ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า - ตอนที่ 534 กองกระดูกที่เรียงรายตามถนน
ตอนที่ 534 กองกระดูกที่เรียงรายตามถนน
ระหว่างที่นึกดูแคลน ขณะที่กำลังจะเอ่ยอะไรบางอย่างออกมา เจ้าหน้าที่เรือนรับรองที่เพิ่งมาส่งจดหมายก่อนหน้านี้ก็ปรากฏตัวขึ้นที่ประตูอีกครั้ง ตะโกนเรียกเสียงดัง “พ่อบ้านเซ่า”
เซ่าซานเสิ่งเก็บจดหมายเข้าแขนเสื้อ รีบเดินไปที่ประตู หลังจากพูดคุยกับอีกฝ่ายอยู่ครู่หนึ่งก็เร่งเดินกลับมารายงาน “คุณชายใหญ่ คังเหอราชทูตแคว้นเว่ยที่ประจำการอยู่ในเมืองหลวงแคว้นฉีขอเข้าพบขอรับ”
เซ่าผิงปอเงียบไปครู่หนึ่ง ดูค่อนข้างแปลกใจ สุดท้ายก็ยังคงพยักหน้ารับ “เชิญเข้ามา”
เขาก็อยากรู้เช่นกันว่าราชทูตมาพบตนด้วยจุดประสงค์ใด
เซ่าซานเสิ่งจึงเดินย้อนกลับไป ออกไปต้อนรับที่ประตูใหญ่พลางชี้แจงกับผู้คุ้มกัน
ผ่านไปสักพักหนึ่ง ชายฉกรรจ์ทรงภูมิที่สวมชุดผ้าดิ้นหรูหราคนหนึ่งเดินเข้ามาจากประตูใหญ่ ส่วนฝ่าซือติดตามที่ตามหลังมาถูกผู้คุ้มกันของสามสำนักใหญ่ขวางเอาไว้
ผู้ติดตามดึงดันจะตามเข้าไป ผู้คุ้มกันก็ยืนกรานไม่ปล่อยให้ผ่านเข้าไป
ชายในชุดหรูหราหันกลับไปมอง เห็นว่าที่นี่มีการคุ้มกันอย่างระมัดระวังเข้มงวดเช่นนี้ ภายในใจก็ยิ่งมีความมั่นใจขึ้นมา จึงยิ้มนิดๆ แล้วโบกมือให้ผู้ติดตามที่มากับตน สื่อว่าไม่จำเป็นต้องตามเข้ามา เหตุขัดแย้งที่หน้าประตูถึงได้สงบลง
เซ่าผิงปอที่อยู่ในลานเรือนประสานเอ่ยต้อนรับ “ใต้เท้าคัง ได้ยินชื่อเสียงมานานแล้ว”
“ไอ๊หยา!” คังเหอรีบเดินเข้าไปหา มองพินิจหัวจรดเท้าประสานมือกล่าวว่า “คุณชายเซ่า สมเป็นผู้มากความสามารถโดยแท้!”
“ใต้เท้าคังชมเกินไปแล้ว เชิญด้านในเถิด!” เซ่าผิงปอเบี่ยงกายเปิดทางให้พลางผายมือเชื้อเชิญ พาแขกเข้าไปนั่งในห้องโถงหลัก
เซ่าซานเสิ่งยกน้ำชามาให้ แขกและเจ้าบ้านย่อมสนทนากันตามมารยาทสักครู่หนึ่งอย่างเลี่ยงไม่ได้
หลังจากสนทนากันตามมารยาทไปสักพัก เมื่อเซ่าผิงปอขอคำชี้แนะ คังเหอก็ไม่คิดจะอ้อมค้อมอีกต่อไป เผยจุดประสงค์ที่มา “ท่านมหาเสนาบดีที่อยู่ทางแคว้นเว่ยได้ข่าวว่าคุณชายเซ่าเผชิญปัญหาเล็กน้อย จึงส่งข้ามาช่วยคลี่คลายสถานการณ์ให้คุณชายเซ่าโดยเฉพาะ”
เซ่าผิงปอเอ่ยยิ้มๆ “ข้ามีปัญหาใดหรือ?” แต่ในใจกลับตระหนก แคว้นเว่ยทราบข่าวสารฉับไว หรือว่าเรื่องราวจะแพร่กระจายออกไปแล้ว?
