ราชันเทพสงคราม[唐寅在异界] - บทที่ 205
จากที่ไม่ไกลออกไปนัก ถังหยินก็เห็นได้อย่างชัดเจนถึงสิ่งที่เกิดขึ้น ว่าเป็นฝ่ายของพวกเขาที่กำลังกวาดล้างสนามรบ พวกทหารเฟิงพากันผลักร่างไร้ศีรษะของทหารหนิงไปจนตกกำแพงเมือง เช่นเดียวกับที่ทำการขนย้ายสหายที่บาดเจ็บและเสียชีวิตกลับไปในเมือง
หลังจากการตรวจนับอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มก็พบว่ามีทหารเฟิงมากกว่า 2 พันนายที่ถูกสังหารในการต่อสู้ครั้งนี้ ซึ่งนี่ก็ยังไม่นับรวมถึงคนที่บาดเจ็บอีก
ในขณะที่ถังหยินกำลังลาดตระเวน ก็มีแม่ทัพนายหนึ่งที่อยู่ใต้บัญชาของเขาวิ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว และเมื่อเห็นถังหยิน อีกฝ่ายก็พลันแสดงความเคารพก่อนจะกล่าวออกมาว่า “นายท่าน แพทย์ทหารของพวกเรามีไม่เพียงพอ มีทหารอีกหลายคนที่บาดเจ็บและยังไม่ได้รับการรักษา เราควรทำอย่างไรดีขอรับ ?”
ถังหยินขมวดคิ้วกับคำรายงาน เขาก้มหน้า คิดสักครู่แล้วพูดว่า “ไปหาเติ้งซวน ให้เขาคิดหาทางให้เรา !” เนื่องจากพวกเขามีแพทย์ทหารไม่เพียงพอ ดังนั้นตอนนี้พวกเขาจึงทำได้เพียงขอให้หมอภายในเมืองมาช่วยอีกแรง
“รับทราบขอรับ !” แม่ทัพนายนั้นรับคำและจากไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากเติ้งซวนได้รับคำสั่งของถังหยิน เขาก็รีบส่งผู้ใต้บังคับบัญชาของตัวเองให้ไปจัดการเรื่องนี้ ก่อนที่ไม่นานหลังจากนั้นจะได้หมอมา 20 คน
ซึ่งในเวลานั้น เติ้งซวนก็ได้ออกมาด้านนอกเช่นกัน เพื่อร้องขอให้ชาวเมืองช่วย
ถังหยินพอใจกับการกระทำของเติ้งซวน ด้วยมันทำให้อะไรหลาย ๆ อย่างเป็นไปได้ดียิ่งขึ้น
ภายในกำแพงเมือง กองทัพเฟิงได้ตั้งค่ายชั่วคราว และภายในนั้นก็คือทหารที่ได้รับบาดเจ็บ โดยมีเหล่าแพทย์ที่ดูแลผู้ได้รับบาดเจ็บพากันเดินไปมาวุ่นวาย
อากาศอบอวลไปด้วยกลิ่นยาและเลือด และในบางครั้งก็จะได้ยินเสียงครวญครางอย่างเจ็บปวดดังมาจากภายใน
ภาพตรงหน้าทำให้ชายหนุ่มถอนหายใจออกมา นี่คือวิธีการทำงานของสงคราม ไม่เจ้าตายก็ข้าตาย ! ซึ่งถังหยินก็บอกได้เลยว่ากองทัพหนิงไม่ได้ใช้กำลังทั้งหมด พวกเขาเพียงส่งแนวหน้าและใช้กองทัพส่วนกลางเท่านั้น ยังคงเหลือทัพส่วนหลังที่ยังไม่ได้เข้าร่วมในการรบ
