ราชันเทพสงคราม[唐寅在异界] - บทที่ 207
มันสายเกินไปแล้วที่แม่ทัพหนิงผู้นั้นจะดึงอาวุธออกมา ด้วยแม้ว่าคู่ต่อสู้จะยังคงอยู่ห่างจากเขาพอสมควร แต่ในขณะที่นิ้วของเขาสัมผัสกับอาวุธ ฝ่ายตรงข้ามก็ปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศต่อหน้า ก่อนใช้คมดาบในมือแทงเข้าที่หน้าอกของเขาอย่างแม่นยำ
“อ้ากกก !” แม่ทัพหนิงกรีดร้อง ก่อนเป็นถังหยินที่ทิ้งตัวลงพื้น เงยหน้าขึ้นมองหน่วยสนับสนุนตรงหน้า ไม่เพียงแต่พวกเขาจะขนส่งยุทโธปกรณ์ปิดล้อมเท่านั้น หากแต่มันก็ยังมีเสบียงและของอื่น ๆ อีกด้วย ซึ่งเมื่อสังเกตดี ๆ ชายหนุ่มก็พบว่าท่ามกลางขบวนของพวกเขานั้นมีทหารไม่มากนัก ส่วนใหญ่เป็นพลเมืองทั่วไปของแคว้นเปิงที่สวมชุดธรรมดา
ถังหยินตะโกน “ใครที่ไม่ใช่ทหารและยังไม่อยากตาย จงถอยออกไปซะ !”
สิ้นเสียงตะโกนของเขา กองทหารตรงหน้าก็ตกอยู่ในความโกลาหล และด้วยส่วนใหญ่เป็นเพียงคนธรรมดาเท่านั้น ดังนั้นพวกเขาจึงวิ่งหนีกระจัดกระจายกันไปทันทีที่สิ้นเสียงของชายหนุ่ม สวนทางกับพวกทหารหนิงที่กำลังเข้าล้อมกรอบถังหยินเอาไว้
แต่ถึงคนพวกนี้จะเป็นทหาร หากแต่พวกเขาก็อ่อนแอเกินไป ด้วยมีแต่ทหารที่ชราและอ่อนแอ ดังนั้นจึงมีเพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่เข้ามาโจมตี และเนื่องจากผู้เป็นแม่ทัพตายไปแล้ว มันก็จึงไม่มีใครควบคุมพวกทหารได้อีก ทำให้พวกทหารพากันหลบหนีเข้าไปในป่าทั้งสองข้างทาง โดยยังไม่ทันแม้แต่จะได้เห็นว่าศัตรูคือใคร
ถังหยินไม่รอช้าอีกต่อไป เรียกชุดเกราะปราณเข้าปกคลุม ส่วนในมือก็ถือเคียวสีดำยาวโบกไปมา ส่งคลื่นปราณเข้าใส่ทหารหนิงที่อยู่ตรงหน้า
หลังจากต่อสู้กันได้ไม่นาน ทหารหนิงหลายสิบคนก็ล้มตายลงด้วยน้ำมือของชายหนุ่ม และเมื่อเห็นว่าผู้มาใหม่มีพลังมากเพียงใด ทหารหนิงผู้หนึ่งก็รีบหยิบพลุออกมาและจุดไฟ
เสียงพลุดังสนั่น ส่งดอกไม้ไฟให้พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าแล้วระเบิดออก …ในคืนเดือนมืดเช่นนี้ ทำให้แสงของดอกไม้ไฟที่ระเบิดกลางอากาศดูสะดุดตาเป็นพิเศษ
ถังหยินสบถทันที ด้วยสถานที่แห่งนี้อยู่ไม่ไกลจากค่ายกองทัพหนิง ดังนั้นน่ากลัวว่าอีกไม่นานพวกมันคงจะแห่กันมา และทำให้การทำลายอาวุธปิดล้อมเป็นเรื่องยาก ดังนั้นชายหนุ่มจึงไม่อาจรอได้อีกต่อไป เขาพลันสะบัดส่งคลื่นปราณออกกวาดอย่างต่อเนื่อง ก่อนเรียกร่างเงาออกมา
ทหารหนิงโดยรอบตกใจ ลืมแม้แต่จะโจมตีถังหยินต่อ ด้วยพวกเขาไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน นี่มันปีศาจหรือยังไงกัน ?
