ราชันเทพสงคราม[唐寅在异界] - บทที่ 160
เมื่อถังหยินพูดจบทุกคนก็ต้องตะลึง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับชัวน่าที่ไม่คิดว่าชายหนุ่มจะฉลาดแบบนี้
ทั้งสี่คนนี้เป็นขุนนางจากตระกูลที่มั่งคั่งและมีฐานะสูงส่ง พวกเขาเป็นคนที่มีเกียรติและศักดิ์ศรีมาก ดังนั้นเมื่อได้ยินแบบนี้ก็ยิ่งโกรธจัดจนตะโกนออกมา “ข้าจะไปถามท่านดยุคด้วยตัวเอง !”
ระหว่างที่พูดเขาก็พยายามจะลุกขึ้นมา หากแต่ถังหยินกลับพูดขึ้นเสียก่อน “ไม่จำเป็นหรอก ถ้าเจ้าถามไป ข้าเกรงว่าครอบครัวของพวกเจ้าจะเป็นภัยเอาได้”
เขาพูดถูกต้อง เพราะคนีสเป็นถึงน้องชายของกษัตริย์ ดังนั้นต่อให้เขาผิดจริง แต่ก็คงไม่มีใครที่มีอำนาจมากพอจะเสนอเรื่องนี้แน่ “ถ…ถะ…ถ้างั้นพวกเราต้องรายงานเรื่องนี้ให้ฝ่าบาท”
ถังหยินยิ้มออกมา และพยายามจะอธิบาย “คนีสเป็นน้องชายของเขาเชียวนะ ถ้าเกิดว่าเจ้ารายงานเรื่องนี้ไปแล้วไม่มีหลักฐานที่เพียงพอ ดีไม่ดีองค์ราชาอาจจะเกลียดพวกเจ้าไปเลยก็ได้”
พวกนักฆ่ากลืนน้ำลายลงไป พากันก้มหน้ามองพื้นอย่างสิ้นหวัง
เมื่อชายหนุ่มเห็นดังนั้น เขาจึงชี้ไปยังคนที่สลบอยู่ “พาเพื่อนของพวกเจ้าไปเสีย”
“เจ้าจะปล่อยพวกเราไปหรือ ?” ทั้งสี่หันมาถาม
ถังหยินยักไหล่ “ก็มันไม่ใช่ความผิดพวกเจ้านี่นา รีบไปก่อนที่ข้าจะเปลี่ยนใจล่ะ”
พวกนักฆ่ากัดฟันลุกขึ้นยืน ก่อนพาสหายของพวกเขาเดินกลับออกไป สีหน้าของพวกเขาดูเจ็บปวดเกินกว่าจะมีสิ่งใดทดแทนได้
“นามของข้าคือ เบลน ลูคัส ข้าจะตอบแทนเจ้าอย่างแน่นอน” ชายคนหนึ่งหันมาบอกก่อนที่จะเดินกลับออกไป
ถังหยินเป็นคนที่โหดร้ายก็จริง แต่เขาก็ไม่ได้อยากจะสังหารทุกคนบนโลก อีกอย่างถ้าเขาจัดการคนเหล่านี้ไป มันก็จะยิ่งเข้าทางพวกคนีสมากขึ้นไปอีก ดังนั้นเขาจึงได้แต่ปล่อยพวกนักฆ่าไปเผื่อว่าในอนาคตจะเป็นประโยชน์ต่อเขาได้
เมื่อเสร็จเรื่องนี้แล้ว ถังหยินก็พลันหันกลับมามองร่างของชัวน่า
หญิงสาวจ้องเขากลับเช่นกัน เพราะจนกระทั่งถึงเมื่อครู่ ถังหยินได้กระทำการอันต่ำช้าต่อนางยิ่งนัก หากแต่นางก็ไม่เกลียดเขาด้วยเหตุผลบางอย่าง ต่อให้เขาจะดูเป็นปีศาจแบบนี้ก็ตามที
มุมปากของถังหยินเผยอขึ้นแล้วมองไปยังหน้าอกของชัวน่าที่อยู่ภายใต้เสื้อผ้าขาด ๆ “ดูท่านในตอนนี้สิ เหมือนกับกำลังยั่วยวนข้าอยู่เลยนะ”
ชัวน่าที่ได้สติจากคำพูดนี้ก็เริ่มรู้สึกถึงอันตรายขึ้นมา นางรีบถอยกลับไปแล้วดึงเสื้อขึ้นมาปิด “ถ้าเจ้ากล้าหมิ่นข้าอีกล่ะก็ ข้าจะให้พ่อข้าจัดการเจ้าเสีย”
ถังหยินหัวเราะ “เจ้าคิดว่าข้าจะกลัวหรือ ?” ว่าแล้วเขาก็ดันร่างของชัวน่าเข้าไปชิดกำแพง
หญิงสาวตัวสั่นราวกับถูกกัดด้วยสัตว์มีพิษ ก่อนที่จะผลักอีกฝ่ายออกไปแล้ววิ่งไปทางประตู