อันที่จริงทางฝั่งคังเหอก็ไม่ทราบถึงสถานการณ์โดยละเอียดเช่นกัน กระทั่งทางเสวียนเวยก็ยังทราบไม่มาก แล้วเขาจะทราบได้สักแค่ไหนกันเชียว? แต่กลับใช้วาจาหลอกล่ออีกฝ่าย “ก่อนหน้านี้ยามที่คุณชายเซ่าเพิ่งออกจากเป่ยโจวไปได้ไม่นาน หนิวโหย่วเต้าก็ใช้โดยสารวิหคยักษ์ออกจากสำนักหมื่นสรรพสัตว์ตามไปที่เป่ยโจวติดๆ แต่คว้าน้ำเหลว ตอนนี้หนิวโหย่วเต้าออกจากเป่ยโจวแล้ว โดยสารวิหคยักษ์มุ่งหน้ามายังเมืองหลวงแคว้นฉีแล้ว มุ่งหน้าเดินทางมาอย่างเร่งรีบ นี่ยังมิใช่ปัญหาอีกหรือ?”
เขาไม่ทราบเลยว่าหนิวโหย่วเต้าอยู่ระหว่างเดินทางมาที่เมืองหลวงแคว้นฉี เพียงต้องการขู่ขวัญเซ่าผิงปอเท่านั้น
แต่มันกลับกระทบเข้าที่จุดอ่อนของเซ่าผิงปอจริงๆ ตอนนี้คนที่ทำให้เขากริ่งเกรงได้มีเพียงหนิวโหย่วเต้าเท่านั้น พอได้ยินว่าหนิวโหย่วเต้ามุ่งหน้ามายังเมืองหลวงแคว้นฉีแล้ว ใจพลันหายวาบ
เพราะเท่าที่เขารู้จักหนิวโหย่วเต้ามา มีโอกาสที่หนิวโหย่วเต้าจะตามฆ่าเขาอย่างไม่เลิกราจริงๆ มีความเป็นไปได้สูงว่าจะฉวยโอกาสไล่ล่าสังหารในช่วงที่เขาอ่อนแอที่สุดจริงๆ
แต่เขาไม่เคยคิดเลยว่าหนิวโหย่วเต้าจะมีวิหคพาหนะไว้ทุ่นแรง ตัวเขาในตอนนี้แทบจะสูญเสียช่องทางรับข่าวสารจากโลกภายนอกไปแล้ว อย่าว่าแต่หนิวโหย่วเต้าเลย แม้แต่สถานการณ์ของมณฑลเป่ยโจวในขณะนี้เป็นอย่างไรเขาก็ยังไม่รู้เลย
“เหตุใดท่านมหาเสนาบดีแห่งแคว้นเว่ยถึงต้องการคลี่คลายสถานการณ์ให้ข้าเล่า?” เซ่าผิงปอถาม
คังเหอพลันกระตือรือร้นขึ้นมา ดูเหมือนข้อวินิจฉัยของท่านมหาเสนาบดีจะไม่ผิดไปเลย เอ่ยออกไปทันที “ท่านมหาเสนาบดีชื่นชมในความสามารถของคุณชายอย่างยิ่ง พื้นที่คับแคบอย่างเป่ยโจวไหนเลยจะเพียงพอให้คุณชายได้แสดงศักยภาพออกมา ท่านมหาเสนาบดียินดีจะมอบอาณาเขตที่ใหญ่ยิ่งกว่าให้คุณชายได้แสดงศักยภาพ หากคุณชายยินดี ท่านมหาเสนาบดีรับรองด้วยตัวเองว่าจะได้รับการปฏิบัติด้วยเช่นเดียวกับขุนนางแว่นแคว้นแน่นอน!”
