ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า - ตอนที่ 583 ขอเพียงเขายินยอมมา
ตอนที่ 583 ขอเพียงเขายินยอมมา
“แคว้นจ้าวสลายกำลังที่พุ่งเป้าไปยังจินโจวแล้ว หนานโจวและจินโจวรอดภัยไปได้!”
ภายในจวนครองฟ้า หลังจากเสวียนเวยที่นั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานอ่านรายงานข่าวจบก็โยนลงบนโต๊ะ ถอนหายใจออกมา
เสียงถอนหายใจแฝงความเสียดายไว้หลายส่วน นางหวังให้มณฑลหนานโจวถูกแคว้นเยี่ยนยึดคืน หนิวโหย่วเต้ายังติคค้างน้ำใจนางอยู่ นางจะได้ถือโอกาสนี้ดึงตัวหนิวโหย่วเต้ามา
สภาวะของหนิวโหย่วเต้าไม่โดดเด่น แต่มีพรสวรรค์ล้ำค่า ดึงตัวมาเป็นนักวางกลยุทธ์ที่สมบูรณ์แบบได้
นักวางกลยุทธ์ที่ดีคนหนึ่งมีค่าเทียบเท่ากองทัพนับหมื่นพัน เผลอๆ อาจจะมีค่ากว่ายอดฝีมือสภาวะสูงส่งนับสิบคนด้วยซ้ำ
จ้าวสยงเกอและหนิวโหย่วเต้า หากว่านางต้องเลือกสักคนหนึ่ง นางย่อมเลือกหนิวโหย่วเต้าอย่างไม่ลังเลเลย จ้าวสยงเกอคนเดียวต่อให้สู้เก่งเพียงใด แต่เมื่อเผชิญกับกองกำลังระหว่างแคว้น สุดท้ายอานุภาพทำลายล้างก็มีขีดจำกัดอยู่ดี
แต่นางก็ไม่อยากให้มณฑลหนานโจวถูกยึดคืนไปเช่นกัน สถานการณ์เช่นในปัจจุบันนี้ดีที่สุดแล้ว นางไม่อยากให้สมดุลของสี่แคว้นทางตะวันออกถูกทำลายลง ไม่อยากให้แคว้นใดแคว้นหนึ่งทางฝั่งตะวันออกขยายอำนาจได้ ในยามที่แคว้นเว่ยไร้กำลังทำอะไรได้ไม่มาก ปล่อยให้ทางตะวันออกคานอำนาจถ่วงสมดุลกันไว้จะดีที่สุด
ดังนั้นสภาพอารมณ์ของนางจึงค่อนข้างซับซ้อนพอสมควร
ถังอี๋ที่อยู่ด้านข้างลองถามดู “ครั้งนี้แคว้นเยี่ยนถูกสถานกาณณ์บังคับให้ต้องถอนกำลังไป เช่นนั้นวันหน้าก็อาจจะหวนกลับมาได้อีกครั้งใช่หรือไม่เพคะ?”
