ราชันเทพสงคราม[唐寅在异界] - บทที่ 304
บทที่ 304
บทที่ 304
เมื่อได้ยินเสียงจากด้านหลัง ตูฉิงก็รู้สึกกลัวอย่างมาก ด้วยเขาไม่อาจรับรู้ได้เลยว่ามีใครอยู่ในบริเวณนั้น
โดยสัญชาตญาณ เขายืนขึ้นและหันหน้าไปมองพร้อมกับชักดาบออกมาอย่างรวดเร็ว ขณะที่ถามอย่างเย็นชา “ใคร ?”
“ผู้ว่ามณฑลเทียนหยวน ถังหยิน !” เมื่อสิ้นเสียง ชายหนุ่มที่มีใบหน้าขาวราวกับหยกและดวงตาเหมือนดวงดาวก็ได้เดินออกมาจากเงามืด
ถังหยิน ? ตูฉิงถึงกับสงสัยว่าเขาหูฝาด ถังหยินอยู่ที่นี่อย่างนั้นหรือ ? มันจะเป็นไปได้อย่างไร ? เขาเข้ามาในเมืองได้อย่างไร ? ท่ามกลางความตกตะลึงของตูฉิง ตาทิพย์ของเขาพลันฉายแสงแปลก ๆ มองตรงไปที่ชายหนุ่ม และหลังจากที่เขาอย่างละเอียด การแสดงออกของเขาก็เปลี่ยนไป ด้วยชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเขาไม่ใช่คนจริง ๆ แต่เป็นร่างเงาที่เกิดจากพลังปราณแห่งความมืด !
แม้ว่าคน ๆ นี้จะไม่ใช่ถังหยิน แต่ก็ไม่ใช่คนของฝ่ายเขาอย่างแน่นอน เพราะไม่มีผู้ใช้ศาสตร์มืดในเมืองสีไป่แม้แต่คนเดียว ! และด้วยตูฉิงเกิดมาเป็นแม่ทัพที่เชี่ยวชาญเรื่องการต่อสู้ ดังนั้นเขาจึงสามารถสงบลงได้อย่างรวดเร็ว “ถังหยินจริง ๆ อย่างนั้นเหรอ ? นี่มัน… ร่างเงา ?”
“ใช่แล้ว !” ชายหนุ่มที่เดินออกมาคือถังหยินจริง ๆ
ถังหยินที่เห็นท่าทีอีกฝ่าย เขาก็พลันหัวเราะและพยักหน้าก่อนกล่าวว่า “ท่านแม่ทัพช่างตาแหลมยิ่งนัก ! …ตัวท่านนั้นแตกต่างจากเกิงฉวนยิ่งนัก เพื่อที่จะสร้างฐานอำนาจ เกิงฉวนไม่สนใจชีวิตของคนอื่นและเลือกที่จะลากชาวเมืองไปตายกับเขาด้วย แต่ข้าเชื่อว่าท่านแม่ทัพไม่ใช่คนแบบนั้น !”
“นั่นมัน… ?” ตูฉิงยังคงเงียบ ตอนนี้เขากำลังเผชิญกับสองทางเลือก ว่าจะรายงานต่อเบื้องบนเรื่องที่ยูจุนแอบติดต่อกับถังหยินอย่างลับ ๆ หรือว่าจะทรยศเกิงฉวนและเข้าร่วมกับกองทัพเทียนหยวนดี !!
ถังหยินเหล่ตาจ้องมองตรงไปที่ตูฉิง ปากพูดแผ่วเบา “แม้ว่าแม่ทัพตูฉิงจะไม่สนใจชีวิตของตัวเอง แต่ท่านก็ยังต้องดูแลครอบครัว และแม้ว่าท่านจะไม่สนใจครอบครัวก็ตาม ท่านก็ควรจะดูแลทหารภายใต้บังคับบัญชา แล้วแบบนี้ท่านจะยังคิดทำงานให้กับเกิงฉวนอีกอย่างนั้นเหรอ ?”
