ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า - ตอนที่ 581 ระวังคำพูด
ตอนที่ 581 ระวังคำพูด
วาจานี้เขากล่าวออกมาด้วยความจริงใจ แต่ก็มิได้ออกมาจากใจจริงเช่นกัน
ที่บอกว่าไม่ได้ออกมาจากใจจริง เพราะเขาไม่เชื่อว่าหนิวโหย่วเต้าจะยอมปล่อยเขาไป ในทางกลับกันเขาก็เชื่อด้วยว่าหนิวโหย่วเต้าเองก็คิดเช่นนี้ หนิวโหย่วเต้าไม่มีทางปล่อยเขาไป แล้วตัวเขาไหนเลยจะปล่อยหนิวโหย่วเต้าไปได้? ไม่ว่าเป็นผู้ใดที่ได้ครอบครองอำนาจล้วนแต่จะต้องเล่นงานอีกคนให้ตาย!
ที่บอกว่าจริงใจ เพราะเขารู้ว่าเป็นความต้องการของไท่ซู่สยงเพียงฝ่ายเดียว หนิวโหย่วเต้าไม่มีทางยอมสวามิภักดิ์ต่อไท่ซู่สยง
เขาต่อกรกับหนิวโหย่วเต้ามาหลายต่อหลายครั้ง ต่างฝ่ายฝ่ายเคยตกอยู่ในความเป็นความตายเพราะแผนของอีกฝ่าย ทั้งสองฝ่ายคือคนที่เคยประมือกันด้วยแผนอันละเอียดรอบคอบ ต่างฝ่ายต่างรู้จักกันเป็นอย่างดี
หากว่ากันในอีกมุมหนึ่งแล้ว หนิวโหย่วเต้าและเขาเป็นคนประเภทเดียวกัน ล้วนไม่ยินดีจะถูกผู้ใดบงการ หากมิใช่เพราะเขาถูกบีบคั้นจนหมดหนทางแล้ว ไหนเลยจะยอมละทิ้งมณฑลเป่ยโจวหนีมาที่นี่ได้
หนิวโหย่วเต้าเองก็เช่นกัน เขาจัดการมณฑหลหนานโจวได้เป็นอย่างดีแล้ว ปัจจุบันยิ่งลงหลักปักฐานในมณฑลหนานโจวได้อย่างมั่นคงแล้ว ไม่มีทางจะยอมละทิ้งมณฑลหนานโจวมาเป็นข้ารองบาทที่นี่อีก
ดังนั้นเขาถึงรู้ว่าไท่ซู่สยงไม่มีทางชักจูงมาได้สำเร็จ ถูกกำหนดไว้แล้วว่าหากไม่สำเร็จก็ต้องสังหารทิ้ง แล้วไยเขาต้องทำให้ตนดูเป็นคนใจแคบในสายของไท่ซูสยงด้วยเล่า!
แต่ไท่ซู่สยงกลับมีสีหน้าตื้นตันใจอย่างยิ่ง ตื้นตันเนื่องจากเขาเอ่ยออกมาด้วยท่าทางจริงจังปราศจากความลังเล จึงเอ่ยชมอย่างพอใจว่า “หากขุนนางใหญ่ในราชสำนักมีความใจกว้างและมีวิสัยทัศน์กว้างไกลได้เท่าเจ้า แคว้นจิ้นไหนเลยจะดักดานอยู่เช่นนี้ คงผงาดคำรามไปทั่วหล้าเช่นพยัคฆ์หลุดพ้นกรงไปนานแล้ว! ได้ตัวคุณชายมานับเป็นโชคของข้า ข้าโชคดีเหลือเกิน ข้ามองคนไม่ผิดเลย ดี ดีมาก!”
