรนนิบัติท่านปู่อยู่ เจ้าทำแล้วมีความสุขก็พอ
เพียงแต่ว่า หนิวโหย่วเต้าอยากจะถามอีกฝ่ายจริงๆ ว่าเจ้าเล่นพอหรือยัง? หากยังเล่นกันต่อไปเช่นนี้ ข้าจะไม่เหลือพลังปราณให้ผลาญต่อแล้ว! พอถึงเวลานั้นหากไม่ถูกต่อยตายก็คงเหนื่อยตายอยู่ที่แทบเท้าเจ้า ข้าต้องตายแบบนั้นจริงๆ เหรอ?
ครืน! หนิวโหย่วเต้าซัดฝ่ามือไปกระทบหมัดนางอีกครั้ง เกิดสายลมโหมกระโชกพัดหยดน้ำตาบนปลายนิ้วให้ปลิดปลิวไป
หนิวโหย่วกดฝ่ามือลงไปบนหมัดอย่างอ่อนโยน ห้านิ้วโอบกำปั้นนางไว้ ทดลองกุมกำปั้นอีกฝ่ายดู
อสูรศักดิ์สิทธิ์ที่กระตุกหมัดเล็กน้อยผงะไป รับรู้ได้แล้วว่าอีกฝ่ายไม่ได้มีเจตนาร้าย จึงชะงักแขนค้างไว้ ไมได้ชักหมัดกลับมา ปล่อยให้อีกฝ่ายกุมไว้ สายตาจับจ้องอีกฝ่าย
พอเห็นว่าสภาพอารมณ์ของอีกฝ่ายยังนับว่าสงบมั่นคงดี หนิวโหย่วเต้าจึงถ่ายเทพลังปราณผ่านเข้าสู่กำปั้นของอีกฝ่าย ตรวจสอบสภาพภายในร่างกายของอีกฝ่าย
หากไม่ตรวจก็ไม่ทราบ แต่พอตรวจก็ค่อนข้างประหลาดใจ
ปีศาจตนนี้ดูเหมือนจะค่อนข้างแตกต่างจากปีศาจในโลกภายนอก อย่างน้อยก็ต่างกับสภาพของหยวนฟางที่เขาเคยตรวจสอบมา ปราณปีศาจของหยวนฟางสามารถควบคุมได้เองตามธรรมชาติ แต่ปราณปีศาจภายในร่างของอสูรศักดิ์สิทธิ์ดูเหมือนจะเปี่ยมล้นไปด้วยปราณปีศาจจำนวนมหาศาลที่ตัวนางไม่สามารถควบคุมได้
ปราณปีศาจชนิดนี้คล้ายแตกต่างจากปราณปีศาจธรรมดาทั่วไป
หนิวโหย่วเต้าสามารถรับรู้ได้ ภายในกายเนื้อของอสูรศักดิ์สิทธิ์นั้นมีปราณปีศาจแบบปกติกักเก็บเอาไว้อยู่ ส่วนปราณปีศาจที่ผิดปกติเหล่านั้นคล้ายว่าแปรสภาพมาจากปราณปีศาจธรรมดาเหล่านั้นไม่หยุด
ปราณปีศาจธรรมดาเก็บอยู่ในกายเนื้อ ส่วนปราณปีศาจที่แปรสภาพออกมากลับไหลเวียนอยู่ในเส้นลมปราณและทะเลปราณของอสูรศักดิ์สิทธิ์ที่มีโครงสร้างต่างไปจากมนุษย์
สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจที่สุดคือ พลังฝ่ามือมหาจักรวาลของตนที่เข้าสู่ร่างกายของอีกฝ่ายกำลังสลายปราณปีศาจที่ไม่อาจควบคุมได้ที่อยู่ภายในร่างของนางไป พลังปราณร้อนเย็นสองสาย ภายใต้การสอดประสานกันของพลังแห่งหยินหยาง คล้ายว่าสามารถขจัดปราณปีศาจประหลาดนั้นได้
ถูกต้อง หนิวโหย่วเต้ามั่นใจแล้ว พลังฝ่ามือมหาจักรวาลของเขากำลังขจัดปราณปีศาจประหลาดจริงๆ
ปราณปีศาจประหลาดก็พยายามต่อต้านพลังฝ่ามือมหาจักรวาลของเขา แต่ไม่นานก็ถูกพลังฝ่ามือมหาจักรวาลสลายทิ้งไปจนหมด
เขามองอสูรศักดิ์สิทธิ์ อสูรศักดิ์สิทธิ์ก็มองเขาอยู่เช่นกัน เวลานี้ทั้งสองฝ่ายสบตากันเล็กน้อย คล้ายจะรับรู้ได้ถึงการกวาดล้างของพลังฝ่ามือมหาจักรวาล
ในที่สุดหนิวโหย่วเต้าก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดอีกฝ่ายถึงต่อยไปต่อยมากับเขาเช่นนี้ไม่หยุด ดูเหมือนนางจะต้องการใช้พลังฝ่ามือของเขาขจัดปราณปีศาจประหลาดภายในร่าง เพียงแต่อีกฝ่ายเหมือนจะไม่รู้ว่าควรจะสื่อสารอย่างไร
หลังจากมีข้อสันนิษฐานอยู่ในใจเล็กน้อยแล้ว หนิวโหย่วเต้าก็โคจรเคล็ดวิชามหาจักรวาล ขับเคลื่อนพลังหยินหยางถ่านเทเข้าสู่ร่างของอีกฝ่าย เข้ากำจัดปราณปีศาจที่ไม่อาจควบคุมได้เหล่านั้น
แววตาอสูรศักดิ์สิทธิ์วูบไหวเล็กน้อย ไม่ต่อต้านขัดขืน
