ราชันเทพสงคราม[唐寅在异界] - บทที่ 165
เมื่อได้ยินว่าถังหยินอยากจะไปช่วยคนรู้จักในเมืองหยานด้วยตัวเอง พวกขุนนางที่ได้ยินก็พากันไม่เห็นด้วยกันอย่างพร้อมเพรียง ด้วยมันอันตรายเกินไปที่จะให้ผู้ปกครองมณฑลออกไปทำเองแบบนี้
ชิวเจิ้นทำท่าจะคัดค้านในทีแรก แต่เขาก็พลันคิดขึ้นมาได้ว่าถังหยินสามารถใช้วิชาแยกร่างเพื่อปฏิบัติการนี้ได้
เมื่อถังหยินอยู่ที่นี่แล้วควบคุมร่างแยกแทน เขาก็จะปลอดภัยเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น แถมยังสั่งการจากที่นี่ได้อีก
ชิวเจิ้นตัดสินใจเรื่องนี้และหันไปบอกกับถังหยิน “ข้าว่านายท่านควรจะทำภารกิจนี้จริง ๆ”
หยวนยู่พูดขึ้นบ้าง “แน่นอนว่าข้าจะไปด้วย ถ้าหากงานนี้มันอันตรายเกินไป แล้วนายท่านกลับออกมาไม่ได้ล่ะก็ ข้าจะเป็นคนพาเขากลับออกมาเอง”
ถังหยินหัวเราะเบา ๆ ให้กับคำพูดนี้ เขานั้นรู้ว่าหยวนยู่เป็นคนเช่นนี้ ไม่หวาดเกรงต่อภัยอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับตัวแม้แต่น้อย
ชายหนุ่มกล่าวต่อ “คนที่จะไปกับข้าได้จะต้องเป็นคนที่เก่งที่สุดเท่านั้น”
ทุกคนมองหน้ากัน ชิวเจิ้นคือคนที่ฉลาดที่สุดและหยวนยู่คือคนที่เก่งกาจที่สุดแล้ว
หลังจากเลือกเสร็จ ถังหยินก็ฝากฝังให้ทั้งสองคนช่วยกันดูแลที่นี่ไว้ ก่อนที่ตัวเขาเองจะไปฝึกวิชาในภูเขาก่อน
ในเวลานี้ไฟสีดำของเขาสามารถดูดกลืนพลังได้เพียง 5 ใน 10 ส่วนเท่านั้น แต่การใช้ร่างแยกออกไปสู้มันจะกินพลังงานมากจนไม่อาจทำให้มันคงสภาพอยู่ได้ ดังนั้นเขาจึงอยากเพิ่มพลังของตนเองเพื่อให้ไฟสีดำสามารถดูดพลังงานได้มากเต็ม 10 ส่วน
แต่พลังนี้มันก็ไม่ง่ายที่จะเพิ่มระดับ…
เมื่อได้ยินคำนั้น ทั้งชิวเจิ้นและหยวนจี้เองก็ไม่เข้าใจจนต้องถาม “ท่านจะไปที่เขาลูกไหนหรือ ?”
“มีที่อื่นอยู่ใกล้ที่นี่ด้วยหรือ ?”
ทางผ่านสวรรค์ตั้งอยู่ระหว่างเขา 2 ลูก มันถูกเรียกว่า เขาหมื่นอสูร ที่กว้างจนกินเนื้อที่มากกว่าหลายร้อยลี้ มันสูงมากและเต็มไปด้วยป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์ และถึงแม้การเข้าไปที่นั่นมันง่ายมาก หากแต่ถ้าจะกลับออกมามันแทบเป็นไปไม่ได้เลย แถมยังมีสัตว์ร้ายอยู่ในนั้นด้วย หลายคนที่ไปสำรวจที่นี่และไม่ได้กลับออกมาอีกเลยก็มีให้เห็นมากมาย
ชิวเจิ้น “นายท่านอยากจะเข้าไปในเขาหมื่นอสูรหรือ ?”
ถังหยินพยักหน้าให้ เพื่อการฝึกพลังของเขาจึงต้องเข้าไปฝึกกับพวกสัตว์ร้ายในป่าเขา
หยวนจี้ถาม “นายท่านจะไปคนเดียวหรือ ?”
