ราชันเทพสงคราม[唐寅在异界] - บทที่ 152
ถังหยินใช้โอกาสนี้สั่งให้กองทัพเอาของที่ตัวเองยึดมาจากเมืองเบสซ่า มาวางกองที่หน้าจวนแล้วแจ้งว่านี่คือของที่หยูเฮอรับใต้โต๊ะมา
ชายหนุ่มหยิบของเหล่านั้นแล้วมองพวกขุนนาง “เป็นไงเล่า ของเหล่านี้หยูเฮอมันรับมาจากพวกมัน”
พวกเขาดูออกได้ในทันทีว่าของพวกนี้คือของจากต่างแดน ซึ่งของพวกนี้มันก็ไม่เคยถูกพบเห็นในจวนของหยูเฮอมาก่อน หากแต่ตอนนี้ไม่มีใครกล้าตั้งคำถามนี้กับถังหยินหรอก
จากนั้นชิวเจิ้นก็เดินเข้ามาพร้อมกับหลักฐานยืนยันปลอม ๆ ที่ถูกทำขึ้นเพื่อป้ายความผิด
“ร่างเอกสารซะ ข้าจะส่งรายงานไปยังฝ่าบาท” ชายหนุ่มบอกกับชิวเจิ้นแล้วอีกฝ่ายก็พยักหน้ารับคำ
เพียงชั่วพริบตารายงานความผิดก็ถูกเขียนขึ้น และส่งมอบให้กับถังหยิน
ข้างในเขียนไว้ว่า “เจ้าโจรชั่วช้าหยูเฮอได้ทำการรับสินบนจากพวกต่างแดน เพื่อไม่ให้ส่งกองทัพไปช่วยเขตปิงหยวน ข้ามีหลักฐานมากมายเกี่ยวกับเขา ดังนั้นข้าจึงขอให้ฝ่าบาทช่วยพิจารณาตำแหน่งผู้ว่ามณฑลคนใหม่ด้วย”
เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรผิดปกติ เขาก็ส่งมันกลับไปยังผู้เขียน “ส่งมันไปที่เมืองหยานได้เลย”
“ท่าน ท่านถัง !” จางจี้พูดเสียงสั่น
“อะไรล่ะ ?”
“ที่นี่มีพิราบสื่อสารอยู่ ถ้าหากว่าท่านใช้มันส่งข้อความไปยังเมืองหลวงล่ะก็ จะช่วยประหยัดเวลาได้มากเลยขอรับ”
“มีวิธีแบบนั้นด้วยเหรอเนี่ย !” ถังหยินพยักหน้าให้
เขตปิงหยวนห่างจากเมืองหยานมาก ถ้าส่งข้อความตามปกติจะใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 10 วัน แต่ถ้ามีนกพิราบมันจะลดทอนได้มากโข
จางจี้เตือนถังหยินเพราะอยากจะให้เขาพอใจมากขึ้น และอีกอย่างก็คือเขานั้นอยากให้ทางราชสำนักรู้ตัวโดยเร็วที่สุด เพื่อที่ชีวิตของพวกเขาจะได้ถูกปล่อยออกไปจากที่นี่
การส่งนกพิราบนั้นเป็นการหมิ่นราชสำนักอย่างเห็นได้ชัด ทว่ามันก็สามารถใช้ในกรณีฉุกเฉินได้เช่นกัน ดังนั้นหลังจากที่จัดแจงทุกอย่างเสร็จสิ้น เขาก็จึงนั่งรออยู่ในห้องเพื่อคอยคำตอบ
ในเวลานี้ชิวเจิ้นได้เสนอว่าควรจะย้ายหยวนจี้มาที่ชุนโจวเพื่อดูแลทุกอย่างจากที่นี่ แต่ทว่าชายหนุ่มกลับบอกว่ามันเร็วเกินไปที่จะทำแบบนั้น โดยที่ยังไม่รอคำตอบจากทางวังหลวง
“นายท่าน ไม่ว่าจะยังไง ท่านจะต้องได้ตำแหน่งนี้มาให้ได้ !”
