ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า - ตอนที่ 523 สำนักเขามหายานมีทางเลือกหรือ
ตอนที่ 523 สำนักเขามหายานมีทางเลือกหรือ?
เซ่าผิงปอทุ่มเทกำลังแรงใจมหาศาลเพื่อบริหารจัดการมณฑลเป่ยโจว ไม่เคยละโมบเงินทองไว้ใช้ส่วนตัว ไม่ไยดีอาหารหรูหราอาภรณ์ชั้นดี ไม่หมกมุ่นกามา ทุ่มเทจิตใจไปกับการปกครองมณฑลเป่ยโวเท่านั้น
คนที่ควบคุมตัวเองได้ดีขนาดนี้ยับยั้งความละโมบเห็นแก่ตัวได้ขนาดนี้ หาได้ยากนัก
เพื่อจะนำศักยภาพที่มีอย่างจำกัดมาใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ เพื่อลดภาระผูกมัดลง เซ่าผิงปอถึงขั้นที่ครองตัวเป้นโสดมาจนถึงปัจจุบันนี้
ความมานะของเซ่าผิงปอและการทำงานหนักหามรุ่งหามค่ำเพื่อมณฑลเป่ยโจว สำนักเขามหายานมิใช่คนตาบอดล้วนมองเห็นทั้งสิ้น
สำนักเขามหายานถึงขั้นที่นึกห่วงว่าสุขภาพเขาจะทรุดโทรมลงจึงส่งคนไปช่วยดูแลสุขภาพของเขาเสมอ จัดหาลูกกลอนวิญญาณชั้นดีให้ไม่ขาด
ยังไม่ต้องเอ่ยถึงผลประโยชน์มากมายที่เซ่าผิงปอนำมาสู่สำนักเขามหายานเลย เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์นอกในที่มณฑลเป่ยโจวเผชิญอยู่ในขณะนี้ ในด้านความสามารถที่มีต่อการสยบศึกในเพื่อไปรับมือศึกนอก หากให้คนอื่นไปทำแทนหวงเลี่ยกังวลจริงๆ ว่าจะยังรักษาสถานการณ์ของมณฑลเป่ยโวไว้ได้หรือไม่
“อำนาจการทหารและการปกครองล้วนอยู่ในมือสองพ่อลูกสกุลเซ่า หากเซ่าผิงปอตาย ขวัญกำลังใจของกองทัพเป่ยโจวจะระส่ำระส่าย ประชาชนจะเสียขวัญ เกรงว่าจะเกิดจลาจลขึ้นได้” หวงเลี่ยเอ่ยด้วยความลังเล
หนิวโหย่วเต้าเอ่ยด้วยเสียงเรียบเฉยประโยคเดียว “นั่นมิใช่ปัญหาที่ข้าจะต้องใส่ใจ”
หวงเลี่ยโมโหเล็กน้อย “หากเป่ยโววุ่นวาย ทั้งแคว้นเยี่ยนแคว้นหานจะต้องฉวยโอกาสเข้ารุกรานแน่ แล้วจุดจบสำนักเขามหายานของพวกเราจะเป็นอย่างไรเล่า? ไม่ว่าทางไหนก็ล้วนจบลงเช่นนี้แล้วยังมีอะไรให้เจรจากันอีกเล่า?”
หนิวโหย่วเต้ากล่าวว่า “สำนักเขามหายานก็มีแนวทางชั้นดีเพื่อรุกถอยอย่างเสรีอยู่แล้ว มีอันใดต้องกังวลอีกเล่า?”
แนวทางชั้นดีหรือ? หวงเลี่ยผงะไปเล็กน้อย ถามออกไป “แนวทางใดเล่า?”
หนิวโหย่วเต้าชี้หวงทงที่อยู่ด้านหลังเขา “เคยแนะนำอย่างจริงใจไปแล้ว ลืมเลือนไปเร็วขนาดนี้เชียวหรือ? ดูเหมือนจะเป็นอย่างที่สุภาษิตว่ายาดีมักขม คำเตือนที่จริงใจมักระคายหู”
ทุกคนมองไปที่หวงทง หวงเลี่ยก็หันกลับไปมองคราหนึ่งแล้วหันกลับมามองหนิวโหย่วเต้าต่อ เอ่ยด้วยความลังเล“ความหมายของเจ้าคือให้ถอยร่นไปยังหนานโวหรือ? สำนักหยกสวรรค์จะยอมให้สำนักเขามหายานเราเข้าไปแย่งผลประโยชน์ในหนานโจวได้อย่างไร?”
