ราชันเทพสงคราม[唐寅在异界] - บทที่ 254
บทที่ 254
เมืองฮวยหยาง
เมื่อถังหยินไปถึงเมืองฮวยหยาง ยู่เต๋าก็ได้ออกมาหน้าเมืองเพื่อทำการต้อนรับพวกเขาเป็นการส่วนตัว ซึ่งหลังจากที่เห็นท่าทีอันอ่อนน้อมของอีกฝ่าย มันก็ราวกับความคนผู้นี้นั้นเป็นข้ารับใช้ที่กำลังพูดคุยกับเจ้านายยังไงยังงั้น
ถังหยินเป็นผู้ว่ามณฑล เช่นเดียวกับยู่เต๋าเองที่เป็นผู้ว่ามณฑลเช่นกัน และแม้ว่าทั้งสองคนจะอยู่ในตำแหน่งเดียวกัน หากแต่ความแข็งแกร่งกลับแตกต่างกันมาก ด้วยถึงแม้ในอดีตยู่เต๋าจะมีกำลังทหารมากมาย หากทว่ากองกำลังที่ว่านั่นก็ได้ถูกยุบไปแล้ว
นอกจากนี้ ตัวตนในปัจจุบันของถังหยินก็พิเศษมาก ด้วยแม้ว่าเขาจะถูกเรียกว่าผู้ว่ามณฑล หากแต่ชายหนุ่มก็มีอำนาจควบคุมมากถึง 3 มณฑลเลยทีเดียว !
ถังหยินที่มาพร้อมกับยู่เต๋าถูกพาไปยังจวนผู้ว่า ซึ่งมันก็ไม่ยากเลยที่จะมองหา เพราะจวนหลังนี้นับได้ว่าโดดเด่นมากทีเดียวเพียงแค่มองไปในคราแรก
จวนผู้ว่าหลังนี้ที่นำโดยยู่เต๋านั้นมีคนงานอยู่ราว ๆ 2-3 ร้อยคน ซึ่งคนพวกนี้ก็ล้วนมีระเบียบยิ่ง ด้วยแท้จริงแล้วคนเหล่านี้ก็คือทหารในเมืองนั่นเอง !
และเหตุที่ใช้ทหารเป็นข้ารับใช้ นั่นก็เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย เพราะภาระในส่วนดังกล่าวจะกลายเป็นของเมือง หาใช่ของเขาไม่ !!!
เมื่อถังหยินมองเข้าไป สิ่งแรกที่เขาเห็นเลยก็คืออาณาเขตกว้างขวางกว่า 20 จั้งของตัวจวน กับสวนกว้างใหญ่ที่อาจหลงได้เลยถ้าไม่ระวัง
ส่วนภายในเองก็เต็มไปด้วยการตกแต่งที่พิถีพิถัน และละเอียดอ่อน จากช่างฝีมือผู้ชำนาญ
หลังจากเดินตามยู่เต๋าผ่านเส้นทางที่ทอดยาว ความประทับใจของถังหยินที่มีต่ออีกฝ่ายก็ค่อย ๆ ลดลงทีละนิด ๆ
ปรากฏว่าในห้องโถงใหญ่ของจวนหลังนี้ได้มีการจัดเตรียมงานเลี้ยงรอไว้ก่อนแล้ว ก่อนจะเป็นยู่เต๋าที่หันมายิ้มและชักชวนให้ชายหนุ่มนั่งลงข้าง ๆ “ข้าได้เตรียมงานเลี้ยงนี้เพื่อต้อนรับท่านถัง ดังนั้นอย่าได้เกรงใจ เชิญท่านถังสนุกกับมันให้เต็มที่ไปเลย !”
ถังหยินก้มศีรษะลง มองไปที่อาหารบนโต๊ะที่เต็มไปด้วยเหล้าชั้นเลิศ ที่กำลังส่งกลิ่นหอมโชยออกมาเมื่อของเหลวภายในถูกเทลงจอกเหล้า
‘ทั้งหมดนี่มันราคามากเท่าใดกัน ?’ นี่เป็นคำถามแรกที่เกิดขึ้นในใจของถังหยิน
ในอดีตเขาจะไม่ให้ความสำคัญกับเงินมากนัก แต่ตอนนี้มันไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับชายหนุ่มเลยที่จะเลี้ยงดูกำลังทหารทั้ง 5 แสนนายนั่น ด้วยทุก ๆ วันต่างก็ต้องใช้เงินทองเป็นจำนวนมาก ทำให้หยวนจี้กับเซ่าฮุยเคร่งเครียดอย่างหนัก เนื่องจากแรงกดดันจากปัญหาที่ว่า
เมื่อเห็นภาพตรงหน้า ในเวลานี้ถังหยินก็ยิ่งมั่นใจในการตัดสินใจของเขามากขึ้นไปอีก
ถึงแม้ชายหนุ่มจะรู้สึกรำคาญยู่เต๋าอย่างมาก ทว่าเขาก็ไม่ได้แสดงสีหน้าใด ๆ ออกไป เพียงยิ้มและกล่าวว่า “พิธีรีตองมากเกินไปแล้ว พวกเราก็ตำแหน่งเท่าเทียมกัน ดังนั้นแล้วเอาแบบสบาย ๆ ก็ได้ !”
