ราชันเทพสงคราม[唐寅在异界] - บทที่ 302
บทที่ 302
บทที่ 302
ถังหยินไม่ได้ตอบคำถามของยูจุน แต่กลับถามออกไปแทน “ท่านยูจุน ท่านคิดว่าเมืองสีไป่แห่งนี้สามารถต้านทานการโจมตีของกองทัพเทียนหยวนได้ไหม ?
หัวใจของยูจุนเต้นแรง และเมื่อพิจารณาถึงความหมายของคำพูดเหล่านั้น เขาก็พลันกล่าวออกมาอย่างคลุมเครือว่า “สถานการณ์การต่อสู้เป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ไม่มีใครกล้าคาดเดา !”
ถังหยินพยักหน้าโดยที่มือทั้งสองข้างยังคงอยู่ที่ข้างหลัง “สิ่งที่ท่านยูจุนพูดนั้นสมเหตุสมผล แต่ถ้ามองจากความแตกต่างของกองกำลัง ตอนนี้กองทัพที่ป้องกันเมืองสีไป่มีน้อยกว่า 5 หมื่นนายเสียอีก และแค่อาศัยกำลังของตัวเอง มันก็คงไม่เพียงพอที่จะปกป้องเมือง ส่วนการดึงชาวเมืองเข้ามาเสริมกำลังก็ไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาที่ดี ด้วยมันจะมีก็แต่การบาดเจ็บล้มตาย ก่อนในท้ายที่สุดเมืองสีไป่ก็จะล่มสลาย !
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าของยูจุนก็พลันเปลี่ยนไปเล็กน้อย เช่นเดียวกับร่างของเขาที่ดูจะห่อเหี่ยวลง เพราะถ้าเกิงฉวนยอมรับข้อเสนอแต่แรก เรื่องมันก็คงไม่มาถึงขนาดนี้
ในความเป็นจริง ถังหยินไม่ทราบจำนวนทหารที่แน่นอนที่ปกป้องเมืองสีไป่ แต่จากความทรงจำของทหารที่เขาดูดมา มันก็ทำให้ชายหนุ่มสามารถสรุปได้คร่าว ๆ ว่าอีกฝ่ายมีกำลังประมาณเท่าไหร่
และเมื่อเห็นปฏิกิริยาของยูจุน ถังหยินก็พลันพยักหน้าอย่างเงียบ ๆ ด้วยแม้ว่ายูจุนคนนี้จะเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของเกิงฉวน แต่พวกเขาก็ไม่ได้เป็นพวกเดียวกัน ดังนั้นเขาจึงควรจะใช้ประโยชน์จากจุดนี้ให้ดี
เมื่อนึกถึงเรื่องนั้น ชายหนุ่มก็หัวเราะเบา ๆ และพูดต่อไปว่า “ทั้งเจ้าและข้าต่างก็เป็นคนแคว้นเฟิงทั้งคู่ เหตุผลในการต่อสู้ของเราคือความคิดเห็นทางการเมืองที่แตกต่างกัน และเราแต่ละคนต่างก็มีนายของตัวเอง ถ้าเราลากชาวบ้านเข้าไปในนั้นด้วย ไม่ว่าใครจะชนะ ในท้ายที่สุดมันก็จะส่งผลกระทบต่อแคว้น”
“ข้าคิดว่าท่านยูจุนก็คงไม่อยากเห็นเมืองสีไป่กลายเป็นซากใช่หรือไม่ ? คำแนะนำของท่านไม่เข้าหูเกิงฉวนด้วยซ้ำ แล้วท่านจะสนับสนุนเขาไปอีกทำไมกัน ?”
คำพูดเหล่านี้สะกิดใจของยูจุนเป็นอย่างมาก ทำเอาเขาจมเข้าสู่ภวังค์ความคิด…
สัญชาตญาณของถังหยินนั้นเฉียบคมราวกับสัตว์ร้าย การเปลี่ยนแปลงใด ๆ บนใบหน้าของยูจุนไม่สามารถหลบสายตาของเขาได้ และเมื่อเห็นว่าคำพูดของตนทำให้หัวใจของอีกฝ่ายหวั่นไหว ถังหยินก็จึงเน้นน้ำเสียงของเขาในขณะที่พูดออกไปอย่างจริงจังว่า “ถ้าท่านยูจุนเต็มใจที่จะช่วยข้าเข้ายึดเมืองสีไป่ ข้าจะให้ความสำคัญกับท่านมากกว่าที่เกิงฉวนทำ และนอกจากนี้ มันก็จะเป็นการช่วยชาวเมืองนับแสนด้วยเช่นกัน !
