ราชันเทพสงคราม[唐寅在异界] - บทที่ 172
ได้ยินถังหยินพูดแบบนี้ พวกคนอื่น ๆ ก็ถึงกับถามขึ้นพร้อมกัน “นายท่านตามหาใครหรือ ?”
“ใครกันล่ะที่ทำให้เราได้รับข่าวของซ่งเทียน”
“เติงหมิงหยาง ?”
“ถูกต้อง หมิงหยางคือลูกน้องเก่าของข้า ทั้งยังเป็นคนที่อยู่ข้างเดียวกับข้า ดังนั้นคืนนี้ข้าจะจะไปหาเขา” ถังหยินพยักหน้าให้
“เขาเชื่อใจได้หรือ ?” เฉิงจินเป็นคนขี้ระแวง และเขาเองก็ไม่เคยเจอหมิงหยางมาก่อนด้วย
“เชื่อถือได้แน่นอน” ถังหยินเข้าใจถึงความกังวลนี้และยิ้มให้
คืนนั้นถังหยินออกไปหาหมิงหยาง และเพราะเขาคิดว่าไม่ได้จะไปหาเรื่องใคร จึงได้พาคนออกไปเพียงคนเดียวนั่นก็คือ หยวนยู่
ทั้งสองใส่เสื้อผ้าแบบคนธรรมดาเพื่อไม่ให้เป็นที่สะดุดตา ซึ่งถังหยินเองก็ได้สวมหมวกฟางไว้ เพราะด้วยความที่ว่าเขาเองก็เป็นแม่ทัพของที่นี่มาก่อนจึงมีคนรู้จักเขาอยู่พอสมควร
หลังออกจากบ้าน ทั้งสองก็ตรงไปยังบ้านของหมิงหยาง
พวกเขาเลือกที่จะเดินหลีกเลี่ยงเส้นทางหลักของเมือง เพื่อป้องกันไม่ให้เจอผู้คนมากโดยไม่จำเป็น จนไม่นานนักก็มาถึงบ้านของอีกฝ่าย
บ้านหลังนี้ถือว่าใหญ่พอสมควร มีทั้งห้องหับมากมายพร้อมกับสวนด้านหลังอีก
เมื่อมาถึงหน้าประตู ถังหยินก็ให้หยวนยู่เข้าไปเคาะเรียก แต่ทว่าหลังจากที่เคาะไปนานแล้วก็ยังไม่มีตอบกลับมา ทำให้พวกเขาเริ่มสงสัย ก่อนที่จากนั้นไม่นานนักจะเริ่มมีเสียงฝีเท้าดังจากอีกฝ่าย และประตูก็พลันเปิดออก
คนที่เปิดออกมาคือคนรับใช้ในชุดสีเทา ใบหน้าของอีกฝ่ายเต็มไปด้วยความกลัว เมื่อเห็นว่ามีแค่สองคนเขาก็พลันถอนหายใจก่อนมองหยวนยู่ “มีเรื่องอะไรหรือเปล่า ?”
ชายเลือดร้อนตอบตรง ๆ “ข้ามาหาเติงหมิงหยาง”
ข้ารับใช้ตะลึง ก่อนที่ใบหน้าจะเปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน “ต้องขออภัยด้วย นายท่านของข้าไม่อยู่ในเวลานี้” พูดจบเขาก็ปิดประตูลงไปทันที
ในเวลานี้ ถังหยินเอื้อมก็ได้เอื้อมมือเข้าไปขวางเอาไว้ “เจ้านายของเจ้างานยุ่งมากถึงขนาดยังไม่กลับมาอีกหรือ ?”
ชายรับใช้พูดอย่างมีน้ำโห “แล้วเกี่ยวอะไรกับพวกเจ้า ?” เขาพูดพร้อมมองไปที่ถังหยิน จากนั้นก็สีหน้าก็พลันเปลี่ยนเป็นตกตะลึงในทันที
ชายหนุ่มยิ้มให้แล้วถามต่อ “ผ่านไปไม่กี่ปีเอง เจ้าจำข้าไม่ได้หรือ ?”
“แม่ทัพถัง ?” ชายรับใช้ส่ายหัวด้วยความดีใจ สะบัดเอาความตะลึงออกไป ด้วยแทบไม่เชื่อในสายตาตัวเองว่าถังหยินจะมาถึงที่นี่
“เติงหมิงหยางอยู่ไหม ?”
“อยู่ขอรับ !”
“งั้นเข้าไปได้ไหม ?”