เซ่าผิงปอร้องโอ้ ถามไปอีก “เช่นนั้นจะคลี่คลายวิกฤตอย่างไรเล่า? หนิวโหย่วเต้าจะยอมฟังคำพูดท่านมหาเสนาบดีหรือว่าท่านมหาเสนาบดีจะช่วยสังหารเขาให้ข้าเล่า?”
คังเหอกล่าวว่า “เรื่องนี้คุณชายไม่จำเป็นต้องกังวล ท่านมหาเสนาบดีย่อมต้องมีวิธีแก้ไขความกังวลให้คุณชายอยู่”
เซ่าผิงปอตริตรองอยู่สักพัก พยักหน้ารับช้าๆ เอ่ยไปว่า “ตกลง! ขอเพียงท่านมหาเสนาบดีแก้ไขปัญหาให้ข้าได้ ข้าก็ยินดีจะทำงานรับใช้ท่านมหาเสนาบดี!”
คังเหอปรีดาอยู่ในใจ ไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะตอบตกลงว่องไวเช่นนี้
ในเวลานี้เอง มีเสียงรายงานดังมาจากด้านนอก “ชายาอิงอ๋องมาเยือน!”
เซ่าผิงปอได้ยินก็ลุกขึ้นมา คังเหอลุกตามเช่นกัน เดินเข้ามาหาสองก้าวก็เอ่ยกำชับว่า “เรื่องนี้ไม่ควรแพร่งพรายต่อภายนอก เลี่ยงไม่ให้มีคนมาสร้างปัญหาให้ ข้าจะไปจัดการให้คุณชายเดี๋ยวนี้ คุณชายโปรดรอฟังข่าวจากข้า พระชายามาเยี่ยมพี่ชายข้าก็ไม่ขอรบกวนแล้ว ขอตัวลาก่อน”
“ข้าจะคอยข่าวดีจากใต้เท้าคัง” เซ่าผิงปอประสานมือกล่าวอำลา
รอม้าคันหนึ่งหยุดลงนอกประตูเรือน เซ่าหลิ่วเอ๋อร์ที่สวมเครื่องประดับเต็มตัวลงจากรถม้า เดินเข้าไปอย่างสง่างามสูงศักดิ์ ผู้คุ้มกันหน้าประตูไม่ทำการขัดขวางใดๆ
ในเมื่อเป็นพระชายาขององค์ชายแห่งแคว้นฉี ซ้ำยังเป็นน้องสาวของเซ่าผิงปอ ผู้คุ้มกันสถานที่แห่งนี้ย่อมไม่มีใครกล้าขวาง
พอเดินมาถึงเรือนก็บังเอิญเห็นคังเหอที่จากไปพอดี
เซ่าหลิ่วเอ๋อร์อดมองดูเล็กน้อยไม่ได้ ฝ่ายคังเหอก็ประสานมือค้อมคำนับ จากนั้นเร่งเดินจากไป
“คารวะพระชายา” เซ่าผิงปอที่ออกมาพร้อมกันประสานมือทักทาย ถึงอย่างไรตอนนี้ฐานะของเซ่าหลิ่วเอ๋อร์ในปัจจุบันนี้ก็ประจักษ์ชัด พบหน้ากันภายใต้สายตาคนนอกต้องปฏิบัติตามศักดิ์ฐานะ ยามอยู่กันแบบส่วนตัวค่อยปฏิบัติอย่างพี่น้อง
“ท่านพี่!” เซ่าหลิ่วเอ๋อร์ยิ้มหวาน
สองพี่น้องเข้าสู่ห้องโถง เซ่าหลิ่วเอ๋อร์โบกมือส่งสัญญาณเล็กน้อย สาวใช้ติดตามนางหนึ่งวางกล่องใบหนึ่งลงบนโต๊ะ จากนั้นทุกคนที่ไม่เกี่ยวข้องก็ถอยออกไปจนหมด
ภายในห้องโถงเงียบสงัดลงอย่างเห็นได้ชัด ได้ยินเสียงน้ำชาที่เซ่าซานเสิ่งกำลังรินอย่างชัดเจน
