ราชันเทพสงคราม[唐寅在异界] - บทที่ 161
สภาพแวดล้อมที่ดี ประชากรมากมาย และกิจการที่เติบโตทำให้เทียนหยวนขยายออกไปอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้แล้ว การที่มีพ่อค้าต่างแดนมาเยือน มันก็ทำให้พวกเขาเริ่มเป็นที่น่าสนใจจากเมืองเบสซ่ามากขึ้น
จนก่อให้เกิดการส่งช่างฝีมือแลกเปลี่ยนวิชากันระหว่าง 2 ดินแดน เพื่อให้พวกเขาเหล่านั้นกลับมาพัฒนาเมืองของตนในภายหลัง และนอกจากนี้ก็ยังมีการค้าขายสินค้าเฉพาะของเขตนั้น ๆ กันด้วย
ดังนั้นถึงแม้ว่าเขตปิงหยวนจะได้รับผลกระทบจากสงครามมากที่สุด หากแต่ก็เป็นเขตนี้เช่นกันที่ได้รับการพัฒนายกใหญ่ ในตอนนี้ ตัวเมืองนั้นเต็มไปด้วยพวกเบสซ่าที่เดินกันทั่วท้องถนนไปหมด ทำให้พวกพ่อค้าทำกำไรกันได้มากมาย
ทว่าหยวนจี้เองก็ไม่ได้ลืมบางเรื่องไป การเกษตรคือทุกสิ่งและเป็นรากฐานของกองทัพที่ดี ถ้าหากไม่มีเสบียงก็ไม่มีกองทัพ และถ้าหากไม่มีกองทัพ ดินแดนก็จะไม่มีอธิปไตย ถึงแม้การเจรจาสงบศึกจะทำให้พวกเขาทำกำไรมากขึ้น หากแต่เรื่องทำไร่ไถ่นาก็ยังคงได้รับความสำคัญ
และด้วยแรงสนับสนุนของหยวนจี้นี่เอง จึงทำให้การกสิกรรมมีการขยายขึ้นเป็นเท่าตัว จนเกิดการสะสมของเสบียงอาหารจำนวนมาก ทำให้กองทัพมั่นคงขึ้น ดังนั้นถึงแม้พวกเขาจะยังขาดแคลนเงินทอง หากแต่สภาพของเทียนหยวนตอนนี้เริ่มดีขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก
ตัวถังหยินเองก็ชื่นชมและยกความดีความชอบนี้ให้กับหยวนจี้ เพราะถ้าไม่มีเขา เทียนหยวนก็คงมาไม่ได้ไกลแบบนี้หรอก
แคว้นหนิงได้ต่อสู้กับแคว้นเฟิงเป็นเวลากว่า 3 เดือนเต็ม และนี่ก็เป็นเวลาอันควรแล้วที่ถังหยินจะต้องส่งกองทัพเข้าไปช่วยแบบเต็มตัว
ทหารกว่า 2 แสนนายอยู่ในสภาพพร้อมรบ ด้วยเป้าหมายที่จะเข้าไปกอบกู้และรับการตกรางวัลอย่างงามจากทางราชสำนัก
ไม่กี่วันที่ผ่านมา กองทัพได้เดินทางลงใต้ผ่านเส้นทางมากมายโดยมีถังหยินและชิวเจิ้นเป็นผู้นำทัพ กระทั่งมาถึงทางผ่านสวรรค์ อันเป็นเส้นทางที่ได้รับการขยายเพื่อรองรับการเดินทัพของถังหยิน จนกลายเป็นป้อมปราการแล้วในขณะนี้
ทว่าชายหนุ่มไม่คิดจะรั้งอยู่ที่นี่นาน เพราะต้องการรีบส่งทหารเข้าไปร่วมการต่อสู้ที่เมืองหยาน
ทว่าในวันนั้นเอง พวกเขาก็ได้รับพิราบสื่อสารจากเมืองหลวงที่ส่งมาถึง