คำพูดเหล่านี้ทำให้ตูฉิงตัวสั่น แต่ในเวลาเดียวกันเขาก็สูดลมหายใจเย็น ๆ ก่อนจะหันมองไปที่ยูจุน และเมื่อเห็นอีกฝ่ายพยักหน้าโดยไม่ลังเล มันก็บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าเขาควรจะยอมจำนนต่อถังหยิน ซึ่งเมื่อเป็นเช่นนั้น ตูฉิงก็ได้แต่ถอนหายใจ ก่อนยกมือขึ้นคำนับ “ท่านถังอยากจะให้ข้าทำอะไร ?!”
ถังหยินดีใจมากที่ได้ยินแบบนั้น หัวใจของเขาค่อย ๆ ผ่อนคลายลง ด้วยในความเป็นจริงชายหนุ่มกลัวว่าตูฉิงจะไม่ยอมจำนนและเขาอาจจะต้องฆ่าอีกฝ่ายทิ้ง แต่ตอนนี้เมื่อตูฉิงเต็มใจที่จะยอมจำนนแล้ว เรื่องมันก็ต่างออกไป “ไม่ต้องสุภาพหรอกท่านแม่ทัพ จากนี้ไปเราก็เป็นพี่น้องกันแล้ว !”
“ขอบคุณมากขอรับ สำหรับน้ำใจ !”
แม้ว่าคำพูดของถังหยินจะดูดี แต่ในความเป็นจริงไม่ใช่เช่นนั้น เพราะถ้าอีกฝ่ายทรยศเกิงฉวนได้ในวันนี้ งั้นแล้วพวกเขาก็อาจจะทรยศตนเองในอนาคตได้เช่นกัน ทว่าตอนนี้ไม่มีทางเลือกมากนัก ดังนั้นเขาจึงได้แต่ทำแบบนี้ !!!
“ท่านต้องการให้ข้าทำอะไร” ตูฉิงถามย้ำออกมา
ถังหยินหัวเราะและถาม “ในฐานะแม่ทัพดูแลฝั่งตะวันตก การเปิดประตูเมืองน่าจะเป็นเรื่องง่ายสำหรับท่านใช่ไหม ?”
ตูฉิงหัวเราะอย่างขมขื่น เขาส่ายหัวพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “แม้ว่าข้าจะเป็นแม่ทัพดูแลเมืองฝั่งตะวันตก แต่ถ้าต้องการจะเปิดประตูเมือง ข้าก็ยังต้องฟังคำสั่งของเกิงฉวนอยู่ดี ยิ่งไปกว่านั้นรองแม่ทัพคนอื่น ๆ ที่อยู่ภายใต้ข้าก็ไม่มีความคิดเช่นเดียวกันกับข้า พวกเขาส่วนใหญ่ภักดีต่อเกิงฉวน และหากข้าต้องเปิดประตู ก็เกรงว่าจะไม่ประสบความสำเร็จโดยง่าย !”
“โอ้ !” ถังหยินพูดเบา ๆ แล้วถามว่า “แล้วมีทหารกี่คนกันที่ภักดีต่อท่าน ?”
“อย่างเต็มที่ก็แค่ 2 พัน !”
“แล้วในฝั่งตะวันตกมีทหารมากเท่าไหร่ ?”
“2 หมื่นเป็นอย่างน้อย !” ตูฉิงตอบตามความจริง
ถังหยินคำนวณอย่างเงียบ ๆ ในใจและกล่าวว่า “ชาวเมืองที่เข้าร่วมในการป้องกันไม่มีอะไรต้องกังวล และหากแม่ทัพตูฉิงสามารถนำพี่น้องทั้ง 2 พันคนเข้าร่วม งั้นแล้วการป้องกันฝั่งตะวันตกก็จะเข้าสู่ความโกลาหลอย่างแน่นอน ทำให้ในเวลานั้นกองทัพที่อยู่นอกเมืองสามารถฉวยโอกาสเข้าโจมตีได้ !”
ตูฉิงคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ พยักหน้าและพูดว่า “…แต่ว่า ?”