ยูจุนมองถังหยินที่พูดอย่างมั่นใจ ก่อนจะเปรียบเทียบแม่ทัพใหญ่ของตนกับอีกฝ่ายในใจ ด้วยแม้ว่าทั้งคู่จะอยู่ในตำแหน่งใกล้เคียงกัน หากทว่าถังหยินนั้นแข็งแกร่งกว่ามาก ชนิดที่ว่าเกิงฉวนไม่สามารถเปรียบเทียบได้เลย ! และเมื่อคิดได้แบบนั้น เขาก็พลันส่ายหัวและหัวเราะออกมาอย่างขมขื่น “สิ่งที่ท่านเสนอให้ข้านั้นมันน่าสนใจมากทีเดียว อย่างไรก็ตาม มาตอนนี้ข้าได้ถูกปลดจากตำแหน่งแล้ว ไม่มีอำนาจใด ๆ อีก”
“ฮ่า !” ถังหยินหัวเราะและกล่าวว่า “ท่านเป็นคนเจียมเนื้อเจียมตัวเกินไปแล้ว ! ด้วยแม้ว่าท่านจะถูกไล่ออก แต่ศักดิ์ศรีของท่านก็ยังคงอยู่ ข้าเชื่อว่าทหารที่เชื่อในท่านจะยอมเชื่อฟังท่านอย่างแน่นอน !”
“นั่นก็… ?!” เมื่อได้ยินแบบนั้น ยูจุนก็ต้องขมวดคิ้วอย่างครุ่นคิด ก่อนที่หลังจากนั้นไม่นานเขาจะพูดออกมาว่า “แม่ทัพที่ดูแลด้านตะวันตกของเมืองมีความสัมพันธ์อันดีกับข้า ทว่าข้าก็ไม่อยากที่จะให้สัญญา…”
แม่ทัพที่รับดูแลทางตะวันตก ? ตาของถังหยินสว่างวาบ ใจของเขาเต้นแรง และหลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง ชายหนุ่มก็พลันถามว่า “ยูจุน ท่านช่วยเจรจากับเขาได้ไหม”
ยูจุนหัวเราะอย่างขมขื่น “ข้าไม่รู้ว่ามันจะสำเร็จหรือไม่ แต่ข้าจะลองดูก็ได้ !”
“เอาแบบนั้นก็ได้ !” ถังหยินพยักหน้าและกล่าวว่า “ถ้าเรื่องนี้สำเร็จ ก็ให้ถือว่าข้าติดหนี้บุญคุณท่าน !”
“ท่านถังจริงจังเกินไปแล้ว” ยูจุนยังคงขมวดคิ้วไม่ยอมผ่อนคลาย ก่อนที่จะกล่าวว่า “เหตุผลที่ข้าเต็มใจช่วยไม่ใช่เพราะข้ากลัวความตาย แต่เป็นเพราะข้าไม่อยากเห็นชาวเมืองนับแสนในเมืองต้อง ได้รับผลกระทบไปด้วย ดังนั้นข้าก็หวังว่าหลังจากยึดเมืองสีไป่แล้ว ท่านถังจะปฏิบัติต่อผู้คนอย่างดี”
ถังหยินพยักหน้าและกล่าวว่า “ได้ ! แล้วยังมีเรื่องอื่นอีกหรือไม่ ?”
ยูจุนก้มหัวลงครุ่นคิดสักพักและพูดเบา ๆ “ข้าหวังว่าเมื่อท่านถังได้ชัย ก็ขอให้ไว้ชีวิตท่านเกิงฉวน นี่เป็นเงื่อนไขของข้า”
“โอ้ ?” ถังหยินหายใจเข้าลึก ๆ มองไปที่ยูจุนและเงียบไป และจากสิ่งนี้ มันก็ถือเป็นตัวบ่งบอกชั้นดี ว่ายูจุนผู้นี้เป็นคนที่ซื่อสัตย์มากแค่ไหน ! ทว่ามันก็น่าเสียดาย ที่ความรู้สึกของเขาถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด ถังหยินครุ่นคิดสักพักแล้วก็หัวเราะ “เอาล่ะ ข้าสัญญากับเจ้า หลังการต่อสู้ ข้าจะไม่ฆ่าเกิงฉวนแน่นอน !”