สำหรับสถานการณ์ของแคว้นเยี่ยนในปัจจุบันนี้ เมื่อลองชั่งน้ำหนักดูแล้ว ในใจของนางยังคงเอนเอียงไปหาทางมณฑลหนานโจวของหนิวโหย่วเต้า ไม่อยากให้หนิวโหย่วเต้าเผชิญปัญหาเดือดร้อน
“หากไม่เกิดเหตุเปลี่ยนแปลงใหญ่หลวงขึ้น น่าจะไม่กลับมาอีกสักระยะหนึ่ง” เสวียนเวยลุกขึ้นมา เดินอ้อมโต๊ะตัวยาวออกมาแล้วเดินวนไปวนมา “ในอดีตแคว้นเยี่ยนเสียเป่ยโจวไปก็พิพาทกับแคว้นหานอยู่หลายปีมิใช่หรือ? ตอนนี้กลับกันแล้ว แคว้นหานคงไม่มีทางยอมปล่อยไปง่ายๆ มิเช่นนั้นคงมอบคำอธิบายต่อทั้งแคว้นตนไม่ได้ ไหนเลยจะใช่เพียงทำวางท่าไปเท่านั้น คงต้องขัดแย้งกันต่อไป”
“แคว้นซ่งได้ข้ออ้างแล้ว สามารถส่งกองทัพออกไปได้ทุกเมื่อ แต่จะให้ปะทะกับแคว้นเยี่ยนตัวต่อตัวแบบตายกันไปข้างก็ยังไม่กล้าเช่นกัน แบบนั้นจะสร้างความเสียหายต่อกำลังของแคว้นมากเกินไป หากประมาทไปเพียงนิดเดียวอาจถูกคนรวบเอาแคว้นซ่งและแคว้นเยี่ยนไปพร้อมกันได้ แคว้นซ่งจะต้องใช้ข้ออ้างนี้พัวพันแคว้นเยี่ยนไม่หยุด แต่ก็ไม่มีทางบุ่มบ่ามลงมือ ลับหลังจะต้องไปยุยงให้แคว้นหานลงมือเป็นแน่ แคว้นจ้าวยังไม่เกิดสงครามภายใน คงคอยจับจ้องตาเป็นมันอยู่ห่างๆ แคว้นหานก็ไม่กล้าหุนหันพลันแล่น คงยุยงให้แคว้นซ่งลงมือเช่นกัน”
ถังอี๋ลองถามออกไปอีกครั้ง “ทั้งสองแคว้นจะไปร่วมมือกับแคว้นจ้าว กลายเป็นสามแคว้นร่วมมือกันแบ่งแคว้นเยี่ยนหรือไม่เพคะ?”
เสวียนเวยหันกลับไปมองนางเล็กน้อย ยิ้มนิดๆ แล้วกล่าวว่า “เจ็ดแคว้นรบรากันมานานถึงเพียงนี้ ต่างทราบแผนการในใจของแต่ละฝ่ายดี หากแคว้นจ้าวกล้าเข้าไปร่วมวงกับแคว้นซ่งและแคว้นหานจัดการแคว้นเยี่ยนล่ะก็ แคว้นแคว้นฉีและแคว้นเว่ยของข้าก็ไม่มีทางนิ่งดูดายได้ ทางตะวันตกของแคว้นหานคือทะเลทรายกว้างไพศาล มีแมงป่องทรายนับไม่ถ้วน ทัพใหญ่ไม่อาจข้ามผ่านไปได้ หากแคว้นฝั่งตะวันออกต้องการยกทัพเข้าสู่ฝั่งตะวันตกก็ต้องผ่านเข้าทางแคว้นจ้าวไปเท่านั้น”
“แคว้นจิ้นที่อยู่ตรงข้ามก็ทำให้คนปวดหัวมากพออยู่แล้ว ไหนเลยจะปล่อยให้แคว้นจ้าวขยายอำนาจได้อีก? แคว้นจ้าวเรียกได้ว่าเป็นด่านสกัดภัยหลังบ้านให้แคว้นเว่ยและแคว้นฉี เป็นด่านสำคัญที่ขัดขวางแคว้นฝั่งตะวันออกไว้ให้ทั้งสองแคว้น ทางฝั่งตะวันออกแคว้นใดจะเป็นใหญ่ขึ้นมาก็ได้ แต่มีเพียงแคว้นจ้าวที่แคว้นฉีและแคว้นเว่ยไม่มีทางยอมให้ได้เป็นใหญ่ขึ้นมา นี่คือยุทธศาสตร์สำคัญของทั้งสองแคว้น”
“หากยอมถอยแม้เพียงก้าวเดียวก็จะมีปัญหาต่างๆ ประเดประดังตามมาไม่หยุด ทันทีที่แคว้นจ้าวเรืองอำนาจ เพื่อจะป้องกันแคว้นจิ้นไว้ เกรงว่าภายหน้าคงต้องยอมลดตัวลงไปเอาใจแคว้นจ้าว แล้วต้องจ่ายไปมากเพียงใดกันเล่าถึงจะเติมเต็มความละโมบของอีกฝ่ายได้? เลี้ยงดูอีกฝ่ายจนอ้วนท้วนสมบูรณ์แล้ว อีกฝ่ายไม่มีทางมาสำนึกในน้ำใจของเจ้าหรอกก สุดท้ายยังจะหันดาบมาทางเจ้าด้วย!”