ชายหนุ่มยิ้มอย่างสบาย ๆ ปากกล่าวว่า “แม่ทัพตูฉิง ท่านไม่ต้องกังวลไป ท่านสามารถให้พวกทหารที่อยู่ฝ่ายท่านทำเครื่องหมายบนร่างกายของพวกเขาเอาไว้ เพื่อที่ตอนสู้รบเราจะได้ไม่เผลอทำร้ายกันเอง !!”
“ตกลง !” เมื่อได้ยินเช่นนั้น ตูฉิงก็เผยรอยยิ้มทันทีและพยักหน้าเห็นด้วย
ถังหยินรู้สึกว่าความคิดของยูจุนไม่ได้เลวร้ายนัก จึงกล่าวเสริมไปว่า “งั้นแล้วก็จงให้พวกเขาพันผ้าสีดำรอบแขน เพื่อแทนมันเป็นสัญลักษณ์ !”
“ได้เลย !” ตูฉิงเห็นด้วยทันที ก่อนที่จะถามอย่างจริงจัง “แล้วนายท่านจะเริ่มเมื่อไหร่ขอรับ ?
“เพื่อที่จะไม่เสียเวลามากนัก ไม่เกินพรุ่งนี้ !”
“แล้วเรื่อง….?”
“ไม่ต้องห่วง ข้ามีวิธีจัดการของข้าเอง เจ้าไปจัดการเตรียมตัวกับพวกของเจ้าเถอะ” ถังหยินกล่าว “นี่เป็นเรื่องสำคัญ ระวังอย่าให้ข่าวแพร่กระจาย !”
“ไม่ต้องกังวลขอรับนายท่าน ข้าจะรายงานเรื่องนี้กับทหารที่ไว้ใจได้เท่านั้น !” ตูฉิงกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชีวิตและความตายของครอบครัวของเขาด้วย ดังนั้นเขาจะไม่ระมัดระวังได้อย่างไร ?
ถังหยินพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ หลังจากนั้นเขาก็พูดคุยเกี่ยวกับแผนการกับยูจุนและตูฉิงต่ออีกหน่อย ก่อนจะตกลงกันได้ในท้ายที่สุด
ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะกลุ่มศรทมิฬได้รับลูกศรของถังหยินจากเมื่อคืนหรือไม่ แต่วันนี้กองทัพเทียนหยวนแตกต่างจากปกติ ไม่มีการโจมตีที่ประตูทางเหนือเหมือนอย่างเคย แต่กลับโจมตีจากอีกสามด้านที่เหลือแทน
และเพื่อที่จะใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ ถังหยินจึงซ่อนตัวอยู่ในที่เงียบสงบ เขารีบฉีกผ้าอีกชิ้นออกจากเสื้อผ้าและเขียนแผนสมคบคิดของยูจุนกับตูฉิงลงไป และเมื่อทำเสร็จแล้ว ชายหนุ่มก็พลันเดินกลับเข้าไปในเมือง จนได้เห็นเข้ากับข้อพิพาทที่กำลังเกิดในขณะนั้นพอดี
ชายคนหนึ่งขยับดาบขึ้นสูงราวกับว่าเขากำลังจะฟันมันลง ทว่าทหารรอบข้างทุกคนกลับเอาแต่เฝ้าดูด้วยความตั้งใจ ผิดกับชาวเมืองโดยรอบที่ตัวสั่นและซ่อนตัวอยู่ด้านข้าง
เมื่อเห็นเช่นนั้น ถังหยินก็ขมวดคิ้วและร้องตะโกนออกมา “หยุด !” ขณะที่เขาพูดเขาก็รีบเดินไป
เมื่อได้ยินเสียงห้าม แม่ทัพผู้นำก็พลันหันไปมองถังหยิน และเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายแต่งตัวเหมือนคนทั่วไป เขาก็ได้หัวเราะเยาะออกมา “เจ้าเป็นใคร ?”
“ข้าคือหัวหน้าของพวกเขา !” ถังหยินชี้ไปที่คนตรงนั้น และถามต่อ “ทำไมถึงคิดฆ่าคนของข้า ?”