“ได้ทันทีขอรับ” ชายรับใช้ราวกับต้องคำสาป เขารีบเปิดประตูให้ทุกคนเข้าไปในสวนหน้าบ้านทันที
เมื่อทั้งสองเข้ามาแล้ว เขาก็รีบล็อกประตูก่อนรีบวิ่งเข้าไปในบ้าน ไม่ต้องบอกก็รู้เลยว่าเขาไปแจ้งเติงหมิงหยาง ก่อนที่ไม่นานนักเจ้าตัวก็จะเดินออกมาพร้อมกับผู้เป็นนายของตน
ถังหยินที่ยืนอยู่ตรงกลางสวนหย่อมทำให้เติงหมิงหยางดีใจมาก เขารีบเดินไปคุกเข่าลงตรงหน้า “ข้าน้อยขอต้อนรับแม่ทัพถัง !”
ชายหนุ่มพยุงตัวเขาขึ้นมา ก่อนมองอีกฝ่ายตั้งแต่หัวจรดเท้า เขารู้เลยว่าการที่สหายของเขาผอมแห้งลงไปขนาดนี้ มันก็คงเป็นเพราะซ่งเทียนทำการปกครองอันโหดร้ายเป็นแน่ “หมิงหยาง เจ้าไม่ต้องมากพิธีแบบนั้นก็ได้ เจ้าไม่ใช่ลูกน้องของข้าแล้วนะ”
เมื่อได้ยินคำนั้น น้ำตาของอดีตลูกน้องก็พลันไหลออกมา ถ้าเขารู้ว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ เขาคงจะย้ายตามถังหยินไปด้วยแล้ว
อย่างที่ชายหนุ่มคาดการณ์เอาไว้ ในช่วงนี้หมิงหยางไม่ได้มีชีวิตที่ดีมากนัก เพราะเขายังคงอยู่ในตำแหน่งเดิมจนถึงตอนที่ซ่งเทียนขึ้นมาปกครอง ทำให้เขาถูกถอนออกจากตำแหน่ง นอกจากนั้นไม่พอ เขายังต้องเห็นสหายถูกสังหารไปมากมาย จนทำให้ต้องนอนฝันร้ายทุกค่ำคืนว่าซ่งเทียนจะตามมาจัดการปิดปากเขาเข้าสักวัน
วินาทีที่เขาเห็นถังหยิน หัวใจของเขาเหมือนได้รับการเยียวยา เขาสูดลมหายใจก่อนจะโค้งคำนับให้ “ข้าน้อยเคยเป็นลูกน้องของท่าน และจะเป็นตลอดไปขอรับ !”
ชายหนุ่มพยักหน้าให้ “เข้าไปคุยในบ้านกันเถอะ”
หมิงหยางพยักหน้าอย่างรวดเร็ว “เชิญ เชิญ เชิญขอรับทางนี้เลย”
ระหว่างเดิน เขาได้หันมองไปยังหยวนยู่ และเพราะไม่รู้จักกันจึงได้ถาม “ท่านผู้นี้คือ ?”
“คนของข้าเอง”
ถังหยินตอบกลับไป ทำให้หมิงหยางรู้สึกว่าพวกเขาไม่ได้โดดเดี่ยวและมีกำลังในการต่อต้านมากขึ้น
หลังจากเดินมาถึงห้อง ชายหนุ่มก็นั่งลงตามคำร้องขอ ก่อนที่พวกข้ารับใช้จะเข้ามาวางถ้วยชาให้ “ไม่ต้องมากพิธีก็ได้ บอกแล้วไง”
“ไม่ได้หรอกขอรับ” หมิงยางส่ายหัวแล้วนั่งลงตรงหน้าเขา
ถังหยินมองเขาแล้วถาม “เจ้ารู้ไหมว่าทำไมข้าถึงมาที่นี่ ?”
อดีตลูกน้องกลอกตาแล้วตอบ “หรือว่าท่านจะมาช่วยพวกเขา ?”
“ใช่แล้ว ตระกูลเหลียง ตระกูลอู่ และตระกูลจีหยาง”
หมิงหยางมีสีหน้าที่กังวล เขารู้ว่าถังหยินจะมาอย่างแน่นอนแต่ก็ไม่คิดว่าจะมาเพราะต้องการช่วยทั้ง 3 ตระกูลนี้
“พวกมันควบคุมทั้งกองทัพและทั้ง 3 ตระกูลเอาไว้ ข้าต้องช่วยพวกเขามา เพื่อสร้างความได้เปรียบเวลาต่อกรกับซ่งเทียน และข้าก็หวังว่าเจ้าจะช่วยข้าได้นะ”
เม็ดเหงื่อผุดขึ้นบนใบหน้าของอดีตลูกน้องในพลัน การพูดน่ะมันง่ายกว่าอยู่แล้ว ทั้ง 3 ตระกูลนี้ยิ่งใหญ่และมีกองทัพมากมาย แต่นี่ก็ทำให้เกิดคำถามว่าพวกเขาจะเข้าไปช่วยเหลือได้ยังไงกัน ? เพราะคนพวกนั้นถูกคุมขังอยู่ในจวนของซ่งเทียนที่มีทหารยามกว่าหมื่นคนคอยคุ้มกัน
เห็นแบบนี้ถังหยินก็ถาม “เจ้าไม่คิดจะช่วยข้าหรือ ?”