พวกเขาจะทนไหวไหม ? ภายนอกถังหยินยังสงบท่าทีเอาไว้ได้ แต่ในใจของเขานั้นวุ่นวายไปหมดแล้ว
ถังหยินเดินไปหาทหารหนุ่มที่ได้รับบาดเจ็บ ใช้สายตามองลงมาที่เขา ก่อนพบว่าอีกฝ่ายนั้นขาหักและมีเลือดไหลชุ่มผ้าแผล ใบหน้าดูซีดขาว ร่างกระตุกและดวงตาของเขาก็เปิดกว้าง ทำให้ชายหนุ่มไม่สามารถที่จะทนมองมันได้อีกต่อไป
ถังหยินเกิดมาเป็นนักฆ่า ดังนั้นเขาจึงได้เห็นชีวิตและความตายมาไม่น้อย จึงสามารถบอกได้ด้วยการมองเพียงแวบเดียวว่าคนที่บาดเจ็บมีโอกาสรอดมากน้อยแค่ไหน
ทหารผู้นั้นได้รับการรักษาโดยหมอหญิงที่ก้มหน้าก้มตาทำอะไรบางอย่าง นางมัวแต่กำลังถอดผ้าที่เปื้อนเลือด และใส่ยาเข้าไปใหม่ก่อนเปลี่ยนผ้าพันแผลให้
การเคลื่อนไหวของหญิงสาวลื่นไหล ใบหน้าของนางไม่แสดงอาการตื่นตระหนกแม้แต่น้อย เห็นได้ชัดว่ามีประสบการณ์สูงมากทีเดียว
ถังหยินมองไปสักพัก จากนั้นก็ก้าวไปข้างหน้าและคว้าข้อมือของนางไว้ “อย่าเปลืองยาโดยใช่เหตุ ยังมีชีวิตที่ควรค่าแก่การช่วยมากกว่านั้น”
หมอหญิงสะดุ้งเล็กน้อย จากนั้นนางก็พลันสะบัดมือของถังหยินอย่างรุนแรง ก่อนหันหน้าขึ้นมองชายหนุ่ม “พูดเพ้อเจ้ออะไรของเจ้า เขายังไม่ตายนะ !”
ถังหยินรักและห่วงใยทหารทุกคน และหากมีวิธีรักษาพวกเขาจริง มีหรือที่ชายหนุ่มจะเข้าขัดขวาง ? เขาถอนหายใจเบา ๆ มองไปที่ทหารและพูดเบา ๆ ว่า “เจ้าช่วยเขาไม่ได้แล้ว และตอนนี้ส่วนผสมของยาก็มีค่ามาก ดังนั้นแทนที่จะใช้กับคนที่กำลังตาย มันคงจะเป็นการดีกว่าถ้ามอบให้กับคนที่ยังพอช่วยชีวิตได้”
คำพูดของถังหยินทำให้หมอหญิงโกรธอย่างเห็นได้ชัด นางเบิกตากว้างและพูดเสียงดัง “ข้าเป็นหมอ แล้วพวกเขาก็กำลังจะตาย จะให้ข้ายืนอยู่เฉย ๆ มองพวกเขาตายไปอย่างนั้นเหรอ ?”
เมื่อได้ยินเสียงโต้แย้ง หมอสูงอายุผู้หนึ่งก็พลันเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว เขามองไปที่หมอหญิงคราหนึ่ง ก่อนหันมองไปที่ถังหยินซึ่งมีสีหน้าเย็นชาและถามว่า “เสี่ยวเหลย เกิดอะไรขึ้น ?”
เมื่อพบหมอสูงอายุผู้นี้ ความโกรธบนใบหน้าของหมอหญิงก็สงบลงเล็กน้อย นางชี้ไปที่ถังหยินและพูดว่า “ชายคนนี้ขัดขวางการรักษาเจ้าค่ะ !”
