ราชันเทพสงคราม[唐寅在异界] - บทที่ 262
บทที่ 262
บทที่ 262
เมื่อได้ยินรายงานแบบนี้ ถังหยินก็พลันถามขึ้น “พวกนั้นเป็นใคร ? ทหารม้าของดูกีงั้นหรือ ?”
“พวกมันวิ่งกันเร็วเกินไป ดังนั้นข้าน้อยจึงคิดว่าพวกมันไม่น่าเป็นกองทหาร”
“เข้าใจแล้ว” ถังหยินพยักหน้าเห็นด้วย ก่อนจะร้องสั่งพวกเขาให้ไปสังเกตการณ์ต่อ ซึ่งมันก็เป็นจังหวะเดียวกันกับที่หยวนยู่ เฉิงจิน ชัวน่า ลูคัส และคนอื่นที่ได้ยินวิ่งเข้ามาหาเขาพอดี “มีใครกำลังมางั้นหรือ ?”
ถังหยินโบกมือให้พวกเขา “นั่งลงเถอะ ไม่ว่าจะเป็นใครมันก็ไม่เกี่ยวกับเรา”
ทุกคนยอมทำตามและนั่งรออย่างใจเย็น ผิดกับกองคาราวานที่แตกตื่นและพากันชักดาบพร้อมกับร้องตะโกนกันเป็นว่าเล่น ทำให้หยวนยู่ที่ไม่เข้าใจภาษาต้องถามออกมา “นายท่าน พวกนั้นทำอะไรน่ะ ?”
“พวกเขาสงสัยว่าพวกที่กำลังเข้ามาคือกองโจร”
“กองโจร ?”
“กองโจรทะเลทรายไงเล่า !”
ทันใดนั้นก็มีคนวิ่งเข้ามาหาเขา “พวกมันมีกัน 500 คนได้ !”
ถังหยินยิ้มให้ “ไม่ต้องกังวลไป เดี๋ยวก็มีคนมาช่วยขวางเอาไว้เองนั่นแหละ” จากนั้นชายหนุ่มก็พลันหันเล็งหน้าไม้ไปทางกองคาราวาน
ไม่นานนักพวกทหารม้าก็มาถึงโอเอซิส ซึ่งพวกคนที่กำลังเข้ามาก็ล้วนแล้วแต่สวมชุดเกราะพัง ๆ กับเสื้อขาด ๆ แถมยังมีดาบกับธนูในมืออีกต่างหาก !
ซึ่งเมื่อมาถึงระยะ ทหารม้าพวกนั้นก็พากันเข้าล้อมโอเอซิสเอาไว้แล้วจึงใช้ธนูยิงเข้ามาโดยไม่ถามไถ่
ลูกศรมากมายพุ่งเข้าใส่คนที่อยู่ในโอเอซิส ทำให้พวกถังหยินที่นั่งอยู่ไม่อาจนิ่งเฉยได้อีก และเพื่อป้องกันตัวเอง สามพี่น้องฉางกวงกับคนอื่น ๆ ก็พลันเรียกใช้เกราะปราณ เช่นเดียวกับพวกทหารที่ใช้สัมภาระป้องกันตัวเอาไว้ และในบรรดาพวกเขา ก็เป็นถังหยินที่นิ่งที่สุด ด้วยเขาเอาแต่นั่งและไม่ขยับหนีไปไหนเลย
คงเป็นเพราะพวกเขาอยู่ด้านในกระมั่ง ที่ทำให้พวกถังหยินแทบไม่โดนลูกธนูเลย ผิดกับพวกกองคาราวานที่โดนลูกศรเข้าไปเต็ม ๆ และครั้นที่พวกเขาจะยิงกลับไปก็ไม่มีความสามารถมากพอที่จะทำเช่นนั้น
พวกทหารม้าล้อมที่นี่เอาไว้แล้วยิงธนูเข้ามาเรื่อย ๆ อีก 5 ชุด จากนั้นพวกเขาก็พากันลงจากหลังม้า แล้วจึงชักดาบก่อนวิ่งตรงเข้าไปยังกองคาราวานนั่น !
ไม่มีทางที่พวกพ่อค้าจะต้านทานได้เลย พวกเขาได้แต่ตื่นตระหนก พร้อมกับใช้มืออันสั่นเทากำอาวุธเอาไว้แน่น
ชัวน่าหันมาบอกถังหยิน “พวกเราต้องช่วยพวกเขานะ !”
“ไม่ใช่เรื่องของเรา อย่าไปยุ่ง”
ชัวน่าไม่เข้าใจความคิดนี้ ด้วยนางคิดว่ายังไงเสียพวกโจรที่เข้ามาก็ต้องหันมาโจมตีพวกตนอยู่ดี หลังจากจัดการพวกพ่อค้าเสร็จแล้ว
พวกพ่อค้าพยายามสู้กันสุดชีวิต แต่พวกเขาก็ไม่อาจต้านทานเอาไว้ได้เลย ได้แต่ล้มตายลงราวกับใบไม้ร่วง จนบีบให้ส่วนที่เหลือรอดจำต้องถอยกลับเข้าไปข้างในโอเอซิสอย่างหมดหนทาง
เมื่อเห็นว่ากำลังเพลี่ยงพล้ำ หัวหน้าพ่อค้าก็พลันร้องตะโกนบอก “หยุดก่อน ! หัวหน้าพวกเจ้าอยู่ที่ใด ? มาคุยกันก่อน !”