ยู่เต๋าโบกมือของเขาอย่างต่อเนื่อง ก่อนกล่าวด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม “ไม่ได้หรอกขอรับ ท่านถังไม่เพียงแต่เป็นผู้ว่ามณฑลเท่านั้น หากแต่ยังเป็นถึงอดีตแม่ทัพภาคเหนือที่ท่านอ๋องส่งมาเป็นการส่วนตัวด้วย”
“ฮ่าฮ่าฮ่า !” ถังหยินหัวเราะ และเลือกที่จะไม่พูดจาไร้สาระอีกต่อไป เขาถามอีกฝ่ายอย่างสบาย ๆ “ท่านยู่ พวกเราได้ภาษีจากมณฑลจิงกวงเท่าไหร่ แล้วทุกปีมีเสบียงอาหารมากกักตุนไว้เท่าไหร่ ?”
“เรื่องนั้น…?” ยู่เต๋าไม่คาดคิดว่าถังหยินจะถามเรื่องนี้อย่างกะทันหัน จึงตั้งท่าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะพูดอย่างไม่แน่ใจออกมา “ภาษีอยู่ที่ประมาณ 7 ถึง 8 แสนทอง ปันส่วนเมล็ดข้าว….น่าจะประมาณ 2-3 ล้านได้ ”
ถังหยินที่ได้ยินแบบนั้นก็พลันกลอกตา นี่เขากำลังถามคำถามอยู่ไม่ใช่หรือไง แล้วไหนกลับโดนถามกลับเสียได้ ? อย่างไรก็ตามหากสิ่งที่อีกฝ่ายพูดเป็นความจริง งั้นแล้วมณฑลจินกวงก็ถือได้ว่าสำคัญมากทีเดียว ด้วยมันสามารถเก็บเงินภาษีได้มากถึง 8 แสนทองทุกปี กับความสามารถผลิตธัญพืชได้เป็นจำนวนมากนั่นอีก !
ที่แห่งนี้น่าจะสามารถบรรเทาความกดดันในฝั่งของพวกเขาได้อย่างสมบูรณ์เลยทีเดียว !
เขาพยักหน้าและพูดว่า “เอาล่ะข้าเข้าใจแล้ว กินข้าวกันก่อนเถอะ !”
“ได้ ได้ ได้ ! ท่านถังเชิญก่อนเลยขอรับ ! ” ยู่เต๋านั่งอยู่บนเก้าอี้ พยักหน้าและโค้งคำนับ
ถังหยินหยิบตะเกียบขึ้นมาและเริ่มกินอย่างรวดเร็ว ซึ่งจากการแสดงออกของถังหยิน มันก็ยากที่จะบอกได้ว่าเขามีความสุขหรือไม่ ยู่เต๋าจึงเกิดความไม่มั่นใจ จนทำให้เขาต้องหันไปส่งสัญญาณให้กับพ่อบ้านที่ยืนอยู่ข้างประตู และเมื่อพ่อบ้านเข้าใจ คนผู้นั้นก็รีบออกจากห้องโถงไป ก่อนที่ไม่นานต่อมาเขาจะกลับมาพร้อมกับหญิงสาวหลายคนในชุดที่สวยงาม
รอยยิ้มบนใบหน้าของยู่เต๋าเริ่มกว้างขึ้น ทำให้แก้มอ้วน ๆ ของเขาบีบดวงตาทั้งสองข้างให้เล็กลงไปอีก ก่อนที่ชายร่างอ้วนจะพูดกับถังหยินด้วยรอยยิ้ม “ท่านถัง คนเหล่านี้ล้วนเป็นข้าราชบริพารจากจวนของข้าเอง” ในขณะที่พูด เขาก็โบกมือไปทางสาว ๆ “ไปร่วมรับประทานอาหารกับท่านถังหน่อย !”
