ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า - ตอนที่ 509 ตายอย่างมีเกียรติ
ตอนที่ 509 ตายอย่างมีเกียรติ
เฉินถิงซิ่วผงะไปเล็กน้อย คิดๆ ไปก็คิดว่าจริงดั่งว่า ด้วยอิทธิพลของเหวินซินจ้าวแล้ว นางจะไม่สามารถสังหารหงเหนียงได้อย่างไร ดูเหมือนการที่จู่ๆ ตนก็ไปพูดถึงเรื่องนั้นมันออกจะวู่วามไปหน่อย ที่แท้การที่ขับไล่ตนออกมาก็เป็นการแสดงให้ตู้อวิ๋นซางดูนี่เอง
เขารีบชี้แจงว่า “เป็นผู้น้อยที่ประมาทไป ตอนนั้นไม่รู้จะทำอย่างไรจริงๆ ผู้น้อยไหนเลยจะนัดหมายฮูหยินให้ออกมาพบกันได้ จึงทำได้เพียงไปหาถึงที่”
ชายชราหน้าตายเอ่ยว่า “หยุดพูดเหลวไหล จะไปหรือไม่ไป”
เฉินถิงซิ่วรีบยิ้มแล้วเอ่ยว่า “คำเชิญของฮูหยิน มีหรือจะกล้าขัดขืน ผู้น้อยย่อมต้องไปตามนัด”
“พวกเราไม่สะดวกจะไปพร้อมกัน เจ้าไปเองแล้วกัน” ชายชราหน้าตายเอ่ยทิ้งท้ายไว้แล้วจากไป เฉินถิงซิ่วเร่งเดินตามไป คิดจะออกไปส่ง ใครจะทราบว่าคนเขากลับเอ่ยกลับมาประโยคหนึ่ง “ไม่ต้องไปส่ง จะเป็นจุดสนใจได้ง่าย”
เฉินถิงซิ่วได้แต่หยุดเท้า ประสานมือมองส่งอีกฝ่ายก้าวออกจากประตูไป
พอนึกย้อนดู จิตใจก็เบิกบานขึ้นมา เสมือนค้นพบทางสว่างในหนทางที่เหมือนแปดด้าน ยิ้มหน้าบานขึ้นมา มีความสุขอยู่ในใจ
หากเหวินซินจ้าวออกโรงจัดการหนิวโหย่วเต้า หนิวโหย่วเต้าจะรอดไปได้อย่างไร ส่วนหงเหนียง ขอเพียงหนิวโหย่วเต้าตายไป สำนักหยกสวรรค์จัดการหงเหนียงให้เหวินซินจ้าวก็นับว่าเป็นการตอบแทนกันมิใช่หรือ?
ฝั่งหนึ่งไม่สะดวกจัดการหนิวโหย่วเต้าด้วยตัวเอง อีกฝั่งหนึ่งไม่สะดวกจัดการหงเหนียงเอง นับว่าเหมาะสมกันพอดี เฉินถิงซิ่วนึกชื่นชมในกลยุทธ์ของตน ส่ายหน้าเล็กน้อย เอ่ยกับตัวเองอย่างติดตลกว่า “หนิวโหย่วเต้าหนอหนิวโหย่วเต้า เกรงว่าต่อให้เจ้าหลับฝันก็คงคิดไม่ถึงกระมังว่าตนจะตายเพราะพิษความหึงหวงที่สตรีมีต่อบุรุษ? รับลูกน้องเช่นใดไม่รับ ดันรับสตรีสำส่อนมา รสนิยมเช่นนี้ทำให้คนดูแคลนโดยแท้ หงเหนียงแห่งเมืองหลวงแคว้นฉี ฮ่าๆ ชื่อเสียงสมคำร่ำลือนัก!”
