ราชันย์หน่วยรบมังกร - ตอนที่ 30.2
“ใครจะไปสนกันล่ะว่าหมอนั่นจะมีพละกำลังหรือแข็งแรงขนาดไหน? พอรู้ว่าเขาไม่สนใจในตัวผู้หญิงเลยแม้แต่นิดเดียว ฉันก็รู้ได้ทันทีเลยว่าหมอนั่นยังคงบริสุทธิ์อยู่ แล้วถ้าหมอนั่นทำให้ฉันโกรธอีก ฉันก็จะวางยานอนหลับเสียเลย! จากนั้น ฉันก็พรากความบริสุทธิ์ของหมอนั่นไปเลยด้วย!” เซินเหยาเผยดวงตาที่เต็มไปด้วยโทสะทันทีที่นึกถึงหน้าเสี่ยวเฉิง ทันใดนั้น หรานจิงก็เผยยิ้มอย่างขมขื่นออกมา “แบบนั้นมันไม่พยายามมากไปหน่อยหรือไง?”
ในตอนนี้ เสี่ยวเฉิงกำลังขับมอเตอร์ไซค์อยู่บนท้องถนน เมื่อครู่ ผู้กองโทรมาบอกว่าทางกรมตำรวจต้องการย้ายเสี่ยวเฉิงให้ไปลาดตระเวนที่เขตตะวันตกแทน ทั้งหมดก็เพียงหลีกเลี่ยงการปะทะที่อาจจะเกิดขึ้นจากพวกแก๊งเต่าดำ อีกทั้งนี่ยังเป็นคำสั่งของผู้บังคับบัญชาอีกด้วย ด้วยเหตุนั้น เสี่ยวเฉิงจึงปฏิเสธอะไรไม่ได้ และในตอนนี้ เขาเองก็กำลังมุ่งหน้าไปยังพื้นที่ใหม่ก่อนเวลาเพื่อที่จะได้ทำความคุ้นเคย
ระหว่างที่กำลังรอให้สัญญาณไฟจราจรกลายเป็นสีเขียว เสี่ยวเฉิงก็พลันหยุดรถมอเตอร์ไซค์และจุดบุหรี่ โดยปกติแล้ว ไฟแดงจะใช้เวลาเพียงสองนาทีเท่านั้น อีกทั้ง มันก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เขาสูบบุหรี่จนเสร็จ ทว่า ในระหว่างที่กำลังสูบบุหรี่ ภาพท่อนขาสุดเรียวยาวและขาวนวลดั่งหิมะของเซินเหยาก็พลันผลุดขึ้นมาจนทำให้สมองของเสี่ยวเฉิงแทบจะลัดวงจร ทันใดนั้น เสี่ยวเฉิงก็พลันส่ายหัวและพยายามไม่คิดถึงช่วงเวลาที่ต้องกลับไปเจอกับเซินเหยาอีกครั้ง
บนทางเท้าฝั่งตรงข้าม เสี่ยวเฉิงพลันสังเกตเห็นกลุ่มนักเรียนประถมที่เพิ่งจะออกมาจากโรงเรียน เด็กนักเรียนเหล่านั้นพลันเดินข้ามทางม้าลายและผ่านหน้าเขาไป นั่นทำให้เสี่ยวเฉิงนึกถึงช่วงเวลาในวัยเด็ก แม้ว่าเสี่ยวเฉิงจะมีวัยเด็กที่ค่อนข้างโหดร้าย แต่มันก็ยังมีช่วงเวลาในชีวิตที่สวยงามและน่าจดจำอยู่
ระหว่างนั้น เสี่ยวเฉิงก็พลันสังเกตเห็นว่าสัญญาณไฟจราจรกำลังจะเปลี่ยน การนับถอยหลังกำลังจะสิ้นสุดลง แต่ทว่า ทันใดนั้นเอง รถยนต์ที่จอดอยู่ฝั่งตรงข้ามของสี่แยกก็พลันขับออกมาก่อนเวลาที่ไฟจะเป็นสีเขียวประมาณหนึ่งวินาที รถยนต์คนนั้นพุ่งตรงไปยังสี่แยกที่มีเหล่านักเรียนกำลังเดินข้ามทางม้าลายอยู่
อีกทั้ง น่าจะไม่มีใครสังเกตเลยว่าคนขับนั้นเผยใบหน้าสุดตกใจพร้อมกับมีน้ำลายที่กระเด็นออกมาจากปาก เสี่ยวเฉิงพลันสังเกตเห็นรถยนต์คันนี้ตั้งแต่แรกที่เขาจอดรอไฟเขียวแล้ว
ในตอนแรก เสี่ยวเฉิงแอบสังเกตผ่านกระจกรถและเห็นว่าคนขับนั้นเอาแต่ส่ายหัวไปมาราวกับคนติดยา ทันทีที่ตระหนักเช่นนั้น สีหน้าของเสี่ยวเฉิงก็พลันเปลี่ยนไปทันที เขารีบลงจากรถและพุ่งตรงไปยังเด็กนักเรียนทั้งสามคนที่กำลังข้ามทางม้าลายอยู่
