ราชันเทพสงคราม[唐寅在异界] - บทที่ 130
บทที่ 130
“นายท่านไม่เข้าใจสินะ ถ้าเกิดว่าเป็นแบบเช่นเดิมต่อไป พวกทหารของเราอาจสู้กันเพื่อแย่งสมบัติมากกว่าจะสนใจการฆ่าศัตรูนะขอรับ ถ้าเป็นแบบนั้นแล้วพวกเราจะต่างอะไรจากกองโจรกัน ?” มูฉิงตอบเขาด้วยท่าทีจริงจัง
ถังหยินสูดหายใจแล้วคิดตาม “ถ้างั้นแล้วเจ้ามีความเห็นว่าไงเล่า ?”
“สมบัติทุกอย่างที่ช่วงชิงมาได้จะต้องถูกส่งเข้ากองกลาง ใครก็ตามที่เก็บเอาไว้ใช้ส่วนตัวจะต้องโดนลงโทษ !”
ชายหนุ่มครุ่นคิดหนักกว่าเดิมกับข้อเสนอดังกล่าว
เมื่อเห็นบรรยากาศที่ตึงเครียดและดูจะยังไม่มีใครเข้าใจดีนัก มูฉิงจึงกล่าวย้ำไปว่า “นายท่านอาจไม่ได้เคร่งครัดในกฎกองทัพ แต่ได้โปรดพิจารณาในส่วนนี้ด้วยเถิด”
ถังหยินเป็นคนที่ไม่ชอบกฎเกณฑ์อยู่แล้ว และเรื่องในส่วนนี้เขาก็ไม่ได้สนใจอะไรมันมากนัก แต่เมื่อได้ยินคำเตือนจากมูฉิงแบบนี้เขาก็เริ่มคิดตามในทันที
ในฐานะที่ชายหนุ่มเป็นคนจากโลกปัจจุบันที่ความแตกต่างระหว่างชนชั้นนั้นไม่ค่อยชัดเจน ดังนั้นเขาจึงไม่อาจคิดแทนคนอื่นได้ และต่อให้เขาจะเป็นคนเลือดเย็นแค่ไหน เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกกังวลเรื่องลูกน้องของตัวเอง
ถังหยินพูดขึ้นช้า ๆ “สิ่งที่เจ้าพูดมามันก็มีเหตุผล แต่การยกสิ่งที่ชิงมาได้ทั้งหมดมันก็เกินไปอยู่ ข้าคิดว่าให้นำของ 6 ส่วนจากทั้งหมดเข้าส่วนกลาง และให้เก็บไว้เอง 4 ส่วนดีกว่าไหม แบบนี้จะช่วยเพิ่มขวัญและกำลังใจให้ทหารได้ด้วย”
“แต่นี่มัน… ขัดกับกฎกองทัพ”
ถังหยินพูดอย่างเหลืออด “หยุดพูดถึงกฎกองทัพบ้าบอนั้นเสีย ! ข้าไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ที่แห่งนี้คือปิงหยวน และทุกคนต้องฟังข้า !”
มูฉิงสะดุ้งกับการขึ้นเสียงนี้ เขาพูดอย่างช้า ๆ “ตามที่ท่านต้องการเลยขอรับ” ก่อนหันไปหาเฉิงจิน “แม่ทัพเฉิง ข้าต้องขอถามท่านบางเรื่อง”
“เจ้าต้องการอะไร ?” ชายนักฆ่าถามกลับ
“ข้าต้องการขอความร่วมมือจากท่าน ให้ช่วยตรวจสอบพวกทหารที่คิดจะเก็บสมบัติไว้กับตัวเองให้ข้าที”
เฉิงจินหันมองไปยังถังหยินด้วยต้องการความเห็น
ชายหนุ่มพยักหน้า “จัดการตามที่เขาต้องการเถอะ”
“น้อมรับบัญชา”
หลังจากพูดคุยเรื่องเหล่านี้เสร็จ ถังหยินก็กลับไปยังห้องนอนของตัวเอง
เกราะของเขาได้รับความเสียหายจนไม่สามารถใช้การได้ต่อ ดังนั้นเขาจึงปลดมันออกมาพร้อมกับเสื้อตัวในแล้วลงไปอาบน้ำ
น้ำในอ่างนั้นสะอาด แต่เมื่อชายหนุ่มลงไปแล้วมันก็กลายเป็นสีแดงฉานของเลือดอย่างรวดเร็ว
เมื่อมาคิดดูถึงเหตุการณ์ในครั้งนั้น ถังหยินก็เริ่มหวาดกลัวขึ้นมาในใจ โชคยังดีที่พลังของอีกฝ่ายไม่สูงมากนัก ทำให้เขายังมีชีวิตรอดอยู่จนถึงตอนนี้
ในการต่อสู้ระหว่างผู้ฝึกยุทธ์ด้วยกัน ถ้าหากรู้ตัวว่าเสียเปรียบ งั้นก็ควรจะหนีและทิ้งห่างออกมาจากระยะโจมตีของผู้ที่แกร่งกว่าเพื่อเอาชีวิตตัวเองให้รอด หากแต่ไม่ว่าจะเป็นใครก็คงทำเช่นนั้นไม่ได้ง่าย ๆ ยกเว้นก็แต่ผู้ใช้ศาสตร์มืดที่มีวิชาสับเปลี่ยนเงา
หลังจากที่อาบน้ำเสร็จ ชายหนุ่มก็ใส่เสื้อตัวใหม่ ก่อนที่ฟานหมินจะเข้ามาพอดี
“นั่งก่อนสิแม่หญิงฟานหมิน”
“ข้าบอกแล้วไงว่าอย่าเรียกข้าแบบนั้น ให้เรียกว่าฟานหมินก็พอ” นางพูดอย่างไม่พอใจ
“ก็ได้ ข้าจะเรียกท่านว่าฟานหมิน”
“ถ้างั้นข้าเรียกท่านด้วยชื่อได้หรือไม่ ?”