เมื่อเห็นเขาดีอกดีใจ เหล่าศิษย์ก็เข้ามาหา เขาสั่งการทันที “ตามข้ามาสองคน ที่เหลือรออยู่ที่นี่”
จากนั้น คนสามคนก็ก้าวออกจากประตูไป มุ่งหน้าไปยังประตูสำนักหมื่นสรรพสัตว์
พอพ้นประตูสำนักออกไป เฉินถิงซิ่วก็อดไม่ได้ที่จะผงะไปเล็กน้อย เขาเห็นเหวินซินจ้าวยืนสง่าอยู่บนยอดไม้ที่อยู่ไม่ไกล ชายกระโปรงแผ่พลิ้ว คล้ายกำลังคอยเขาอยู่
กลัวจะถูกคนพบเห็นมิใช่หรือ? เหตุใดถึงมาคอยอยู่ที่นี่ล่ะ?
แม้จะมีข้อสงสัย ทว่าเขาไม่กล้าโอ้เอ้ รีบทะยานเข้าไปหาทันที ยืนอยู่ใต้ต้นไม้พลางฉีกยิ้มหน้าบาน ประสานมือเงยหน้ามองด้านบน “ฮูหยินตู้!”
เหวินซินจ้าวยืนอยู่บนที่สูง หลุบตามองลงมา
ในป่าด้านล่างต้นไม้ ชายชราหน้าตายเดินเนิบๆ เข้ามา เดินมาหยุดอยู่ตรงเบื้องหน้าเฉินถิงซิ่ว
เฉินถิงซิ่วประสานคำนับอีกครั้ง “ยังไม่ทราบนามของท่าน…” วาจาขาดห้วงไปในทันใด
ประกายแสงเยียบเย็นพุ่งออกมาจากแขนเสื้อของชายชราหน้าตาย ทะลุผ่านหัวใจของเฉินถิงซิ่วออกไปทางด้านหลัง โลหิตสดๆ สาดกระเซ็น
“เจ้า…” เฉินถิงซิ่วเบิกตากว้าง ค่อยๆ ก้มหน้ามองทรวงอกตน
มีดสั้นเล่มหนึ่งพุ่งขึ้นสู่อากาศแล้ววาดโค้งพุ่งวนกลับลงมา เกิดเป็นลำแสงสายหนึ่งวาดอยู่กลางอากาศ จากนั้นก็มีโลหิตทะลักออกมาจากลำคอของเฉินถิงซิ่วอีกครั้ง ทำให้เฉินถิงซิ่วหงายหลังล้มลงบนพื้น นอนชักกระตุกอยู่บนพื้น เบิกตามองชายชราหน้าตายที่อยู่เบื้องหน้า จากนั้นตวัดสายตามองเหวินซินจ้าวที่ทอดมองลงมาจากยอดไม้อย่างยากลำบาก
ไม่เข้าใจเลย เขาไม่เข้าใจเลยจริงๆ เหตุใดถึงสังหารเขาเล่า? ซ้ำยังลงมือสังหารเขาหน้าประตูทางเข้าสำนักหมื่นสรรพสัตว์อีก!
ประกายแสงเยียบเย็นพุ่งวาบเข้ามา ชายชราหน้าตายวาดแขนเสื้อคราหนึ่ง มีดบินกลับเข้าสู่แขนเสื้อ เอาชีวิตคนผู้หนึ่งอย่างง่ายดาย เฉินถิงซิ่วไม่มีเวลาให้ได้ตั้งตัวเลย
“อาจารย์!” สองศิษย์ที่ติดตามมาตกใจตัวแข็งทื่อไปเล็กน้อยถึงจะได้สติหวีดร้องออกมา เบิกตามองเฉินถิงซิ่วที่ล้มอยู่บนพื้น ภายใต้สายตาที่จ้องมองมาชายชราหน้าตาย พวกเขาไม่กล้าเข้าไปใกล้
เหวินซินจ้าวที่อยู่บนยอดไม้ก้มลงมองเล็กน้อย หากมิใช่เพราะต้องมีคำอธิบายสักอย่างให้แก่ศิษย์พี่ แค่จัดการคนเช่นนี้ไม่จำเป็นต้องให้นางปรากฏตัวเลย
นางลงมือหน้าประตูสำนักหมื่นสรรพสัตว์แล้วจะทำไม คิดว่านางจะล่อเฉินถิงซิ่วออกไปไกลๆ อย่างนั้นหรือ? นางคร้านจะเสียเวลากับเฉินถิงซิ่วแล้ว ไม่ลงมือภายในสำนักหมื่นสรรพสัตว์ก็นับว่าไว้หน้าสำนักหมื่นสรรพสัตว์แล้ว ส่วนสำนักหยกสวรรค์อันใด ในมุมมองของนางแล้วจะนับเป็นตัวอันใดกัน? ก็แค่สังหารผู้อาวุโสคนหนึ่งในสำนักหยกสวรรค์เท่านั้น แล้วอย่างไรเล่า? สำนักหยกสวรรค์จะกล้ามาทวงถามเอาความกับสำนักชะตาสวรรค์หรือ?