“ฝ่าบาททรงชมเกินไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ น้ำขึ้นจึงหนุนเรือสูงได้ กระหม่อมเองก็มีความเห็นแก่ตัวอยู่เช่นกัน” เซ่าเผิงปอประสาบมือค้อมคำนับ ขอบคุณคำชมเชย
“เราเข้าใจหลักเหตุผลดี ทั่วราชสำนักมีผู้ใดบ้างที่ไม่เข้าใจหลักเหตุผลนี้? ล้วนทราบกันดีทั้งสิ้น แต่ผู้ที่รู้จักผ่อนหนักผ่อนเบาได้กลับหายากเย็นเหลือเกิน ในแง่นี้เจ้าเหนือกว่าพวกเขานับร้อยนับพันเท่า” ไท่ซู่สยงชมเขาแล้วชมเขาอีก อีกฝ่ายยอมละวางความบาดหมางในอดีตได้ เขาย่อมไม่ตระหนี่คำชื่นชม
เซ่าผิงปอได้แต่ค้อมคำนับอีกครั้ง ไม่กล้ารับเอาไว้
ไท่ซู่สยงยื่นมือไปประคองเขาขึ้นมา จากนั้นก็ยกมือไพล่หลังเอ่ยไปว่า “เรื่องแผนทางแคว้นฉีและแคว้นเว่ย ข้ารู้ว่าเจ้ายังตัดสินใจไม่ได้ แต่สมควรจะเร่งมือได้แล้วกระมัง? หรือว่าทางหอหยดหมึกไม่ให้ความร่วมมือกับเจ้า? ผู้ใดกล้าถ่วงรั้งแผนงานใหญ่ เจ้าบอกออกมาได้เต็มที่เลย!”
เขาหมายถึงเรื่องยุแยงสองพี่น้องผู้ปกครองแคว้นเว่ยและเรื่องความสัมพันธ์ของฮ่องเต้แคว้นฉีกับเหล่าโอรส เขายกเรื่องนี้ให้เซ่าผิงปอรับผิดชอบดูแล
ตอนนี้เซ่าผิงปอยังไม่มีภาระหน้าที่อื่นใด หลักๆ คือทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาข้างกายเขาเท่านั้น ไม่มีผลงานก็ไม่สะดวกจะจัดสรรตำแหน่งที่เหมาะสมให้เซ่าผิงปอ
เซ่าผิงปอมาอยู่ที่นี่ เขาก็ได้ฝืนกฎเกณฑ์ปฏิบัติด้วยอย่างเป็นพิเศษแล้ว เกิดเสียงวิจารณ์ขึ้นในราชสำนักแล้วด้วย จู่ๆ จะให้แต่งตั้งคนนอกอย่างเซ่าผิงปอให้อยู่ในตำแหน่งสูงอีกก็คงจะไม่เหมาะสมนัก
ตอนนี้แผนการใหญ่นี้จำเป็นต้องดำเนินการอย่างลับๆ ไม่อาจปล่อยให้รั่วไหลออกไปได้ จะให้คนในราชสำนักทราบไม่ได้ อีกทั้งเป็นบททดสอบสำหรับเซ่าผิงปอด้วย
หากแผนการของเซ่าผิงปอสัมฤทธิ์ผล ช่วยทำลายรูปการณ์หลังบ้าน เป็นผลดีต่อการบุกโจมตีของทัพใหญ่ได้ เช่นนั้นจะนับว่ามีคุณูปการใหญ่หลวง เมื่อมีผลงานใหญ่เช่นนี้แล้ว จะตกรางวัลให้ผู้ใดยังจะคัดค้านได้อีก สามารถแต่งตั้งตำแหน่งให้เซ่าผิงปอได้อย่างชอบธรรม
เขาทราบถึงหลักการข้อนี้ดี เซ่าผิงปอเองก็ทราบเช่นกัน