“พวกเจ้าไม่ต้องกังวลไป ข้าน่ะใช้ชีวิตอยู่ในป่าเขามาก่อน สบายใจได้”
ถึงจะพูดแบบนั้นแต่ทั้งสองผู้ช่วยก็อดกังวลไม่ได้อยู่ดี
ถังหยินกล่าวต่อ “เมื่อข้าเข้าไปแล้วจะใช้เวลากว่าสิบวัน ถึงตอนนั้นข้าหวังว่าจะได้ข่าวดีจากลู่ฟางแล้วนะ และข้าก็รับประกันเลยว่าข้าจะกลับมาพร้อมกับพลังที่จะช่วยพลิกสถานการณ์ได้แน่”
ชิวเจิ้นไม่ห้ามและพูดอย่างอ่อนล้า “ท่านต้องระวังตัวด้วยนะ”
“แน่นอน ตอนที่ข้าไม่อยู่ก็ช่วยเก็บเป็นความลับด้วยล่ะ ไม่งั้นพวกทหารเลวจะคิดว่าข้าแอบหนีไปแล้วก็เป็นได้” ถังหยินย้ำเตือนในจุดนี้
ทั้งสองพยักหน้าให้ นอกจากพวกเขาแล้วไม่มีใครรู้ว่าถังหยินจะออกไปฝึกวิชาในป่าเขา
คืนนั้นชายหนุ่มได้เก็บข้าวของและลอบออกไปอย่างลับ ๆ
เขาหมื่นอสูรนั้นใหญ่และกว้างมาก ถ้าหากไม่ชินเส้นทางจริง ๆ ก็คงจะหลงอยู่ในนี้ตลอดกาล
ถังหยินอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก เขาคุ้นเคยกับการเดินเขามามากแล้ว ยิ่งมีพลังยุทธ์เข้ามาด้วย มันก็ไม่ต่างอะไรจากการที่เขาเดินเล่นในสวนหลังบ้านเลย
มีทั้งนกและสัตว์ป่ามากมายในเขา และพวกสัตว์ปีกเหล่านี้คือเป้าหมายที่เขาจะฝึกวิชา
เขาเดินไปตลอดคืนจนกระทั่งฟ้าสาง เดินมาไกลแค่ไหนก็ไม่รู้แถมยังเดินสูงขึ้นไปจนเกือบจะเลยหมู่เมฆไปแล้ว
ทันใดนั้นชายหนุ่มก็พบกับหุบเขาที่ไม่มีต้นไม้ ทว่ามีทุ่งหญ้าที่กว้างขวางพร้อมกับแกะที่กำลังกินหญ้าอยู่แทน
ถังหยินดีใจมากและรีบย่อตัวลงต่ำ ก่อนจะคืบคลานเข้าไปหาฝูงแกะเหล่านี้ และใช้ไฟสีดำเหวี่ยงเข้าไปคล้องคอพวกมันจนโดนเผากลายเป็นขี้เถ้า แกะตัวอื่นที่เห็นถึงอันตรายก็รีบหนีกระจายกันไป ทว่าก็ถูกถังหยินไล่ตามเผาจนไม่เหลือซาก
พลังปราณจากสัตว์นั้นให้น้อยกว่ามนุษย์มาก แต่เขาก็ไม่ได้ต้องการพลังอยู่แล้ว นี่เป็นเพียงแค่การฝึกใช้ไฟของเขาเท่านั้น
ท้ายที่สุดเขาก็เริ่มเหนื่อยและนั่งลงบนพื้น จ้องมองฝ่ามือตัวเองที่ติดไฟด้วยความเหนื่อยล้า
การพัฒนาวิชาของตัวเองมันยากกว่าการเพิ่มระดับขั้นหลายเท่านัก และเพราะแบบนี้หยานหลี่ถึงได้อยู่ในระดับขั้นนี้มาตั้งแต่อดีตแล้ว
เขาอยู่บนเขานานถึง 3 วัน และในช่วงนี้ชายหนุ่มก็จัดการพวกสัตว์ป่าในนี้มากมายด้วยไฟสีดำในมือ แต่ถึงจะจัดการไปมากมาย ทว่ามันก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะเพิ่มขั้นพลังได้เลย หากแต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังไม่ยอมแพ้ !