นางทะยานกายพุ่งออกไป ร่อนลงนอกประตูทางเข้าสำนักหมื่นสรรพสัตว์ ค่อยๆ เดินนวยนาดเข้าไปด้านใน ไม่หลบเร้นแม้แต่น้อย สีหน้าเรียบเฉยไร้อารมณ์
ศิษย์สำนักหมื่นสรรพสัตว์ที่เฝ้าประตูอยู่ตกใจไปกับภาพเหตุการณ์นี้เช่นกัน ศิษย์สองคนที่เฝ้าอยู่สองฝั่งซ้ายขวาของประตูค่อยๆ หันมองพร้อมกัน เฝ้ามองเหวินซินจ้าวเดินเข้าไปด้านใน อ้าปากค้างพูดไม่ออก
เมื่อชายชราหน้าตายแน่ใจว่าเฉินถิงซิ่วตายแล้วก็ทะยานตามมา ติดตามเหวินซินจ้าวไป
“อาจารย์!” ศิษย์สำนักหยกสวรรค์ทั้งสองคุกเข่าลงข้างร่างของเฉินถิงซิ่ว โอบกอดศพพลางร้องไห้โหยหวน
เรื่องนี้จะบอกว่าใหญ่ก็ไม่ใหญ่ จะบอกว่าเล็กก็ไม่เล็ก อย่างน้อยก็เป็นเหตุการณ์อึกทึกครึกโครมไม่น้อยเลย
เห็นได้ชัดว่าเหวินซินจ้าวตั้งใจเปิดเผย เมื่อกลับไปถึงเรือนที่พำนักอยู่ มองเห็นตู้อวิ๋นซางนั่งสมาธิอยู่บนตั่งภายในศาลา
ตู้อวิ๋นซางทราบดีว่าผู้ใดมาจึงไม่ได้ลืมตาขึ้น
เหวินซินจ้าวมองเขาอยู่เงียบๆ พักหนึ่ง เอ่ยเสียงเบาว่า “คนสำนักหยกสวรรค์ผู้นั้นถูกสังหารนอกประตูสำนักหมื่นสรรพสัตว์แล้ว แต่มีคนเห็นเหตุการณ์เข้า อาจจะเกิดปัญหาวุ่นวายขึ้นเล็กน้อย”
ตู้อวิ๋นซางยังคงไม่ลืมตาขึ้นมา เอ่ยเนิบๆ ว่า “ปัญหาของเจ้าก็คือปัญหาของข้า เจ้ามีปัญหาข้าย่อมช่วยแบกรับ ไปพักผ่อนเถอะ”
มุมปากเหวินซินจ้าวยกขึ้นเป็นรอยยิ้มน้อยๆ ตั้งแต่เล็กจนโตนางชอบให้ศิษย์พี่พูดจาทำนองนี้กับนางนัก นางตอบ “อืม” คำหนึ่ง เดินออกไปอย่างสงบเฉยเมยเช่นนี้
….
“เจ้าว่าอะไรนะ?”