ถังหยินสงสัยมากว่าใครเป็นคนส่งมาถึงเขาโดยตรงแบบนั้น เป็นอู่เหมยหรือเปล่า ? แต่นั่นมันก็นานมากแล้ว
“ส่งมันมาให้ข้า” ถังหยินกล่าว
ขุนนางที่ติดตามมาด้วยมอบมันให้
เมื่อชายหนุ่มสังเกตเห็นตราประทับ เขาก็ต้องผิดหวังที่มันไม่ได้มาจากอู่เหมย ก่อนที่จะหยิบแท่งไฟมาละลายมันแล้วเปิดอ่าน
พวกทหารและแม่ทัพคนอื่นไม่ได้ใส่ใจมากนัก พวกเขาจึงพากันพูดคุยถึงเรื่องเส้นทางที่จะเดินทัพว่าทางไหนจะรวดเร็วที่สุด ทว่าชิวเจิ้นก็สังเกตถึงสีหน้าและมือที่สั่นเทาของถังหยินอย่างชัดเจน
ทุกคนเริ่มรู้แล้วว่ามีเรื่องใหญ่เกิดขึ้น
เวลาไหลผ่านไปนานก่อนที่ถังหยินจะอ่านมันจนจบและหันมองทุกคน
ชิวเจิ้นรวบรวมความกล้าขึ้นถาม “เกิดอะไรขึ้นหรือนายท่าน ?”
ชายหนุ่มไม่ได้ตอบแต่ยื่นจดหมายให้ ซึ่งอีกฝ่ายก็รับมันมาอ่านด้วยความรวดเร็วและตกตะลึงอยู่นาน
พวกแม่ทัพคนอื่น ๆ ก็ดูจะงุนงงไม่น้อยจนต้องเข้ามาถาม “เกิดอะไรขึ้นหรือท่าน ?”
ชิวเจิ้นส่งมันให้กับทุกคน ที่แท้มันก็คือจดหมายจากเติงหมิงหยาง หนึ่งในคนของถังหยินนั่นเอง
เนื้อหาในจดหมายนั้น มันได้กล่าวไว้ว่าซ่งเทียนได้ทำการก่อกบฏและบุกเข้าวังหลวงไปสังหารอ๋องแคว้นเฟิงและฆ่าล้างตระกูลจ้านจนหมดสิ้น ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขายังแต่งตั้งตระกูลของตัวเองเป็นอ๋องและยึดอำนาจจากเหลียงซิง อู่หยู และจี้หยาง พร้อมกับเปลี่ยนชื่อแคว้นเป็นแคว้นเปิง ก่อนจะส่งทหารไปสงบศึกกับพวกหนิงโดยการมอบประตูหน้าด่านตงให้
“หา ?” พวกแม่ทัพต่างก็ตะลึงงั้น ก่อนที่ไป่หยงจะกล่าวขึ้นมา “อย่าบอกนะว่าแคว้นเฟิงล่มสลายแล้ว ?”
วินาทีที่คำพูดนี้ออกมา ทุกคนก็พลันได้สติแล้วกู่ร้องขึ้นฟ้า
อ๋องแห่งแคว้นเฟิงถูกสังหารและซ่งเทียนก็แต่งตั้งตัวเองเป็นใหญ่ …ข่าวนี้มันช่างยากเหลือเกินที่จะเชื่อได้
ชิวเจิ้นส่ายหัวแล้วพูด “ใจเย็นก่อนสหายทั้งหลาย พวกเจ้าคิดว่านี่เป็นเรื่องจริงกันหรือ ?”
ถังหยินเชิดหน้าขึ้น “แล้วมันจะเป็นของปลอมไปได้ยังไงกัน ? เติงหมิงหยางเป็นคนเขียนมันขึ้นมาเอง เขาไม่มีเหตุผลที่จะต้องหลอกข้าเลย”
ชิวเจิ้นที่ได้ยินดังนั้นก็เริ่มคิดตาม “ถ้างั้นนี่ก็เป็นโอกาสแล้วล่ะนายท่าน”
ทุกคนตะลึงก่อนที่จะหันมามองหน้าชิวเจิ้นด้วยความสงสัย
“หมายความว่ายังไง ?”