“ท่านอ๋องมีคำสั่งอันใดลงมากระมัง?” เซ่าผิงปอเอ่ยทำลายความเงียบ ในใจมีความหวังเล็กน้อย
“ใช่แล้ว!” เซ่าหลิ่วเอ๋อร์พยักหน้า ยื่นมือชี้กล่องใบนั้นที่วางอยู่บนโต๊ะ “นี่คือน้ำใจเล็กน้อยจากท่านอ๋อง ทรงวานให้ข้านำมามอบให้”
เซ่าผิงปอถาม “มีคำสั่งอื่นใดอีกหรือไม่”
เซ่าหลิ่วเอ๋อร์เอ่ยด้วยเสียงเรียบเฉย “ท่านอ๋องผู้นั้น ทรงยึดมั่นในหน้าที่เสมอมา ไม่เคยนำอำนาจมาใช้เพื่อประโยชน์ส่วนตนเลย ท่านคือพี่ชายของข้า แล้วก็เป็นพี่เขยของเขา ท่านอ๋องไม่สะดวกจะเรียกใช้งานท่านพี่จริงๆ เกรงว่าจะถูกคนครหาเอาได้ อีกทั้งไม่รู้จะเอ่ยกับท่านพี่อย่างไร จึงได้แต่ให้ข้ามาถ่ายทอดความให้”
เซ่าผิงปอจ้องมองนางด้วยสายตาเย็นชาอยู่พักหนึ่ง พลันเอ่ยว่า “ข้าอยากพบท่านอ๋อง”
เซ่าหลิ่วเอ๋อร์ตอบว่า “ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้น ไยต้องทำให้ท่านอ๋องลำบากใจด้วย”
เซ่าซานเสิ่งที่อยู่ด้านข้างมีสีหน้าซับซ้อน มองดูพี่น้องคู่นี้ คุณหนูเปลี่ยนไปแล้ว ยามที่พบหน้าคุณชายใหญ่ มิได้มีท่าทางเกรงกลัวอีกต่อไป
เซ่าผิงปอกล่าวว่า “เป็นท่านอ๋องไม่อยากพบข้า หรือเป็นเจ้าที่ไม่อยากให้ท่านอ๋องพบข้ากันแน่? หรือแม้แต่จะเข้าพบเพื่อกล่าวอำลาตามมารยามก็ไม่ได้เลย?”
เซ่าหลิ่วเอ๋อร์เอ่ยว่า “ท่านพี่ ข้าขอถามท่านสักประโยค ท่านจงตอบข้ามาตามตรง ท่านไม่ใยดีความเป็นความตายของท่านพ่อ ใช่ท่านพ่อเป็นเหยื่อล่อศัตรู ทอดทิ้งท่านพ่อหลบหนีมาใช่หรือไม่?” 艾琳小說
เซ่าผิงปอมีสีหน้าโกรธเคืองเล็กน้อย “ทำเช่นนั้นมิได้เรียกว่าไม่ใยดีความเป็นความตายของท่านพ่อ ที่ทำเช่นนั้นเป็นเพราะคำนึงถึงส่วนรวม ท่านพ่อกุมอำนาจไพร่พลเป่ยโจวไว้ ไม่ว่าผู้ใดจะบุกเข้าสู่เป่ยโจว ล้วนไม่อยากเห็นเป่ยโจวเกิดความวุ่นวายขึ้นทั้งสิ้น ย่อมไม่มีทางสร้างปัญหาให้แก่ท่านพ่อ”
เซ่าหลิ่วเอ๋อร์เอ่ยถาม “แล้วหนิวโหย่วเต้าล่ะ เขาจำเป็นต้องคำนึงถึงภาพรวมของเป่ยโจวหรือ? เกรงว่าเขาคงอยากให้เป่ยโจวที่อยู่ในการควบคุมของตระกูลเซ่าเกิดปัญหาวุ่นวายใหญ่โตใจแทบขาดแล้วกระมัง? ท่านไม่กลัวเขาจะสังหารท่านพ่อบ้างหรือ?”