หนิวโหย่วเต้าเองก็วางใจแล้ว เริ่มควบคุมพลังปราณเข้าสลายปราณปีศาจภายในร่างนางอย่างเต็มที่
พอเป็นเช่นนี้ ความเร็วในการขจัดปราณปีศาจประหลาดย่อมเหนือกว่าพลังฝ่ามือที่ส่งผ่านเพียงชั่วระยะสั้นๆ สามารถสลายปราณปีศาจได้อย่างรวดเร็ว
ไม่นานนัก ดวงตาหนิวโหย่วเต้าฉายแววประหลาดใจ พบว่าเส้นผมสีเงินที่ดูเหมือนปรอทบนศีรษะของอสูรศักดิ์สิทธิ์ค่อยๆ คล้ำลง ใบหูเรียวแหลมที่โผล่ออกมาจากจอนผมสองข้างก็เริ่มหดลงไปอย่างช้าๆ ลวดลายสีเงินชั่วร้ายบนใบหน้าเริ่มเลือนหายไป
เมื่อปราณปีศาจประหลาดสลายไป ไม่ใช่เพียงลวดลายสีเงินบนหน้าอสูรศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นที่เลือนหายไปอย่างสมบูรณ์ แต่เล็บมือและเล็บเท้าที่แหลมคมล้วนค่อยๆ หดสั้นลงด้วย
จากนั้น กระดูกแข็งบนหน้าผากและสันจมูกก็หดกลับเข้าไป เกราะเงินที่หุ้มอยู่นอกร่างกายก็หดตัวเข้าไปด้วย
เส้นผมแปรเปลี่ยนเป็นสีดำแล้ว เรือนผมยาวสลวยดำขลับ…
หยวนกังที่อาศัยดาบค้ำร่างไว้ไม่รู้ว่ายืนตัวตรงขึ้นมาตอนไหน ก้อนนูนครึ่งวงกลมตรงหน้าท้องค่อยๆ ยุบหายไป ไอหมอกที่ไหลวนระหว่างปากกับจมูกถูกเข้าสูดกลับเข้าไปในลมหายใจเดียว
หยวนกังพลันลืมตาขึ้นมา สองเนตรเรืองรองสดใสขึ้นมาอีกครั้ง เขาขยับร่างกายเล็กน้อย กล้ามเนื้อเส้นเอ็นทั่วร่างลั่นดังเปรี๊ยะๆ
พอเห็นว่าหนิวโหย่วเต้าดูคล้ายจะยื้ออสูรศักดิ์สิทธิ์เอาไว้ได้แล้ว หยวนกังพลันเหวี่ยงแขนยกดาบขึ้นมา ร่างแกร่งกำยำยกดาบพาดในแนวขวาง สาวเท้าวิ่งพุ่งเข้าไปหาราวเสือดาว ต้องการจะเข้าไปเป็นกำลังเสริมให้หนิวโหย่วเต้า
แววตาของหนิวโหย่วเต้าวูบไหว โคจรลมปราณฝืนยกแขนข้างที่ไหล่หลุดขึ้นมา ยกมือปรามหยวนกังที่วิ่งพุ่งเข้ามาอย่างเร่งร้อน สื่อว่าให้หยวนกังหยุดนิ่ง อย่าได้วุ่นวาย
ราชินีปีศาจตนนี้น่ากลัวถึงเพียงนี้ ไม่ง่ายเลยว่าจะปลอบให้สงบลงได้ หากยั่วโมโหอีกฝ่ายขึ้นมาอีก ต่อให้เจ้าลิงจะพุ่งเข้ามาทุ่มกำลังสละชีวิต พวกเขาสองคนร่วมมือกันก็ไม่มีทางสู้พลังแขนข้างเดียวของอีกฝ่ายได้! หนิวโหย่วเต้าตำหนิหยวนกังอยู่ในใจไม่หยุด
หยวนกังสังเกตเห็นแล้ว จากที่พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วก็ชะลอความเร็วลง
หนิวโหย่วเต้าโล่งอก ค่อยๆ ลดแขนข้างที่ไหล่หลุดลง ตั้งใจสลายปราณปีศาจประหลาดให้อสูรศักดิ์สิทธิ์ต่อไป
แต่ยังคงอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองหยวนกังเป็นครั้งคราว ในใจไร้คำพูดอย่างยิ่ง ร่างกายของเจ้าลิงออกจะวิปริตเกินไปแล้ว ถูกอสูรศักดิ์สิทธิ์โจมตีแล้วยังลุกขึ้นมาได้ก็นับว่าน่าเหลือเชื่อมากแล้ว เมื่อครู่ยังค้ำดาบพยุงร่างในสภาพร่อแร่อยู่เลย เพียงพริบตาเดียวก็กลับมากระโดดโลดเต้นได้อีกครั้ง เหมือนคนไม่เคยเป็นอะไรมาก่อน ไยจึงวิปริตได้ถึงเพียงนี้
เขาค้นพบความรู้สึกโมโหเวลาที่เปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นแล้ว
นี่มันอะไรกัน? เมื่อหยวนกังวิ่งเข้ามาใกล้ก็สับสนประหลาดใจ สังเกตเห็นความผิดปกติแล้วเช่นเดียวกัน พบว่าเส้นผมสีเงินทั่วศีรษะของอสูรศักดิ์สิทธิ์กลายเป็นสีดำขลับ เรือนร่างก็อ่อนช้อยบอบบางขึ้นเรื่อยๆ
……………………………………………………………..