ราชันย์หน่วยรบมังกร - ตอนที่ 2.2
– บริษัทเอนเตอร์เทนเมนท์แห่งฮัวตู –
หญิงสาวรูปงามคนหนึ่งในงานเลี้ยงค็อกเทลประจำปีของบริษัทพลันสวมชุดเดรสยาวสวย เธอมีผมหยักศกและสง่างามไม่น้อย ชื่อของเธอคือหลินจื้อซือ ซึ่งได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเทพธิดาที่ชาญฉลาดและงดงาม นับตั้งแต่ปรากฏตัวครั้งแรก ใบหน้าที่สวยงามของเธอก็สามารถมัดใจชายทั้งประเทศได้แล้ว เธอเป็นผู้หญิงที่น่าดึงดูดไม่น้อย ด้วยความสามารถในการแสดงและการร้องเพลง หลินจื้อซือสามารถครองใจแฟนคลับได้มากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งนั่นทำให้เธอกลายเป็นคนดังที่มีชื่อเสียงที่สุดคนหนึ่งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา การมาจากครอบครัวที่ผสมผสานกันระหว่างอังกฤษและจีน อีกขั้นหนึ่งของความลึกลับและความสูงศักดิ์พลันปกคลุมตัวตนของเธอ หลินจื้อซือได้รับขนานนามว่าเป็นเจ้าหญิงนัยน์ตาสีฟ้าจากแฟนคลับ แม้จะมีสัญชาติเป็นคนต่างประเทศ แต่เธอก็เลือกที่จะพัฒนาอาชีพของตนเองในเมืองฮัวเซีย
เดิมที เธอไม่ได้สนใจต่อสายของเสี่ยวเฉิงเท่าไหร่นัก แต่ทันทีที่ได้ยินคำพูดสุดท้ายของบาร์เทนเดอร์ หลินจื้อซือก็พลันถอยหายใจ ก่อนที่จะวางสาย เธอพลันถามกลับไป “บาร์ของคุณอยู่ที่ไหนคะ?”
“เอ่อ…” เห็นได้ชัดว่าบาร์เทนเดอร์รู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่หลังจากการเงียบหายไปนาน ไม่ช้า เขาก็รีบตอบกลับ
“อยู่ที่ถนนเวสต์แปดสิบเอ็ดครับ ชื่อว่าคลับเก่า”
จากนั้น การโทรก็สิ้นสุดลง บาร์เทนเดอร์พลันทำหน้ามุ่ย เขารู้สึกว่าผู้หญิงที่อยู่ปลายสายมีท่าทีที่แปลกไป
หลังจากวางสาย หลินจื้อซือก็ลังเลอยู่ชั่วครู่ ในไม่ช้า เธอก็หันไปเรียกผู้ช่วยที่ยืนอยู่ตรงมุมห้อง “ไปเอารถออกมาที”
ผู้ช่วยพยักหน้า เธออ้างกับแขกที่มาว่าต้องไปทำธุระ จากนั้น เธอก็วิ่งไปหยิบกุญแจรถ หลินจื้อซือรีบเดินออกไปจากงานเลี้ยงและเดินไปที่ลานจอดรถ
“ไปที่ถนนเวสต์แปดสิบเอ็ด “
ผู้ช่วยพยักหน้าพร้อมเปิดรถ “พี่หลิน คนดังตั้งหลายคนกำลังรอคำแนะนำจากพี่อยู่เลยนะ ทำไมถึงออกจากงานมาก่อนแบบนี้ล่ะ?”
“มันน่าเบื่อน่ะ” หลินจื้อซือตอบกลับพร้อมมองไปยังทิวทัศน์ยามค่ำคืนผ่านหน้าต่าง
“แต่นี่มันดึกมากแล้วนะ เราจะไปทำอะไรที่ผับล่ะ?”