ถังหยินหัวเราะอย่างขมขื่น เหตุผลที่เขาห้ามอีกฝ่ายไม่ให้ทำ มันก็เพราะการเก็บยาเอาไว้เพื่อช่วยชีวิตผู้อื่นคุ้มค่ากว่า แต่ทว่าด้วยชายหนุ่มไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะโต้เถียงกับหญิงสาวในตอนนี้ เขาจึงเพียงแค่ยักไหล่และจากไป
หมอสูงวัยไม่รู้จักถังหยิน แต่เมื่อมองไปที่เสื้อผ้าของอีกฝ่าย เขาก็พอจะเดาได้ว่าคนผู้นี้ต้องเป็นนายทหารระดับสูงจากกองทัพเฟิงแน่ ดังนั้นเขาจึงวิ่งไล่ตามถังหยินมาอย่างรวดเร็ว เข้าคว้ามือของอีกฝ่ายเอาไว้ ก่อนทักทายด้วยความเคารพและถามว่า “ท่านแม่ทัพคือ … ”
“ถังหยิน” ถังหยินตอบอย่างไม่แยแส
“ขอรับ ?” หมอวัยชราและหมอหญิงต่างตกใจ ด้วยพวกเขาสองคนคิดไม่ถึงว่าชายหนุ่มรูปหล่อหน้าขาวที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาจะเป็นผู้ปกครองมณฑลเทียนหยวนชื่อก้องคนนั้น
หมอวัยชราตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็รีบคุกเข่าลงเพื่อแสดงความเคารพและกล่าวว่า “ท่านถัง ลูกสาวของข้ายังเด็กนัก ดังนั้นถ้านางทำให้ท่านขุ่นเคืองใจ ก็ได้โปรดยกโทษให้นางด้วย ! ”
ถังหยินคว้าแขนหมอวัยชราคนนั้นให้ลุกขึ้น และกล่าวด้วยรอยยิ้ม “สุภาพเกินไปแล้ว” เมื่อพูดจบ เขาก็หันมองไปที่หมอหญิงสาว ก่อนจะพบว่านางนั้นมีใบหน้าที่คล้ายกับหมอชราผู้นี้ยิ่ง
เหมือนเขาจะคิดอะไรขึ้นมาได้ ทำให้สีหน้าถังหยินเปลี่ยนเป็นจริงจัง ปากอ้ากว้างและพูดว่า “การต่อสู้ในวันนี้เพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น การต่อสู้ต่อไปนี้จะยิ่งรุนแรงมากขึ้นไปอีก เช่นเดียวกับจำนวนผู้บาดเจ็บที่จะเพิ่มขึ้น ดังนั้นในเวลานั้นเราต้องเตรียมตัวให้พร้อม ซึ่งถ้ายามีไม่เพียงพอละก็ งั้นแล้วโอกาสที่เราจะชนะศึกก็คงน้อยลงไปอีก”
ร่างของหมอหญิงสั่นสะท้าน นางมองไปที่ถังหยินและนิ่งเงียบเป็นเวลานาน
ถังหยินมองไปยังทหารที่กำลังจะตายและพูดต่อ “เขาถือเป็นพวกพ้องที่ร่วมเป็นร่วมตายกับข้า ดังนั้นข้าเองก็ปรารถนาให้เขามีชีวิตอยู่เหมือนกัน” ว่าจบ ชายหนุ่มก็หันมองหมอหญิงตรงหน้าอย่างมีนัยยะ แล้วจึงเลือกที่จะเดินออกจากเต็นท์ไป
ในช่วงเย็น หลังจากที่ถังหยิน หยวนยู่และแม่ทัพทั้ง 5 เข้ารับประทานอาหารค่ำร่วมกัน พวกเขาก็พากันหารือเกี่ยวกับกลยุทธ์ในการศึกต่อ
ทว่าเมื่อเติ้งซวนมาถึงพร้อมกับเจ้าหน้าที่สองสามคน เขาก็ได้ร้องถามถังหยินขึ้นมาว่า “ในคืนนี้นายท่านจะพักที่ไหน ?”