เซ่าผิงปอเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็หาเหตุผลมาแย้ง “ไม่มีทางเป็นเช่นนั้น สำนักเขามหายานไม่มีทางปล่อยให้เขาก่อเรื่องวุ่นวาย หากเป่ยโจววุ่นวายสำนักเขามหายานก็ไม่เหลือทางรอดเช่นกัน”
“เรื่องพวกนี้ข้าหาได้เข้าใจไม่ เกิดเรื่องขึ้นมาแล้ว ตัวข้าก็ยังต้องใช้ชีวิตอย่างระมัดระวังรอบคอบ ไม่มีความสามารถพอจะไปกังวลกับเรื่องในส่วนนี้จริงๆ” เซ่าหลิ่วเอ๋อร์ลุกขึ้นยืน เดินวนกลับไปกลับมาอยู่ในห้องโถง “แรกเริ่มท่านอ๋องคิดจะปกป้องท่าน และเนื่องด้วยเหตุนี้ จึงทรงเขียนจดหมายหาหนิวโหย่วเต้าโดยเฉพาะ แต่หลังจากหนิวโหย่วเต้าตอบจดหมายกลับมา ท่านอ๋องก็เปลี่ยนใจทันที ท่านอ๋องเรียกข้าไปอ่านจดหมายเป็นการเฉพาะ ตั้งใจหยั่งเชิงความคิดของข้า…”
นางเล่าเนื้อความในจดหมายออกมา ความจำของนางค่อนข้างดี สิ่งที่เห็นผ่านตามาแล้วครั้งหนึ่ง แม้จะไม่ถึงขั้นที่พูดได้โดยไม่ผิดไปสักตัว แต่ก็เล่าซ้ำได้แทบจะครบถ้วนหมด
ทรวงอกของเซ่าผิงปอไหวกระเพื่อมถี่กระชั้นขึ้นมา ใบหน้าแดงก่ำ ไม่นึกคลางแคลงเลยว่าจะเป็นเรื่องเท็จ วิธีนี้คล้ายคลึงกับกลยุทธ์ของหนิวโหย่วเต้า ย้อนกลับไปในอดีตหนิวโหย่วเต้าได้แสดงความสามารถอันแยบคายผ่านเพลงกล่อมเด็กราชันเป่ยโจวให้เขาได้ประจักษ์มาแล้ว วันนี้นับว่าได้รับบทเรียนอีกคราแล้ว ในจดหมายเต็มไปด้วยถ้อยคำเชือดเฉือนสะเทือนใจ!
ทันทีที่เขาได้ฟังก็รู้ทันที ต่อให้เฮ่าเจินมีความตั้งใจก็คงไม่กล้าใช้งานเขาอีกต่อไป
ใช้จดหมายเพียงฉบับเดียวก็ตัดหนทางของเขาได้แล้ว ทำให้เขาโมโหเหลือเกิน!