ตอนนี้กองทัพเทียนหยวนของเขายังไม่สามารถเข้ายึดเมืองสีไป่ได้ และกองทหารของเขาก็ได้รับความสูญเสียอย่างหนัก เช่นเดียวกับที่เกิดการขาดแคลนเสบียงอย่างมาก ดังนั้นไม่ว่าจะเงื่อนไขอะไร ชายหนุ่มก็จะเห็นด้วยกับพวกเขาทั้งหมดในเวลานี้
เมื่อถังหยินรับปาก ยูจุนก็รู้สึกโล่งใจ เขายกมือขึ้นและพูดว่า “ข้าต้องขอขอบคุณท่านด้วย !”
“ท่านกล่าวเกินไปแล้ว !” ถังหยินหัวเราะตอบ
ถ้ายูจุนเห็นข้างหลังถังหยินในตอนนี้ เขาคงจะกลัวมากจนเป็นลมไปแล้ว เพราะในขณะที่ถังหยินกำลังพูดกับเขา มือทั้งสองข้างของชายหนุ่มที่อยู่ข้างหลังตลอดเวลาก็ได้กลายเป็นคมดาบที่มีไฟสีดำเคลือบไปแล้ว ! และถ้ายูจุนลังเลหรือปฏิเสธคำชักชวน ถังหยินก็จะฆ่าอีกฝ่ายทันทีเพื่อปิดปาก !!!
โชคดีที่สิ่งต่าง ๆ ดำเนินไปอย่างราบรื่น ดังนั้นยูจุนจึงยังคงมีชีวิตรอดต่อไป
อันที่จริงถังหยินมาหายูจุนในช่วงเวลาที่เหมาะสมพอดี เพราะช่วงเวลานี้ยูจุนกำลังถูกกีดกันและถูกปฏิเสธ ก่อนจะเป็นถังหยินที่เข้ามายืนเคียงข้างเขา !!!
ยูจุนมีความสัมพันธ์ที่ดีกับตูฉิง แม่ทัพพิทักษ์ฝั่งตะวันตก ซึ่งเขาคนนี้ ก็เป็นแม่ทัพสายต่อสู้เต็มตัว ด้วยมีแต่เพียงความกักขฬะเท่านั้นที่อยู่ในหัว เช่นเดียวกับแขนขาทั้งสี่ของเขาที่ได้รับการพัฒนามากกว่าสมองของเขา และนั่น มันก็ทำให้เขาชื่นชมความฉลาดของยูจุน ดังนั้นเมื่อใดก็ตามที่เขาพบกับสิ่งที่ต้องตัดสินใจ แต่ไม่แน่ใจว่าจะริเริ่มยังไง เขาก็จะหันไปขอคำแนะนำจากยูจุนเสมอ
และก็เช่นเดียวกับยูจุน ที่ตูฉิงเองก็ต่อต้านเกิงฉวนที่ดึงเอาชาวเมืองเข้าสู่สนามรบเช่นกัน !!
ในวันนั้นกองทัพเทียนหยวนได้ทำการโจมตีอย่างดุเดือดอีกครั้ง ซึ่งก็เป็นเช่นตามปกติ ที่จุดสำคัญของการโจมตียังคงอยู่ที่ฝั่งทางเหนือของเมือง
ตอนนี้ร่างจริงของถังหยินอยู่ทางตอนเหนือของเมือง และได้กลายเป็นหนึ่งในผู้ที่มีส่วนร่วมในการป้องกัน ซึ่งเมื่อยืนอยู่ในมุมตรงข้ามกับกองทัพของตัวเองแบบนี้ เขาก็รู้สึกได้ชัดเจนยิ่งขึ้นว่าการโจมตีของกองทัพของเขานั้นแข็งแกร่งมากเพียงใด รวมถึงความยากลำบากในการป้องกันเมืองสีไป่ ว่าหนักหนาถึงขนาดที่ว่าแทบไม่มีช่องว่างให้พักหายใจ !!