เซ่าผิงปอฟังแล้วเอ่ยชี้แจงอย่างจริงจังทันที “มิใช่ว่าผู้ดูแลเถาไม่ให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ แต่เป็นกระหม่อมเองที่ไม่อยากทำงานอย่างขอไปที ถึงแม้ฮ่องเต้แคว้นเว่ยจะประพฤติตัวเหลวไหล แต่สตรีอย่างเสวียนเวยแห่งแคว้นเว่ยก็เก่งกล้าไม่แพ้บุรุษ ส่วนเฮ่าอวิ๋นถูฮ่องเต้แคว้นฉีก็หาใช่คนธรรมดาไม่ หากแหวกหญ้าให้งูตื่นจนพวกเขาสังเกตเห็น นั่นจะก่อให้เกิดการเฝ้าระวังขึ้นได้ ต่อไปก็ไม่อาจใช้ลูกไม้นี้ได้อีก จะไม่ก่อประโยชน์ใดๆ อีก แผนนี้หากไม่ใช้ก็แล้วไป แต่หากใช้แล้วต้องทำให้สัมฤทธิ์ผลได้ในครั้งเดียว คนที่หอหยดหมึกเสนอมาในตอนนี้ยังไม่ถูกใจกระหม่อม จำเป็นต้องให้หอหยดหมึกเฟ้นหาโฉมงามมาอย่างละเอียดรอบคอบ จำเป็นต้องเตรียมการอย่างรอบคอบไม่ให้เกิดความผิดพลาดขึ้น คนที่จะจัดส่งไปต้องไร้ประวัติด่างพร้อย ทำให้อีกฝ่ายสืบค้นแล้วไม่พบปัญหาใดๆ ทั้งสิ้นพ่ะย่ะค่ะ”
“อืม ที่พูดมาก็มีเหตุผล ข้าใจร้อนไปเสียแล้ว” ไท่ซู่สยงพยักหน้าพลางเอ่ยชมเชย “เจ้าคิดได้รอบคอบนัก ด้วยความสามารถของเจ้า มอบหมายเรื่องนี้ให้เจ้าจัดการข้าก็วางใจแล้ว!”
“ขอบพระทัยฝ่าบาทที่ทรงไว้วางพระทัย กระหม่อมจะไม่ทำให้ฝ่าบาทต้องผิดหวังแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ!”
….
ณ จวนผู้ว่าการมณฑลหนานโจว ภายในโถงองอาจ เหมิงซานหมิงนั่งอยู่หน้าแผนที่ ส่วนซางเฉาจงยืนอยู่
แม้จะทราบว่าแคว้นเยี่ยนถอนกำลังทหารและล้มเลิกแผนการเข้าโจมตีมณฑลหนานโจวไปแล้ว แต่เรื่องราวทางแคว้นจ้าวยังไม่จบลง มณฑลจินโจวยังคงเผชิญหน้ากับแรงกดดันมหาศาลอยู่ ทันทีที่มณฑลจินโจวพลาดท่า หลังจากนั้นมณฑลหนานโจวจะต้องเผชิญสถานการณ์ที่ถูกกระหนาบโจมตีจากสองฝั่งแน่นอน
สัญลักษณ์ที่ปักไว้บนแผนที่ในยามนี้คือสถานการณ์โยกย้ายกำลังทหารของฝั่งแคว้นจ้าว หากเปิดศึกขึ้นมาจะสู้อย่างไร ทางนี้ก็ต้องหารือเอาไว้เช่นกัน หามาตรการป้องกันไว้ล่วงหน้า
หลานรั่วถิงถือจดหมายเดินเข้ามา หลังจากคารวะแล้วก็ยื่นจดหมายให้ซางเฉาจง “จดหมายจากเต้าเหยี่ยพ่ะย่ะค่ะ ต้องการให้ท่านอ๋องระดมกำลังกององครักษ์เลิศล้ำห้าวหาญหนึ่งหมื่นนายเดินทางมุ่งสู่จินโจว ขณะเดียวกันก็ขอให้ระดมทัพใหญ่เข้าประชิดทางฝั่งจินโจวเอาไว้ แสดงจุดยืนว่ายินดีจะให้การสนับสนุนจินโจวในการต่อกรกับราชสำนักแคว้นจ้าวอย่างเต็มที่ ข่มขวัญให้หวั่นใจพ่ะย่ะค่ะ”
เหมิงซานหมิงที่จ้องมองแผนที่อยู่ผงกหัวรับ “เป็นไปตามที่คาดการณ์เอาไว้”
หลานรั่วถิงก็พยักหน้าให้ “จินโจวและหนานโจวเป็นเพื่อนบ้านใกล้ชิด พึ่งพาอาศัยกันและกัน ตอนนี้ใม่อาจปล่อยให้มีผู้ใดพลาดท่าลงได้ มิเช่นนั้นอีกฝ่ายที่เหลืออยู่ก็ยากจะรับมือจากการโจมตีของทั้งแคว้นได้”
