ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า - ตอนที่ 80 อำเภอชางหลู
ตอนที่ 80 อำเภอชางหลู
“……” หลานรั่วถิงอึกอักพูดไม่ออก นึกว่าเขามองเห็นสัญญาณของตนเลยจงใจบ่ายเบี่ยงเฟิ่งรั่วหนาน
ต่อให้ไม่ใช่ เขาก็รู้สึกสงสัยอยู่ดี อะไรคือการที่มาบอกว่าข้ามากเล่ห์? แผนการนี้ผู้ใดเป็นคนคิดขึ้นมาเล่า? เจ้าวางยาเสียด้วยซ้ำ ใครกันแน่ที่มากเล่ห์?
หลานรั่วถิงเพิ่งเดินจากไปได้สักพัก ซางซูชิงก็มาอีกแล้ว มาเลียบๆ เคียงๆ ถามว่า “อาจารย์หลานไม่ให้เต้าเหยี่ยรักษาลูกน้องของพี่สะใภ้หรือ?”
“ไม่ใช่ว่าไม่ให้รักษา แต่ท่านหลานอยากจับคู่ท่านอ๋องกับพระชายา…” หนิวโหย่วเต้าเปิดเผยเจตนาของหลานรั่วถิงออกมาตรงๆ
ซางซูชิงไม่รู้ว่าควรจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี รู้สึกว่าเหตุใดบุรุษเหล่านี้ถึงเอาแต่คิดเรื่องเลวร้ายพรรค์นี้กัน แต่นางก็ออกความเห็นอันใดเกี่ยวกับเรื่องนี้มิได้เช่นกัน จึงย้อนกลับไปยังประเด็นหลักที่อยากถาม “เต้าเหยี่ย วิธีรักษาของท่านมีประโยชน์มหาศาลต่อเหล่าทหารในสนามรบ ไม่ทราบว่าสะดวกใจถ่ายทอดให้พวกเราหรือไม่?”
หนิวโหย่วเต้าโบกมือให้อย่างไม่ถือสา “มิใช่เรื่องใหญ่โตอันใด หากอยากเรียนก็ไปหาเจ้าลิงได้เลย เรื่องรักษาบาดแผลภายนอกเขาเก่งกว่ากระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ”
โลกนี้มีทักษะมากมายที่ไม่ถ่ายทอดแก่คนนอก ซางซูชิงนึกกังวลอยู่ว่าอีกฝ่ายจะหวงวิชา ไม่นึกเลยว่าอีกฝ่ายจะตอบตกตลงเร็วขนาดนี้ นางเอ่ยด้วยความยินดีปรีดา “ตกลง ชิงเอ๋อร์ขอเป็นตัวแทนเหล่าทหารขอบพระคุณความเมตตาของเต้าเหยี่ย!”
สำหรับเหล่าทหารที่ต้องออกศึกแล้ว นี่ไม่ใช่เรื่องเล็กเลยจริงๆ แต่สำหรับหนิวโหย่วเต้าแล้ว มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อันใดเลย เขาหัวเราะฮ่าๆ พลางเอ่ยว่า “เรื่องแค่นี้ไม่จำเป็นต้องขอบคุณเลยพ่ะย่ะค่ะ ใช่แล้ว พระองค์เอาเรื่องนี้ไปหารือกับท่านหลานดูหน่อยเถอะพ่ะย่ะค่ะ เขาคงอยากอาศัยเรื่องนี้ไปหลอกล่อพี่สะใภ้ของท่านน่ะพ่ะย่ะค่ะ!”
พอพูดถึงเรื่องนี้อีกครั้ง ซางซูชิงก็รู้สึกเก้อเขินเล็กน้อย แต่ยังคงพยักหน้ารับ
…..