“ทันทีที่แคว้นจ้าวได้เข้าร่วมวงแบ่งปันผลประโยชน์แคว้นเยี่ยน ไม่ว่าอย่างไรแคว้นฉีและแคว้นเว่ยเราก็ต้องส่งกำลังทหารออกไปร่วมมือกันกำราบแคว้นจ้าวเอาไว้แน่ เมื่อเป็นเช่นนี้ แคว้นจ้าวก็คงต้องมองเฉยๆ หรือไม่ก็…หากไม่อยากเห็นแคว้นหานได้รับประโยชน์จากแคว้นเยี่ยนจนแกร่งกล้าขึ้นแล้วมารุกรานตนต่อ ก็คงทำได้เพียงฉวยโอกาสส่งกำลังเข้าโจมตีแคว้นหาน ด้วยเหตุนี้แคว้นหานกก็จะตกอยู่ในสภาวะห่วงหน้าพะวงหลังอีก เมื่อโยงใยกันไปเป็นวงเช่นนี้ก็จะเกิดการถ่วงสมดุลขึ้น หากมิใช่เพราะเช่นนี้ หลังจากหนิงอ๋องซางเจี้ยนปั๋วสิ้นชีพ ด้วยสถานกาณณ์ในปัจจุบันของแคว้นเยี่ยนเกรงว่าคงล่มสลายไปนานแล้ว”
ถังอี๋ใคร่ครวญตามแล้วพยักหน้ารับ หลังจากมาติดตามเสวียนเวย นางจำเป็นต้องยอมรับเลยว่าได้เปิดโลกขึ้นมากนัก
พอเอ่ยมาถึงตรงนี้ เสวียนเวยเหลือบมองถังอี๋ “กลับเป็นตัวหนิวโหย่วเต้าเองที่ตอนนี้ใครๆ ก็มองว่าเขาเป็นที่พึ่งสำคัญของซางเฉาจงไปแล้ว เกรงว่าซางเจี้ยนสยงคงไม่มีทางปล่อยเขาไปง่ายๆ แน่”
ถังอี๋ถาม “เขามีกำลังทหารของหนานโจวในมือ ซางเจี้ยนสยงจะกล้าแตะต้องส่งเดชหรือเพคะ?”
เสวียนเวยส่ายหน้าพลางแย้มยิ้ม “สงครามที่มีผู้บำเพ็ญเพียรเข้าร่วมวง ฝ่ายใดบ้างเล่าที่ไม่มีผู้บำเพ็ญเพียรติดตามอยู่ มิเช่นนั้นแม่ทัพในกองทัพนับหมื่นพันคงถูกศัตรูเด็ดหัวไปได้ง่ายๆ ต่อให้เป็นกองทัพที่แข็งแกร่งเพียงใด แต่หากไร้ผู้บัญชาการ แล้วจะต่อสู้ได้อย่างไร? สำนักเขามหายานให้ความร่วมมือติดตามทัพของซางเฉาจงเข้าประชิดทางจินโจวก็เพื่อขู่ขวัญทางแคว้นจ้าว โดยสรุปแล้วก็ทำไปเพื่อปกป้องหนานโจวไว้ แคว้นเยี่ยนยอมถอนกำลังไปแล้ว เจ้าคิดว่าสำนักเขามหายานจะยังเป็นฝ่ายไปหาเรื่องใส่ตัวอีกหรือ? อีกอย่าง…”
นางชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยต่อ “ตัวพวกเขาเองก็ไม่กล้าปะทะกับหนิวโหย่วเต้าตรงๆ เพราะกลัวจะก่อให้เกิดความโกลาหลใหญ่โตขึ้นในหนานโจว แต่หากว่ามีคนอื่นเข้ามารับหน้าที่แทนล่ะก็…เกรงว่าสำนักเขามหายานคงอดใจรอที่จะยืมดาบสังหารคนแทบจะไม่ไหวแล้วเช่นกัน อยากฉวยโอกาสนี้ยืมมือซางเจี้ยนสยงกำจัดหนิวโหย่วเต้าทิ้งแทบแย่แล้ว! หากสำนักเขามหายานไม่ให้ความร่วมมือกับซางเฉาจงขึ้นมา ทัพใหญ่ของซางเฉาจงก็จะไร้พิษสงไปทันที หากกล้าบุกเข้ารุกรานราชสำนักก่อนนับว่ารนหาที่ตาย เจ้าว่าซางเจี้ยนสยงจะกล้าลงมือส่งเดชหรือไม่เล่า?”