ภายในตำหนักหลัก ซีไห่ถังที่กำลังรับแขกอยู่ลุกพรวดขึ้นมา รู้สึกไม่อยากจะเชื่อ
แขกผู้มีเกียรติที่นั่งอยู่สองฝั่งซ้ายขวาก็ลุกขึ้นยืนด้วยสีหน้าตกตะลึง มองหน้ากันเหลอหลา
ผู้ที่มารายงานคือเฉาจิ้ง เขาเอ่ยอย่างยิ้มไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก “เจ้าสำนัก ไม่ผิดพลาดแน่ขอรับ ศิษย์ที่เฝ้านอกประตูสำนักเห็นมากับตา ตอนนี้ศิษย์สำนักหยกสวรรค์แบกศพร้องขอความเป็นธรรมอยู่ด้านนอกแล้ว ต้องการให้สำนักหมื่นสรรพสัตว์เรามอบคำอธิบายให้”
สีหน้าซีไห่ถังมืดมนลง เอ่ยเสียงเครียด “หญิงบ้านางนั้นเล่นอะไรอยู่?”
ก่อนหน้านี้ก็ไปตบคน ทางนี้เห็นแก่หน้าสำนักชะตาสวรรค์จึงช่วยไกล่เกลี่ยให้ ตอนนี้กลับมาสังหารแขกสำนักหมื่นสรรพสัตว์อย่างเปิดเผยอีก แล้วจะให้สำนักหมื่นสรรพสัตว์อธิบายต่อแขกอย่างไร?
ต่อให้สำนักหยกสวรรค์จะไม่มีหน้ามีตาเพียงใด เจ้าก็ไม่ควรมาลงมือหน้าบ้านข้ากระมัง? หากข่าวแพร่ออกไปจะทำอย่างไร?
เขาเกือบหลุดพูดออกไปแล้วว่าหากเจ้าจะฆ่าก็พาไปไกลๆ หน่อยไม่ได้หรือ มาทำตรงหน้าประตูสำนักหมื่นสรรพสัตว์แบบนี้ กินยาผิดมาหรือไร?
เฉาจิ้งถอนหายใจดังเฮ้อ เขาจะทราบได้อย่างไรว่าหญิงบ้านางนั้นเล่นอะไรอยู่
“ทุกท่าน ขออภัยด้วย มีธุระต้องจัดการเล็กน้อย” ซีไห่ถังประสานมือกล่าวกับแขกที่อยู่ในห้อง
ทุกคนประสานมือรับอย่างพร้อมเพรียง บ้างก็กล่าวว่าเข้าใจ บ้างก็บอกว่าเชิญตามสบาย
ซีไห่ถังเดินสาวเท้าออกไป พาผู้ติดตามออกไป ส่วนที่เหลือก็อยู่ส่งแขก
เมื่อสาวเท้าเดินออกไปถึงขอบของลานด้านนอกตำหนักหลัก พอมองลงไปด้านล่างบันไดก็เห็นว่าบนลานแห่งหนึ่งที่อยู่เหนือบันไดบนไหล่เขา ศิษย์สำนักหยกสวรรค์คาดแถบแพรขาวไว้บนศีรษะยืนเรียงกันสองแถว ระหว่างสองแถวมีศพที่ถูกห่อด้วยแพรขาวตั้งอยู่ เห็นได้ชัดว่าเป็นผู้อาวุโสสำนักหยกสวรรค์คนนั้น
ซีไห่ถังปวดหัวขึ้นมาเล็กน้อย ไม่สามารถแตกหักกับสำนักชะตาสวรรค์เพื่อสำนักหยกสวรรค์เพียงแห่งเดียวได้ แต่ถึงอย่างไรผู้ตายคนนี้ก็เป็นแขกของสำนักหมื่นสรรพสัตว์ ทั้งยังถูกสังหารหน้าประตูสำนักหมื่นสรรพสัตว์ ซ้ำฆาตกรที่ลงมือสังหารก็ยังอยู่ในบ้านเจ้า เจ้าก็จำเป็นต้องมีอธิบายที่เหมาะสมให้ มิเช่นนั้นหากข่าวแพร่ออกไป คนทั่วหล้าจะว่ากันอย่างไร?