ถึงแม้ถังหยินจะยังไม่ได้ทำอะไรที่เกินเลยกับนาง แต่เมื่อได้เห็นอะไรสนุก ๆ แบบนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาดังก้อง
“หุบปาก !” แม้ว่าจะออกไปแล้ว หากแต่ชัวน่าก็ยังชะโงกหน้ากลับมาพูดก่อนจะวิ่งหนีไปอีกครา
“รับด้วยเกล้า !” เขากล่าวทิ้งท้ายไว้ก่อนที่จะหันกลับมาในห้องที่ว่างเปล่า
ไม่มีใครรู้ว่าชัวน่ามาที่ห้องของถังหยิน ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยในค่ำคืนนี้
ในตอนเช้า หยวนยู่ได้เข้ามาหาถังหยิน ซึ่งเมื่อเขาเข้าไปก็พลันเห็นเข้ากับห้องที่เละเทะไม่เป็นท่าจนต้องพูดออกไปว่า “คืนที่ผ่านมานายท่านคงจะสนุกสนานน่าดูเลยสิท่า”
ถังหยินมองหน้าเขาด้วยรอยยิ้ม “ไม่ใช่แค่นั้นนะ นางกำนัลคนหนึ่งยังเสนอหน้ามาหาข้าเองเลยนะ”
“โอ้ ? ดีเลย… ว่าแต่ร่างแยกของเจ้าทำแบบนี้ได้ด้วยหรือ ?” หยวนยู่บ่นพึมพำ สายตามองช่วงล่างของถังหยิน
“ฮ่า ๆ…” ถังหยินหัวเราะแห้ง ๆ แล้วมองไปทางอื่นเพื่อบ่ายเบี่ยงประเด็น
เมื่อพวกเขาจัดการอาหารเช้าเสร็จสิ้น ก็ไปยังวังของเบสซ่าตามปกติด้วยการนำทางจากพวกขุนนาง ทว่าตลอดระยะเวลานั้น หยวนยู่ก็ยังคงสงสัยอยู่ไม่คลายว่าถังหยินได้นอนกับผู้หญิงมาจริงหรือเปล่า
ในเวลานี้การเจรจาได้ดำเนินไปอย่างราบรื่น ถังหยินมั่นใจมากขึ้นเกี่ยวกับข้อเสนอมากมายที่มี และถึงแม้ว่าในตอนที่เสนอจะยังไม่มีใครเห็นด้วยกับเขา แต่ทว่าก็มีอีกห้าคนในนี้ที่ยกมือตอบรับความเห็นของถังหยินอย่างน่าประหลาด
ที่ข้างบัลลังก์นั่นมีดยุคคนหนึ่งจ้องมองทั้งห้าคนด้วยสายตาลุกเป็นไฟ ด้วยทั้ง ๆ ที่เขาวางแผนทุกอย่างมาอย่างรัดกุมแล้ว แต่พวกมันทั้งหมดกลับทรยศเลือกข้างไปอยู่กับถังหยินเสียอย่างนั้น
ในที่สุดการเจรจาก็มาถึงเรื่องที่ก่อนหน้านี้ตกลงกันไม่ได้ โดยทางเบสซ่านั้นได้ยื่นข้อเสนอในการชดเชยค่าประติมากรรมสงครามเป็นจำนวน 2 แสนทอง 2 ล้านเงิน กับม้าศึกอีก 5 หมื่นตัว และถึงแม้ว่ามันจะไม่เท่ากับข้อตกลงเดิม หากแต่ชิวเจิ้นที่อยู่เบื้องหลังก็พยักหน้าให้
ในจุดนี้การทำข้อตกลงได้มาถึงจุดสิ้นสุดแล้ว ทำให้ทั้ง 2 ดินแดนหยุดทำการรุกรานกันและกัน
หลังจากทำข้อตกลงเสร็จสิ้น ซานเชสก็ได้จัดงานเลี้ยงให้กับถังหยินอีกครั้ง หากแต่ในครั้งนี้เขากลับไม่เห็นชัวน่า ทว่ากลับได้พบกับนักฆ่าทั้ง 5 คนเมื่อคืนแทน
ทั้ง 5 คยดูจะแปลกใจมากที่ถังหยินไม่รายงานเรื่องนี้ให้กับซานเชส ทำให้พวกเขาอดไม่ได้ที่จะพูดขอบคุณ
สำหรับชายหนุ่มแล้ว การที่ปล่อยทั้งห้าคนนี้ไปเมื่อคืนนั้น นับได้ว่าเป็นเรื่องดีอย่างหนึ่ง ด้วยถ้าเกิดว่าวันดีคืนดีถังหยินต้องการจะยืมกองทัพจากเบสซ่า มันก็จะมีคนยอมส่งมาช่วยเขาแน่ ๆ อย่างน้อยก็จากทั้ง 5 ตระกูลนี้ !