“ทำไมล่ะ ?” คำพูดนี้ดึงดูดความสนใจจากทุกคน
ชิวเจินพูดต่ออย่างใจเย็น “ในเมื่อท่านจัดการหยูเฮอไป งั้นแล้วมันก็คือการเดินในเส้นทางที่ไม่อาจย้อนกลับไปได้อีกต่อไป ถ้าหากคนอื่นเป็นผู้ว่ามณฑลแทน พวกเขาจะต้องสืบสาวเรื่องนี้แน่ ซึ่งถ้าเกิดว่าพวกเราถูกจับได้ ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามพวกเราไม่รอดแน่ ดังนั้นท่านจะต้องใช้โอกาสนี้สถาปนาตนเป็นผู้ปกครองของมณฑลนี้เสีย”
“หา ?” ทุกคนต่างก็ตกตะลึงกับคำนี้
การฆ่าหยูเฮอมันง่ายก็จริง แต่การจะให้สถาปนาตัวเองเป็นผู้ปกครองนี่มันไม่เข้าข่ายก่อการกบฏหรือ ? ทุกคนต่างก็งงเป็นไก่ตาแตกจนทำอะไรไม่ถูก
ชิวเจิ้นมองไปรอบ ๆ แล้วพูดขึ้นเบา ๆ “หยูเฮอมีตำแหน่งสูงขนาดนี้ท่านคิดว่าจะไม่มีใครตามสืบเรื่องนี้หรือ ? แล้วถ้าเกิดว่าความแตกล่ะก็ ไม่มีใครในหมู่พวกเรารอดไปแน่”
จากนั้นเขาก็เปลี่ยนสีหน้าแล้วก็หัวเราะแห้ง ๆ “พวกเจ้าไม่ต้องกังวลมากไปหรอกน่า ทางผ่านสวรรค์มันอันตรายก็จริง หากแต่ก็ตั้งรับง่ายเหมือนกันแหละ”
ถังหยินมองชิวเจิ้นอย่างประหลาด นี่เป็นแผนที่เด็กหนุ่มวางเอาไว้ล่วงหน้าแล้วแน่ ๆ และเขาเองก็กำลังเป็นหุ่นเชิดให้กับสหายคนนี้อยู่
หมอนี่มัน ! ถังหยินไม่ชอบที่สหายของเขาทำอะไรตามใจตัวเอง เขาไม่ได้อยากทำอะไรขนาดนี้อยู่แล้ว อย่างน้อยถ้าจะทำแบบนี้ก็ปรึกษาเขาก่อนบ้างก็ดี ทว่ามันก็ไม่ทันแล้ว เพราะเขาจัดการหยูเฮอไป มันจึงมีแต่ต้องเดินเกมต่อไปเท่านั้น !
ถังหยินถอนหายใจ “ข้าเป็นคนที่ก่อเรื่องนี้เอง ถ้าพวกเจ้ากลัวความผิดจะลาออกไปเลยก็ได้”
หยวนยู่หัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง “น่าสนใจจริง ๆ ถังหยิน ข้าจะยอมร่วมทางไปกับเจ้าเอง” เขาเป็นคนที่ชอบก่อเรื่องอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใหญ่แบบไหนเขาก็ไม่หวั่น
หยวนอู่กับหยวนเปียวเองก็ไม่อยากจะถูกทิ้งไว้ข้างหลัง “ข้าเองก็พร้อมจะติดตามนายท่านขอรับ !”
จากนั้นหลีเทียน อัยเจีย กู่เยว่ หลีเว่ย เฉินฟาง หลิวซ่ง เฉิงจิน และทุกคนก็เข้ามากล่าวคำสาบานแบบเดียวกัน
ในฐานะของผู้ใช้ศาสตร์มืด การที่เขาได้รับตำแหน่งสูง ๆ แบบนี้จากถังหยินย่อมเป็นเรื่องที่ดีต่อเขา แต่สำหรับคนอื่น ๆ นอกจากนี้ การรับใช้ถังหยินมาเนิ่นนานก็ทำให้พวกเขาเริ่มที่จะผูกพันกับชายหนุ่มจนคิดจะล่มหัวจมท้ายไปด้วยกัน !