ถังหยินหัวเราะและพูดว่า “ที่ไหนก็ได้”
เป็นเติ้งซวนที่กล่าวว่า “ตอนนี้ผู้ว่าหนีไปแล้ว และจวนของเขาก็ว่าง ท่านกับพวกแม่ทัพคนอื่น ๆ เชิญเข้าไปพักที่นั่นน่าจะดีกว่าที่ค่ายทหารนะขอรับ ส่วนเรื่องนางบำเรอข้าจะจัดหาให้เอง !”
ถังหยินถอนหายใจ ตอนนี้เขากำลังเผชิญหน้ากับศัตรูตัวฉกาจอยู่ ดังนั้นมีหรือที่เขาจะมีอารมณ์ ? ยิ่งไปกว่านั้น เขาเองก็ไม่แน่ใจเท่าไหร่ด้วยว่าพวกหนิงจะลอบโจมตีในตอนกลางคืนหรือไม่ ดังนั้นแม้ว่าจะสนใจ แต่ก็ไม่อาจตอบรับคำของเติ้งซวนได้
โดยไม่รอให้ชายหนุ่มพูด ก็เป็นหยวนยู่ที่เงยหน้าขึ้นและจับจ้องไปยังเติ้งซวนที่ตะโกนด้วยความโกรธออกมา “เรามาที่นี่เพื่อต่อสู้กับกองทัพหนิง ไม่ใช่เพื่อความสนุกสนาน ! หากเจ้ากล้ารบกวนขวัญกำลังใจของกองทหารอีกล่ะก็ ข้าจะบั่นคอของเจ้าด้วยมือของข้าเอง !”
คำพูดของหยวนยู่ทำให้เติ้งซวนและคนอื่น ๆ ตกใจกลัว ขาของพวกเขาอ่อนแรงและคุกเข่าลงบนพื้นพลางพูดซ้ำ ๆ ว่า “ท่านถัง แม่ทัพหยวน ข้า … ข้าไม่ได้มีเจตนาที่จะรบกวนขวัญกำลังใจของกองทหารขอรับ !”
“ฮึ !” หยวนยู่ปล่อยเสียงเย็นเยียบ และกำลังจะตำหนิพวกเขาต่อ ทว่าก็เป็นถังหยินที่ยื่นมือเข้ามาเพื่อหยุด ด้วยไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเติ้งซวนและคนอื่น ๆ ก็ทำสิ่งนี้ลงไปด้วยความปรารถนาดี ดังนั้นแม้ว่าพวกเขาจะไม่ยอมรับ แต่พวกเขาก็ไม่ควรทำให้มันกลายเป็นเรื่องใหญ่ด้วยเช่นกัน
ชายหนุ่มเดินไปหาเติ้งซวนและคนอื่น ๆ ก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ข้าซาบซึ้งในความกรุณาของพวกเจ้านะ แต่ตอนนี้เรากำลังเผชิญหน้ากับศัตรูที่ยิ่งใหญ่ ดังนั้นข้าจึงคิดว่ามันไม่ควร”
“ขะ..ขอรับ ขะ.. ขะ. ข้าน้อยเห็นด้วย !” เติ้งซวนและคนอื่น ๆ ไม่กล้าพูดอะไรอีก ได้แค่พยักหน้าเห็นด้วย
หลังจากส่งเติ้งซวนและคนอื่น ๆ ออกไป ถังหยินก็มองไปรอบ ๆ ก่อนพูดด้วยรอยยิ้ม “เติ้งซวนกำลังทำเพื่อพวกเรา ดังนั้นเราจึงควรจะขอบคุณเขา”
แม่ทัพทั้งห้าต่างก็ขบขัน มีแค่หยวนยู่เท่านั้นที่เพียงแค่ยักไหล่และไม่พูดอะไร
ถังหยินเมื่อเห็นท่าทีเช่นนั้นก็ออกมา “หลังจากที่เราจัดการกับพวกหนิง ถึงตอนนั้นค่อยไปเที่ยวเล่นก็ยังทัน หากแต่มันต้องไม่ใช่ตอนนี้ !” หลังจากหยุดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็เปลี่ยนหัวข้อและพูดต่อว่า “ตอนนี้กองทัพหนิงได้ล้อมเมืองไว้แล้ว ถ้าข้าคาดการณ์ไม่ผิด พรุ่งนี้พวกหนิงก็คงจะเปิดการโจมตีเมืองจินฮั๋วเต็มกำลัง”
“นายท่าน โปรดมั่นใจว่าเราจะสู้ตายกับศัตรู พวกเราจะไม่ยอมถอยแม้แต่ครึ่งก้าว !”