คืนนั้น คนของเฟิ่งรั่วหนานสังเกตเห็นว่ามีม้าตัวหนึ่งวิ่งมาจากทางอำเภอชางหลู หลังจากถูกทหารยามสกัดไว้ อีกฝ่ายจึงแจ้งว่าเป็นคนของซางเฉาจง ต่อมาคนจากฝั่งซางเฉาจงจึงมาทำการยืนยัน ไม่ทราบว่าคนผู้นั้นนำข่าวใดมาส่งให้ หลังจากพวกซางเฉาจงและหลานรั่วถิงเข้าไปในกระโจม แสงไฟในกระโจมก็ส่องสว่างอยู่ทั้งคืน ไม่ทราบเช่นกันว่าหารือแผนการอันใดอยู่
เหล่าสมณะแห่งวัดหนานซานก็สังเกตเห็นสถานการณ์ดังกล่าวด้วยเช่นกัน หยวนกังได้สั่งการสมณะเหล่านี้เอาไว้ก่อนแล้ว หลังจากสืบทราบสถานการณ์จึงมารายงานให้หนิวโหย่วเต้าทราบ
วันต่อมา กองทหารออกเดินทางกันต่อ พอถึงยามบ่าย ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงจุดหมายปลายทาง เข้าเขตอำเภอชางหลู
นายอำเภอหลูหลินเม่าและปลัดอำเภอฟางหมิงจ้าวได้พาคณะเจ้าหน้าที่ประจำอำเภอรวมถึงบรรดาเศรษฐีผู้มีหน้ามีตาในอำเภอมารอต้อนรับล่วงหน้าที่ปากทางเข้าอำเภอ
หลังจากพบหน้ากัน คณะต้อนรับของอำเภอชางหลูพากันทำความเคารพอย่างนอบน้อมตามธรรมเนียม ทว่าซางเฉาจงที่นั่งอยู่บนหลังอาชาร่างสูงใหญ่กลับไม่มีทีท่าว่าจะลงจากม้า จ้องมองพวกเขาด้วยสีหน้าเรียบเฉย
หลังจากคณะต้อนรับทำความเคารพเสร็จสิ้น ซางเฉาจงเอ่ยถามอย่างเยือกเย็นว่า “พวกเจ้าทราบความผิดหรือไม่?”
ผู้คนที่แย้มยิ้มอยู่ตะลึงงัน อย่าว่าแต่พวกเขาเลย แม้กระทั่งพวกเฟิ่งรั่วหนานและหนิวโหย่วเต้าเองก็ไม่เข้าใจเช่นเช่นกัน
นายอำเภอหลูหลินเม่าประสานมือเอ่ยถามด้วยสีหน้าประหลาดใจ “ไม่ทราบว่าเหตุใดท่านอ๋องถึงกล่าวเช่นนี้พ่ะย่ะค่ะ?”
ซางเฉาจงกล่าวว่า “เป็นถึงเจ้าหน้าที่ของราชสำนัก แต่กลับฉ้อราษฎร์บังหลวง คหบดีท้องถิ่นก็รีดนาทาเร้น รังแกบุรุษข่มเหงสตรี สมควรรับโทษเยี่ยงไร?”
หลูหลินเม่าเอ่ยอย่างเคร่งขรึม “ท่านอ๋อง นี่จะต้องมีคนปรักปรำป้ายสีแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”
ซางเฉาจงไม่พูดมากกับพวกเขาอีก โบกมือส่งสัญญาณ “จับให้หมด!”
องครักษ์กลุ่มหนึ่งกระโดดลงจากหลังม้า จับพวกนายอำเภอและปลัดอำเภอกดลงบนพื้นแล้วมัดตัวไว้ แม้ว่าเจ้าหน้าที่อำเภอจะพกดาบเช่นกัน แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับทหารองครักษ์ที่ดุดันราวพยัคฆ์ ไหนเลยจะกล้าขัดขืนได้ ทั้งหมดถูกบังคับให้คุกเข่าอยู่บนพื้น รวมถึงคหบดีท้องถิ่นเหล่านั้นด้วย
จู่ๆ ก็กลายเป็นแบบนี้ ทำเอาขบวนคนที่เดินทางมารอต้อนรับต่างตกใจเป็นอย่างมาก ผู้บำเพ็ญเพียรจากสำนักต่างๆ ที่รับผิดชอบคอยเก็บรวบรวมสมุนไพรอยู่ที่นี่จำนวนหลายคนต่างพากันถอยห่างออกไปด้วยความตกใจ เฝ้ามองภาพเหตุการณ์นี้ด้วยความสับสนลังเล แต่ฝ่ายซางเฉาจงเองก็ไม่คิดจะแตะต้องพวกเขาเช่นกัน
พวกเฟิ่งรั่วหนานรู้สึกแปลกใจว่าซางเฉาจงจะสนใจเรื่องนี้ไปทำไม แม้อำเภอชางหลูจะเป็นเมืองศักดินาของซางเฉาจง แต่ก็เป็นแค่เมืองศักดินาเท่านั้น หลังเกิดเหตุจลาจลวุ่นวายของราชวงศ์อู่ขึ้น แคว้นต่างๆ ล้วนได้รับบทเรียนแล้ว อันสิ่งที่เรียกว่าเมืองศักดินาส่วนใหญ่ก็เป็นแค่เมืองขึ้นแต่ในนามเท่านั้น สามารถเสพสุขกับส่วยภาษีได้ในระดับหนึ่ง แต่อำนาจแต่งตั้งขุนนางกลับเป็นของราชสำนัก ซางเฉาจงมีตำแหน่งสูงกว่าขุนนางท้องถิ่นเหล่านี้ แต่กลับไม่มีอำนาจจัดการพวกเขา
นายอำเภอหลูหลินเม่าดิ้นรนร้องตะโกน “ท่านอ๋อง ต่อให้พวกกระหม่อมมีโทษ ก็ควรให้ราชสำนักเป็นผู้ตัดสินโทษ ท่านอ๋องจะกระทำเกินกว่าอำนาจไปได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ!”