ถังอี๋เงียบไป ขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย ลึกๆ ในใจนึกกังวลแทนหนิวโหย่วเต้าขึ้นมาแล้ว
“แต่ข้ากลับยินดีจะให้ที่พักพิงคุ้มภัยแก่หนิวโหย่วเต้า ข้าเองก็ชื่นชมเขามากเช่นกัน ขอเพียงเขายินดีมาช่วยเป็นกำลังให้ข้าที่แคว้นเว่ย ปัญหายุ่งยากทั้งหมดของเขาล้วนจะได้รับการคลี่คลาย หากว่ากันในแง่กำลังทรัพย์ ในเจ็ดแคว้นไม่มีผู้ใดเทียบแคว้นเว่ยได้ ขอเพียงเขายินยอมมา ข้ารับประกันเลยว่าจะจัดหาทรัพยากรบำเพ็ญเพียรให้เขาอย่างพรั่งพร้อม อีกทั้งอาจจะช่วยอำนวยประโยชน์ให้เขามากขึ้นด้วย”
เสวียนเวยกล่าวพลางเดินไปหยุดอยู่ตรงเบื้องหน้าถังอี๋ จ้องมองนางแล้วเอ่ยว่า “หากเจ้าสามารถโน้มน้าวให้เขามาได้ ข้าก็ยินดีจะช่วยสะกดสำนักอื่นให้แก่สำนักสวรรค์พิสุทธิ์ แล้วก็แบ่งอาณาเขตหนึ่งมณฑลให้แกก่สำนักสวรรค์พิสุทธิ์!”
นางเป็นคนแรกที่นึกอยากจะดึงตัวหนิวโหย่วเต้าเข้ามา แต่ช่วงแรกยังไม่ได้มีความคิดที่แรงกล้าขนาดนี้ เพราะว่านางก็ใช่ไท่ซูสยง ไม่ได้ทราบเรื่องราวมากมายจากปากเซ่าผิงปอเหมือนอย่างเขา
แต่นางคือคนแรกที่ให้ความสนใจต่อหนิวโหย่วเต้า เริ่มขึ้นตอนที่หนิวโหย่วเต้าปล้นม้าศึกแล้วนางได้พบหยวนกังในทะเลทราย ในฐานะคนที่อยู่เบื้องหลังชายที่สามารถควบคุมราชาแมงป่องได้ จะไม่ให้นางเกิดความสนใจเขาก็คงเป็นไปได้ยาก
แต่เรื่องราวที่นางทราบก็ไม่ได้มากไปกว่าคนอื่นๆ สักเท่าไร ในแง่หนึ่งแล้ว หนิวโหย่วเต้าค่อนข้างเก็บตัว ส่วนใหญ่จะหลบอยู่ในมณฑลหนานโจวไม่ออกไปไหน แม้แต่ซางเฉาจงที่เป็นพวกเดียวกับหนิวโหย่วเต้าก็ไม่ทราบว่าหนิวโหย่วเต้าไปที่ไหนอยู่บ่อยครั้ง จึงยากมากที่คนนอกจะสืบพบข้อมูลอันใดได้
แต่นับตั้งแต่ที่มณฑลหนานโจวและมณฑลเป่ยโจวเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เซ่าผิงปอและหนิวโหย่วเต้าก็ได้ถูกแคว้นต่างๆ พากันจับตามองทั้งคู่
เรื่องของมณฑลหนานโจวและมณฑลจินโจวในครานี้ก็มีความเป็นไปได้สูงที่จะเป็นฝีมือของหนิวโหย่วเต้าอีก
ประกอบกับไท่ซูสยงให้ความสำคัญกับเซ่าผิงปอขนาดนั้น ทำให้นางยิ่งมีความต้องการจะดึงตัวหนิวโหย่วเต้าเข้ามามากขึ้นกว่าเดิม