“ดี !” ถังหยินพยักหน้า ก่อนที่เขาจะพึมพำกับตัวเองสักครู่และกล่าวไปว่า “หากศัตรูโจมตีเข้ามาจากทุกด้าน กองทัพของเราคงใช้รูปแบบเดิมไม่ได้อีก ดังนั้นพวกเราจึงต้องแยกกำลังพลกันไป ให้แต่ละฝ่ายทำการปกป้องกำแพงทั้ง 4 ด้านของเมืองจินฮั๋วให้ดี”
ทุกคนพยักหน้าอย่างพร้อมเพรียง และเมื่อมาถึงจุดนี้ หยวนยู่ก็ตอบสนองอย่างรวดเร็ว เขารีบกล่าวขึ้นมาทันทีว่า “ข้าจะปกป้องทางใต้เอง”
ด้านใต้ที่ว่าคือด้านหน้าของเมืองจินฮั๋ว ซึ่งก็เป็นทางที่กองทัพหลักของพวกหนิงจะเคลื่อนทัพเข้ามา !
เรื่องที่จะให้หยวนยู่เฝ้าทิศใต้ทำให้ถังหยินรู้สึกกังวลเล็กน้อย ด้วยถึงแม้หยวนยู่จะแข็งแกร่ง แต่เขาก็เป็นพวกทำอะไรไม่ค่อยคิด และหากเข้าต่อสู้กับกองกำลังหลักของศัตรู เขาก็อาจจะแพ้ได้
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ชายหนุ่มก็ส่ายหัวและพูดว่า “ข้าคิดว่ามันคงจะดีกว่าที่ข้าจะปกป้องด้านทิศใต้ด้วยตัวเอง ข้าจะนำพวกเราทั้ง 1 หมื่นนายเข้าป้องกันทางทิศใต้ ส่วนหยวนยู่ เจ้าก็จงนำไปอีก 1 หมื่นนายเข้าปกป้องกำแพงด้านตะวันออก !”
ส่วนทิศที่เหลือนั้น ชายหนุ่มก็ได้จัดแจงสั่งให้แม่ทัพซี่เฉินและแม่ทัพไป๋เจี๋ยนำกำลัง 1 หมื่นนายเข้าปกป้องทางเหนือ แม่ทัพไต๋ฉวนและแม่ทัพอู๋ไป๋เข้าปกป้องทางทิศตะวันตก ส่วนแม่ทัพเช่าหยางจะเป็นคนจัดการดูแลส่วนที่เหลือ คอยเสริมกำลังให้กับทั้ง 4 ด้าน
หลังจากที่ทุกคนได้ยินคำสั่ง พวกเขาก็มองหน้ากันและพูดออกมาว่า “รับทราบ ! ตามบัญชาขอรับ !”
แต่ก่อนที่จะออกไป เช่าหยางก็ได้ถามขึ้นอย่างเป็นห่วง “นายท่าน ท่านคิดจะล่อให้พวกมันบุกทางทิศใต้งั้นหรือขอรับ ?”
ถังหยินหัวเราะและพูดอย่างเป็นกันเอง “ทำไม เจ้ากลัวแทนข้าหรือ ไม่ต้องหรอก เอาไว้ถ้าข้าต้านไม่ไหว เดี๋ยวข้าก็ขอให้พวกเจ้าช่วยเองนั่นแหละ !”