หนิวโหย่วเต้ายกชาขึ้นจิบคำหนึ่งแล้ววางถ้วยชาลง ยันกระบี่ลุกขึ้นยืน เดินออกไปช้าๆ
คนที่ล้อมวงอยู่เป็นฝ่ายถอยหลีกทางให้ หวงเลี่ยก็อดไม่ได้ที่จะลุกขึ้นมาด้วย ไปยืนเท้าราวบันไดอยู่ข้างๆ
หนิวโหย่วเต้ายันกระบี่ค้ำไว้ด้านหน้า สองมือกุมบนด้ามกระบี่ “เป่ยโจวเป็นเขตภูมิภาคหนึ่งแต่กลับถูกหนีบไว้ระหว่างสองขั้วอำนาจ ทรยศต่อแคว้นเยี่ยนทั้งยังต่อต้านแคว้นหาน เหยียบเรือสองแคมยืนด้วยลำแข้งตนจะอยู่ได้นานเพียงใดเล่า? หากเกิดเหตุเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยจะเกิดสงครามแก่งแย่งขึ้นในทันใด สะเก็ดไฟเพียงเล็กน้อยก็เผาทุ่งหญ้าได้ ในส่วนนี้ข้าคงไม่จำเป็นต้องพูดมากอีก สำนักเขามหายานย่อมรู้อยู่แก่ใจ”
“เซ่าผิงปอมีใจทะเยอทะยานนัก แผนการไม่มีทางสิ้นสุดอยู่แค่ในเป่ยโจวแน่นอน เป่ยโจวเป็นเพียงที่ปักหลักชั่วคราวสำหรับเขาเท่านั้น เป็นแหล่งสั่งสมกำลังของเขา เขาจะเร่งสั่งสมอำนาจเพิ่มเรื่อยๆ พอไปถึงจุดที่พร้อมสมบูรณ์แล้วจะลงมือกับเป้าหมายที่เหมาะสมรอบตัวในทันที เขาจะต้องโยกย้ายกองทัพออกไปแน่ หากไม่มีโอกาสเขาก็จะสร้างโอกาสขึ้นมาเอง ตอนนี้สำนักเขามหายานมีความสามารถมากพอจะควบคุมอาณาเขตที่กว้างใหญ่ไปกว่ามณฑลเป่ยโจวได้หรือ? ไม่มี!”
“สำหรับเซ่าผิงปอแล้วเป่ยโจวเป็นเพียงฐานที่มั่นชั่วคราวเท่านั้น ส่วนสำนักเขามหายานก็เป็นเพียงอำนาจสนับสนุนชั่วคราวสำหรับเซ่าผิงปอเท่านั้น เช่นเดียวกับสำนักหยกสวรรค์ รากฐานของสำนักเขามหายานยังอ่อนแอไป ดังนั้นจึงไม่ต่างไปจากสำนักหยกสวรรค์ที่ต้องการจะเหนี่ยวรั้งควบคุมความทะเยอทะยานของซางเฉาจงไว้ให้ได้ พยายามจะควบคุมเซ่าผิงปอเอาไว้เช่นกัน คิดจะรอให้ตนมีกำลังพอก่อนแล้วค่อยว่ากัน”
“สำนักเขามหายานยังอยู่ในขั้นตอนปูรากฐานให้มั่นคง หากคิดจะขยายอำนาจออกไปด้านนอกไม่มีทางสั่งสมพลังแกร่งกล้าปานนั้นได้ภายในระยะเวลาไม่กี่สิบปี แต่เซ่าผิงปอจะทนรอสำนักเขามหายานไปหลายสิบปีได้หรือ? เขาไม่มีทางรอไหว เมื่อถึงช่วงที่สมบูรณ์พร้อมแล้ว สำนักเขามหายานคิดว่าตนจะยังควบคุมเซ่าผิงปอไว้ได้หรือ? คงเป็นเพียงฝันเฟื่องเท่านั้น!”