ไท่ซูสยงเป็นผู้ใดกันเล่า? ให้ความสำคัญกับเซ่าผิงปอถึงเพียงนั้นได้ ย่อมต้องมีสาเหตุอยู่แน่นอน
ส่วนคนที่โดดเด่นโลดแล่นอยู่ในยามนี้ก็คือคนที่ทำให้เซ่าผิงปอพ่ายแพ้หมดท่ามาหลายต่อหลายครั้ง!
ส่วนเรื่องอาณาเขตหนึ่งมณฑลที่รับปากถังอี๋ไว้ ขอเพียงถังอี๋ชักจูงเขามาได้ก็เอาไปเลย!
หากหนิวโหย่วเต้าสามารถแสดงความสามารถให้เห็น นางย่อมต้องคิดหาทางช่วยให้สำนักสวรรค์พิสุทธิ์ได้ครอบครองอาณาเขตหนึ่งมณฑลได้ แต่ถ้าหากเขาไม่มีประโยชน์ใดๆ หากถูกคนอื่นแย่งชิงพื้นที่หนึ่งมณฑลไปก็จะมาโทษนางไม่ได้เช่นกัน ไม่มีผู้ใดกำหนดไว้ว่าพื้นที่ของสำนักหนึ่งจะต้องเป็นพื้นที่ของสำนักนั้นไปตลอด
ที่นางคาดหวังว่าถังอี๋จะสามารถโน้มน้าวได้ ก็เพราะเรื่องที่ถังอี๋รีบร้อนประกาศข่าวหย่าร้างออกไปทำให้นางมองออกว่าหนิวโหย่วเต้าอยากจะรักษาระยะห่างจากนาง หากว่ากันในอีกมุมหนึ่งแล้ว ดูเหมือนหนิวโหย่วเต้าจะไม่ได้เห็นดีในตัวนางสักเท่าไร เพียงแค่อยากจะขีดเส้นแบ่งกันนางให้ชัดเจนเท่านั้น ไม่ใช่คนที่นางนึกอยากจะดึงตัวก็สามารถดึงตัวมาได้
หนิวโหย่วเต้าไม่เห็นดีในตัวนาง ภายหลังนางจึงเป็นฝ่ายไปชักจูงเซ่าผิงปอก่อน ผลคือเซ่าผิงปอที่ตกอยู่ในสภาวะวิกฤตก็ยังตีจากนาง แล้วหนีไปพึ่งพิงแคว้นจิ้นที่ยากจนข้นแค้นแทน ไม่เห็นดีในตัวนางเช่นกัน ความคิดของศัตรูคู่แค้นคู่นี้กลับเหมือนกันอย่างน่าประหลาด ทำให้ลึกๆ ในใจนางทั้งตกใจและคับข้องใจ ถึงขั้นที่หวาดหวั่นอยู่รางๆ ด้วย
ยามนี้ไม่ว่าจะส่งผู้ใดไปโน้มน้าวก็ล้วนนับว่าเป็นตัวแทนของนางทั้งสิ้น จะให้ถังอี๋หรือให้สำนักสวรรค์พิสุทธ์ไปโน้มน้าวก็เป็นตัวแทนของนางเหมือนกัน ซ้ำยังเพิ่มโอกาสสำเร็จมากขึ้นอีกส่วนหนึ่งด้วย นางจึงมุ่งหวังให้สำนักสวรรค์พิสุทธิ์ไปเกลี้ยกล่อม
ซีเหมือนฉิงคงที่อยู่ด้านข้างเหลือบมองถังอี๋ด้วยสายตาเรียบเฉย
อาณาเขตหนึ่งมณฑลอย่างนั้นหรือ? ถังอี๋ค่อนข้างตกใจพอสมควร ไม่คิดว่าในสายตาของเสวียนเวยแล้ว หนิวโหย่วเต้าจะมีมูลค่าสูงขนาดนี้
….