และมูฉิงก็เข้ามาเป็นคนสุดท้าย “นายท่านช่างเป็นบุคคลที่น่าติดตามยิ่ง ข้าน้อยผู้นี้จะขอติดตามนายท่านผู้ฉลาดไปจนวันตาย” เขาไม่ยอมที่จะเสียโอกาสในการเลียรองเท้าถังหยินแน่ ๆ
เหตุผลที่เขาติดตามถังหยิน ก็เพราะว่าชายหนุ่มได้มอบตำแหน่งที่สมความสามารถให้กับเขา ซึ่งมันไม่เคยมีใครคนอื่นทำแบบนี้มาก่อน และนอกจากเขาแล้ว มันก็มีหยวนจี้ที่ได้แสดงทักษะที่แท้จริงออกมาในการบริหารบ้านเมือง ชิวเจิ้นเองก็เป็นที่ปรึกษา กับหยวนยู่ที่มาเป็นแม่ทัพไร้พ่ายอีก
ส่วนจูนัวที่เป็นคนตรงไปตรงมา เขาก็ไม่ได้กังวลอะไรมากนัก เลือกที่จะติดตามถังหยินด้วยตัวเองโดยไม่ต้องคิดให้มากความ “ข้าน้อยพร้อมที่จะติดตามนายท่านไปทุกทีจวบจนวินาทีสุดท้ายของชีวิต”
แม้ว่าชิวเจิ้นจะมีสีหน้าที่ผ่อนคลาย แต่ในใจตอนนี้เต้นไม่เป็นจังหวะแล้ว ทว่าพอได้ยินคำกล่าวของจูนัวแล้ว เขาก็โล่งใจขึ้นเยอะ ก่อนมองไปยังแม่ทัพไป่ “ท่านแม่ทัพไป่ล่ะ ?”
ไป่หยงยังคงนิ่งเงียบ เขาคือคนที่มีความสามารถมากในกองทัพปิงหยวน ไม่ใช่แค่เพียงวิชายุทธ์ แต่ทุกความคิดของเขาเองก็เฉียบคมเช่นกัน
เมื่อเห็นว่าแม่ทัพผู้มากประสบการณ์ลำบากใจ ถังหยินก็กล่าว “ถ้าท่านจะลาออก ข้าก็ไม่ถือโทษโกรธท่านหรอกนะ ยิ่งกว่านั้นหากท่านคิดจะออกจริง ๆ ท่านก็สามารถไปหยิบเงินทองจากในคลังของข้าได้เลย ข้าอนุญาต”
ชายหนุ่มเป็นคนที่โหดร้ายก็จริง แต่ว่าเขาก็ใจดีกับลูกน้องทุกคนอย่างเท่าเทียมเช่นกัน
พวกทหารน่ะย่อมภักดีกับนายคนใดคนหนึ่งไปจนวันตาย ไป่หยงครุ่นคิดถึงคำนี้ก่อนที่จะคุกเข่าลง “ข้าน้อยจะขอติดตามท่านถังหยินไปจนวันตายขอรับ”
“เยี่ยมมาก” ถังหยินลุกขึ้นเดินมาพยุงไป่หยงขึ้น
ในตอนนี้พวกลูกน้องของถังหยินได้เลือกข้างแล้ว นับจากนี้ไปทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในห้องนี้จะเป็นความลับตลอดกาล
เมื่อครั้งอดีต พวกลูกน้องของเขายังคงภักดีต่อแคว้นเฟิงและแม้แต่อ๋องของแคว้นนี้ แต่ด้วยความสัมพันธ์นี้ มันก็ทำให้พวกเขายอมเปลี่ยนข้าง ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนี้มันก็บ่งบอกได้ถึงอำนาจที่แท้จริงของถังหยินที่จะทำให้เขามีกองกำลังที่ยิ่งใหญ่มากกว่านี้ในอนาคต
จากนั้นถังหยินก็พาหยวนจี้เข้ามาที่ชุนโจวพร้อมกับทุกคนในครอบครัว เพื่อให้มาบริหารงานที่นี่โดยตรง
ส่วนตัวถังหยินเองก็บีบบังคับให้แม่ทัพเก่าทั้งหมดคืนอำนาจให้กับเขา เพื่อให้การควบคุมกองทัพขึ้นอยู่กับเขาคนเดียว
เขตชานชุย และเขตจี้เฟิงยอมมอบกองทัพทั้งหมดให้กับถังหยิน ซึ่งเมื่อรวมกันแล้ว ชายหนุ่มก็มีกองกำลังพลมากถึง 1 แสนกว่านายใต้บังคับบัญชาเลยทีเดียว