“พวกท่านคิดว่าเซ่าผิงปอจะเกรงกลัวสำนักเขามหายานยอมทำตัวว่าง่ายหรือ? เพียงหลอกใช้ประโยชน์ชั่วคราวเท่านั้น ด้วยสถานการณ์ของเป่ยโจวในปัจจุบันนี้ ต้องการสำนักบำเพ็ญเพียรที่ไม่ได้แข็งแกร่งมากเกินไป กริ่งเกรงต่อแรงกดดันภายนอกอยู่ หากว่ากันในอีก สามารถให้ความร่วมมือกับเขาในแง่ใดแง่หนึ่งได้เป็นอย่างดี ทำให้เขาสามารถใช้เวลาสั่งสมกำลังได้อย่างวางใจ หากเลือกสำนักที่แข็งแกร่งจนเกินไปแล้วถูกควบคุมไว้ทุกด้าน เขาจะหาช่องดำเนินการได้ยากนัก ซึ่งสำนักเขามหายานคือตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับเขา นี่คือเหตุผลที่เขาเลือกสำนักเขามหายาน”
“เจ้าสำนักหวง ถึงแม้การที่สำนักเขามหายานเหยียบเรือสองแคมจะเป็นเรื่องดี ต่ไม่รู้สึกว่าตนโดดเดี่ยวไร้พันธมิตรบ้างหรือ? พวกท่านตกอยู่ในแผนการของเซ่าผิงปอแต่แรกแล้ว ถูกเซ่าผิงปอชักนำให้โดดเดี่ยว พอถึงเวลาจะไม่มีแม้แต่คนช่วยพูดให้พวกท่านด้วยซ้ำ เซ่าผิงปอเพียงต้องดึงดูดอิทธิพลภายนอกเข้ามาเล็กน้อยก็ทำลายอำนาจของสำนักเขามหายานได้แล้ว สำนักเขามหายานจะทำอย่างไรได้เล่า? พูดกันตามตรงคือตั้งแต่ต้นจนจบ เซ่าผิงปอไม่ได้เห็นสำนักเขามหายานอยู่ในสายตาเลย สำนักเขามหายานเป็นเพียงเบี้ยตัวหนึ่งในแผนงานใหญ่ของเขาเท่านั้น”
พอเอ่ยมาถึงตอนนี้ หนิวโหย่วเต้าเหลียวมองกลุ่มคนจากสำนักเขามหายาน “ทุกท่าน ข้าเชื่อว่าไม่มีทางที่ทุกท่านจะไม่สังเกตเห็นความทะเยอทะยานของเซ่าผิงปอที่อยากหยิบยืมกำลังขยายเป่ยโจวออกไป พวกท่านคิดจริงๆ น่ะหรือว่าพอถึงยามนั้นแล้วจะสามารถควบคุมเซ่าผิงไว้ได้อีก?”
พอได้ฟังมาถึงตรงนี้ กลุ่มผู้อาวุโสสำนักเขามหายานเงียบงันลง รู้สึกหนักใจทั้งสิ้น
ก่วนฟางอี๋ที่ฟังอยู่ด้านข้าเหลือบมองหนิวโหย่วเต้าด้วยสายตาวาววับอยู่หลานครั้ง บ่นอยู่ในใจ วาทศิลป์ของคนผู้นี้ยอดเยี่ยมโดยแท้ ขนาดคนนอกที่ไม่ทราบสถานการณ์ยังข้าฟังแล้วยังเชื่อเลย เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่ามีแผนร้ายอยู่ เมื่อประเมินจากปฏิกิริยาของคนที่ถูกวางแผนหลอกล่อเหล่านี้ดูเหมือนจะติดกับเข้าจริงๆ แล้ว มีความสามารถในการโน้มน้าวเช่นนี้อยู่จะเปลืองแรงทำเรื่องเหล่านั้นไปทำไม่กัน เจรจากันแต่แรกก็จบแล้ว
หนิวโหย่วเต้ากล่าวว่า “ดังนั้น ก็ตามที่ข้าได้เอ่ยแนะนำผู้อาวุโสหวงไป เป่ยโจวกลายเป็นแหล่งพิพาทสำหรับสำนักเขามหายานไปแล้ว คำพูดของแซ่หนิวมาจากใจจริง”
หวงเลี่ยเอ่ยเนิบๆ ว่า “ก็อย่างที่บอกไป สำนักหยกสวรรค์ไหนเลยจะยอมให้พวกเรามีส่วนร่วมในหนานโจวหรือ? อาศัยเพียงการสนับสนุนจากเจ้าเกรงว่าคงจะไม่พอกระมัง?”
