ราชันเทพสงคราม[唐寅在异界] - บทที่ 296
บทที่ 296
บทที่ 296
ในตอนนี้ถังหยินยังไม่รู้ว่ากองทัพของเขาที่ส่งไปยึดประตูตงจะทำสำเร็จหรือไม่ ด้วยเขากำลังให้ความสนใจกับการนำทัพ 4 แสนมุ่งหน้าไปยังเมืองหลักของเขตหลีฮู่ !
กองทัพอันยิ่งใหญ่ล้อมเมืองสีไป่เอาไว้ทุกทาง ทำให้เกิงฉวนที่ยืนอยู่บนกำแพงเมืองต้องสิ้นหวังกับสิ่งที่เห็น ด้วยเขานั้นคิดผิดที่ให้กองทัพของตัวเองต่อสู้กับกองทัพถังหยิน
เขาได้แต่มองค่ายศัตรูด้วยสีหน้าเจ็บใจแล้วกำหมัดแน่น ก่อนที่ปรึกษานามชูเยว่จะพูดขึ้น “นายท่านไม่ต้องกังวลไป เมืองของเรามีกำแพงที่แน่นหนา กองทัพอีกฝ่ายไม่อาจเข้ามาได้แน่นอน !”
ชูเยว่คือคนที่ฉลาดที่สุดของเกิงฉวน ซึ่งก่อนหน้านี้เกิงฉวนต้องการจะตั้งรับกองทัพเทียนหยวนในเมืองเท่านั้น แต่แล้วที่ปรึกษาอีกคนที่ชื่อ ยูจุนกลับเอ่ยปากออกมาว่า “กองทัพเทียนหยวนมีประมาณ 5 แสน แต่ของพวกเรามีเพียง 8 หมื่นเท่านั้น”
“ท่านยูจุนหมายความว่ายังไง ?” เกิงฉวนทำสีหน้าไม่พอใจ
“ก่อนหน้านี้องค์ชายรองได้นำกองทัพของเขาไปโจมตีพวกเทียนหยวนมาแล้ว แถมยังพ่ายแพ้อย่างหมดท่าอีกด้วย ทำให้กองทัพ 4 แสนของพวกเขาลดลงเหลือแค่ 2 แสนเท่านั้น” ยูจุนกล่าวอย่างจริงจัง
“เจ้าหมายความว่าอย่างไร ?” เกิงฉวนถาม
“ในเมื่อพวกเรายังไม่ได้ต่อสู้กัน งั้นนายท่านก็ควรอยู่แต่ในเมืองแล้วยอมจำนนกับเขาเสีย ยังไงถังหยินก็ต้องคงตำแหน่งสูง ๆ เอาไว้ให้ท่านแน่ แต่ถ้าเกิดว่าพวกเราต่อสู้กัน ยังไงพวกเราก็แพ้”
ชูเยว่ถึงกับโกรธมากที่ได้ยินแบบนี้แล้วตะโกนลั่น “เจ้ากล้าดียังไงที่แนะนำให้พวกเรายอมแพ้กัน ? นายท่านอย่าไปฟัง ยูจุนมันกำลังหลอกลวงท่านไปในทางที่ผิดอยู่ ท่านต้องลงโทษเขาเสียตอนนี้เลย !”
เกิงฉวนมองชูเยว่แล้วมองยูจุนอีกครั้ง ด้วยแผนของทั้งสองต่างก็มีเหตุผลแตกต่างกันไปและได้ผลคนละแบบ …ทว่าในใจแล้วเกิงฉวนก็ยังอยากจะต่อสู้จนหยดสุดท้ายอยู่ดี !
เจ้าเมืองเงียบก่อนจะเปิดปาก “ข้าติดหนี้ฝ่าบาทอยู่ หากข้าจะตาย ก็ขอตายเพราะข้าไม่ทรยศหักหลังผู้เป็นนาย ดังนั้นใครก็ตามที่พูดถึงเรื่องยอมแพ้อีก ข้าจะไม่ปล่อยไว้แน่ !” พูดจบเขาก็เดินออกไป
“ท่านยูจุน ท่านได้ยินที่นายท่านพูดหรือยัง ?” ชูเยว่รีบกล่าวแล้วเดินตามผู้เป็นนายของตนออกไปทันที
สองคนนี้คือที่ปรึกษาที่เกิงฉวนเชื่อใจมากที่สุด ดังนั้นเขาจึงไม่เคยคิดเลยว่าสิ่งที่ทั้งสองแนะนำมานั้นเป็นสิ่งที่ไม่ดี
ยูจุนถอนหายใจแล้วมองขึ้นไปด้านบน “ตั๊กแตนคิดไปขวางราชรถศึก นี่จะต้องนำมาซึ่งหายนะต่อตนเองอย่างแน่นอน !”