แม้ว่าสีหน้าจะยังไม่สู้ดี แต่ไห่หรูเยวี่ยก็สามารถลงจากเตียงมาเดินเหินได้แล้ว ซ้ำยังทยอยไปพบบุคคลสำคัญบางส่วนของมณฑลจินโจวด้วย สร้างความมั่นใจให้แก่ผู้คน
พอเห็นหนิวโหย่วเต้าเดินอมยิ้มเข้ามาเบื้องหน้า ไห่หรูเยวี่ยก็ยากจะละวางความชิงชังคั่งแค้นในใจไปได้
หนิวโหย่วเต้ามาเพื่อกล่าวอำลา เขาไม่อาจรั้งอยู่ที่นี่ไปตลอดได้เช่นกัน ถึงอย่างไรที่นี่ก็เป็นอาณาเขตของอีกฝ่าย กำลังเขาเปราะบาง จะถูกคนเขาควบคุมเอาได้ง่ายๆ
“อย่าคิดนะว่าการที่เจ้าช่วยออกความเห็นช่วยเหลือข้ากับลูกข้าไว้จะทำให้ข้ายอมลืมเรื่องของเทียนเจิ้นไป แล้วรู้สึกขอบคุณในตัวเจ้าขึ้นมา!” ไห่หรูเยวี่ยกัดฟันเอ่ยอย่างชิงชัง กระทั่งหลีอู๋ฮวาที่อย่ด้านข้างดึงแขนเสื้อนางไว้ก็ยังไม่อาจห้ามปรามได้
ตอนนี้ หลีอู๋ฮวาไม่สามารถขู่ให้นางกลัวได้เหมือนอย่างที่ผ่านมาแล้ว
หนิวโหย่วเต้ายิ้มเล็กน้อยพลางเอ่ยว่า “องค์หญิงใหญ่อาจทรงลืมเรื่องหนึ่งไปนะพ่ะย่ะค่ะ ชีวิตของเซียวเทียนเจิ้นบุตรชายคนโตของพระองค์ก็เป็นกระหม่อมที่ช่วยเอาไว้เช่นกัน แน่นอนแม้ว่าเรื่องที่ภายหลังเขาถูกหมอผีพาตัวไปกระหม่อมเองก็มีส่วนอยู่เช่นกัน แต่กระหม่อมอยากจะเตือนองค์หญิงใหญ่เอาไว้ คนอื่นอาจจะหาเบาะแสที่อยู่ของเซียวเทียนเจิ้นไม่พบ แต่ก็ใช่ว่ากระหม่อมจะไม่มีวิธีตามหาให้พบ ไม่ทราบเช่นกันว่าองค์หญิงใหญ่จะต้องการให้กระหม่อมหาพบหรือไม่”
“….” ไห่หรูเยวี่ยอึกอักลังเล อยากจะพูดนักว่าเล่นอุบายขายฝันเช่นนี้ให้น้อยๆ หน่อย แต่พอนึกถึงฝีมือที่ไม่ธรรมดาของคนผู้นี้ขึ้นมา เรื่องราวอื่นใดไม่ขอกล่าวถึงแล้ว ทว่าแม้แต่ผลตะวันชาดก็ยังขโมยมาจากหอหิมะเหมันต์ได้ ยังจะมีอันใดที่ทำไม่ได้อีกเล่า?
