ราชันย์หน่วยรบมังกร - ตอนที่ 96.1
ตอนที่ 96: ทีมสองประจัญบาน
ในคืนนั้น เสี่ยวเฉิงไม่ได้พักอยู่ที่คอนโดของหลินจื้อซือ นั่นเป็นเพราะเขากลัวว่าหลินจื้อซือจะถูกปาปารัสซี่จับโป๊ะได้ ซึ่งมันอาจจะทําให้เธอสูญเสียหน้าที่การงาน
หลังจากที่เสี่ยวเฉิงจากไป หลินจื้อซือก็พลันขมวดคิ้วและกล่าวคําพูดกับเสี่ยวหลาน ” ครั้งหน้าเธอช่วยเปลี่ยนทัศนคติตัวเองแล้วก็พูดดี ๆ กับเสี่ยวเฉิงหน่อยนะ”
” พี่หลิน… คือพี่มีตัวเลือกที่ดีกว่าผู้ชายแบบนั้นตั้งเยอะ ทําไมต้องเป็นคนนี้ด้วยล่ะ? ฉันไม่เข้าใจพี่จริง ๆ เลย” เสี่ยวหลานรู้สึกสับสน
ทันใดนั้น หลินจื้อซือก็พลันพูดสวนขึ้นมา “โลกใบนี้มีผู้ชายดี ๆ สักกี่คนกันล่ะที่ยังคงมีความเสมอต้นเสมอปลายควบคู่ไปพร้อมกับรูปลักษณ์สุดเสน่ห์? เธอเองก็อยู่ในวงการบันเทิงมาตั้งนาน ก็น่าจะดูออกนะว่าคนประเภทไหนไว้ใจได้หรือไว้ใจไม่ได้ ผู้ชายบางคนมีเงินแต่ขาดคุณสมบัติอื่นก็เยอะแยะไป อีกอย่าง เมื่อกี้ฉันเพิ่งสั่งให้เธอปรับปรุงทัศนคติของตัวเองที่มีต่อเสี่ยวเฉิงอยู่นะ แล้วถ้าเธอไม่ทําอย่างที่บอกไป ก็ไม่ต้องมาเป็นผู้ช่วยฉันหรอก”
หลังจากนั้น หลินจื้อซือก็ตรงกลับไปยังห้องนอนของตัวเอง พร้อมกับปล่อยให้เสี่ยวหลานตัวสั่นยืนเงียบไปชั่วครู่ พูดกันตามตรง การหาคนดังผู้มีชื่อเสียงที่ดูแลง่ายและไม่เรื่องมากจุกจิกนั้น หาได้ยากยิ่ง อีกทั้งหลินจื้อซือเองก็เป็นคนเด่นคนดังในวงการบันเทิงที่น่าทํางานด้วยที่สุดแล้ว เสี่ยวหลานพลันรู้ดีว่าถ้าตนลาออก ผู้คนจํานวนมากจะต้องแย่งกันสมัครเข้าตําแหน่งนี้แน่ คนอื่นสามารถเข้ามาทํางานแทนที่เธอได้สบายอยู่แล้ว
ในคืนนั้น ระหว่างที่เสี่ยวเฉิงกลับมายังคอนโดของตัวเอง ข้างในห้องพลันมืดสนิท ทว่า ทันทีที่เสี่ยวเฉิงเข้ามาและล็อคประตู ไฟทั้งห้องก็สว่างวาบขึ้นมา ไม่นานนัก ทั้งหรานจิงและเซินเหยาก็กระโดดออกมาจากมุมห้อง ” เซอร์ไพรส์!”
เสี่ยวเฉิงไม่แม้แต่จะกระพริบตาเลยด้วยซ้ํา อันที่จริง เสี่ยวเฉิงรู้อยู่แล้วว่าทั้งสองคนกําลังทําอะไรอยู่ก่อนที่ตัวเองจะเข้ามา เพราะเหตุนั้น เขาจึงไม่แปลกใจเลยสักนิด
ทันทีที่มองไปยังสองสาว เสี่ยวเฉิงก็พลันถอนหายใจ “ก็เซอร์ไพรส์อยู่ แต่ไม่ค่อยน่าอภิรมย์เท่าไหร่ แล้วทําไมพวกเธอสองคนถึงต้องสวมหน้ากากตอนกลางดึกแบบนั้นด้วยล่ะ? แต่งเป็นผีไปหลอกชาวบ้านมาหรือยังไงกัน?”