หนิวโหย่วเต้ากุมกระบี่มือเดียว แบมืออีกข้างออกเล็กน้อยพลางเอ่ยว่า “สำนักหยกสวรรค์ควรค่าให้พอให้กังวลหรือ? พวกท่านกำลังเจรจากับสามสำนักหลักแห่งแคว้นเยี่ยนอยู่มิใช่หรือ? จากที่ข้าคาดเดาไว้ สามสำนักหลักคงไม่ยินยอมให้สำนักเขามหายานปกครองเป่ยโจวต่อไป ในจุดนี้พวกท่านสองฝ่ายต่างยากจะยอมถอยได้”
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ มิสู้สำนักเขามหายานรอมชอมยอมถอยให้สามสำนักหลักสักหน่อย สละเป่ยโจวแล้วย้ายไปหนานโจว แล้วใช้เรื่องนี้ยื่นเงื่อนไขให้สามสำนักหลักโยกสำนักหยกสวรรค์ไปอยู่ที่เป่ยโจว ถึงแม้สำนักหยกสวรรค์จะประจำการในหนานโจว แต่ความจริงกลับเป็นปฏิปักษ์กับซางเฉาจง ขอเพียงซางเฉาจงควบคุมอำนาจในโลกคนธรรมดาไม่ให้วุ่นวายได้ ขอเพียงซางเฉาจงรักษารูปการณ์ของหนานโวให้สงบมั่นคงได้ สำนักหยกสวรรค์ไม่สามารถยกป้างขู่สามสำนักหลักได้ เมื่อสามสำนักหลักมีคำสั่งลงมา สำนักหยกสวรรค์ย่อมไม่กล้าขัดขืน ได้แต่ยอมจากไปโดยดี!”
หนิวโหย่วเต้าหันไปมองหวงเลี่ยเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม “หากสำนักเขามหายานนำเหตุผลนี้ไปโน้มน้าวสามสำนักหลักได้ ข้าคิดว่าสามสำนักหลักก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องปฏิเสธข้อเสนอของสำนักเขามหายานเลย เรื่องราวก็สำเร็จเสร็จสิ้นในชั่วพริบตา+”
หวงเลี่ยนิ่งเงียบไม่ปริปาก แววตาโชนแสงเร่งร้อน หวั่นไหวอย่างยิ่ง จู่ๆ ก็เงยหน้าเอ่ยถามไป “เจ้ากล่าวถึงเรื่องนี้กับผู้อาวุโสหวงไว้ตั้งแต่แรก ซึ่งหมายความว่าเจ้าวางแผนเรื่องนี้ไว้นานแล้ว เจ้าคำนวณไว้แล้วว่าจะมีวันนี้…นี่คือแผนการที่เจ้าวางไว้ ใช่หรือไม่?”
หนิวโหย่วเต้าย้อนถาม “เรื่องนี้สำคัญด้วยหรือ?”
พอได้ยินวาจานี้ ไม่ใช่แค่หวงเลี่ยเท่านั้น กลุ่มผู้อาวุโสสำนักเขามหายานต่างตกใจ ยามนี้ในที่สุดก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดเซ่าผิงปอถึงร้อนใจอยากกำจัดคนผู้นี้ คนผู้นี้น่ากลัวจริงๆ
หวงเลี่ยหันหลังเดินออกไป เอ่ยเรียกเล็กน้อย เรียกตัวผู้อาวุโสทั้งหลายให้ออกไปนอกศาลา รวมตัวหารือกันอยู่ในมุมหนึ่ง
หนิวโหย่วเต้าเพียงปรายตามองเล็กน้อย ไม่ได้เข้าไปแทรกแซง ทราบดีว่าเรื่องใหญ่ขนาดนี้หวงเลี่ยยากจะตัดสินใจคนเดียวได้ จำเป็นต้องหารือกับคณะผู้อาวุโสสำนักเขามหายานก่อนถึงจะตัดสินใจได้