“องค์หญิงใหญ่โปรดรักษาพระองค์ด้วย” หนิวโหย่วเต้ายกกระบี่ประสานหมัดกล่าวอำลา
ไห่หรูเยวี่ยยังคิดจะกล่าวบางอย่างต่อ ทว่าถูกหลีอู๋ฮวายื่นแขนมากั้นไว้เล้กน้อย จากนั้นหลีอู๋ฮวาก็เดินออกไปส่งแขก
ยามที่เดินมาส่งจนเกือบถึงประตูใหญ่จวนผู้ว่าการมณฑลแล้ว หลีอู๋ฮวาพลันยื่นมือมาแตะศอกหนิวโหย่วเต้าเล็กน้อย “น้องหนิวอย่าได้ถือสาหาความกับนางเลย ความคิดสตรีหาได้สำคัญไม่ สิทธิ์ขาดในจินโจวยังคงขึ้นอยู่กับทางวังสวรรค์หมื่นวิมานของเรา”
วาจานี้แฝงความหมายค่อนข้างลึกซึ้งไว้ ซ้ำยังส่งสายตาให้หนิวโหย่วเต้าเป็นนัยๆ ด้วย
หนิวโหย่วเต้าเข้าใจความหมายของอีกฝ่าย คนผู้นี้คงกลัวว่าเขาจะตามตัวเซียวเทียนเจิ้นกลับมาจริงๆ อีกฝ่ายไม่ต้องการให้เซียวเทียนเจิ้นกลับมายังมณฑลจินโจวอีก
หากว่ากันในมุมของอีกฝ่าย ก็พอจะเข้าใจความคิดได้ หากเซียวเทียนเจิ้นกลับมา อีกฝ่ายก็คงกระอักกระอ่วนแล้ว หนิวโหย่วเต้าพยักหน้ารับนิดๆ ไม่ได้แสดงท่าทีอย่างชัดเจน
….
วิหคยักษ์สองตัวโฉบร่อนลงกลางป่าเขาทึบ เกาเซ่าหมิงถูกผู้บำเพ็ญเพียรรายหนึ่งประคองกระโดดลงมายังพื้นดิน เขาประสานมือคำนับจ้าวเซินที่ยืนอยู่บนโขดหินอีกก้อน “เจ้ากรมจ้าว”
จ้าวเซินก้มลงมองอีกฝ่ายจากด้านบน ระหว่างที่เขาเดินทางอยู่ก็ได้รับแจ้งข่าวจากทางวังหลวง ทำให้จำเป็นต้องปลีกตัวออกมาจากขบวนอย่างเงียบๆ ย้อนกลับมาวนเวียนอยู่รอบเมืองจินโจว
เขาก้มลงมองจากด้านบน ไม่มีท่าทีจะลงมาหาเลย เกาเซ่าหมิงจึงทำได้เพียงเงยหน้าเอ่ยถาม “หนิวโหย่วเต้าเล่า?”
จ้าวเซินตอบอย่างเฉยชา ”ยังอยู่ในจวนผู้ว่าการมณฑล”
เพิ่งจะเอ่ยจบประโยค ปีกทองตัวหนึ่งก็โผลงมาจากกลางอากาศ มีการปลดข่าวสารออกมา หลังจากขันทีคนหนึ่งอ่านจบก็รายงานทันที “ท่านเจ้ากรม หนิวโหย่วเต้าออกจากจวนผู้ว่าการมณฑลแล้วขอรับ ดูเหมือนเตรียมจะออกจากเมืองแล้ว”