หลินจื้อซือไม่ได้ตอบอะไร เธอหันไปมองทิวทัศน์ริมทางผ่านหน้าและเงียบไป ทว่า เธอเป็นผู้หญิงที่ไม่ค่อยชอบพูดมากนัก แต่ก็ยังคงความสง่างามเอาไว้อยู่ไม่ว่าจะถูกมองจากมุมไหน และไม่ว่าจะในชีวิตประจำวันหรือต่อหน้าสาธารณชน หลินจื้อซือก็มักจะทำตัวเหมือนเป็นเทพธิดาที่ไม่ได้ร้องขอสิ่งใด เพียงแต่พอใจที่จะอยู่อย่างเงียบสงบและรอคอยให้ความงามผลิบานก็เท่านั้น
ทันทีที่มาถึงด้านหน้าของไนต์คลับ หลินจื้อซือก็ตระหนักได้ว่าไม่ควรลงไปจากรถเพราะตัวเองเป็นถึงบุคคลสาธารณะ เธอพลันเรียกผู้ช่วย “แลงค์ เธอเข้าไปหาในแล้วไปหาสุภาพบุรุษที่ชื่อเสี่ยวเฉิงแทนฉันทีสิ”
แลงค์พลันตกใจเล็กน้อย แต่เธอก็ทำตามคำสั่ง
แลงค์เดินออกมาหลังจากที่เข้าไปไม่นาน เธอออกมาพร้อมกับเสี่ยวเฉิงที่กำลังเมาจนหมดสติ
เสี่ยวเฉิงนั้นเป็นชายที่ตัวหนักและยากจะรับมือ แลงค์พยายามจัดท่าให้เขานั่งอยู่ที่เบาะหลังด้านขวา ท้ายที่สุดแล้ว หลินจื้อซือก็ต้องลงมาจากรถเพื่อช่วยแลงค์อุ้มเสี่ยวเฉิงพร้อมเหวี่ยงเขาเข้าไป
“กลับไปที่คอนโดของฉัน”
“แต่พี่ไม่เคยพาผู้ชายไปที่คอนโดเลยนะ…” แลงค์กังวลว่ามันจะไม่เหมาะสม
“ไปเถอะน่า” หลินจื้อซือไม่ต้องการที่จะพูดซ้ำ
แลงค์ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะสตาร์ทรถ ระหว่างทางกลับ เธอก็พลันสงสัยและถามขึ้น “ชายคนนี้เป็นใครกัน? ฉันไม่เคยเห็นเขามาก่อนเลย”
“สามีฉันเอง” หลินจื้อซือมองไปยังเสี่ยวเฉิง
“สามี?” แลงค์ตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ “แต่พี่ยังโสดอยู่ไม่ใช่เหรอ?”
หลินจื้อซือตอบกลับ “มันเป็นเพราะพ่อแม่ของเราสองคนน่ะ ตอนนั้นฉันเลยปฏิเสธอะไรไม่ได้ เราแต่งงานกันมาสามปีแล้ว แต่ก็ไม่เคยจะได้อยู่ด้วยกันเลย สำหรับเราทั้งสอง มันเหมือนกับว่าอีกฝ่ายไม่มีอยู่จริง”
แลงค์รู้สึกตกใจอย่างบอกไม่ถูก สิ่งที่ได้ยินนั้นเป็นเรื่องที่น่าตกตะลึงไม่น้อย
หลินจื้อซือเพิ่งจะอายุเท่าไหร่กัน? เธอเพิ่งจะอายุแค่ยี่สิบ ในฐานะที่เป็นผู้ช่วยมาตั้งแต่ตอนเธอเดบิวต์ แลงค์ไม่เคยได้ยินเรื่องการแต่งงานของหลินจื้อซือเลย!
หากข่าวนี้รั่วไหลไปยังสื่อและแฟนคลับ พวกเขาจะไม่ใช่แค่อกหักเท่านั้น แต่หลินจื้อซือก็อาจจะต้องจบอาชีพนี้ไปเลย ในวงการบันเทิงโดยเฉพาะนักแสดง ช่วงอายุที่ยังน้อยถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้พวกเขาได้รับความนิยม ด้วยเหตุนี้ คนดังหลายคนจึงกลัวว่าพวกเขาจะแต่งงานเร็วเกินไป และในฐานะผู้ช่วย แลงค์รู้สึกกังวลไม่น้อย
หลินจื้อซือรู้ดีว่าแลงค์กำลังกังวลเรื่องอะไรอยู่ ไม่ช้า เธอก็กล่าวคำพูดขึ้น “ไม่เป็นไรหรอก เราเก็บความลับจากสาธารณะมาสามปีแล้ว มันเลยไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร แต่ถ้าพวกแฟนคลับรู้เข้า เราก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี เราทั้งคู่จดทะเบียนกันแล้วด้วย แต่มันก็เป็นแค่การเซ็นชื่อเท่านั้นเอง”