คำพูดคนน่าพรั่นพรึง อันสิ่งที่เรียกว่าสำนักมีชื่อถือคุณธรรม ไม่อาจเสื่อมเสียชื่อเสียงได้
มนุษย์บนโลกนี้ จะคนธรรมดาหรือว่าผู้บำเพ็ญเพียร ทุกคนที่อ้างตัวว่าสัตย์ซื่อถือคุณธรรม ไหนเลยจะปล่อยให้ชื่อเสียงเสียหายได้
แน่นอนว่าคนไร้ยางอายก็มีอยู่ไม่น้อย แต่สำนักหมื่นสรรพสัตว์ไหนเลยจะทำตัวเป็นคนไร้ยางอายให้เสียชื่อได้?
ผู้อาวุโสเฉินคนนี้ ตนวางแผนไว้ว่าจะเมินไปก่อนแล้วค่อยเรียกพบ ผลสุดท้ายคนเป็นๆ กลายเป็นศพเย็นชืดไประหว่างที่รอพบตนอยู่ ถูกทอดทิ้งไปจริงๆ
สถานการณ์ในตอนนี้ทำให้ซีไห่ถังพูดไม่ออกเลยจริงๆ หากรู้แต่แรกคงพบหน้าไปนานแล้ว หากอีกฝ่ายจากไปแล้วอาจจะไม่เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นก็ได้
ช่างเถอะ! ซีไห่ถังยังไม่ลงไปพบศิษย์สำนักหยกสวรรค์ที่อยู่ด้านล่างเหล่านั้นในเวลานี้ หากแต่มุ่งหน้าไปขอคำอธิบายจากคนของสำนักชะตาสวรรค์
เขามาถึงเรือนรับรองของสำนักชะตาสวรรค์อย่างรวดเร็ว ผ่านเข้าไปได้โดยไม่ถูกขัดขวาง ระหว่างที่ผ่านหมู่ศาลาพลับพลาก็มองเห็นตู้อวิ๋นซางยืนยกมือไพล่หลังคอยท่าอยู่แล้ว
“ตู้อวิ๋นซาง ฮูหยินเจ้าก่อเรื่องามหน้านัก” ซีไห่ถังยังเดินไปไม่ถึงก็ตะโกนถามเอาความมาแต่ไกลแล้ว มีผู้ติดตามกลุ่มหนึ่งตามหลังมาด้วย
ตู้อวิ๋นซางหันมา กระทั่งซีไห่ถังที่หน้าดำคร่ำเครียดเดินมาถึงตรงหน้าแล้วก็เอ่ยอย่างไม่เร่งร้อนว่า “เป็นเรื่องใดกันถึงทำให้ซีไห่ซยงโมโหเช่นนี้ได้?”
ซีไห่ถังเอ่ยว่า “เจ้ากำลังแสร้งเลอะเลือนกับข้าอยู่กระมัง? .ศิษย์สำนักข้าเห็นฮูหยินเจ้าพาคนไปสังหารแขกสำนักหมื่นสรรพสัตว์นอกประตูสำนักมากับตา เจ้าไม่ได้เตรียมคำอธิบายไว้ให้ข้าเลยอย่างนั้นหรือ?”
ตู้อวิ๋นซางร้องโอ้ เอ่ยอย่างไม่ยี่หระ “ก็แค่คนไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำคนหนึ่ง ฆ่าแล้วก็แล้วไปสิ มีอะไรน่าตกอกตกใจกัน”
“นี่คือแขกของสำนักหมื่นสรรพสัตว์เรา สำนักชะตาสวรรค์คิดจะทำอะไรกันแน่? ไม่อย่างนั้นวันหลังให้ศิษย์สำนักหมื่นสรรพสัตว์ลองไปสังหารคนสักสองสามคนที่สำนักชะตาสวรรค์บ้างดีหรือไม่?”