ก่วนฟางอี๋ขยับเข้าไปใกล้หนิวโหย่วเต้า เอ่ยกระซิบ “เจ้านี่นะ ไม่ควรพูดเรื่องพวกนั้นกับหวงทงไปแต่แรกเลย อีกทั้งไม่สมควรเอ่ยเรื่องแหล่งรวมผู้ทรงอำนาจอันใดกับหวงเลี่ยไปก่อน ตอนนี้จึงดูเหมือนติดกับแผนเจ้าอย่างสมบูรณ์ เจ้าทำเช่นนี้คนเขาจะกลัวเอา”
หนิวโหย่วเต้ายืนกระบี่ถอนหายใจเบาๆ เอ่ยไปว่า “กลัวไว้ก็ถูกแล้ว ข้าทำให้พวกเขากริ่งเกรงอยู่ จากนั้นไปจะได้ไม่กล้าผลีผลามลงมือกับข้าอีก ยืดเยื้อกับสำนักหยกสวรรค์เช่นนี้ต่อไปมิใช่แผนในระยะยาวเลย หากหลังบ้านไม่มั่นคงจะถูกคนอื่นฉวยโอกาสได้ กลายเป็นข้อจำกัดอยู่เสมอ ครั้งนี้กำลังมุ่งตัวปัญหาในภายหน้าอย่างสำนักหยกสวรรค์ออกจากหนานโจวอยู่ รวมถึงต้องกำจัดภัยแฝงขัดแย้งในหนานโจวให้หมดด้วย ขอเพียงสถานการณ์ภายในหนานโจวสงบสุข ข้าก็ไม่มีห่วงต้องพะวงอีก! สำนักหยกสวรรค์ผูกความลึกล้ำกับฝั่งเราไว้ ยากจะสมานฉันท์กันได้ จำเป็นต้องทำให้พวกเขาระเห็จออกไปจากหนานโจวเสีย”艾琳小說
ก่วนฟางอี๋สัมผัสถึงความเผด็จการที่แฝงอยู่ในวาจานี้ได้เลือนราง แต่ก็เงียบงันไม่ปริปากอีก ทอดถอนใจเบาๆ อยู่ในใจ อายุยังน้อยก็ต้องเข้ามาพัวพันทุ่มเทกำลังไปกับเรื่องเช่นนี้เสียแล้ว กว่าจะมาถึงวันนี้ได้คงไม่ง่ายเลยจริงๆ หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นที่อายุเท่ากันไหนเลยจะแบกรักสถานการณ์เช่นนี้ได้ เกรงว่าคงถูกบดขยี้ไปนานแล้ว ตายไปอย่างก็คงไม่รู้เลยด้วยซ้ำ
หลังจากฝั่งสำนักเขามหายานหารือเสร็จก็กลับเข้ามา
หวงเลี่ยเดินเข้าไปในศาลา เอ่ยกับหนิวโหย่วเต้าไปตรงๆ ไม่อ้อมค้อม “สำนักหยกสวรรค์จากไป สำนักเขามหายานเราย้ายไปที่หนานโจวแล้วจะต่างอันใดกับสำนักหยกสวรรค์กัน? เจ้าไม่กลัวว่าพวกเราจะช่วงชิงอำนาจกับเจ้ากลายเป็นศัตรูกันเช่นเดียวกับสำนักหยกสวรรค์หรือ? ”
หนิวโหย่วเต้าเอ่ยว่า “เจ้าสำนักหวงพูดได้ตรงประเด็นนัก เหตุใดข้าถึงต้องขับไล่สำนักหยกสวรรค์ออกไปแล้วชักนำสำนักเขามหายานที่ไม่ต่างไปจากสำนักหยกสวรรค์เข้ามาน่ะหรือ? ข้าเองก็ไม่ได้อยากทำเช่นนี้เลยจริงๆ แต่ข้าไร้ภูมิหลังสำนักทรงอำนาจ อีกทั้งไม่มีกลุ่มอิทธิพลผู้บำเพ็ญเพียรของตนอยู่ในหนานโจว ขับไล่สำนักหยกสวรรค์ไปแล้วข้าจะได้ประโยชน์ใดน่ะหรือ? พูดกันอย่างยอมอ่อนข้อลงมาแล้ว หากดำเนินการต่อไปในระยะยาวข้าไม่มีทางต่อกรกับสำนักหยกสวรรค์ได้ นี่เป็นหลักเหตุผลที่เข้าใจได้ง่ายนัก”
“แต่สำนักหยกสวรรค์กลับโง่เขลาเลอะเลือน ตื่นตัวไปกับคำยุยงของเซ่าผิงปอเสียได้ ข้าออกมาจากหนานโวแล้วก็ยังไม่ยอมเลิกรา หากก่อเรื่องจนหนานโจววุ่นวายขึ้นมาแล้วดีนักหรือ? ในเมื่อไม่รู้จักเห็นแก่ส่วนรวมเช่นนี้ เช่นนั้นข้าก็คงต้องลงมือด้วยอย่างไม่ไว้หน้าแล้ว”