ซางเฉาจงกล่าวอย่างเย็นชา “ผิดหรือถูก ข้าจะรายงานต่อราชสำนักเอง! เมืองศักดินาของข้า ไหนเลยจะปล่อยให้พวกเจ้าบ่อนทำลายได้ ต้องสังหารดับแค้นให้ประชาชน!” เขาโบกมือคราหนึ่ง “ตัดหัว!”
องครักษ์หลายนายเงื้อดาบฟัน เสียงโหยหวนแว่วขึ้นหลายเสียง โลหิตพุ่งกระฉูด ศีรษะเจ้าพนักงานอำเภอหลายคนร่วงลงพื้น
เจ้าพนักงานคนอื่นๆ ที่เหลือรวมถึงเหล่าคหบดีไม่เคยคิดฝันมาก่อนเลยว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น ฉากนองเลือดเช่นนี้ทำให้คนเหล่านี้ตกใจจนใบหน้าซีดเผือด ตัวสั่นงันงก
จากนั้นเหล่าคหบดีท้องถิ่นที่แห่แหนมาอย่างเอิกเกริกล้วนถูกคุมตัวไว้ ซางเฉาจงทิ้งไพร่พลบางส่วนไว้คอยเฝ้า ส่วนคนอื่นๆ ที่เหลือรีบติดตามเขามุ่งหน้าไปยังตัวอำเภอ
หลังจากไปถึงตัวอำเภอ พวกเฟิ่งรั่วหนานและหนิวโหย่วเต้าถึงได้ทราบว่าซางเฉาจงคิดจะทำอะไร มันมิได้เกี่ยวข้องอันใดกับการขจัดคนพาลอภิบาลคนดีเลย เขาแค่ต้องการเข้าควบคุมอำเภอชางหลูโดยตรง กำจัดอิทธิพลของราชสำนักให้สิ้นซาก และไม่คิดจะค่อยเป็นค่อยไปด้วย หากแต่ใช้กำลังทหารเข้าทำการกวาดล้าง เห็นได้ชัดว่าต้องการตั้งตนเป็นกองกำลังอิสระ
พอมาถึงอำเภอชางหลู ซางเฉาจงได้ไพร่พลเพิ่มขึ้นนับพันนาย กองกำลังเก่าของหนิงอ๋องที่กบดานซุ่มรออยู่ที่นี่เผยตัวออกมา ทำงานประสานกับเหล่าทหาร บุกยึดบ้านเรือนของขุนนางแทบจะทั้งหมดในอำเภอเอาไว้ ถึงแม้จะเพิ่งมาเป็นครั้งแรก แต่เมื่อมีคนในพื้นที่นำทางให้ อีกทั้งมีรายชื่ออยู่ในมือ ทั้งสถานการณ์และเส้นทางจึงทราบอย่างชัดเจน เห็นได้ชัดว่าพวกซางเฉาจงที่อยู่ทางด้านนี้ได้เตรียมการเอาไว้นานแล้ว เมื่อสังหารพวกนายอำเภอและปลัดอำเภอไปแล้ว ก็มีเจ้าหน้าที่สำเร็จรูปชุดหนึ่งโผล่ออกมาแทนที่ในทันที
ภายในตัวอำเภอ ซางเฉาจงได้หยิบยืมคนส่วนหนึ่งมาจากเฟิ่งรั่วหนาน ไพร่พลบุกโจมตีไปทั่ว ไม่เพียงแต่จะบุกยึดบ้านเรือนของขุนนางเหล่านั้น แต่ยังบุกค้นร้านรวงที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับขุนนางและคหบดีเหล่านั้นด้วย