ในวันที่ 4 เขาได้เจอกับนายพราน 2 คน พวกเขาขึ้นมาที่นี่เพื่อเก็บสมุนไพร
มันไม่ง่ายเลยที่จะเจอคนในเขาแบบนี้ ถังหยินดีใจมากที่ได้พบพวกเขา และในตอนแรกพวกนายพรานต่างก็หวาดกลัวถังหยินมาก แต่เมื่อคุยกันได้สักพักก็รู้ว่าเป็นคนที่ใจดีผิดกับหน้าตาที่ดูน่ากลัวนี้
นายพรานทั้งสองอายุก็ไม่มากมายนัก แถมยังผิวคล้ำกับร่างกายที่ผอมบางด้วย ตะกร้าที่เขาแบกอยู่เต็มไปด้วยสมุนไพรหายากมากมาย
พวกเขาถามถังหยิน “พ่อหนุ่มเข้ามาที่นี่ทำไมกันหรือ ?”
ชายหนุ่มกลอกตา “ข้าแค่ได้ยินว่ามีสัตว์ร้ายมากมายที่นี่ก็เลยอยากจะมาล่าพวกมัน !”
พวกนายพรานหัวเราะออกมาพร้อมกัน “มันก็แค่ข่าวลือน่ะ พวกสัตว์ร้ายมันสูญพันธุ์ไปนานแล้ว พวกข้าน่ะเก็บสมุนไพรมาตั้งนานแล้วก็ยังไม่เห็นสักตัวเลย”
ถึงถังหยินจะไม่ได้มาเพราะตามหาสัตว์ร้ายเหล่านั้น แต่เขาก็รู้สึกผิดหวังอยู่ดี “แต่พวกคนที่เข้ามาในนี้ก็ไม่ได้กลับออกไปนี่นา พวกเขาหายไปไหนหรือ ?”
สองพรานยักไหล่ “พวกเขาอาจจะหลงทางที่นี่จนตายก็ได้”
“จริงด้วย ข้าได้พบนักสำรวจคนหนึ่ง เขาบอกว่าจะตามหามันเพื่อเป็นโชคลาภในการดำเนินชีวิต แต่ข้าว่าป่านนี้คงหาไม่เจอแล้วล่ะ เพราะมันอยู่ในใจของพวกเขายังไงล่ะ”
ถังหยินหัวเราะลั่นและไม่คิดว่าคำพูดของสองพรานจะมีความหมายเชิงปรัชญาแบบนี้
“พ่อหนุ่มจะไปไหนล่ะ ?”
“รอบ ๆ เขานี่แหละ เดินเล่นนิดหน่อยน่ะ” ชายหนุ่มชี้ไปยังเบื้องหน้า
สีหน้าของสองพรานเปลี่ยนไปทันที “พ่อหนุ่ม ข้าแนะนำนะว่าอย่าเข้าไปลึกกว่านี้ดีกว่า”
“ทำไมล่ะ ?”
“ถ้าเข้าไปข้างในนั้นก็จะเป็นใจกลางเขาหมื่นอสูร ซึ่งพวกเราก็ไม่เคยเข้าไปหรอกนะ แต่มันได้รับการร่ำลือว่ามีพวกเสือและหมาป่าดุร้ายมากมายปะปนกันอยู่ มันจะกินทุกคนที่เดินเข้าไปเชียวล่ะ”
นายพรานอีกคนเสริม “แถมยังมีงูยักษ์กับหมีอีกด้วย”
ถังหยินยักไหล่แม้จะไม่เห็นด้วยก็ตาม
สองพรานถามอีกครั้ง “เจ้าจะไปจริง ๆ หรือ ?”
“พวกสัตว์ป่าน่ะไม่น่ากลัวหรอก มนุษย์น่ะน่ากลัวกว่ากันเยอะ” ชายหนุ่มกล่าว
ทั้งสองคนไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายกำลังพูดอะไร แต่ก็พยายามยื้อไว้ไม่ให้ถังหยินมุ่งหน้าไปต่อ ทว่าชายหนุ่มก็ไม่ยอมจนสองพรานต้องปล่อยไปแต่โดยดี
ถังหยินถาม “ข้าไม่มีอาหารเลย ข้าขอซื้อต่อจากพวกเจ้าได้ไหม ?”
“เจ้าอยากได้อะไร ?”
“ข้าต้องการของพวกนั้น” เขาชี้ไปยังตะกร้าสมุนไพรด้านหลังพวกเขาแล้วหยิบทองออกมา “เท่านี้พอหรือไม่ ?”
ตะกร้าของพวกเขามีโสมอยู่ 2 ต้น และราคาของมันก็ไม่ได้มากขนาดทองก้อนแบบนี้แน่ สองพรานรีบรับทองมาแล้วตรวจดูว่ามันใช่ของจริงหรือเปล่า “แค่นี้ก็พอแล้ว เจ้าอยากได้อะไรอีกไหม ? หยิบได้เต็มที่เลย”