ในขณะที่พวกเขากำลังงุนงง ร่างเงาของถังหยินก็ไม่ได้อยู่เฉย ๆ มันใช้จังหวะนั้นเปลี่ยนมือเป็นใบดาบโค้งยาว 2 อัน แล้วจึงพุ่งเข้าไปในฝูงคน ดั่งเสือร้ายเข้าขย้ำฝูงแกะ
ร่างกายของชายหนุ่มและร่างเงาเคลื่อนไหวราวกับสายฟ้าฟาด ทิ้งไว้ก็แต่รอยเลือดไว้ด้านหลังตามทาง ก่อนเป็นถังหยินที่กระโดดขึ้นไปในอากาศ แล้วจึงเหวี่ยงดาบปราณฟาดใส่เครื่องยิงธนูเสียแรงจนไม้แตกร้าวและพังลง
อาวุธส่วนใหญ่ที่ใช้โจมตีเมืองทำจากไม้ ดังนั้นพวกมันจึงไม่สามารถต้านทานการโจมตีจากอาวุธปราณได้ และแม้ว่าพวกหนิงจะพยายามเข้ามาหยุดเขาแล้ว หากแต่คนเพียงเท่านี้ย่อมไม่เพียงพอที่จะหยุดชายหนุ่ม !
เมื่อพวกหนิงพบว่าพวกตนไม่สามารถทำอะไรร่างเงาได้ พวกเขาจึงเปลี่ยนเป้าไปโจมตีเจ้าของร่างอย่างถังหยินแทน
ในเวลานี้เขาไม่มีพลังปราณแม้แต่น้อย ดังนั้นจึงต้องพึ่งพาความแข็งแกร่งของตัวเอง ทว่าถึงจะเป็นเช่นนั้นชายหนุ่มก็หาได้กังวล ยังคงฉีกยิ้มออกมา แม้ว่าเขาจะต้องเผชิญหน้ากับศัตรูนับพันก็ตาม
“ควั่บ !”
ทหารหนิงคนหนึ่งพุ่งมาที่ด้านหน้า ก่อนถูกดาบเหล็กในมือของถังหยินเฉาะเข้าที่ศีรษะอย่างรุนแรง แล้วทำการพลิกร่าง เคลื่อนไหวออกด้านข้างและกวาดใบดาบในมือออกไป
“หวือ !”
การโจมตีครั้งนี้รวดเร็วยิ่ง ทำให้แม้แต่พวกหนิงก็ไม่อาจมองออก ซึ่งกว่าที่พวกเขาจะรู้ตัว มันก็มีเสียงลมที่ดังขึ้น ก่อนตามมาด้วยลำคอที่หลุดออกจากร่างและหมอกเลือดที่ฉีดพุ่งไปทั่ว
ในขณะเดียวกับที่ทหารนายนั้นล้มลงกับพื้น ทหารหนิงกว่าสิบคนก็ได้พุ่งไปข้างหน้าพร้อมกับหอกในมือ แทงไปที่หน้าอกและท้องของถังหยิน ทว่าคนโดนแทงก็ว่องไวนัก เขาทำการเคลื่อนไหวด้วยท่าทางที่แปลกประหลาด ทำการหลีกเลี่ยงการโจมตีได้ทั้งหมด จากนั้นก็เป็นถังหยินที่หดแขน ใช้ศอกปัดหอก แล้วจึงเงื้อดาบขึ้นฟาดออกไปด้วยแรงทั้งหมด
“ฟึ่บ !”