“โอ้ ! เจ้านี่เอง ช่างมาได้พอเหมาะพอเจาะทีเดียว เอาละ เจ้าจงพาคนของเจ้า มากับข้าเดี๋ยวนี้ !!”
“ที่ไหน ?”
“ทางตะวันออกของเมือง !” แม่ทัพคนนั้นพูดตรง ๆ
“ทำไม ?” ถังหยินถาม
“ข้าไม่จำเป็นต้องอธิบายให้เจ้าฟัง ไอ้เด็กเวร !” เขาคนนี้เย่อหยิ่งนัก ไม่เห็นแม้แต่เห็นถังหยินอยู่ในสายตา ทั้งยังตะโกนใส่ซ้ำมาอีกว่า “ยังชักช้าอีก ! พวกเจ้าอยากตายอย่างนั้นเหรอ !” พลางยกดาบขึ้นขู่
ถังหยินเดาได้ในทันทีว่าที่เป็นแบบนี้ก็เพราะเทียนหยวนเข้าโจมตีทั้ง 3 ด้านของเมืองแทน เลยทำให้พวกเขาไม่มีกำลังพลเพียงพอ จึงคิดจะมาพาพวกตนไปเสริมกำลัง ดังนั้นเลยพูดไปว่า “ขออภัย ข้าไปกับท่านไม่ได้”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ แม่ทัพคนนั้นก็พลันเลิกคิ้วและถามสวนกลับมา “พูดอะไรของเจ้าวะ !!”
“เรา ไป กับ ท่าน ไม่ ได้ !” ถังหยินเน้นคำพูดของเขาด้วยการพูดทีละคำ เพราะหากอีกฝ่ายต้องการพาตนไป งั้นแล้วมันก็ต้องได้รับความเห็นชอบจากแม่ทัพหลีเสียก่อน “หากไม่ได้รับอนุญาตจากแม่ทัพหลี เราจะไม่ไปไหนทั้งนั้น !”
“บัดซบ ดูท่าว่าเจ้าเบื่อที่จะมีชีวิตอยู่แล้วสินะ !” แม้แต่ทหารยังไม่กล้าที่จะพูดเช่นนี้กับเขา แล้วนี่อะไรกัน อีกฝ่ายเป็นแค่ชาวบ้านธรรมดาเท่านั้น !
แม่ทัพผู้นั้นเดือดดาลอย่างหนัก เขาคำรามและผลักคนที่อยู่ข้าง ๆ ออกไป ก่อนจะพุ่งเข้าหาถังหยินพร้อมกับควงอาวุธในมือหมายที่จะสังหารถังหยินให้ดับดิ้น
ตอนนี้ถังหยินไม่ต่างอะไรกับคนธรรมดาก็จริง แต่ทว่าเขาก็ยังคงมีความแข็งแกร่งจากร่างกายอยู่ ดังนั้นถึงศัตรูแทบจะเข้ามาประชิดตัวเขาอยู่แล้ว แต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้ตื่นตระหนกเลยแม้แต่น้อย เขาแค่ขยับไปด้านข้างเล็กน้อยเพื่อหลบปลายดาบ ก่อนที่ในเวลาเดียวกันเขาจะใช้มือทั้งสองข้างเข้าคว้าแขนของแม่ทัพผู้นั้น !!
นี่เป็นวิธีการยืมแรงผลักดันเรือด้วยกระแสน้ำ ทำให้นายทหารระดับสูงผู้นั้นไม่สามารถหยุดร่างกายของเขาได้จนเสียหลัก
อ๊ากกก !
แม่ทัพที่บุกเข้ามากรีดร้องด้วยความเสียขวัญ เขาเหวี่ยงตัวไปข้างหน้า 1 จั้ง และแม้ว่าจะล้มลง ทว่าเขาก็รีบดีดตัวขึ้น ก่อนจะก่อร่างเกราะและอาวุธปราณ โดยในเวลาเดียวกันนั้น ทั้งร่างของเขาก็ได้ก็พุ่งเข้าหาถังหยินด้วยกรงเล็บที่กางออกจนสุด
ทันใดนั้นเองก็มีคนตะโกนว่า “หยุดเดี๋ยวนี้ !”