ชิวเจิ้นเอนตัวเข้ามาแล้วพูดช้า ๆ ทีละคำ “เพื่อ จัด การ กบฏ วัง หลวง”
ถังหยินตัวสั่นแล้วมองชิวเจิ้นอย่างประหลาดใจยิ่งกว่าเดิม
“ซ่งเทียนก่อกบฏและยึดบัลลังก์ไป นี่จะทำให้ทั้งจักรวรรดิไม่พอใจเป็นแน่ กลับกัน นายท่านก็สามารถใช้โอกาสนี้สถาปนาเทียนหยวนเป็นฐานหลักแล้วส่งกองทัพเข้าไปปราบกบฎพวกนั่นเสียเลย ซึ่งมันก็จะกลายเป็นโอกาสดีที่นายท่านจะได้กลายเป็นวีรบุรุษของเมืองหยาน ดีไม่ดีท่านจะได้กลายเป็นอ๋องแห่งแคว้นเฟิงคนต่อไปโดยไม่รู้ตัว !”
ถังหยินไม่ใช่คนที่เชื่อใครง่าย ๆ การที่อ๋องแห่งแคว้นเฟิงถูกฆ่าไปแบบนี้มันจะเป็นไปได้หรือที่อีกฝ่ายจะขึ้นแทรกแซงได้ ด้วยเพียงแค่อำนาจทางการทหารที่มี ?
เขาเชื่อว่าซ่งเทียนจะต้องวางแผนนี้เอาไว้นานมากแล้วแน่ ๆ
ตอนที่แคว้นเฟิงปะทะกับแคว้นหนิง ก็ได้มีสายลับของพวกหนิงเข้ามาแฝงตัวในแคว้นเฟิงเพื่อทำให้กองทัพอ่อนแอลง ก่อนจะเข้าทำลายตระกูลจี้หยางจากภายใน ไหนจะตอนที่หยินโรวมาทำภารกิจที่นี่ ที่มันก็ได้มีการลอบสังหารเกิดขึ้นเพื่อทำให้เกิดศึกต่อไป นอกจากนี้ มันก็ยังต้องมีการเข้าควบคุมฟานจูผู้นำตระกูลฟานเอาไว้เป็นฐานกำลังเงินตราในเวลาที่เขาขึ้นครองแคว้นนั่นอีก
ถังหยินรู้สึกว่าซ่งเทียนเป็นจอมเจ้าเล่ห์มากที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็นมาในโลกนี้เลย
ชายหนุ่มสูดลมหายใจเข้าลึก ยืนครุ่นคิดอยู่นาน ก่อนพูดขึ้น “เรื่องยังไม่กระจ่าง เรายังตัดสินอะไรไม่ได้หรอก”
ชิวเจิ้นพยายามจะค้านแต่ถังหยินก็ห้ามเอาไว้ เพราะแต่เดิมเขาก็จะส่งกองทัพไปช่วยเมืองหยานรบอยู่แล้วด้วย ดังนั้นพวกเขาจึงต้องการข้อมูลที่กำลังจะมาจากเมืองหยานให้มากกว่านี้ก่อนตัดสินใจ
ทว่ามันก็เป็นไปตามเนื้อความในจดหมายที่เติงหมิงหยางเขียนส่งมา ด้วยหลังจากที่ซ่งเทียนขึ้นครองเมืองแล้ว อีกฝ่ายก็ได้ส่งจดหมายไปหาเจ้าเมืองใต้อาณัติทุกคนว่าจะสวามิภักดิ์เข้ากับเขาหรือไม่ ซึ่งแม้แต่ถังหยินเองก็ได้รับมันด้วย
หากแต่ชายหนุ่มก็ต้องประหลาดใจอีกครั้ง