ราชันย์หน่วยรบมังกร - ตอนที่ 23.1
ตอนที่ 23: เจ้าหน้าที่ตำรวจสุดฉลาด
ในตอนนั้นเอง ลูกน้องของชายสวมโซ่ทองคนหนึ่งก็วิ่งเข้ามาลากตัวเขาออกไป “พี่มิน เราจะบอกเรื่องนี้กับพี่โบ่วว่ายังไงดีล่ะ? คืนนี้พี่โบ่วอุตส่าห์สั่งให้เรามากระทืบไอ้หมอนั่น นายน้อยหยุนเองก็อยากจะเห็นมันกลับไปที่สถานีแบบฟกช้ำดำเขียว แต่ถ้าเป็นแบบนี้ พี่โบ่วต้องคิดว่าพวกเราแค่เชิดเงินมาแต่ไม่ยอมทำอะไรแน่เลย
ชายโซ่ทองพลันรู้สึกได้ถึงเลือดที่กำลังไหลอยู่ปลายจมูก เขารีบเช็ดและตะโกนสบถออกมา “หมอนั่นแข็งแกร่งเกินไป มันไม่ใช่คนที่พวกเราจะใช้กำลังเข้าสู้ได้ แต่เชื่อเถอะ มันอยู่ได้อีกไม่นานหรอก อีกอย่าง แถวนี้ก็เป็นดินแดนของพวกแก๊งหงส์แดงด้วย ไปแจ้งให้พวกนั้นทราบเรื่อง… เดี๋ยวพวกเขาก็จะมาช่วยเราเอง”
ในตอนนั้น เสี่ยวเฉิงพลันเดินไปยังแผงขายอาหารริมชายหาดและซื้อเครื่องดื่มชูกำลังมาขวดหนึ่ง เขาพลันรู้สึกสดชื่นทันทีที่กระดกจนหมดขวด เสี่ยวเฉิงต้องการที่จะกระตุ้นพละกำลังของตัวเองเพราะเขาต้องลาดตระเวนต่ออีกทั้งคืน เขารู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นหลังจากได้ต่อกรกับพวกแก๊งเต่าดำทั้งเจ็ด แต่ทว่า การต่อสู้เมื่อครู่ก็ทำให้เขาตระหนักได้ว่าความแข็งแกร่งของตนเองนั้นลดลงไปถึงระดับไหน อีกทั้ง ในแง่ของพละกำลัง ความเร็วและการตอบสนอง ทั้งหมดนั้นลดลงจากระดับ A ไป C มันถือเป็นเรื่องที่น่าตกใจไม่น้อย ถึงแม้ว่าเสี่ยวเฉิงจะยังคงมีไหวพริบและตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว แต่การเคลื่อนไหวของเขาก็แทบจะตามความคิดของตัวเองไม่ทัน และในการต่อสู้เมื่อครู่ ถ้าไม่ใช่เพราะจิตใต้สำนึกที่เข้ามาควบคุมร่างกาย เสี่ยวเฉิงก็คงจะถูกมีดแทงเข้าจากทางด้านหลังไปแล้ว
และในตอนนี้ เสี่ยวเฉิงก็พลันรู้สึกบางอย่างกับหูทั้งสองข้างของตนเอง ดูเหมือนว่าประสาทในการรับรู้และการได้ยินของเขานั้นจะมีความอ่อนไหวและตอบสนองต่อสิ่งเร้าได้เร็วมาก ทว่า เสี่ยวเฉิงเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองหรือทำไมมันถึงเป็นเช่นนั้นกันแน่ นอกจากนี้ การตอบสนองของร่างกายที่มีต่อจิตใต้สำนึกก็ยังคงทำให้เขาเกิดความสงสัยอย่างอธิบายไม่ถูก
“ดูเหมือนเราจะต้องไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลหน่อยแล้ว มันต้องเป็นผลกระทบจากสารเคมีที่ถูกฉีดเข้าไปตัวแน่” เสี่ยวเฉิงพลันบ่นพึมพำกับตัวเอง
ในระหว่างที่กำลังบ่นพึมพำกับตัวเองอยู่นั้น พี่ใหญ่หลินและพรรคพวกก็ขับรถมาจอดอยู่ตรงหน้าเสี่ยวเฉิง “ไปหาอะไรดื่มกันหน่อยไหม?”