ขณะเดียวกันทหารหลายสิบนายก็รุดหน้าไปตามเขตหมู่บ้านต่างๆ ในอำเภอชางหลู บุกค้นบ้านเรือนของคหบดีบางส่วน ไม่ให้โอกาสคนเหล่านั้นได้พักหายใจ และไม่มีเหตุผลใดๆ ให้ชี้แจง หากแต่แจ้งข้อกล่าวหาที่สืบทราบเอาไว้แต่แรก ใช้กำลังกวาดล้างโดยตรง
ในช่วงเวลาหลายวันหลังจากนั้น ทั่วทั้งอำเภอชางหลูตกอยู่ในความโกลาหลวุ่นวาย อู๋ฝูนายอำเภอคนใหม่ที่เข้ารับตำแหน่งไม่ได้มาจากการแต่งตั้งของราชสำนัก หากแต่ได้รับการแต่งตั้งจากซางเฉาจงโดยตรง เมื่อซางเฉาจงมาถึงที่นี่ เขาก็ไม่รับคำสั่งใดๆ จากราชสำนักอีก ขุนนางใหม่ที่เข้ารับตำแหน่งได้รับการผลักดันจากซางเฉาจง ทำการปฏิรูปอย่างเฉียบขาด เร่งทำนุบำรุงราษฎร จัดสรรปันส่วนไร่นาของตระกูลคหบดีให้ชาวบ้านในท้องถิ่น แจกจ่ายเสบียงบางส่วนที่ตรวจยึดมาได้บรรเทาทุกข์ภัยให้ชาวบ้าน อาศัยเสบียงรวบรวมคนหนุ่มบางส่วนมาฝึกฝน ไพร่พลของซางเฉาจงขยายตัวเพิ่มขึ้นมานับพัน เร่งจัดการสถานการณ์ในอำเภอชางหลูให้สงบลงได้อย่างรวดเร็ว
หลังจากทางไป๋เหยาทราบถึงเจตนาของซางเฉาจงแล้ว เขาก็ส่งข่าวกลับไป เตรียมให้สำนักหยกสวรรค์ส่งผู้บำเพ็ญเพียรรุ่นเยาว์มาจำนวนหนึ่ง มารับช่วงดูแลเรื่องเก็บเกี่ยวสมุนไพรวิญญาณที่นี่
งานราชการส่วนใหญ่ในอำเภอชางหลูมีการจัดกำลังคนเข้าไปดูแลแล้ว หลังจากทิ้งไพร่พลส่วนหนึ่งไว้คอยช่วยเหลือ ซางเฉาจงก็พากองกำลังหลักออกไปจากตัวอำเภอ
ห่างจากตัวอำเภอมาไม่ไกล ในภูเขาแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ตรงข้ามกับตัวอำเภอชางหลูมีคฤหาสน์ที่หนิงอ๋องเคยสร้างไว้เมื่อนานมาแล้ว รองรับคนเรือนหมื่นได้ไม่มีปัญหา จุดสำคัญที่สุดคือป้องกันง่ายโจมตียาก สามารถมั่นใจในเรื่องความปลอดภัยได้ ตัวเมืองชางหลูมีคนเดินทางเข้าออกอยู่ทุกวัน ไม่มีทางที่จะปิดเมืองได้ ประกอบกับที่นี่อยู่ลึกเข้ามาในใจกลางจังหวัดชิงซานแล้ว ด้วยเหตุผลต่างๆ จึงเหมาะที่จะโยกย้ายมาพักที่นี่
ระหว่างทาง มองเห็นเกวียนลำเลียงธัญพืชหลายคันเรียงแถวยาวเหยียด หนิวโหย่วเต้าขยับเข้าไปหยุดข้างกายหลานรั่วถิงแล้วเอ่ยถาม “ธัญพืชเหล่านี้ยึดมาจากคหบดีเหล่านั้นหมดเลยหรือ?”