เซ่าซานเสิ่งที่อยู่ด้านข้างมองเขาด้วยความกังวลอย่างยิ่ง กังวลว่าโรคเก่าของเขาจะกำเริบขึ้นมา
เนื่องจากทราบดีว่าหากเผชิญหน้ากับคนอื่นยังพอว่า แต่หากเป็นหนิวโหย่วเต้าแล้วล่ะก็ คุณชายท่านนี้จะโมโหจนสะเทือนหัวใจได้ง่ายๆ
คุณชายทระนงเปี่ยมความมั่นใจในตัวเองเนื่องจากมีคู่ต่อสู้น้อยนิด แต่กลับพ่ายแพ้ให้เพียงหนิวโหย่วเต้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า ด้วยความมั่นใจที่มีทำให้เขายากจะทนเผชิญหน้ากับความอัปยศอดสูเช่นนี้ได้
แต่สิ่งที่ทำให้เขาโล่งอกคือครั้งนี้ดูเหมือนคุณชายจะคุมอารมณ์ไว้ได้แล้ว
เซ่าหลิ่วเอ๋อร์เดินมาหยุดตรงหน้าเซ่าผิงปอ “ท่านพี่ พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน ย่อมต้องช่วยเหลือกันแน่นอน ขอเพียงมีโอกาสเหมาะสม ข้าจะต้องช่วยขอร้องท่านอ๋องให้ท่านแน่ แต่ข้าไม่คิดเลยจริงๆ ว่าท่านอ๋องจะติดต่อกับหนิวโหย่วเต้าอย่างลับๆ พวกเขาติดต่อกันได้อย่างไรข้าก็ไม่ทราบแน่ชัด แต่มีข้อหนึ่งที่ข้ามั่นใจได้ นั่นคือหากมีหนิวโหย่วเต้าเข้ามาแทรกแซง ข้าก็ยากจะเอ่ยปากได้แล้ว”
เซ่าผิงปอหลับตาลง สุดท้ายก็สูดหายใจเข้าลึกๆ เฮือกหนึ่ง ลืมตาขึ้นแล้วลุกยืน สบตากับน้องสาวอยู่สักพัก จู่ๆ พลันยิ้มน้อยๆ แล้วเอ่ยขึ้นว่า “คิดจะยืมมือข้ากำจัดหนิวโหย่วเต้า หรือว่าคิดจะให้พวกเราสองคนสู้กันจนบาดเจ็บล้มตายไปทั้งคู่ล่ะ?”
เซ่าหลิ่วเอ๋อร์กะพริบตาปริบๆ “ท่านพี่ ท่านเข้าใจผิดแล้ว ข้าทำเช่นนี้เพราะหวังดีต่อท่าน มิเช่นนั้นหากเขาแว้งกัดท่านอยู่เสมอ ท่านจะอยู่รอดปลอดภัยได้อย่างไร?”
“เจ้าไม่จำเป็นต้องมากังวลเรื่องนี้หรอก หากมีโอกาสข้าย่อมกำจัดเขาทิ้งแน่นอน หลังจากนี้เจ้าใช้ชีวิตของตัวเองให้ดีเถอะ เอาละ เจตนาของเจ้ารวมถึงเจตนาของท่านอ๋อง ข้ารับรู้แล้ว เจ้ากลับไปเถอะ”
ในขณะที่เซ่าหลิ่วเอ๋อร์กล่าวอำลาเดินมุ่งไปที่ประตู จู่ๆ เซ่าผิงปอก็เอ่ยขึ้นมาอีกประโยคหนึ่ง “หลิ่วเอ๋อร์ ไม่ว่าเจ้าจะเชื่อหรือไม่ก็ตามแต่ ข้ายังคงอยากจะบอกเจ้าไว้ ข้าไม่เคยคิดที่จะทำร้ายเจ้าเลย คำฝากฝังที่ท่านแม่กล่าวไว้ก่อนสิ้นใจ ข้าจดจำขึ้นใจเสมอมา”