“เจ้าค่ะ !” นางบำเรอตอบรับทีละคนขณะที่เข้าล้อมรอบถังหยินอย่างรวดเร็ว
นับเป็นเรื่องยากที่จะได้เห็นชายหนุ่มหล่อเหลาและมีชื่อเสียงเช่น ถังหยิน ดังนั้นนางบำเรอจึงพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้เขาโปรดปราน ด้วยการรินเหล้า ไม่ก็ป้อนอาหาร
ถังหยินรับสนองต่อสิ่งที่พวกนางทำให้อย่างเพลิดเพลิน กอดซ้ายและขวา หัวเราะออกมาเป็นระยะ ๆ และเมื่อเห็นเช่นนั้น ยู่เต๋าก็พลันพยักหน้าอย่างเงียบ ๆ ด้วยผู้ชายก็ยังคงเป็นผู้ชาย ที่ยังคงชอบการดื่มเหล้าและอิสตรี !
เมื่อเห็นว่าเรื่องราวเป็นแบบนี้ เขาจึงเหลือบมองพ่อบ้านแล้วให้สัญญาณบางอย่างอีกครั้ง ก่อนที่ชายร่างอ้วนจะคว้าเอากล่องผ้าที่พ่อบ้านเตรียมไว้ล่วงหน้าและส่งมอบให้ถังหยินด้วยความเคารพ “ ท่านถัง นี่เป็นสมบัติที่ข้าเก็บสะสมมาหลายปีแล้ว และข้าต้องการจะมอบมันให้กับท่าน !”
“อ๋อ ?” ถังหยินผลักนางบำเรอที่อิงแอบอยู่ในอ้อมกอดของเขาออก ถามกลับไปว่า “มันคืออะไร ?”
“เชิญชมได้เลยขอรับ !” พ่อบ้านผู้นั้นก้าวเข้ามาเปิดฝากล่องผ้า ก่อนจะหยิบหยกรูปม้าออกมา ซึ่งมันก็สวยมากเสียจนเพียงแค่เห็นก็รู้ได้ในทันทีถึงมูลค่าของมัน ! นี่ต้องเป็นสมบัติล้ำค่าอย่างแน่นอน !
ยู่เต๋าคนนี้ เพื่อที่จะได้รับความไว้ใจแล้ว เขาเต็มใจที่ทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ ! ถังหยินเย้ยหยันในใจและพูดกับยู่เต๋า “ข้ารับเอาไว้ไม่ได้หรอกท่านยู่ !”
“ฮ่าฮ่าฮ๋า ?” ยู่เต๋าหัวเราะเสียงดัง “ สมบัติที่ดีย่อมคู่ควรกับยอดวีรบุรุษ ! ท่านถัง ท่านเป็นชายหนุ่มที่เก่งกาจมากความสามารถอย่างไม่มีใครเทียบเคียงได้ แน่นอนว่าท่านสมควรได้รับมัน !”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ถังหยินก็ไม่ถ่อมตัวอีกต่อไป “ถ้าอย่างนั้นเพื่อที่จะแสดงความเคารพ ข้าจะยอมรับเจตนาดีของท่านยู่ก็แล้วกัน”
“ฮ่าฮ่าฮ่า !” เมื่อเห็นถังหยินวางหยกรูปม้ากลับเข้าไปในกล่องผ้าและวางไว้ข้าง ๆ กาย หัวใจของยู่เต๋าก็พลันปวดร้าว เนื่องจากเขาเต็มใจที่จะเสียสละทุกอย่างเพื่อซื้อใจถังหยิน ซึ่งก็เป็นที่แน่นอนว่าเขามีเหตุผลของตัวเอง และหลังจากดื่มไป 3 รอบ ชายร่างอ้วนก็พลันเอนตัวไปใกล้ถังหยิน เอ่ยถามเสียงเบา “ท่านถัง เหตุใดท่านจึงได้เรียกพบผู้ว่ามณฑลทั้งหลายงั้นหรือขอรับ ?”
นี่เป็นปัญหาที่ยู่เต๋ากังวลมากที่สุด ด้วยนับตั้งแต่ที่เขาได้รับข้อความจากถังหยิน เขาก็กังวลเรื่องนี้มาโดยตลอด เพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะมีจุดประสงค์แอบแฝง
ถังหยินดื่มเหล้าในจอก ก่อนจะพูดออกไปว่า “เจ้าไม่ได้อ่านในสารนั่นหรือไง ว่าเราจะทำการหารือเกี่ยวกับแผนการปราบปรามซ่งเทียน !”