“ก่อนอื่นเจ้าควรสืบเรื่องราวให้ชัดเจนก่อนว่าเป็นมาอย่างไร”
“สืบให้ชัดเจนหรือ ได้ เจ้าอธิบายต่อข้ามาให้ชัดเจนจะดีที่สุด อีกฝ่ายเขาแบกศพมาทวงถามคำอธิบายกับข้าแล้ว!”
“เขาสมควรตาย กล้าวิ่งมาถึงที่นี่ นำเรื่องหงเหนียงแห่งเมืองหลวงแคว้นฉีมาสร้างความอัปยศให้ข้า เจ้าว่าเขาสมควรถูกสังหารหรือเปล่า? หากไม่เห็นแก่หน้าสำนักหมื่นสรรพสัตว์ ข้าคงลงมือในสำนักหมื่นสรรพสัตว์ไปแล้ว ซีไห่ซยง สำนักหมื่นสรรพสัตว์ของเจ้าใช้ไม่ได้เลยจริงๆ คนแบบไหนก็ล้วนเชิญมาเป็นแขก ตอนนี้ข้าชักจะสงสัยแล้วสิว่าสำนักหมื่นสรรพสัตว์จงใจจัดฉากสร้างปัญหาให้ข้าอยู่หรือเปล่า”
“อย่าได้เอ่ยเหลวไหลไป…เขานำเรื่องของหงเหนียงมาสร้างความอัปยศให้เจ้าที่นี่จริงหรือ?”
“ข้าไม่ได้ว่างมาเถียงเรื่องนี้กับเจ้า เจ้าไปสอบถามคนของสำนักหยกสวรรค์เอาเองเถอะ”
ทางนี้เพิ่งตะเพิดพวกซีไห่ถังไปก็มีคนมาหาถึงที่ต่อ คราวนี้เรียกได้ว่ามากันอย่างดุดันกันเลยทีเดียว
ผู้นำสามสำนักอย่างวังเหินเวหา วิมานม่วงทองและหุบเขากระบี่วิญญาณพาผู้ติดตามมาพร้อมกัน มาขอคำอธิบายจากตู้อวิ๋นซาง
รากฐานพื้นเพของเฉินถิงซิ่งคือผู้บำเพ็ญเพียรแคว้นเยี่ยน ถึงแม้จะมิใช่คนของสามสำนักหลัก แต่หากว่ากันในแง่มุมหนึ่งก็นับว่าอยู่ในการปกครองของสามสำนักหลัก หากตายที่อื่นก็ว่าไปอย่าง เรื่องบุญคุณความแค้นว่ากันไม่กระจ่าง แต่ประเด็นคือสามสำนักล้วนอยู่ที่นี่ด้วย เฉินถิงซิ่วถูกคนสังหารใต้จมูกของพวกเขา นี่มันเรื่องอะไรกันแน่ นี่ต้องการจะหยามหน้าพวกเขาอย่างนั้นหรือ?