“ตั้งแต่เล็กจนโต ข้าพยายามทำทุกอย่างเพื่อจะปิดกั้นเรื่องราววุ่นวายเหล่านั้นให้ออกห่างจากตัวเจ้า อีกทั้งไม่อยากให้เจ้าต้องพบเห็นเรื่องเลวร้ายพวกนั้น อยากให้เจ้าใช้ชีวิตอย่างสุขสันต์ไร้เดียงสาไปตลอดชีวิต ระหว่างนั้นเกิดเรื่องราวใดขึ้นบ้างเจ้าไม่เคยรับรู้เลย ตอนนี้พอมาคิดดูแล้ว การที่ข้าทำเช่นนั้นอาจจะกลับกลายเป็นการสร้างความเข้าใจผิดขึ้น หล่อหลอมชักนำพวกเราให้มีความเข้าใจในผู้คนและเรื่องราวแตกต่างกันไป”
“ในมุมมองของเจ้า การแยกเจ้าออกจากบัณฑิตยากไร้คนนั้นให้เจ้าออกเรือนมาที่นี่ นับว่าข้าทำเรื่องชั่วร้าย แต่ในมุมมองของข้า ในยุคที่โลกโกลาหลวุ่นวายเช่นนี้ เรื่องรักใคร่สำคัญหรือว่าชีวิตความเป็นอยู่ที่สำคัญกว่าเล่า? ดูกองกระดูกที่เรียงรายตามถนนเถิด มีคนมากมายปานใดที่ต้องตายโดยไร้หลุมฝังกลบ มีคนมากมายปานใดที่ต้องอดทนต่อความอัตคัดขัดสนได้กินไม่อิ่มท้อง! นอกจากเจ้ากับข้าแล้ว ยังมีคนอีกมากมายที่ไม่สิทธิ์ไต่ถามถึงเรื่องความรักพึงใจในยุคสมัยอันวุ่นวายเช่นนี้ ความคิดหลายๆ อย่างของเจ้าไร้เดียงสาเกินไป ให้เจ้ากลายเป็นชายาอิงอ๋องยังไม่ดีอีกหรือ? นี่คือเรื่องที่สตรีมากมายฝันใฝ่อยากจะได้รับ!”
“เจ้าคิดว่านอกจากพึ่งพิงเฮ่าเจินแล้ว ข้าจะไม่มีหนทางอื่นแล้วจริงๆ น่ะหรือ หากเจ้าคิดเช่นนี้จริง เช่นนั้นเจ้าก็ออกจะดูแคลนพี่ใหญ่ของเจ้าเกินไปแล้ว ข้าขอพูดอะไรสักหน่อย ด้วยอำนาจของเฮ่าเจินในยามนี้ยังไม่เพียงพอจะทำให้ข้าหวั่นไหวหรือจำเป็นจะต้องพึ่งพาให้ได้ ข้าเพียงกังวลกับการเสียดินแดนในเป่ยโจวเท่านั้น กังวลว่าจะทำให้เจ้าสูญเสียอิทธิพลในส่วนนั้นไปเพราะความผิดพลาดของข้า ห่วงว่าพอเจ้าขาดอิทธิพลฝั่งบ้านมารดาไปแล้วจะถูกคนทางนี้ข่มเหงรังแก ดังนั้นข้าถึงได้มาที่นี่”
“หลิ่วเอ๋อร์ ทุกคนอย่างที่ทำลงไปเพียงเพราะหวังจะให้เจ้าได้ใช้ชีวิตที่ดีอย่างแท้จริง ใต้หล้านี้ ต่อให้พี่ทำร้ายผู้ใดก็ไม่มีทางทำร้ายเจ้าเด็ดขาด”
พอเซ่าหลิ่วเอ๋อร์ที่ยืนหันหลังอยู่ตรงประตูได้ฟังจบ มุมปากพลันยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเย้ยหยัน มาถึงยามนี้แล้วยังคิดจะซื้อใจข้าด้วยถ้อยคำเช่นนี้อีกหรือ?
นางขยับเท้าเดินต่อ จากไปทั้งอย่างนั้นโดยไม่หันกลับมาเลย
เซ่าผิงปอที่ยืนมองอยู่ในห้องโถงค่อยๆ หลับตาลง สีหน้าหม่นหมองโศกา ราวกับพฤกษาเหี่ยวเฉาที่ยืนต้นตาย
…………………………………………………………………………