หลังงานเลี้ยงเลิก ซานเชสก็อยากจะให้ถังหยินอยู่ที่นี่ต่อ แต่ทว่าชายหนุ่มก็ได้ปฏิเสธอย่างนอบน้อม จนราชาชราต้องยอมปล่อยให้เขากลับไป
ขากลับครานี้ มีขุนนางประจำเมืองมายืนส่งเขามากมายผิดกับตอนที่มามากนัก ซึ่งมันก็เป็นไปได้ยากยิ่งที่จะมีคนทำแบบนี้กับชายหนุ่ม
และเมื่อร่างแยกกับร่างหลักรวมกันแล้ว ถังหยินก็พลันโผล่หน้าออกมาสูดอากาศสดชื่นข้างนอก
การใช้งานครั้งนี้ ทำให้เขาเข้าใจแล้วว่าการใช้ร่างแยกมันอัศจรรย์มากแค่ไหน ทว่ามันก็ทำให้เขาพบข้อจำกัดหลายต่อหลายอย่างด้วยเช่นกัน ซึ่งนั่นก็ทำให้เขาไม่สามารถทิ้งร่างจริงไว้ที่ชุนโจวเพื่อส่งร่างแยกมาเจรจาที่นี่ได้
ขากลับตลอดระยะทางจนถึงเขตชายแดนนั้นไม่มีปัญหาเกิดขึ้น พวกเขาต่างก็ได้รับการดูแลเป็นอย่างดีโดยทหารเบสซ่ามากมายที่เดินมาส่ง
การทำสัญญาในครั้งนี้ไม่ใช่แค่เพียงสงบศึกเท่านั้น แต่เขายังได้พันธมิตรที่ยิ่งใหญ่กลับมา เพราะการที่ทั้ง 2 ดินแดนตกลงทำการค้าขายร่วมกันเช่นนี้ มันก็ทำให้อนาคตของทั้ง 2 ฝ่ายเจริญรุ่งเรืองยิ่ง ๆ ขึ้นไปอีกในอนาคต และยิ่งไปกว่านั้นเงินที่ได้มาจากค่าประติมากรรมสงครามก็ชดเชยส่วนที่ขาดไปได้เยอะทีเดียว
ชายหนุ่มรู้สึกดีใจที่ทั้งสองฝ่ายไม่ต้องฆ่ากันอีกแล้ว แต่เขาก็แอบเป็นกังวล ว่าอาจมีบางคนที่เกลียดคนต่างแดนแบบเข้ากระดูกดำจนกล้าตามมาล้างแค้นในภายหลัง ซึ่งนั่นก็อาจไม่ใช่แค่พวกชาวบ้านธรรมดาหากแต่นับรวมไปถึงพวกทหารด้วยเช่นกัน
ในตอนแรกมณฑลเทียนหยวนนั้นแทบจะไม่มีความคิดจะค้าขายกับอีกฝ่ายเลย และแม้ว่าจะเปิดเขตแดนกันแล้วแต่ก็มีคนเดินทางกันน้อย ส่วนมากจะมีก็แต่พวกพ่อค้าต่างแดนที่ได้ข่าวนี้จนรีบเดินทางมาจัดตั้งธุรกิจกันเท่านัน้
แต่ไม่ว่าจะมีการคุ้มครองหรือไม่ หยวนจี้ก็ยังกังวลว่าพวกพ่อค้าจะรับกับอัตราภาษีที่สูงถึง 3 ใน 10 ส่วนได้หรือไม่ ทว่าสุดท้ายแล้วก็ไม่มีใครปริปากบ่นอะไรกัน ด้วยพวกเขาต่างก็ดีใจที่ได้ค้าขายกับพวกต่างแดน จนตัดสินใจย้ายสำมะโนครัวมาอยู่ที่เทียนหยวนกันมากขึ้น