หวงเลี่ยเอ่ยว่า “เจ้ามีอิทธิพลต่อซางเฉาจงมากเกินไป เท่ากับทำให้สำนักหยกสวรรค์สูญเสียอำนาจควบคุมที่มีต่อหนานโจวไป เปลี่ยนเป็นสำนักใดก็ล้วนจะพะวงในเรื่องนี้เช่นกัน ล้วนไม่มีทางนิ่งดูดาย จำเป็นต้องกำจัดเจ้าทิ้ง” ซึ่งเป็นการแสดงความเห็นในใจตนเช่นกัน อยากทราบถึงจุดประสงค์ที่แท้จริงของหนิวโหย่วเต้า ไม่อยากให้พอถึงเวลาแล้วต้องการเดินซ้ำรอยของสำนักหยกสวรรค์ที่ถูกขับไล่ออกจากหนานโจว
หนิวโหย่วเต้ากล่าวว่า “น่าขัน! สำนักหยกสวรรค์จิตใจคับแคบ แต่ข้าเป็นเช่นนั้นหรือ? ไม่ว่าจะเป็นตอนอยู่ในจังหวัดชิงซานหรือมณฑลหนานโจว ข้าไม่เคยเข้าไปฉกฉวยผลประโยชน์ใดๆ เลย ล้วนเป็นสำนักหยกสวรรค์ที่ได้ประโยชน์ทั้งหมดไป แล้วข้าจะทุ่มเททำงานหนักสิ้นเปลืองความคิดจิตใจวางแผนลงหลักปักฐานในหนานโจวเพื่อปกป้องตัวเองมิได้เลยหรือ?”
“ขอกล่าวตามตรงว่ายงผิงจวิ้นอ๋องก็มีใจทะเยอทะยานไม่ต่างจากเซ่าผิงปอเลย หนานโจวคับแคบเกินไปไม่เพียงพอสำหรับท่านอ๋อง ไม่ช้าก็เร็วเขาจะพุ่งเป้าไปที่ราชสำนักแคว้นเยี่ยน ส่วนหนานโจวน่ะหรือ ฮ่าๆ ยงผิงจวิ้นอ๋องไม่มีทางไยดี ข้าก็ไม่สนใจเช่นกัน หากสำนักเขามหายานของพวกท่านชมชอบก็เอาไปได้เลย ไม่มีผู้ใดไปแย่งชิงกับพวกท่านแน่นอน สำนักหยกสวรรค์ตามไร้แววไม่เข้าใจในข้อนี้ รู้จักแต่จะสะกดข่มและควบคุมท่าเดียว ย่อมได้ผลลัพธ์ตรงกันข้ามอยู่แล้ว”
หวงเลี่ยเอ่ยว่า “หากเป็นอย่างที่เจ้าว่ามา ซางเฉาจงไม่ต่างไปจากเซ่าผิงปอ แล้วสำนักเขามหายานยังมีความจำเป็นต้องถ่อจากเป่ยโจวไปยังหนานโจวอีกหรือ?”
หนิวโหย่วเต้ายิ้มนิดๆ “สถานการณ์ของหนานโจวต่างไปจากเป่ยโจว อีกอย่า สำนักเขามหายานมีทางเลือกหรือ?”
สีหน้าหวงเลี่ยมืดมนลง
หนิวโหย่วเต้ากล่าวว่า “เจ้าสำนักหวง ขอแนะนำก่อนสักประโยค หากจะไปอยู่หนานโจวต้องทราบเรื่องหนึ่งไว้ ซางเฉาจงจำเป็นต้องพุ่งเป้าไปที่ราชสำนักแคว้นเยี่ยนเพื่อทวงความเป็นธรรมให้ครอบครัวเขา ผู้ใดกล้าขวางทางซางเฉาจง ผู้นั้นจะกลายเป็นศัตรูกับซางเฉาจงแน่นอน ส่วนตัวข้าก็ไม่มีทางขยายอำนาจในหนานโจว อีกทั้งไม่ต้องการฉกฉวยผลประโยชน์ใดๆ ในหนานโวเช่นเดิม ผลประโยชน์ล้วนจะตกเป็นของพวกท่าน นี้คือคำมั่นสัญญาจากข้า ข้าเองก็ไม่เห็นดีในสิ่งเหล่านั้นเช่นกัน เพียงอยากลงหลักปักฐานอยู่อย่างสงบ หากผู้ใดต้องการทำลายลักประกันในส่วนนี้ของข้าไป ข้าก็จะไม่เกรงใจเช่นกัน!”
……………………………………………………………………………