“ดูเหมือนข้าจะกลายเป็นผู้สนองประสงค์ของเต้าเหยี่ยไปเสียแล้ว” จู่ๆ ซางเฉาจงก็เอ่ยโพล่งออกมา
เหมิงซานหมิงและหลานรั่วถิงต่างตกใจ พากันหันกลับไปมองเขาทันที ตะลึงงันพูดไม่ออกทั้งคู่ ต่างอดไม่ได้ที่จะเหลียวมองรอบข้างเล็กน้อย คล้ายกังวลว่าหน้าต่างมีหูประตูมีช่อง
ทันทีที่ประโยคนี้หลุดออกมาก็ทำให้ทั้งสองตกใจขวัญหาย
พอซางเฉาจงเห็นสถานการณ์ก็โบกมือพลางเอ่ยด้วยรอยยิ้มเจื่อนๆ “อย่าเข้าใจผิดไป ข้าไม่ได้มีเจตนาอื่นใด ข้าก็ทราบเช่นกันว่าเต้าเหยี่ยจำเป็นต้องช่วยหนุนจินโจวไว้ ทว่าตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เต้าเหยี่ยไม่เคยเปิดเผยแผนการใดๆ ต่อทางเราเลย แค่ส่งกระดาษมาแผ่นเดียวก็จะให้ทางนี้เคลื่อนทัพใหญ่ มันก็ออกจะเหมือนเด็กน้อยเล่นขายของเกินไปกระมัง ดีที่สถานการณ์กระจ่างชัดเจน หากสถานการณ์ยังคงไม่แน่ชัด ข้าจะออกคำสั่งอย่างคลุมเครือได้อย่างไร เหล่าทหารแม่ทัพจะเดินทัพกันอย่างไร จะตั้งฐานทัพกันเช่นใด แล้วจะต้องเคลื่อนพลอย่างไร หรือว่าต้องขนกันไปที่จินโจวทั้งหมด?”
เหมิงซานหมิงเอ่ยเนิบๆ ว่า “เต้าเหยี่ยไม่สันทัดในด้านนี้ อาจเป็นเหตุผลที่ทำให้สั่งการเช่นนี้ หากมีโอกาสกระหม่อมจะอธิบายกับเขาเอง เขาน่าจะเข้าใจได้ แต่ว่า…ท่านอ๋องต้องพึงระวังคำพูดเอาไว้นะพ่ะย่ะค่ะ!”
“ระงับเอาไว้พ่ะย่ะค่ะ!” หลานรั่วถิงกดสองมือลงเล็กน้อย เอ่ยเตือนเสียงเบา “สมัยที่อาจารย์ยังอยู่ เคยกล่าวกับหนิงอ๋องไว้ว่าผู้เป็นกษัตริย์ต้องมีใจเปิดกว้าง ใช้งานคนอื่นอย่าได้เผยความคิดทั้งหมดออกมา วางตัวเรียบง่ายเข้าไว้ อีกฝ่ายจะได้แสดงความสามารถอย่างเต็มที่! หากต้องการควบคุมด้วยตัวเองไปเสียทุกเรื่อง ให้คนเขารอฟังคำสั่งเท่านั้น คนเขาจะแสดงความสามารถอย่างเต็มที่ได้อย่างไร หากต้องคอยพยักหน้ารับคำสั่งอย่างเดียว แล้วจะยินยอมทำงานอย่างเต็มกำลังได้หรือ?”
“ความสามารถของเต้าเหยี่ยท่านอ๋องก็รู้ซึ้งดี อีกทั้งเป็นสิ่งที่ท่านอ๋องขาดไปเช่นกัน จุดบกพร่องของท่านอ๋องได้รับการเติมเต็มจากเขา เรื่องที่ท่านอ๋องไม่ควรลงมือเอง ท่านอ๋องก็ทำเป็นหลับตาไปข้างเสีย ส่วนเรื่องที่ท่านอ๋องสมควรตัดสินใจเอง ท่านอ๋องสามารถแสดงความเห็นออกมาได้เต็มที่! ในจุดนี้ เต้าเหยี่ยนับเป็นผู้ปราดเปรื่องอย่างแท้จริง เรื่องของทางนี้ที่เขาไม่สมควรยุ่ง เต้าเหยี่ยก็แทบไม่เคยถามถึงเลยด้วยซ้ำ ท่านอ๋อง สำรวมตัวไว้ สงบไว้เถิดพ่ะย่ะค่ะ!”