พวกทหารที่อยู่รอบ ๆ ตัวสั่นแล้วรีบเข้ามาห้ามเอาไว้ “อย่าพูดแบบนั้นเลยท่าน ถ้าเรื่องนี้รู้ถึงหูนายท่านล่ะก็…”
ยูจุนถอนหายใจแล้วเดินออกไป
เกิงฉวนเลือกที่จะเชื่อในสัญชาตญาณของเขาเอง และทำตามแผนของชูเยว่
ซึ่งในเวลาเดียวกันนั้น ถังหยินก็กำลังวางแผนจะเข้าโจมตีเมืองอยู่ !
แม้ว่ากองทัพเทียนหยวนจะยิ่งใหญ่และเกรียงไกรเพียงใด แต่พวกเขาก็มีปัญหาที่ใหญ่พอตัวเช่นกัน และนั่นก็คือเสบียงอาหารที่ขาดแคลน
การจะทำให้กองทัพนับแสนมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ต้องพึ่งปริมาณเสบียงมากมาย ทว่าเหลียงฉีกับหยวนยู่นั้นได้เอาเสบียงอาหารส่วนที่ว่าไปด้วยเสียเยอะพอตัว ซึ่งเมื่อผนวกกับที่ถูกเหมาอันเผาทำลายไป มันก็ทำให้พวกเขาในตอนนี้มีเสบียงอยู่ได้ไม่ถึง 1 เดือนด้วยซ้ำไป !!!
ในค่ายหลัก มูฉิงแนะนำว่าพวกเขาต้องยึดเมืองสีไป่ให้ได้ภายใน 3 วันแล้วจากนั้นก็เข้าโจมตีเมืองหยานต่อในทันที
ซึ่งถังหยินเองก็เห็นด้วย และออกคำสั่งไปทันที
ทว่าก่อนจะเริ่มการโจมตี กองทัพเทียนหยวนก็ได้ทำการส่งทูตออกไปเจรจากับเกิงฉวนเพื่อให้อีกฝ่ายยอมแพ้ก่อน แต่เมื่อเกิงฉวนในตอนนี้ต้องการที่จะสู้ มันจะมีโอกาสหรือที่เขาจะยอมจำนน ! แถมทูตที่ส่งไปก็ยังถูกยิงจนพรุนอีก ทำให้ทั้งสองกองทัพไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว !
ว่าแล้วถังหยินก็พลันสั่งให้กองทัพปิงหยวนเข้าโจมตีทางตะวันออก กองทัพจี้เฟิงเข้าทางตะวันตก แล้วกองทัพหลักจะเข้าโจมตีทางเหนือ ก่อนจะให้ส่วนที่เหลือเข้าโจมตีทุกช่องทางที่ว่าง !!!
ซึ่งเมื่อคำสั่งถูกส่งออกไป กองทัพเทียนหยวนที่ยังไม่ได้พักผ่อนก็พากันจับอาวุธเข้าโจมตีอย่างไม่หยุดยั้ง !
…กำแพงเมืองที่นี่หนามาก และเกิงฉวนก็ได้ทำการเสริมความแข็งแกร่งให้กับการป้องกันมาก่อนหน้านี้แล้ว ทำให้ยากแก่การทำลาย !
ทว่าในเวลานี้ กองทัพถังหยินก็ได้จัดเตรียมอาวุธเอาไว้ใช้สำหรับโจมตีเมืองมาด้วย และมันก็คือรถยิงหิน หน้าไม้ยักษ์ หอคอยและอื่น ๆ อีกมากมายที่ช่วยให้การรบง่ายขึ้น ซึ่งอื่น ๆ ที่ว่ามานี้ก็นับรวมไปถึงรถกระทุ้งกำแพงที่เอาไว้ใช้เปิดประตูเมือง ! ดังนั้นพวกเขาจึงมีความมั่นใจเต็มเปี่ยม ว่าจะสามารถตีทะลวงได้อย่างแน่นอน !!!