ทันใดนั้น เซินเหยาก็พลันขมวดคิ้ว “ไอ้ตาบ้าเอ๊ย! นายหายไปไหนมาทั้งวัน?”
“ฉันไปอยู่กับพ่อแม่ของหลินจื้อซือมาน่ะ แล้วก็ขับรถพาพวกเขาไปเที่ยวรอบเมืองด้วย” เสี่ยวเฉิงตอบไปตรง ๆ
หรานจิงและเซินเหยาพลันสบตากัน หลังจากนั้น เซินเหยาก็พลันชําเลืองมองเสี่ยวเฉิงราวกับต้องการรู้อะไรสักอย่าง “นายไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับหลินจื้อซือเลยงั้นเหรอ?”
เสี่ยวเฉิงพลันเดินตรงไปยังตู้เย็นและหยิบขวดน้ําขึ้นมา “ฉันจะไปทําอะไรกับคนดังอย่างเธอได้ล่ะ? ฉันก็แค่ผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง…”
“ใครจะไปรู้ล่ะ? บางที นายอาจวางแผนที่จะเลียแข้งเลียขาคุณพ่อกับคุณแม่ของหลินจื้อซืออยู่ก็ได้ เพราะถ้าเป็นแบบนั้น พวกเขาทั้งสองก็คงจะเข้าข้างนายแล้วก็ช่วยให้นายสมหวังกับเธอยังไงล่ะ!”
เสี่ยวเฉิงพลันปฏิเสธ “คิดมากน่า”
“ฉันเองก็รอนายมาทั้งวันเลยนะ ยังไงก็เถอะ สรุปนายจับกลุ่มนักฆ่าทั้งหมดที่โรงพยาบาลได้ยังไงกัน?” หรานจิงถามขึ้น
เสี่ยวเฉิงเผยยิ้ม “มันต้องอธิบายยาวน่ะ แล้วด้วยความฉลาดของเธอในตอนนี้ มันก็คงไม่เข้าใจหรอก อีกอย่าง เราทั้งคู่กําลังจะได้เป็นเพื่อนร่วมงานกันเร็ว ๆ นี้แล้วใช่ไหม? ยังไงเสีย เดี๋ยวเธอก็ได้รู้จักฉันมากขึ้นเองแหละน่า”
หรานจิงพูดอะไรไม่ออก “นายว่าฉันโง่งั้นเหรอ? เอางั้นก็ได้ เราสองคนจะได้เป็นเพื่อนร่วมงานกันไปอีกนานเลยล่ะ! ฉันจะทําให้นายเห็นเองว่าในการสืบสวนคดีอาญา ใครฉลาดและรอบรู้กว่ากัน!”
“เรื่องนั้นช่างมันก่อน ฉันว่าเราสามคนมาฉลองกันเถอะ!” เซินเหยาพูดขึ้น
ทันใดนั้น เซินเหยาก็ลากถังน้ําแข็งที่มีแชมเปญอยู่ข้างในหนึ่งขวดเข้ามา
เสี่ยวเฉิงพลันขมวดคิ้ว ” คือ? ฉลองอะไรกัน?”
“ฉันได้ข่าวมามาจากเบื้องบนน่ะ นายกําลังได้ย้ายไปอยู่หน่วยสองของของกรมสอบสวนคดีอาญาในฐานะกัปตัน! ส่วนฉันเองก็เป็นกัปตันของหน่วยห้าอยู่ อีกอย่าง กัปตันคนเก่าของหน่วยสองเองก็ทั้งแก่ทั้งใกล้เกษียณแล้วด้วย เพราะแบบนั้น นายเลยได้มาแทนที่เขา ยินดีด้วยแล้วกันนะ แต่ยังไงก็เถอะ เรามาดูกันดีกว่าว่าในอนาคตหน่วยไหนจะประสบความสําเร็จมากกว่ากัน!”