ดาบวงพระจันทร์เจาะทะลุเกราะเหล็กบนหน้าอกของพวกเขา ฝังลึกเข้าไปในร่างกาย ทำให้ทหารหนิงกรีดร้องและถอยหลังไปสองสามก้าวก่อนที่จะทรุดตัวลงบนพื้น
คนอื่น ๆ ต่างโกรธแค้นกับการตายที่เกิดขึ้น พวกเขาคำรามและเริ่มโจมตีพร้อมกัน ทำให้ถังหยินไม่มีที่ว่างให้หลบมากนัก เขาจึงได้แต่คำรามแล้วกระโจนขึ้นไปในอากาศโดยใช้ศีรษะของทหารหนิงคนหนึ่งต่างแท่นเหยียบ
ชายหนุ่มใช้ฝ่าเท้าผลักออกอย่างแรง ดีดร่างตนให้ลอยข้ามศีรษะของพวกหนิง ในขณะเดียวกันก็หลบพายุการโจมตีของทหารหนิง และใช้ดาบในมือทั้ง 2 เล่ม ฟัน แทง สับ พวกทหารหนิงโดยรอบ
มันเป็นการต่อสู้แบบประชิดตัวโดยไม่ต้องใช้พลังปราณใด ๆ อาศัยเพียงความสามารถของตัวเองเท่านั้น ทว่าถังหยินก็ยังคงผ่านพ้นมาได้ ทั้งยังทิ้งศพของพวกหนิงไว้กว่า 10 คน
เมื่อร่างจริงของถังหยินดึงดูดความสนใจของพวกหนิงจำนวนมากเอาไว้ได้ มันก็เป็นร่างเงาที่รับสานต่อเข้าทำลายของทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น เครื่องยิง เกวียน และรถที่ถูกสับเป็นชิ้น ๆ ก่อนที่ร่างนั้นจะคว้าเอาคบเพลิงจากทหารหนิงนายหนึ่งและพุ่งตรงไปยังรถขนเสบียง
เสบียงทั้งหมดเป็นอาหารแห้ง ดังนั้นมันจึงติดไฟได้ง่ายมากโดยไม่ต้องราดน้ำมันเผาด้วยซ้ำ !
ไฟที่ไหม้เกวียนทำให้ม้าที่ลากรถเริ่มตื่นกลัวและวิ่งไปรอบ ๆ เหมือนแมลงวันหัวขาด เช่นเดียวกับทุกอย่างที่ดูจะโกลาหลเกินควบคุม
เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจ ร่างเงาก็พลันเลือนหายไป เช่นเดียวกับที่ในขณะนั้นถังหยินมีเลือดอาบทั่วร่าง รอบกายเต็มไปด้วยซากศพของพวกหนิงกว่าร้อยคนที่ล้มตาย
หลังพลังปราณสีดำกลับมาหาเจ้าของ พวกทหารหนิงนับร้อยก็ไม่สามารถรับมือชายหนุ่มได้อีกต่อไป ถังหยินกลายเป็นดั่งเครื่องจักรสังหาร เข้าทำลายทุกสิ่งรอบข้างจนพินาศ ทำให้เลือดเนื้อ แขนขา และอวัยวะภายในของพวกหลินกระจายไปทั่ว
หน่วยสนับสนุนของกองทัพหนิงที่ไม่แข็งแกร่งอยู่แล้ว มาตอนนี้พวกเขาก็ยิ่งหมดกำลังใจที่จะต่อกร พากันกรีดร้องและวิ่งไปทั่วทุกทิศทุกทาง
ถังหยินแกล้งทำเป็นวิ่งไล่ และเมื่อเห็นว่าพวกหนิงหนีไปไกลแล้วเขาก็หยุดวิ่ง ก่อนกลับไปที่รถม้าขนส่งเสบียงของกองทัพหนิง ซึ่งในเวลานี้ไม่เหลือผู้รอดชีวิตแม้แต่คนเดียว เช่นเดียวกับอุปกรณ์ที่ถูกทำลายกลายเป็นเศษไม้
เมื่อมองไปรอบ ๆ ถังหยินก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ ก่อนที่ชายหนุ่มจะได้ยินเสียงฝีเท้าดังอยู่ข้างหน้า ซึ่งเขาไม่จำเป็นต้องมองด้วยซ้ำว่ามีคนจำนวนมากแค่ไหนกำลังเข้ามา เพราะรู้อยู่แล้วว่านั่นเป็นกำลังเสริมจากกองทัพหนิง !