“แล้วแต่ท่านเถอะ”
“ถังหยิน ! ข้ารู้สึกว่าข้าเริ่มหลงในตัวท่านเสียแล้ว”
ชายหนุ่มแทบสำลักน้ำออกมาที่ได้ยินแบบนั้น เขากระแอมไอก่อนวางถ้วยชาลงบนโต๊ะ
ตระกูลฟานนั้นมีฐานะที่ดีเกินไป แถมนางเองก็ยังสาวยังสวยอยู่ ยังมีเวลาอีกเยอะที่นางจะได้เจอคนที่นางรักจริง ๆ หากแต่ในมุมมองของนางนั้น นางชอบถังหยินและถังหยินเองก็ชอบนางเช่นกัน ดังนั้นมันจึงเป็นการจับคู่ที่ลงตัว
ทว่าเมื่อเห็นท่าทีของถังหยิน มันก็ทำให้หญิงสาวผิดหวัง เพราะตอนนี้บนใบหน้าของเขามีแต่ความงุนงงหาใช่ความดีใจแต่อย่างใดไม่
“ท่านไม่ได้รักข้าหรือ ?” อารมณ์ของนางดิ่งลงเหวอย่างรวดเร็ว
ชายหนุ่มหัวเราะแห้ง ๆ ออกมา หากแต่นางก็ยังคงถามต่อไป “ท่านมีคนอื่นในใจแล้วหรือ ?”
ได้ยินแบบนั้นหน้าของหยินโรวก็ลอยเข้ามาในหัวของเขา “ถูกต้อง”
คำพูดนี้ทำเอาฟานหมินหัวใจแทบแตกสลาย นางพลันก้มหัวอย่างผิดหวัง
ภายใต้ความเงียบงันในห้องนี้ ทั้งสองก็เอาแต่นั่งเงียบไม่พูดไม่จา ทำให้บรรยากาศเต็มไปด้วยความอึดอัดอย่างที่สุด
จากนั้นฟานหมินก็พลันเงยหน้าขึ้นพูดอย่างไม่เต็มใจ “นางงดงามมากนักหรือ ? นางเป็นใครและชื่ออะไร ?” หญิงสาวอยู่ที่นี่มานานและรู้ว่าถังหยินไม่มีครอบครัว ดังนั้นจึงไม่รู้ว่าเขาชอบผู้หญิงแบบไหน
ดังนั้นฟานหมินจึงตั้งใจว่าจะเก็บข้อมูลทุกอย่างที่มีอยู่ให้ได้ เพราะนางไม่คิดจะยอมแพ้แน่นอน
“นางสวยมาก ในสายตาของข้านั้น ข้าคิดว่าไม่มีใครจะงามมากกว่านางได้อีกแล้ว” สายตาของถังหยินดูเหม่อลอย และไม่อาจพูดได้เต็มปากเหมือนกันว่าหยินโรวงดงามแค่ไหน “นามของนางคือหยินโรว”
“หยินโรว ?” ฟานหมินรู้สึกคุ้นกับชื่อนี้อย่างบอกไม่ถูก ก่อนที่ในท้ายที่สุดนางจะระลึกได้แล้วว่าตัวตนที่ถังหยินพูดถึง คือองค์หญิงของจักรวรรดิเฮาเทียนนั่นเอง
“ใช่แล้ว ข้าหมายถึงองค์หญิงนั่นแหละ”
ฟานหมินหัวเราะออกมา นางรู้ดีถึงเรื่องที่องค์หญิงมาที่แคว้นเฟิงเพื่อยุติสงคราม และเรื่องความงามของนางที่ไม่สามารถอธิบายให้คนธรรมดาฟังได้ หากทว่าก็ไม่มีใครที่นางต้องตาเลยสักคนในตอนนี้ แถมความต่างกันของชนชั้นระหว่างถังหยินและหยินโรวเองก็มีมากโข ดังนั้นมันจึงเหมือนเป็นหลักประกันได้แล้วว่าจะไม่มีอะไรเกิดอะไรขึ้นในตอนนี้อย่างแน่นอน
คำพูดของถังหยินได้ทำให้หัวใจของฟานหมินที่แตกสลายไปแล้วประกอบกลับขึ้นมาใหม่ได้อีกครั้ง “นางงดงามก็จริง แต่ท่านคงไม่ได้พบนางอีกต่อไปแล้ว !”