นายทหารมากมายถูกบดขยี้ด้วยหินขนาดยักษ์ที่ถูกขว้างออกมา ไฟและควันเกิดขึ้นทั่วทุกที่ การต่อสู้ถวายชีวิตเริ่มต้นขึ้นแล้วและศพก็เริ่มกองกันมากมายใต้กำแพง
กองทัพเทียนหยวนต่อสู้กับพวกเปิงตั้งแต่เช้าไปจนถึงกลางคืน ทำให้ทั้งสองฝ่ายเริ่มที่จะเหนื่อยล้ากันแล้ว
แต่ถึงกระนั้นกองทัพหลักหมื่นนายก็ไม่อาจต้านทานกองทัพหลายแสนได้ ทำให้เกิงฉวนได้แต่สั่งให้องครักษ์ส่วนตัวขึ้นไปร่วมทำการป้องกันเมืองด้วยเพื่อเสริมกำลังในส่วนที่ขาด !
การตั้งรับของอีกฝ่ายแข็งแกร่งมา จนทำให้ถังหยินได้แต่ต้องยอมรับคำแนะนำจากจางจี้ที่ให้ถอยกลับก่อน ทำให้สถานการณ์ทั้งสองฝั่งผ่อนคลายลงเล็กน้อย
หลังการต่อสู้ครั้งแรก กองทัพเมืองสีไป่ก็ได้หายไปจนเหลือเพียง 5 หมื่นนาย ส่วนทางเทียนหยวนเองก็เสียหายไปกว่า 5 หมื่นนายเช่นกัน
ซึ่งก็ต้องบอกเลยว่าการป้องกันของเมืองสีไป่นั้นเหนือความคาดหมายของถังหยินมาก และอย่าว่าแต่ให้ตีเมืองนี้แตกภายใน 3 วันเลย ด้วยมันน่าจะต้องใช้เวลาเป็นเดือน ๆ ด้วยซ้ำไป
“แม่งเอ้ย !” หยวนเปียวสบถอย่างหงุดหงิด “ถ้าเกิงฉวนไม่ใช้กลยุทธ์พาชาวเมืองขึ้นมาป้องกันเมืองด้วย ป่านนี้พวกเราเข้าไปข้างในได้แล้ว !”
ที่แท้ที่พวกเขายังตีไม่แตก ก็เป็นเพราะเกิงฉวนได้บังคับให้ทุกคนในเมืองต้องร่วมใจกันต้านทานทัพถังหยินเอาไว้นี่เอง !!!!
…นี่เป็นสิ่งที่เหนือความคาดหมายของพวกเขามาก ด้วยประชากรในเมืองมีมากกว่าหนึ่งแสนห้าหมื่น และหากตัดผู้หญิง เด็กกับคนแก่ออกไป มันก็ยังมีอยู่หลายแสนนาย ทำให้การป้องกันเมืองสีไป่หนาแน่นขึ้นไปอีก
ส่งผลให้ในเวลานี้พวกกุนซือของถังหยินต่างก็คิดไม่ตก เนื่องจากการสู้รบในครั้งนี้กินเวลานานเกินไปแล้ว !
…แน่นอนว่าถ้ายืดเวลาออกไปกองทัพเทียนหยวนจะต้องอดอาหารตายกันก่อนแน่ !
ถังหยินเดินไปมาครุ่นคิดก่อนจะพูด “มันต้องมีจุดอ่อนบ้างสิ !”
ทุกคนได้แต่ก้มหัวไม่พูดอะไร
ภาพตรงหน้าทำให้ถังหยินยิ่งหนักใจมากขึ้นไปอีก เพราะตอนแรกที่เขาสั่งให้โจมตีก็ไม่มีใครคัดค้าน แต่พอมาถึงเวลานี้ทุกคนกลับเอาแต่เงียบปากเสียอย่างงั้น !!!!
ดังนั้นชายหนุ่มจึงได้แต่ถอนหายใจก่อนจะพูด “เมืองสีไป่แข็งแกร่งเกินไป ถ้าหากพวกเราใช้เวลานานกว่านี้จะต้องอดตายทั้งกองทัพแน่ และหากยังไม่มีใครจะเสนอแผนอะไรดี ๆ ขึ้นมา งั้นแล้วข้าก็จะสั่งให้กองทัพของเรากลับไปที่จิงกวงก่อนก็แล้วกัน”
“ไม่ได้นะนายท่าน !” กุนซือทุกคนห้ามพร้อมกัน