หลานรั่วถิงถอนหายใจพลางกล่าวว่า “ชาวบ้านไหนเลยจะมีเสบียงเหลืออยู่ในมือได้ เสบียงของไพร่พลจำนวนมากมายขนาดนี้ จะหวังให้ทางจังหวัดกว่างอี้จัดส่งมาให้ตลอดก็คงจะเป็นไปไม่ได้ อาจจะถูกคนตัดขาดการขนส่งเสบียงได้ตลอดเวลา จึงทำได้เพียงยึดมาจากบรรดาคหบดีที่ตามปกติมั่งมีทว่าไร้เมตตาเหล่านั้น ทรัพย์สินและเสบียงที่ยึดมาได้ในตอนนี้เพียงพอให้ใช้ได้อีกหนึ่งปี ขอเพียงดูแลจัดการอำเภอชางหลูให้ดี จัดเก็บภาษีได้อย่างมั่นคง วันหน้าก็สามารถจัดสรรหมุนเวียนต่อไปได้”
หนิวโหย่วเต้าจุ๊ปากกล่าวว่า “พวกท่านช่างหาเงินกันเร็วนัก”
หลานรั่วถิงยิ้มเจื่อน “มันก็ช่วยไม่ได้ หากไม่กำจัดอิทธิพลของราชสำนัก พวกเราก็ไม่อาจควบคุมที่นี่อย่างสมบูรณ์ได้ แล้วก็จะไม่มีทางตั้งตัวได้ เมื่อไม่มีเสบียงทรัพย์สินก็ไม่มีความมั่นใจ เพราะทุกคนต้องกินข้าวใช่ไหมล่ะ”
หนิวโหย่วเต้าเอ่ยขึ้นว่า “ดูเหมือนพวกท่านจะซุ่มวางแผนมานานแล้วสินะ!”
หลานรั่วถิงตอบตามตรง “ก็ไม่ได้เรียกว่าซุ่มวางแผนมานานอันใดหรอก หากมิใช่เพราะเต้าเหยี่ยหาทางเกี่ยวดองได้สำเร็จ พวกเราก็ไม่กล้าเดินหมากตานี้เช่นกัน ในเมื่อเปิดฉากได้ดีแล้ว พวกเราย่อมต้องวางแผนในระยะยาวต่อ”
หนิวโหย่วเต้าสอบถาม “อำเภอชางหลูตั้งอยู่ใจกลางจังหวัดชิงซาน ศัตรูขนาบสามทิศ พวกท่านตั้งตัวต่อต้านราชสำนักเช่นนี้ ไม่นึกหวาดกลัวบ้างหรือ?”
หลานรั่วถิงเอ่ย “ราชสำนักชิงลงมือระหว่างทางก่อน พวกเขาเป็นฝ่ายหาเรื่อง อำเภอนี้ก็ถือเป็นค่าชดเชยแล้วกัน ทางสำนักหยกสวรรค์และเฟิ่งหลิงปอไม่ได้คัดค้านก็เท่ากับให้การสนับสนุนแล้ว ราชสำนักย่อมไม่กล้าผลีผลามลงมือ!” เขาเหลือบไปเห็นหนิวโหย่วเต้าที่คล้ายยิ้มคลายมิยิ้ม ก็ทราบว่าอีกฝ่ายมองบางอย่างออกแล้ว จึงเอ่ยเสียงเบาลงว่า “ที่นี่ไม่เหมาะสำหรับพูดคุย กลับไปแล้วค่อยว่ากัน”
หนิวโหย่วเต้ามองไปรอบๆ เฟิ่งรั่วหนานและพวกไป๋เหยาอยู่ไม่ไกลนัก เรื่องบางอย่างไม่ควรพูดมากจริงๆ
ไม่ทราบเช่นกันว่าคฤหาสน์ที่อยู่บนเขามีความเกี่ยวข้องกับกองกำลังเก่าของหนิงอ๋องที่ปรากฏตัวขึ้นหรือไม่ หรือว่ามีการจัดเตรียมไว้ก่อนนานแล้ว สถานที่แห่งนี้มีประโยชน์ใช้สอยด้านการทหารอย่างเห็นได้ชัด
แม้จะดูเก่าทรุดโทรมไปบ้าง แต่มีคนช่วยเก็บกวาดทำความสะอาดให้ก่อนแล้ว จึงเข้าพักอาศัยได้ทันทีโดยไม่มีปัญหาอะไร
ธัญพืชถูกรวบรวมมาแล้ว ไพร่พลก็จัดแจงเรียบร้อยแล้ว พอฟ้ามืดลง เมื่อทั้งขบวนกินอาหารเย็นเสร็จ หลานรั่วถิงเป็นฝ่ายรั้งตัวหนิวโหย่วเต้าเอาไว้ พวกเขามาที่ห้องใต้ดินห้องหนึ่ง
บนผนังห้องใต้ดินแขวนแผนที่แผ่นหนึ่งไว้ หลานรั่วถิง ซางเฉาจงและซางซูชิงสองพี่น้องก้าวออกมายืนเรียงแถวหน้ากระดาน ค้อมกายคำนับหนิวโหย่วเต้าและหยวนกังพร้อมกัน
หนิวโหย่วเต้าและหยวนกังมองหน้ากัน หนิวโหย่วเต้ายิ้มแห้งๆ พลางเอ่ยถาม “ทั้งสามท่าน ไยต้องมากพิธีเช่นนี้?”