พวกเขาไม่เพียงแต่ต้องทนกับสายฝนธนูที่ยิงโดยกองทัพของข้าศึก แต่พวกเขายังเจอกับการใช้อาวุธขนาดใหญ่ด้วยเช่นกัน ทำให้ในบางครั้งก็จะมีก้อนหินขนาดใหญ่ลอยอยู่เหนือหัว เช่นเดียวกับเสาไม้ และลูกธนูที่ยิงเข้ามาไม่หยุด ทำให้พวกเขาไม่รู้ว่าจะหลบไปไหนดี !!
กำแพงเมืองสั่นสะเทือนไปมาพร้อมกับเสียงของการปะทะกันอย่างรุนแรง และเพื่อป้องกันประตูเมือง พวกเขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นใดนอกจากฝืนต้านต่อไป !!
ศพของนายทหารเปิงและไพร่พลกองรวมกันเป็นภูเขาขนาดย่อม ๆ จนสามารถใช้เป็นที่กำบังได้เลย ซึ่งมันก็ทำให้เห็นว่าการสู้รบครั้งนี้รุนแรงเพียงใด !
ถังหยินที่อยู่ภายในสามารถมองเห็นทุกอย่างได้ชัดเจน และแสร้งทำเป็นกลัวตายจนเอาแต่ซ่อนตัวอยู่ระหว่างบันไดที่ทอดยาวจากด้านบนสุดของเมืองไปยังด้านล่างของเมือง พร้อม ๆ กับที่แอบสังเกตความแข็งแกร่งของกองทัพเปิงไปด้วย
และในขณะที่เขากำลังคำนวณอย่างเงียบ ๆ แม่ทัพเปิงก็ได้เดินเข้ามาพร้อมกับตะโกนเสียงดังก้อง “พวกเจ้ามาซ่อนอะไรอยู่ตรงนี้ รีบออกมาเสีย !”
ถังหยินแสร้งทำเป็นขี้ขลาดและซ่อนตัวอยู่ตรงกลางบันได แต่ทว่านอกจากเขาแล้ว มันก็ยังมีคนอื่น ๆ ที่ขี้ขลาดและกลัวความตายที่ซ่อนอยู่ข้าง ๆ เขาด้วยเช่นกัน
ในขณะที่แม่ทัพของเปิงกำลังตะโกน เขาก็ได้ยกดาบปราณในมือและกล่าวออกมา “ใครที่ฝ่าฝืน ข้าจะฆ่าให้หมด !”
ในขณะที่แม่ทัพเปิงกำลังออกคำสั่งอย่างเกรี้ยวกราด พวกที่ซ่อนตัวต่างก็หวาดกลัวจนใบหน้าของพวกเขาเปลี่ยนไป ด้วยพวกเขาไม่กล้าซ่อนตัวอีกต่อไป
ถังหยินทำอะไรไม่ถูก เขาทำได้เพียงตามไพร่พลกลับไปที่เมือง แต่ทันทีที่เขาลุกขึ้น ฝนธนูก็ได้ตกลงมาหาเขาเป็นสาย ซึ่งปฏิกิริยาของถังหยินก็รวดเร็วมาก เขารีบพุ่งออกไปข้างหน้าในทันที ผิดกับชาวเมืองโดยรอบที่เชื่องช้า ทำให้ในชั่วพริบตามีคนหลายสิบคนถูกลูกศรยิงเข้าที่หน้าอกจนล้มลงกับพื้นอย่างรุนแรงกันมากมาย
เมื่อเห็นร่างที่ล้มลม ถังหยินก็ถึงกับเหงื่อไหลออกมา ด้วยโชคดีที่เขาหลบทันเวลา มิฉะนั้นชายหนุ่มคงต้องตายแน่แล้ว !
ดูเหมือนว่าเขาจะต้องเร่งกระจายข่าวออกไปในคืนนี้ โดยการบอกให้ทหารที่อยู่ข้างเขาหยุดโจมตีเมืองทางเหนือ มิฉะนั้นชายหนุ่มคงจะไม่สามารถรักษาชีวิตต่อไปได้
หลังจากผ่านการต่อสู้อย่างดุเดือดมาทั้งวัน ในที่สุดกองทหารรักษาการณ์และไพร่พลก็สามารถต้านทานการบุกของกองทัพเทียนหยวนได้อีกครั้ง ซึ่งหลังจากจบศึกนี้ จำนวนคนทั้งหมดที่ปกป้องเมืองก็ได้ลดลงไปถึงหนึ่งในสาม !!!