ซางเฉาจงยิ้มเจื่อน “ข้าจำได้ว่าตอนที่เพิ่งถูกปล่อยตัวออกจากเมืองหลวงในปีนั้น หลังจากข้าใช้ดาบสังหารทหารเฝ้าประตูเมืองไป อาจารย์หลานก็เคยเตือนว่าข้าเผยความคิดโจ่งแจ้งเกินไป เฝ้าเตือนให้ข้าสำรวมไว้เสมอมา เอ่ยเตือนอยู่บ่อยครั้งจนนับไม่ถ้วนแล้ว เจตนาของอาจารย์หลานข้าเข้าใจดี แล้วก็ทราบดีว่าสมควรทำอย่างไร ข้าเพียงเอ่ยไปอย่างนั้น หาได้มีเจตนาอื่นใดไม่ แม่ทัพเหมิงและอาจารย์หลานคิดมากไปแล้ว”
ไม่ว่าเขาจะพูดจากความรู้สึกจริงๆ หรือเพียงเอ่ยไปอย่างนั้น เหมิงซานหมิงก็เอ่ยเตือนเนิบๆ ด้วยประโยคเดิม “ระวังคำพูดไว้พ่ะย่ะค่ะ!”
ในเวลาเดียวกับที่ทางจวนอ๋องได้รับจดหมาย สำนักเขามหายานก็ได้รับจดหมายจากหนิวโหย่วเต้าเช่นกัน
ภายในห้องโถงห้องหนึ่ง หวงเลี่ยที่อ่านจดหมายเสร็จแล้วก็ยื่นจดหมายส่งให้เหล่าผู้อาวุโสเวียนกันอ่านต่อ
เนื้อความในจดหมายไม่ต่างกันเลย ต้องารให้สำนักเขามหายานจัดส่งคนจำนวนมากติดตามกองทัพของซางเฉาจงมุ่งหน้าสู่ทิศใต้เพื่อกดดันแคว้นจ้าว
ทางนี้ก็มิใช่คนโง่เช่นกัน เรื่องราวดำเนินมาถึงขั้นนี้แล้ว ย่อมเข้าใจเป้าหมายที่เคลื่อนพลมุ่งสู่ทิศใต้ดีว่าต้องการรักษามณฑลจินโจวที่อยู่หลังบ้านของมณฑลหนานโจวไว้
ขณะที่ทุกคนเวียนกันอ่านจดหมายอยู่ หวงเลี่ยย่างเท้าก้าวออกมาจากห้องโถงใหญ่ ยืนอยู่บนขั้นบันไดใต้ชายคา ยกมือไพล่หลังเงยหน้ามองฟ้า เสียงถอนหายใจดัง “เฮ้อ!” แว่วขึ้นเบาๆ
จากสถานการณ์ในตอนนี้ เขาจะไม่ทำตามก็ไม่ได้ การปกป้องมณฑลจินโจวก็เป็นการรักษาผลประโยชน์สำนักเขามหายานของพวกเขาไว้เช่นกัน แต่ความรู้สึกที่ต้องถูกคนผู้นี้จูงจมูกมันค่อนข้างน่าอึดอัดนัก
แต่ก็ช่วยไม่ได้ ราชสำนักแคว้นเยี่ยนถอนทัพไปแล้ว ทางนี้ไม่มีแม้แต่โอกาสจะทำตัวเป็นยอดหญ้าไหวตามแรงลมอีก
ไม่ว่าจะเป็นสำนักเขามหายานหรือว่าซางเฉาจงก็ล้วนชักช้าไม่ได้ทั้งคู่ ทันทีที่ซางเฉาจงสั่งการลงไป ทัพใหญ่ที่ระดมพลไว้เตรียมรับมือกับราชสำนักก็เริ่มเปลี่ยนทิศทาง เริ่มรุกคืบไปทางมณฑลจินโจวแห่งแคว้นจ้าว แสดงจุดยืนว่าต้องการสนับสนุนมณฑลจินโจวอย่างเต็มกำลัง
….