“เจ้าต้องการจะพูดอะไร ?” ชายหนุ่มร่างกำยำผู้หนึ่งตะโกนพร้อมเดินออกมาจากกลุ่มโจร เผยให้เห็นร่างที่สูงใหญ่กับเส้นผมสีแดงน้ำตาล และดวงตาสีเขียวที่เข้ากันได้ดีกับหน้าตาอันดุดันของเขา
“พวกข้าจับตาดูเจ้ามานานแล้ว เพราะงั้นถ้าอยากมีชีวิตรอดก็จงทิ้งทุกอย่างเอาไว้ !” เขาพูดพร้อมกับยกชูดาบในมือขึ้นมา
หัวหน้ากองพ่อค้าตัวสั่นทันทีที่เห็นแบบนั้น ซึ่งอันที่จริงแล้ว เขานั้นไม่สนใจเรื่องข้าวของหรอก แต่เรื่องอูฐกับม้านั้นไม่ได้เด็ดขาด ไม่งั้นพวกเขาก็คงจะได้แห้งตายกลางทะเลทรายเป็นแน่ “ถ้าต้องการเงิน ข้าให้เจ้าก็ได้ แต่ม้ากับอูฐนั้น ข้าคงไม่อาจให้เจ้าได้ ไม่งั้น…”
“อะไร ?” ชายกล้ามโตถามขึ้น
“ไม่งั้นพวกเราก็จะสู้กับพวกเจ้าจนตายไปข้าง !” ชายวัยกลางคนตะโกนกลับอย่างมั่นใจ
หัวหน้าโจรที่ได้ยินแบบนั้นก็พลันหัวเราะเสียงดังแล้วเรียกดาบปราณออกมา “งั้นข้าเอาชีวิตเจ้าก่อนเลยก็แล้วกัน !” การโจมตีของเขารวดเร็วมาก จนทำให้หัวหน้าพ่อค้าไม่อาจหลบได้เลย
หัวของพ่อค้าหลุดออกทันทีเช่นเดียวกับร่างของเขาที่ล้มลง
โจรทะเลทรายพวกนี้ฝีมือไม่ธรรมดาเลย !
“ฆ่าพวกมันให้หมด !” หัวหน้าโจรหันมาตะโกนใส่ลูกน้องตัวเอง ทำให้พวกโจรที่อยู่ด้านหลังพากันพุ่งตัวออกมา
ซึ่งโจรพวกนี้ก็โหดร้ายมาก ด้วยพวกเขาเข้นฆ่าและปล้นราวกับเป็นเรื่องธรรมดา ทำให้กลุ่มพ่อค้าที่ใจกลางโอเอซิสได้แต่วิ่งหนีไป จนกระทั่งพวกโจรได้พบเข้ากับกลุ่มถังหยินที่นั่งอยู่ไม่ไกลออกไปนัก “ลูกพี่ มีคนอื่นอยู่ที่นี่ด้วย น่าจะไม่ใช่คนดูกี !”
เมื่อหัวหน้าโจรหันไปมอง เขาก็พบเข้ากับคนกลุ่มหนึ่งที่มีผมสีดำและสวมใส่ชุดประหลาด กับอีกครึ่งหนึ่งที่เป็นคนผมสีทองและตาสีฟ้า
ชายกำยำถอนหายใจแล้วเดินเข้ามาหาถังหยิน
ถังหยินที่เห็นแบบนี้ก็แอบยิ้มกระหย่องในใจ แล้วจึงโบกมือให้เฉิงจินที่กำลังรอคำสั่งอยู่เข้ามาใกล้ จากนั้นชายหนุ่มก็ได้กระซิบบอกบางอย่างแก่อีกฝ่าย ก่อนที่จากนั้นไม่นานเฉิงจินจะหันไปร้องสั่งให้หน่วยลับถอยกลับไปยังป่าข้างในโอเอซิส
ในเวลาเดียวกัน ลูคัสกับคนอื่น ๆ ก็ลุกขึ้นยืนแล้วมองไปยังคนที่กำลังเดินเข้ามา “พวกเราไม่ใช่กองคาราวานนั่น ถ้าจะทำอะไรก็ทำไป พวกเราไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น”
เพราะถังหยินเตือนเอาไว้ก่อน ดังนั้นน้ำเสียงของพวกเขาถึงได้ใจเย็น เพื่อทำให้พวกโจรเห็นว่าพวกเขาไม่สนใจในสิ่งที่เกิดขึ้น
“ชาวเบสซ่างั้นหรือ ?” เมื่อได้ยินสำเนียงของลูคัส ชายร่างใหญ่ก็บอกได้ในทันที
ซึ่งตัวของลูคัสก็พยักหน้ารับอย่างว่าง่าย
“แล้วพวกเจ้ามาทำอะไรที่นี่กัน ?” หัวหน้าโจรถามอีกครั้งแล้วมองอีกฝ่ายหัวจรดเท้าเพื่อหาของมีค่า
“ข้ามีธุระส่วนตัวต้องจัดการก็เท่านั้น”
“แล้วมันคือธุระอะไรเล่า ?”
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายข้ามเส้นถามเรื่องที่ไม่ควรถาม ชัวน่าก็พลันลุกขึ้นมาตะโกน “เรื่องของพวกเราก็ส่วนของพวกเรา เจ้าจะมายุ่งอะไรด้วย ?”
ชายร่างใหญ่ที่ได้ยินเสียงด่าก็หันไปยังต้นเสียงทันที ก่อนที่สีหน้าของเขาจะเปลี่ยนจากความโกรธเป็นความตะลึง
ช่างเป็นหญิงที่งามอะไรขนาดนี้ !