ราชันย์หน่วยรบมังกร - ตอนที่ 27.1
ตอนที่ 27: ความรู้สึกที่กินใจ
ระหว่างที่ผู้สื่อข่าวกำลังอธิบายว่าผู้หญิงคนแรกที่เพิ่งจะวิ่งออกไปนั้นไม่ใช่หลินจื้อซือ ประตูของลิฟต์ตัวหนึ่งก็พลันเปิดออกพร้อมเสียง “ติ๊ง” จากนั้นไม่นาน หรานจิงที่สวมหมวกบังหน้าพร้อมแว่นกันแดดก็ยื่นหัวออกมา ท่าทีที่เธอแสดงออกมานั้นน่าประทับใจไม่น้อย
นอกจากนี้ ความสูงของเธอก็ยังใกล้เคียงกับหลินจื้อซืออีกด้วย ทั้งคู่สูงประมาณหนึ่งร้อยหกสิบแปดเซ็นติเมตร เธอทั้งสูงยาวเข่าดีและมีหุ่นที่ผอมเพรียว ทันทีที่โผล่หัวออกมาจากลิฟต์ ผู้สื่อข่าวนับสิบก็พลันสังเกตเห็นเธอทันที
ในตอนนั้น หรานจิงเองจึงรีบวิ่งออกมาจากลิฟต์ เธอไม่ได้วิ่งเร็วมากนัก อีกทั้งยังเผยท่าทีสุดประหม่าพร้อมมองซ้ายมองขวาไปทั่ว การกระทำเช่นนั้นทำให้ผู้สื่อข่าวหลายคนเข้าใจผิดและคิดว่าเธอคือหลินจื้อซือ
ทันใดนั้น พวกนักข่าวก็พลันวิ่งไล่ตามหรานจิงไปทันที
หลังจากนั้นประมาณสามนาที ท้ายที่สุดแล้ว ภายในชั้นแรกก็สงบลง
จากนั้นไม่นาน เสี่ยวเฉิงก็ลงลิฟต์มาและพาตัวหลินจื้อซือออกไป
ทันทีที่ทั้งสองออกมาจากประตูลิฟต์โดยไม่มีนักข่าวหรือแฟนคลับไล่ตาม หลินจื้อซือก็รีบหยิบกุญแจออกมาเพื่อจะเดินไปยังลานจอดรถ ทว่า เสี่ยวเฉิงก็พลันหยุดเธอเอาไว้ “เธอคิดจะทำอะไรกัน?”
“ไปขึ้นรถไง”
เสี่ยวเฉิงพลันกรอกตา “ไปทำไม? พวกสื่อแล้วก็แฟนคลับคงจำรถเธอได้ทุกคันแล้วมั้ง ไม่อย่างนั้น พวกเขาก็คงไม่เจอเธอเร็วขนาดนี้หรอก ปล่อยรถสปอร์ตที่จอดไว้ชั้นใต้ดินไปก่อนเถอะ สำหรับตอนนี้ ลานจอดรถนี่แหละอันตรายที่สุด ยังไงก็เถอะ เดี๋ยวฉันจะไปส่งเธอที่บริษัทเอง”
หลินจื้อซือพลันมองไปยังเสี่ยวเฉิง “นายมีรถหรือยังไงกันล่ะ?”
“สวมแว่นกันแดดแล้วก็หมวกกันน็อคเลย เดี๋ยวฉันขี่มอเตอร์ไซค์ไปส่งเธอเอง ถ้าซ้อนท้ายรถฉันไป ไม่ว่าเธอจะตะโกนให้คนข้างทางรู้ว่าตัวเองคือหลินจื้อซือดังแค่ไหน ก็ไม่มีใครเชื่อหรอก ใครจะไปเชื่อล่ะว่าดาราดังระดับประเทศจะนั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ธรรมดาไปไหนมาไหน?”
หลินจื้อซือจ้องมองไปยังเสี่ยวเฉิงอีกครั้ง
ทว่า ระหว่างที่เสี่ยวเฉิงกำลังเดินไปข้างหน้า หลินจื้อซือก็พลันล้มลงอยู่ข้างหลัง เธอไม่แม้แต่ขยับตัว ในตอนนั้นเอง เขาจึงหันกลับไปมองและถามเธอด้วยความสงสัย “เป็นอะไรไป?”
“ตอนนี้ฉันเชื่อในสิ่งที่น้องชายเคยบอกแล้ว” หลินจื้อซือพลันบ่นพึมพำออกมา
“แล้วเขาเคยบอกว่ายังไงล่ะ?” เสี่ยวเฉิงพลันถามขึ้น หลินจื้อซือมีน้องชายอยู่คนหนึ่ง แต่เขาอยู่ต่างประเทศ อีกทั้งยังเป็นลูกครึ่งอีกด้วย
“เขาบอกว่าสมัยเรียน… นายจงใจให้ฉันได้ที่หนึ่งแทบจะทุกวิชาทุกเทอมเลย อีกอย่าง นายเองก็ยังเป็นเด็กฉลาดอีกด้วย” หลินจื้อซือกล่าว
เสี่ยวเฉิงเผยยิ้มอย่างขมขื่น “มันก็แค่อดีตที่ผ่านมานานแล้ว…”
ทันทีที่พูดจบ เขาก็วิ่งไปเอามอเตอร์ไซค์และขับตรงมาจอดตรงหน้าหลินจื้อซือ “ขึ้นมาได้แล้ว”
หลินจื้อซือพลันลุกขึ้นและเดินไปซ้อนท้ายรถ เธอไม่แน่ใจว่าควรจะโอบเอวเสี่ยวเฉิงดีไหม ในระหว่างที่เธอกำลังลังเลชักมือเข้าและชักมือออก ท้ายที่สุดแล้ว หลินจื้อซือก็พลันเอามือไปวางไปบนตักของตัวเองแทน
ทว่า เสี่ยวเฉิงเองก็ขับรถค่อนข้างเร็ว อีกทั้ง นี่ถือเป็นครั้งแรกของหลินจื้อซือที่ได้ซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์อีกด้วย นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เธอทรงตัวได้ไม่ดีนัก “ช้าหน่อยสิ! นายจะรีบขับเร็วไปไหนกัน?”
“ทันทีที่หรานจิงแล้วก็เซินเหยาเปิดเผยตัวเอง ทั้งนักข่าวแล้วก็แฟนคลับพวกนั้นต้องตามล่าหาเธออีกแน่ ฉันต้องพาเธอไปส่งที่บริษัทให้เร็วที่สุด ตอนนี้ตัวเธอเองก็ไม่ต่างอะไรกับระเบิดเวลาหรอกนะ” เสี่ยวเฉิงกล่าว