ภายในวังหลวงแห่งแคว้นจ้าว ไห่อู๋จี๋ยืนเงียบงันอยู่หน้าแผนที่เป็นเวลานาน
ขันทีคนหนึ่งถือถาดเดินเข้ามา นำน้ำแกงชามหนึ่งมาส่งให้ เดินเข้ามาใกล้พลางเอ่ยเสียงเบา “ฝ่าบาท ตั้งแต่เช้าพระองค์ยังมิได้เสวย…”
เกิดเสียงดังเพล้ง ไห่อู๋จี๋พลันตวัดมือปัดถาดคว่ำ ชามหยกหล่นแตกเกลื่อนพื้น น้ำแกงสาดกระจาย
ไห่อู๋จี๋ที่หันกลับมามีสีหน้าคร่ำเคร่ง ขันทีผู้นั้นตกใจรีบคุกเข่าลงไป ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมา
ไห่อู๋จี๋ที่มีสีหน้าคร่ำเคร่งเดินวนกลับไปกลับมาในตำหนัก เรียกได้ว่ามีโทสะสุมแน่นเต็มทรวง
แคว้นเยี่ยนใจเสาะ แผนร่วมมือกันระหว่างแคว้นเยี่ยนและแคว้นจ้าวล่มลงแล้ว มณฑลจินโจวได้รับกำลังสนับสนุนเข้ามาจากทางทิศใต้ แคว้นจ้าวไม่อาจรบติดพันในระยะยาวได้ เพราะจะถูกแคว้นอื่นฉวยโอกาสเข้ารุกรานได้ง่ายๆ เขาไม่สามารถดำเนินการตามแผนของตนได้อีกต่อไป
เพิ่งจะปลุกความฮึกเหิมขึ้นมาก็ต้องลั่นกลองถอยทัพในทันที
ปัญหาคือการที่ไร้หลักฐานยืนยันไม่ได้แปลว่าคนอื่นจะไม่เข้าใจเรื่องราว ตอนนี้ใครบ้างจะไม่รู้ว่าเขาวางยาพิษน้องสาวตน ผลลัพธ์คือไห่หรูเยวี่ยไม่ตาย อีกทั้งไม่อาจแตะต้องมณฑลจินโจวได้ ชื่อเสียงฉาวโฉ่แถมยังไม่ได้ประโยชน์ใดเลย เรียกได้ว่าอับอายขายหน้าอย่างถึงที่สุด ไร้หนทางจะระบายโทสะออกไปได้!
“ฝ่าบาท!” ขันทีอีกคนเดินเข้ามา พอเห็นสถานการณ์ภายในตำหนักก็มองสีหน้าของเขาต่อ จากนั้นเอ่ยอย่างระมัดระวังว่า “ฝ่าบาท เกาเซ่าหมิงราชทูตแคว้นเยี่ยนขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ!”
“เขายังมีหน้ามาพบข้าอีกหรือ?” ไห่อู๋จี๋ตวาดด้วยความโกรธ “ตัวไร้ประโยชน์ ไม่พบ ให้เขาไสหัวไปซะ! ส่งข่าวไปหาแคว้นเยี่ยนบอกว่าข้าไม่ต้อนรับคนผู้นี้ ให้แคว้นเยี่ยนเปลี่ยนตัวทูตเสีย!”
….
ณ จวนผู้ว่าการมณฑลจินโจว ซือถูเย่าเดินยิ้มหน้าบานพาผู้ติดตามหลายคนเข้ามาที่เรือนพำนักของหนิวโหย่วเต้า
ก่วนฟางอี๋ไปรายงาน หนิวโหย่วเต้าจึงปรากฏตัว เมื่อทั้งสองพบหน้ากัน ซือถูเย่าหัวเราะอย่างเบิกบานพลางเอ่ยแจ้งข่าวดี “น้องหนิว ราชสำนักถอนทัพแล้ว วิกฤตคลี่คลายแล้ว!”