ถึงแม้เสียงฝีเท้าพวกนั้นจะเข้ามาใกล้มากขึ้น หากแต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้หนีแต่อย่างใด เขาเลือกที่จะเดินไปข้างศพพวกหนิง ก่อนนอนตะแคงแกล้งทำเป็นตาย
เดิมทีเขาแต่งกายเป็นทหาร และร่างกายของเขาก็เต็มไปด้วยเลือดอยู่แล้ว ดังนั้นถ้าไม่สังเกตให้ดีก็คงจะไม่มีใครจับได้
หลังจากนั้นไม่นาน กองทัพที่มีทหารมากกว่าหนึ่งหมื่นนายก็มาถึง และเมื่อผู้เป็นแม่ทัพเห็นเหตุการณ์ที่น่าสังเวชนั่น ดวงตาของเขาก็พลันแดงก่ำ ตะโกนร้องสั่งพวกทหารออกมาซ้ำ ๆ ด้วยความโกรธว่า “เร็วเข้า ดับไฟซะ แล้วเก็บของที่ยังพอใช้การได้มา !”
การทำลายอุปกรณ์เป็นเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น แต่อาหารจะต้องไม่สูญหายไป !
เมื่อเห็นแม่ทัพหนิงนายนั้นสั่งให้ทหารของเขาเก็บกู้เสบียง ถังหยินที่แกล้งตายก็พลันขมวดคิ้ว ก่อนแกล้งร้องคร่ำครวญออกมาอย่างตั้งใจเพื่อเรียกร้องความสนใจจากทหารหนิงที่กำลังเดินผ่านไปมา
เมื่อแม่ทัพหนิงผู้นั้นได้ยินเข้า เขาก็รีบวิ่งเข้ามา และเมื่อเห็นถังหยิน ‘กำลังจะตาย’ เขาก็กระโดดลงจากหลังม้า เข้าจับไหล่ของถังหยินและถามขณะที่เขย่าตัวชายหนุ่มไปมา “ใครเป็นคนทำ รายงานมาซะ !”
“กะ..กองทัพเฟิง… ฝีมือของกองทัพเฟิง ” ถังหยินตอบอย่างอิดโรย “ท่านแม่ทัพ …รีบไล่ตามไป….เร็วเข้า..”
แววตาชั่วร้ายฉายผ่านดวงตาของแม่ทัพนายนั้น ก่อนที่เขาจะถามต่ออย่างใจจดใจจ่อ “พวกมันมีกันกี่คน หนีไปทางไหน ?”
“มากันไม่เยอะ.. แต่พวกมันทรงพลังมาก …พวกเราไม่สามารถต้านไว้ได้เลย …และเมื่อพวกมันรู้ว่ากำลังเสริมของเรามาถึงแล้ว …พวกเขาทั้งหมดก็… ไปทางนั้น !” ถังหยินพูดอย่างยากลำบาก ก่อนจะยกมือขึ้นชี้ไปทางด้านตะวันตกของป่าด้วยนิ้วที่สั่นเทา
“บัดซบเอ๊ย !!” แม่ทัพหนิงปล่อยถังหยินทันที รีบวิ่งไปที่กองทัพของตนและร้องสั่งออกมาว่า “500 นายจงอยู่ที่นี่เพื่อเก็บกู้เสบียงต่อไป ส่วนที่เหลือตามข้ามา ! ต่อให้ต้องพลิกแผ่นดินหาก็ต้องลากคอพวกกองทัพเฟิงออกมาให้ได้ !” ในขณะที่พูดเขาก็กระโดดขึ้นหลังม้า ทว่ามือที่กำลังจับไปยังอานก็ได้หยุดกะทันหันลง ก่อนจะใช้สายตาจ้องมองไปที่ถังหยิน และหลังจากจ้องมองอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ถามอย่างสงสัย “เจ้ามาจากกองไหน มีใครเป็นหัวหน้า ?”