“ไม่ไป ฉันปฏิบัติหน้าที่อยู่” เสี่ยวเฉิงพลันตอบกลับ
ทันใดนั้น หลินดงก็พลันกระโดดลงมาจากรถและมองไปยังเสี่ยวเฉิง “ช่วยสอนวิธีการต่อสู้ให้ฉันหน่อยสิ…”
เดิมที เสี่ยวเฉิงเองก็ไม่ได้สนใจคนพวกนี้แต่แรกอยู่แล้ว อีกทั้ง ในพื้นที่บริเวณริมชายหาดนี้ก็มีแต่อาหารทะเลราคาแพงมาวางขาย เงินเดือนของเสี่ยวเฉิงเองก็ไม่พอที่จะจ่ายค่าอาหารที่แพงหูฉีกขนาดนี้ได้เลยด้วยซ้ำ แต่ทว่า เขาเองก็ไม่ได้สนใจเรื่องพวกนั้นเท่าไหร่ เสี่ยวเฉิงในตอนนี้ต้องการที่จะปฏิบัติหน้าที่ของตนและลาดตระเวนต่อไปมากกว่า
ทันใดนั้นเอง ก็มีรถสปอร์ตสามคันขับเข้ามาจอดตรงหน้าของพวกเขา ผู้คนที่อยู่ในรถพลันกระโดดลงและเดินตรงมายังพรรคพวกของพี่ใหญ่หลิน “พวกเราแก๊งหงส์แดง เรามาที่นี่ก็เพื่อคุยกับคุณเสี่ยวเฉิง ขอให้พวกนายถอยออกไปหน่อย”
ทันทีที่ได้ยินว่าพวกเขามาจากแก๊งหงส์แดง พี่ใหญ่หลินก็รีบดึงตัวน้องชายกลับไปและถอยร่นทันที
ชายทั้งสี่คนในชุดสูทพลันเดินมายืนอยู่ตรงหน้าของเสี่ยวเฉิง “หัวหน้าของเราต้องการพบคุณ…เจ้าหน้าที่เสี่ยวเฉิง“
จากนั้น ชายชุดสูทคนหนึ่งก็ชี้ไปยังร้านกาแฟริมทะเลซึ่งอยู่ไม่ไกล ก่อนที่เสี่ยวเฉิงจะตอบกลับ หลินดงก็พลันขมวดคิ้วและตะโกนขึ้นมาทันที “อย่าไปนะ!”
ทั้งสี่พลันหันไปมองหลินดง หนึ่งในนั้นพยายามที่จะยกแขนขึ้นเพื่อจะทำร้ายเขา แต่ทว่า เสี่ยวเฉิงก็พุ่งเข้ามาคว้าแขนของชายคนนั้นเอาไว้พร้อมเผยยิ้ม “อย่าเก่งกับเด็กนักสิ… ฉันจะไปก็ได้ ยังไงสักวันหนึ่งฉันก็ต้องไปเจอกับหัวหน้าของพวกแกอยู่แล้ว”
จากนั้น เสี่ยวเฉิงก็พลันปล่อยมือชายคนนั้นลงพร้อมเดินตรงไปยังร้านกาแฟที่ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามถนน
ชายสวมสูทที่มาจากแก๊งหงส์แดงพลันลูบแขนตัวเองด้วยความประหลาดใจ…
“เป็นอะไรไป?”
“ระวังเอาไว้หน่อย มือของไอ้หมอนั่นหนักใช่ย่อยเลย” ชายที่กำลังถูแขนมองไปยังด้านหลังของเสี่ยวเฉิง “ไม่แปลกใจเลยที่แก๊งเต่าดำแพ้ท่าให้ไอ้หมอนั่น เจ้าหน้าที่ตำรวจตรงหน้าเราต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่”
ทันทีที่เสี่ยวเฉิงเดินเข้าไปในร้านกาแฟ เขาก็พลันถูกพาตัวไปหาชายคนหนึ่งที่สวมเสื้อคลุมผ้าฝ้ายพร้อมกับสร้อยข้อมือลูกปัด ชายคนนั้นกำลังจดจ่ออยู่กับการชงชา
ทันทีที่เสี่ยวเฉิงเลื่อนม่านออก ชายคนนั้นก็เงยหน้าขึ้นมาพร้อมเผยยิ้ม “นั่งลงก่อนสิ”