คนของตนถูกสังหารซึ่งหน้า จะไม่เอ่ยปากเลยก็คงไม่เข้าท่า ต่อให้ไม่อยากจะล่วงเกินสำนักชะตาสวรรค์ก็ต้องมาขอคำอธิบายอย่างเปิดเผย มิเช่นนั้นคงไม่สามารถอธิบายกับผู้บำเพ็ญเพียรที่ทำงานรับใช้อยู่ในแคว้นเยี่ยนได้
การตายของเฉินถิงซิ่วก็นับว่าตายอย่างมีเกียรติเช่นกัน น้อยครั้งนักที่ความตายของผู้บำเพ็ญเพียรในแคว้นเยี่ยนจะสะเทือนไปถึงผู้นำสามสำนักใหญ่ได้ นับตั้งแต่สำนักหยกสวรรค์ก่อตั้งมาก็ยังไม่เคยได้รับการปฏิบัติเช่นนี้มาก่อน
แต่ตู้อวิ๋นซางก็ใช้เหตุผลเดียวกันสกัดผู้นำของสามสำนักไว้จนพูดไม่ออก ถ่อมาหาถึงที่ นำเรื่องหงเหนียงแห่งเมืองหลวงแคว้นฉีมาสร้างความอัปยศให้เจ้าสำนักชะตาสวรรค์ เช่นนี้มิใช่รนหาที่ตายหรอกหรือ คนเขามีฐานะระดับใด แล้วเจ้ามีฐานะระดับใด? ดฮณ๊ฯดฯฌซ,
หากเปลี่ยนเป็นพวกเขาก็คงไม่มีทางรับเรื่องเช่นนี้ได้เหมือนกัน เผลอๆ พวกเขาอาจจะลงมือสังหารในทันทีไปแล้ว
ไม่รู้เหมือนกันว่าในใจเหวินซินจ้าวยังคงมีโทสะอยู่หรือว่าอย่างไร จงใจที่จะสร้างปัญหาวุ่นวายที่ไม่เล็กไม่ใหญ่ให้ตู้อวิ๋นซาง แต่ตู้อวิ๋นซางก็ออกหน้ารับแทนนาง ปล่อยให้นางลอยตัวทำตามใจเล็กน้อย
ด้วยเหตุนี้ศิษย์สำนักหยกสวรรค์ที่อยู่ในสำนักหมื่นสรรพสัตว์จึงได้รับแรงกดดันมหาศาล คนจากหลายสำนักเรียกตัวพวกเขาไปสอบถามเรื่องราวซ้ำไปซ้ำมา คนส่วนใหญ่ไม่ทราบความ ส่วนคนที่ทราบความไหนเลยจะกล้าบอกไปว่ามีเจตนาหลอกใช้สำนักชะตาสวรรค์เพื่อจัดการหนิวโหย่วเต้า หากบอกไปเช่นนี้มิเท่ากับหาเรื่องเดือดร้อนมาให้สำนักหยกสวรรค์หรอกหรือ กลับไปแล้วยังอยากจะอยู่ในสำนักหยกสวรรค์หรือเปล่า?
คนของสามสำนักใหญ่แห่งแคว้นเยี่ยนอยู่ที่นี่ พวกเขาย่อมต้องออกโรงช่วยพูดให้แก่ผู้บำเพ็ญเพียรแคว้นเยี่ยนของตน แล้วก็ไม่ยอมปล่อยให้ผู้บำเพ็ญเพียรแคว้นเยี่ยนของตนต้องได้รับความลำบากใจ ขณะเดียวกันก็ต้องการให้ทางสำนักหยกสวรรค์ยอมจบเรื่องไม่เอาความ เมื่อมีคนของสามสำนักใหญ่คอยบอกใบ้ให้เป็นนัยๆ บางคนในสำนักหยกสวรรค์ก็โล่งใจ บอกไปว่าเหมือนเฉินถิงซิ่วจะไปพบเหวินซินจ้าวด้วยเรื่องของหงเหนียง
ดังนั้นผู้ลงมือสังหารจึงไร้ความผิด สำนักชะตาสวรรค์ยังอยู่ดี และด้วยความช่วยเหลือของสามสำนักใหญ่ สำนักหยกสวรรค์ก็รอดปลอดภัยเช่นกัน ภาระทั้งหมดถูกโยนให้ผู้ตายแบกรับไป ให้เฉินถิงซิ่วรับไว้เอง ตายไปก็สมควรแล้ว
สำนักหมื่นสรรพสัตว์กลับพลอยซวย แขกตายในพื้นที่สำนักตน ทางนี้ก็ต้องรับผิดชอบบ้างไม่มากก็น้อย เพื่อคำว่า ‘เหตุผล’ จึงมอบเงินหนึ่งล้านเหรียญทองให้แก่สำนักหยกสวรรค์แทนคำขอโทษ
ถึงอย่างไรสำนักหยกสวรรค์ก็ไม่ไต่ถามเอาความแล้ว
……………………………………………………………………….