“แค่นั้นหรือ ?” ยู่เต๋าถามอย่างเป็นห่วง
“ถ้าไม่แล้วมันจะมีอื่นใดอีก ?” ถังหยินถามกลับด้วยรอยยิ้ม
“เปล่า ๆๆๆ ข้าแค่สงสัยก็เท่านั้น”
“อ้อ ใช่แล้ว งานประชุมครั้งนี้ ข้าก็ว่าจะพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องตำแหน่งของผู้ว่ามณฑลเสียหน่อยด้วย” ถังหยินกระพริบตาและพูดอย่างแผ่วเบา
“โอ้วว ข้าชักจะอยากรู้แล้วสิ ว่าท่านถังกำลังเตรียมการเจรจาอะไรอยู่ ?” ยู่เต๋ารู้สึกประหม่าทันที เขาหันมองไปที่ถังหยินโดยไม่กะพริบตา
ถังหยินเปิดปากของเขาราวกับต้องการจะพูด แต่สุดท้ายชายหนุ่มก็กลืนคำพูดนั่นลงไป ก่อนที่เขาจะตบไหล่ของยู่เต๋าและหัวเราะ “ไม่ต้องกังวล”
วูบ ! เมื่อได้ยินคำสัญญาของถังหยิน หัวใจของยู่เต๋าที่เต้นโครมครามก็สงบลง เขากุมหน้าอกหัวเราะอย่างเต็มที่พร้อมกับยกจอกเหล้าขึ้นดื่มอย่างตื่นเต้น แล้วจึงพูดว่า “ถ้าแบบนั้นก็ดีแล้ว ! มา ๆ มาดื่มกันอีกสักที !”
“ดี !” ถังหยินยกจอกเหล้าขึ้นสูง ก่อนจะทำการดื่มเอาไปจนหมดในรวดเดียวพร้อมกับยู่เต๋า
หลังจากงานเลี้ยงจบลง ยู่เต๋าก็ยังคงต้องการให้ถังหยินพักอยู่ในจวน แต่ฝ่ายหลังปฏิเสธเขาอย่างสุภาพ พร้อมทั้งยืนยันว่าจะไปที่โรงเตี้ยม
เมื่อเห็นว่าไม่สามารถยื้อถังหยินเอาไว้ได้ ยู่เต๋าจึงเรียกนางบำเรอที่อายุน้อยและน่ารักให้ออกมา ก่อนจะร้องสั่งให้พวกเขาติดตามถังหยินไปที่โรงเตี๊ยม เพื่ออยู่รับใช้เคียงข้างชายหนุ่มตามที่เขาต้องการ
ครั้งนี้ถังหยินไม่ปฏิเสธ ด้วยแม้ว่าเขาจะไม่สนใจพวกนาง หากแต่ก็มีลูกน้องคนอื่น ๆ ของชายหนุ่มที่อาจสนใจ
ระหว่างทางออกจากจวน ชิวเจิ้นก็รีบขี่ม้าไปที่ด้านข้างของถังหยินแล้วถามว่า “นายท่าน เป็นอย่างไรบ้างขอรับ ?”
ถังหยินยักไหล่ ไม่ได้ตอบทันที
ชิวเจิ้นหันหน้ามองไปยังนางบำเรอที่อยู่ข้างหลังชายหนุ่ม จากนั้นก็มองไปที่กล่องผ้าที่ถังหยินถืออยู่และกล่าวว่า “ข้าเป็นห่วงนะขอรับ ท่านเล่นไปเอาของเขามา กับสตรีพวกนี้อีก”
โดยไม่รอให้เด็กหนุ่มพูดจบ ถังหยินก็พลันชิงกล่าวขึ้นมาก่อนด้วยรอยยิ้มเย็นชา “คนอย่างนั้น…ข้าไม่เอาไว้หรอก !” เมื่อเห็นชิวเจิ้นนิ่งงัน ชายหนุ่มก็กล่าวต่อ “ทัพของข้าไม่มีที่ว่างสำหรับหนอนบ่อนไส้แบบนั้น !”
ชิวเจิ้นที่ได้ยินแบบนั้นก็หยุดยิ้มและพยักหน้า “ยอดเยี่ยมเลยขอรับนายท่าน !”
แม้ว่ายู่เต๋าจะสุภาพกับถังหยิน ทั้งยังมอบสมบัติและดูแลเขาอย่างดี หากแต่ชายหนุ่มก็ยังคงมีความตั้งใจที่จะฆ่าอีกฝ่าย !
ถังหยินนับได้ว่ามีบุคลิกแปลก ๆ ด้วยวิธีคิดของเขานั้นเป็นเรื่องยากสำหรับคนอื่น ๆ ที่จะเข้าใจได้ !!!!