ซางเฉาจงกล่าวด้วยความทอดถอนใจเป็นอย่างยิ่ง “เพียงแค่แสดงความขอบคุณเล็กน้อยเท่านั้น ยามที่ออกมาจากเมืองหลวง ตัวข้าไม่เคยจินตนาการถึงรูปการณ์ในยามนี้ไว้เลย ทั้งหมดเป็นเพราะเต้าเหยี่ยทุ่มเทอย่างหนัก จึงทำให้ข้าได้มีโอกาสอีกครั้ง ไม่รู้จะกล่าวขอบคุณเต้าเหยี่ยอย่างไรจริงๆ!”
หนิวโหย่วเต้าหัวเราะฮ่าๆ “กระหม่อมรับน้ำใจไว้แล้วพ่ะย่ะค่ะ” มองไปรอบๆ ห้องใต้ดินที่ก่อขึ้นจากศิลาแวบหนึ่ง “เพียงแต่คล้ายจะไม่จำเป็นต้องมาที่นี่เพื่อกล่าวขอบคุณหรือเปล่าพ่ะย่ะค่ะ?”
หลานรั่วถิงกล่าวว่า “จากที่เต้าเหยี่ยเอ่ยถามก่อนหน้านี้ เห็นได้ชัดว่ากำลังสงสัยว่าเหตุใดพวกเราถึงรีบร้อนลงมือกันเช่นนี้ จะว่าไปก็เป็นเพราะแผนการของเต้าเหยี่ยที่เปิดช่องให้พวกเรา เต้าเหยี่ยบอกว่าเฟิ่งหลิ่งปอเป็นเพียงหุ่นเชิด ผู้มีอำนาจอย่างแท้จริงคือสำนักหยกสวรรค์ ขอเพียงท่านอ๋องมีประโยชน์ต่อสำนักหยกสวรรค์ ต่อให้ไม่มีกาทมิฬแสนตัว สำนักหยกสวรรค์ก็ไม่มีทางทำร้ายท่านอ๋อง สำหรับเรื่องนี้พวกเราต่างเห็นพ้องด้วย และเนื่องด้วยเหตุนี้ พวกเราจึงมีแผนการใหม่…” เขาหันหลังเดินไปหยุดอยู่ข้างแผนที่ นิ้วเคาะไปยังตำแหน่งของจังหวัดชิงซานที่อยู่ในแผนที่ “เข้ายึดจังหวัดชิงซาน เพื่อที่จะได้มีสถานะอยู่ในระดับเดียวกับเฟิ่งหลิงปอ ขอเพียงท่านอ๋องแสดงความสามารถในการปกครองจังหวัดสักจังหวัดได้ สำนักหยกสวรรค์ก็ไม่มีทางคายเนื้อออกจากปากง่ายๆ แน่ แล้วก็ไม่มีทางทอดทิ้งท่านอ๋องด้วย พวกเขาจะต้องให้การสนับสนุนท่านอ๋องเช่นเดียวกับที่สนับสนุนเฟิ่งหลิงปอแน่นอน!”
………………………………………….