“ข้าน้อยมิบังอาจ แต่ว่าทั้ง 3 ตระกูลมีจำนวนสมาชิกที่มากเกินไป และการช่วยพวกเขาจะต้องทำให้ซ่งเทียนรู้ตัวก่อนแน่ ๆ ดังนั้นต่อให้หนีออกจากจวนของซ่งเทียนได้ พวกเราก็ไม่อาจจะออกจากเมืองหยานได้”
ถังหยินไม่คิดว่า 3 ตระกูลนี้จะมีจำนวนสมาชิกที่เยอะมากมาก่อน ดังนั้นก็ถูกอย่างที่หมิงหยางกล่าวมา เพราะต่อให้ช่วยออกมาได้ แต่จะหนีออกมายังไงกันล่ะ ? ซึ่งนี่ก็ยังไม่นับรวมพวกคนแก่และคนอ่อนแอนั่นอีก มีหวังพวกเขาได้โดนไล่ล่าก่อนที่จะได้ออกจากเมืองเป็นแน่ !
ขั้นตอนแรกของการช่วยผู้คนคือห้ามให้ตัวเองถูกเปิดเผย พวกเขาต้องดำเนินการอย่างลับ ๆ ทว่าจวนของซ่งเทียนกลับมีทหารประจำการมากมาย แล้วงี้พวกเขาจะทำให้ยังไงดี ? “ใครเป็นแม่ทัพของกองพันที่ 15 ?”
“ซ่งซาน หลานของซ่งเทียน” หมิงหยางตอบ
“เขาเก่งมากไหม ?”
“ถึงเขาจะอยู่ในระดับปราณสู่พิสดาร แต่เขาก็มากไปด้วยเล่ห์กลยากที่จะเอาชนะได้” หมิงหยางตอบตามตรง “แต่ว่าหมอนี่มันก็เป็นคนมากไปด้วยราคะ ดังนั้นพวกเราอาจจะใช้ช่องทางนี้ก็ได้”
สายตาของถังหยินมองไปยังหมิงหยางทันที “แล้วเจ้ารู้จักเขาไหม ?”
อดีตลูกน้องส่ายหัว “เคยเจอแค่ไม่กี่ครั้งเองขอรับ สำหรับคนที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้าอย่างข้า ใครมันจะมาสนใจกัน”
ถังหยินกลอกตา “ในเมื่อเขาเป็นคนนิยมกามามรณ์แบบนี้ งั้นแล้วข้าก็ว่าจะหลอกล่อเขามาจัดการด้วยคนของข้าสักหน่อย”
“คนของท่านหรือ ?” หมิงหยางเบิกตากว้าง เขาไม่รู้ว่าถังหยินจะทำอะไรกันแน่
ชายหนุ่มครุ่นคิดก่อนจะหัวเราะออกมา “ให้เมียของเจ้ามาทำงานนี้ได้ไหม ?”
“แค่ก !” หมิงหยางสำลักน้ำลาย เขารู้ว่าแผนการนี้น่าจะใช้ได้ก็จริง แต่ก็ไม่คิดว่าจะให้ภรรยาของเขามาทำภารกิจนี้ได้ “ท่านแม่ทัพ ประเดี๋ยวก่อนนะ”
ถังหยินรู้มาว่าภรรยาของหมิงหยางสวยมาก แต่เขาก็ไม่เคยเห็นมากับตาดังนั้นจึงไม่แน่ใจว่านางจะเป็นดั่งที่ร่ำลือหรือไม่ และถ้าหากว่าเป็นความจริงล่ะก็ งั้นแล้วนางก็น่าจะใช้การได้
ชายหนุ่มหัวเราะ “ไม่ต้องกังวลไป ข้าจะไม่ภรรยาเจ้าเป็นอันตรายแน่นอน”
“แต่ว่า…” หมิงหยางเข้าใจสิ่งที่ถังหยินจะสื่อ แต่ไม่ว่าจะยังไง การให้ชายหน้าไหนเข้ามายุ่งกับภรรยาของตัวเองก็ยังคงนับเป็นเรื่องที่ลำบากใจยิ่งนักอยู่ดี