หนิวโหย่วเต้าเอ่ยยิ้มๆ “ประมุขซือถู เห็นหรือไม่ว่าข้าไม่ได้หลอกท่านเลย ทัพใหญ่หนานโจวของเรานับว่าตอบสนองว่องไว มิได้ชักช้าเลยแม้แต่น้อยใช่หรือไม่?”
ซือถูเย่ายกภูเขาออกจากอกได้แล้ว จิตใจเบิกบานอย่างยิ่ง คว้ามือหนิวโหย่วเต้ามาแล้วตบเบาๆ “ใช่แล้วๆ มิตรแท้มักเห็นกันในยามยาก น้องหนิวคือคนที่คู่ควรให้ไว้วางใจ มีน้องหนิวประจำการอยู่ในหนานโจว ส่วนทางด้านหลังนี้ก็ไว้วางใจวังสวรรค์หมื่นวิมานเราได้เลย! ข้าขอรับประกันกับน้องหนิวต่อหน้าทุกคนในที่แห่งนี้ สำนักเขามหายานไม่อาจเป็นตัวแทนหนานโจวได้อีก ต่อไปเรื่องราวของทั้งสองมณฑล วังสวรรค์หมื่นวิมานของข้าจะหารือกับเจ้าเพียงคนเดียวเท่านั้น!”
หนิวโหย่วเต้าถามอีกครั้ง “ความเป็นพันธมิตรจะมีวันสั่นคลอนหรือไม่?”
ซือถูเย่าตอบว่า “จะเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันตลอดไป เฉกเช่นสามีภรรยา!”
สามีภรรยาหรือ? หนิวโหย่วเต้ามองมือตนที่ถูกกุมเอาไว้ แทบจะขนลุกขึ้นมาแล้ว เขาดึงมือกลับมา เอ่ยหยอกเล่นว่า “หากเป็นสามีภรรยา เช่นนั้นจินโจวย่อมต้องเป็นศรีภรรยาแล้ว”
ซือถูเย่าไม่ยอมรับ ไยจินโจวต้องตกเป็นฝ่ายภรรยาเล่า “ข้าว่าหนานโจวเหมาะเป็นศรีภรรยามากกว่า”
หนิวโหย่วเต้าโบกมือ “วาจานี้กล่าวผิดไปแล้ว ไห่หรูเยวี่ยเป็นสตรี ไม่อาจกลายเป็นบุรุษไปได้ ท่านอ๋องเป็นบุรุษไม่อาจเป็นสตรีได้เช่นกัน พอจับคู่กันเช่นนี้ก็เหมือนสามีภรรยากันจริงๆ”
พอเขาเอ่ยไปเช่นนี้ คนฝั่งวังสวรรค์หมื่นวิมานก็พูดไม่ออกแล้ว ใบหน้าของหลีอู๋ฮวากระตุกยิกๆ เล็กน้อย
ก่วนฟางอี๋เม้มปากกลั้นยิ้ม พบว่าเต้าเหยี่ยไม่ยอมเป็นฝ่ายเสียเปรียบเลยจริงๆ ยกเหตุผลมาพูดได้เสมอ
“เจ้านี่ไม่ยอมเสียเปรียบสักนิดเลยจริงๆ” ซือถูเย่ากลอกตาใส่เขาทีหนึ่ง จากนั้นก็ตบไหล่หนิวโหย่วเต้าอีกครั้ง “น้องหนิว อย่าลืมลำดับอาวุโสล่ะ”
เขาบ่งชี้ถึงลำดับอาวุโสระหว่างไห่หรูเยวี่ยและซางเฉาจง
ทุกคนหัวเราะครืนขึ้นมา หนิวโหย่วเต้าก็หัวเราะดังลั่นเช่นกัน เห็นเป็นเพียงมุกตลกเท่านั้น
“น้องหนิว มาคุยกันหน่อยเถอะ” ซือถูเย่าโอบไหล่หนิวโหย่วเต้าเล็กน้อยพลางผายมือเชิญ