ถังหยินพยักหน้าให้อย่างแผ่วเบา เขาเองก็ไม่ใช่คนโง่เง่านัก เขารู้สถานะตัวเองดีว่าไม่อาจเอื้อมไปเด็ดดอกฟ้าแบบนั้นได้
“นางนั้นอยู่ไกลเกินไป แต่ข้านะใกล้มากเลยนะ” ฟานหมินพูดอย่างอ่อนโยน นางเป็นคนที่สวยมากและมีวาจาคมคายยิ่ง นางได้ลบเลือนความเย่อหยิ่งออกไปจนหมดและมีแต่ความสุภาพเรียบร้อยเพื่อดึงดูดจับชายคนตรงหน้าเท่านั้น
แม้ว่าถังหยินจะตายด้านมากเพียงใด แต่เมื่อได้อยู่ใกล้กับหญิงสาวงามเช่นนี้ หัวใจของเขาก็ต้องสั่นคลอน
“ช่วงเวลาที่ท่านไปรบ ข้าเป็นห่วงและหวาดกลัวมากว่าท่านจะเป็นอะไรไป และหากท่านไม่กลับมา ข้าก็คง…” นางก้มหัวลงและพูดอย่างแผ่วเบา
คำพูดนี้เหมือนกับลูกศรที่พุ่งทะลุหัวใจชายหนุ่มไปทันที
ตั้งแต่ที่เขายังเด็ก แทบไม่มีใครสนใจหรือเป็นห่วงตัวเขาด้วยซ้ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับพวกผู้หญิง แต่เมื่อเขามาที่โลกนี้ เขาก็ได้พบกับอู่เหมย และฟานหมินที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงให้ความสนใจ ทำให้เขารู้สึกทำตัวไม่ถูกเท่าใดนัก
ถังหยินเงยหน้าขึ้นและโอบไหล่นาง “เจ้าจะกลัวไปทำไมกัน ข้าก็กลับมาแล้วนี่ไง”
ด้วยท่วงท่าเช่นนี้ ฟานหมินจึงถือโอกาสเอาตัวเข้าไปใกล้ชิดกับถังหยิน แบะเมื่อสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นจากร่างกายของเขา หัวใจของนางก็พลันเต้นแรงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
หญิงสาวโอบกอดร่างของถังหยินไว้แน่น ราวกับว่าจะไม่ปล่อยให้เขาไปไหนอีกแล้ว ก่อนเงยหน้าขึ้นและพูด “ข้าไม่สนหรอก ในเมื่อข้าชอบท่าน ท่านก็ต้องชอบข้า !”
ถังหยินตะลึง เขากะพริบหนึ่งคราก่อนตอบกลับไป “ข้าจะพยายามก็แล้วกัน”
เขาไม่รู้หรอกว่าจะทำอย่างที่บอกได้หรือไม่ แต่สิ่งหนึ่งที่เขามั่นใจในตอนนี้เลยก็คือเขาไม่ได้เกลียดการที่จะต้องเข้าหาตัวฟานหมินสักเท่าไหร่
ในเวลานั้นก็มีคนเคาะประตูมา
ถังหยินที่ได้สติจากเสียเคาะประตู เขาก็รีบดันฟานหมินออกไปแล้วตะโกน “เข้ามาได้”
ประตูเปิดขึ้น ก่อนที่ถังซ่งจะเดินเข้ามา และต่อให้เห็นฟานหมินอยู่ในห้องนี้ด้วย เขาก็ดูจะไม่แปลกใจเท่าไหร่นัก สีหน้ายังคงเป็นแบบเดิม “นายท่าน มูฉิงรายงานว่าได้ทำการจัดเรียงสินสงครามเรียบร้อยแล้ว นายท่านสนใจจะไปดูหรือไม่ขอรับ ?”