เสี่ยวเฉิงรีบวิ่งเข้าไปคว้าตัวเด็นทั้งสามและกลิ้งไปอยู่บนทางเท้า รถยนต์ที่พุ่งเข้ามาพลันหักเลี้ยวซ้าย ดูเหมือนว่าคนขับน่าจะควบคุมสติไม่อยู่ เหตุการณที่เกิดขึ้นนั้นทำให้ทุกคนที่ยืนมองตกตะลึงไม่น้อย
ทันทีที่เด็กนักเรียนทั้งสามกลิ้งไปอยู่บนทางเท้าพร้อมกับเสี่ยวเฉิง พวกเขาก็พลันร้องไห้ออกมาทันที ทั้งสามรู้สึกราวกับว่าตัวเองกำลังจะถูกรถชน ทันใดนั้น ครูสาวที่เดินนำเหล่านักเรียนก็พลันเห็นเหตุการณ์และวิ่งตรงเข้ามาเพื่อดูว่าทั้งสามนั้นปลอดภัยหรือไม่ หลังจากปล่อยเด็กทั้งสามคนไปแล้ว เสี่ยวเฉิงก็รีบลุกขึ้นและวิ่งไล่ตามรถยนต์ที่เพิ่งจะหักเลี้ยวไปทันที หากสัญชาตญาณของเขาถูกต้อง คนขับน่าจะต้องติดโคเคนเป็นแน่
ทว่า รถยนต์คันนั้นก็พลันชนเข้ากับท้ายของรถคันอื่นไปแล้วเกือบสามคัน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นทำให้การจราจรเกิดติดขัดขึ้นมาทันที ทันใดนั้น เสี่ยวเฉิงจึงรีบวิ่งเข้าไป โชคดีที่เขาสังเกตเห็นว่าคนขับนั้นหลับคาพวงมาลัยไปแล้ว รถยนต์จึงไม่มีการเร่งความเร็วเพิ่มขึ้นอีก
แต่ทว่า ทั้งแรงขับเคลื่อนและความเร็วของรถก็ยังสามารถฆ่าชีวิตคนที่กำลังเดินอยู่บนทางเท้าได้อยู่ อีกทั้ง สิ่งที่อันตรายที่สุดก็คือไม่มีใครรู้ได้เลยว่ารถยนต์คันนี้กำลังจะพุ่งไปยังทิศทางไหน และด้วยความบ้าคลั่ง เสี่ยวเฉิงรีบวิ่งไปอยู่ข้างรถ เขาออกแรงดึงประตูและกระโดดพุ่งตัวเข้าไปยังที่นั่งคนขับเพื่อเหยียบเบรก เสี่ยวเฉิงไม่ต้องการให้เกิดอันตรายไปมากกว่านี้
หลังจากนั้นไม่นาน รถตำรวจสองคันก็มาถึง ทุกคนพลันถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อเห็นว่าไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ ตำรวจทั้งสองเดินตรงมาพร้อมกับยื่นมือออกไปหาเสี่ยวเฉิง “เรารู้สึกขอบคุณมากสำหรับความกล้าหาญแล้วก็สิ่งที่คุณเพิ่งจะทำไป”
ทันใดนั้น เสี่ยวเฉิงก็พลันหยิบบัตรประจำตัวออกมาจากกระเป๋าเสื้อ “มันก็เป็นหน้าที่ผมเหมือนกัน”
“อ่า คุณมาจากกรมตำรวจพลเรือนนี่เอง…” เจ้าหน้าที่ตำรวจอาชญากรพลันกล่าวทักทายเสี่ยวเฉิง “ส่วนพวกเรามาจากหน่วยต่อต้านยาเสพติด เราจับตาดูผู้ชายคนนี้มานานแล้ว แต่ไม่คิดเลยว่าสุดท้ายจะเกิดเรื่องราวที่เลวร้ายแบบนี้ขึ้น เรารู้สึกขอบคุณมากสำหรับความช่วยเหลือ ขอบคุณที่ไม่มีประชาชนบาดเจ็บหรือเสียชีวิต ยังไงก็เถอะ เดี๋ยวต่อจากนี้พวกเราจัดการเอง”
เสี่ยวเฉิงพลันพยักหน้า “งั้นผมขอตัวก่อน”
“ขอบคุณมาก”
จากนั้น เหล่าเจ้าหน้าที่ตำรวจก็หยิบวิทยุสื่อสารขึ้นมาพร้อมกับรายงานสถานการณ์ให้แก่ผู้บังคับบัญชา “หัวหน้าหรานจิง… เป้าหมายที่แปดถูกจับแล้วครับ”
***
อย่างที่บอก เรื่องราวจะเข้มข้นและมันส์ขึ้นเรื่อยๆ