ราชันเทพสงคราม[唐寅在异界] - บทที่ 326
บทที่ 326
บทที่ 326
เมื่อตงเฉิงได้ยินเสียง เขาก็หันไปแล้วพบกับชายหนุ่มอายุ 20 ที่มีผิวพรรณสวยงาม คิ้วคมคาย ดวงตาดุดัน จมูกโด่ง และใบหน้าที่หล่อเหลา แม้ว่าจะใส่ชุดธรรมดา แต่ก็มีรัศมีความแปลกประหลาดออกมา
ถังหยินประกบมือ “ข้าคือแม่ทัพจากแคว้นเฟิง ถังหยิน”
ตงเฉิงเปลี่ยนสีหน้าในทันทีที่ได้ยินแบบนั้น เขาถามด้วยความสนใจ “เจ้าคือแม่ทัพจากเทียนหยวนสินะ ?”
“ถูกต้อง” ถังหยินกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ได้ยินการยืนยันแบบนี้ ตงเฉิงก็แทบจะไม่เชื่อสายตาตัวเอง ว่าทำไมเขาถึงอยู่กับเช่าฟ๋างได้กัน ? ชายแก่งุนงง ไม่เข้าใจถึงเรื่องที่กำลังเกิดขึ้น
เช่าฟ๋างที่ตอนนี้เป็นพวกกับตงเฉิงแล้วจึงได้กล่าวออกมาว่า “ท่านตง ไม่ต้องตกใจไป ตอนนี้ข้ากับเขาได้จับมือเป็นพันธมิตรกันแล้ว” ไม่ว่าเปล่า เขายังได้อธิบายถึงเรื่องราวว่าทำไมถังหยินถึงมาที่นี่เพิ่มเติมเข้าไปด้วย
เมื่อตงเฉิงได้ยิน ก็ต้องตกตะลึง เพราะในสถานการณ์แบบนี้ ชายหนุ่มยังกล้าที่จะลอบเข้าแคว้นของพวกเขามาอีกงั้นหรือ ?
ถังหยินตอบกลับอย่างไม่รอช้า “พวกหนิงมันมีความทะเยอทะยานสูงเกินไป แถมแคว้นของพวกมันก็ยังแข็งแกร่ง ถ้าหากพวกเฟิงถูกจัดการไปแล้ว อีกไม่นานพวกโมจะต้องเป็นเป้าหมายต่อไปของมันแน่นอน”
ตงเฉิงมองอีกฝ่ายแล้วครุ่นคิด เขาเข้าใจถึงเหตุผลที่ถังหยินเสี่ยงจะมาที่นี่ แต่สำหรับตัวเขาแล้ว การปกป้องตัวเองสำคัญกว่า งั้นแล้วสู่ปล่อยให้ถังหยินจัดการเรื่องภายในแคว้นของตัวเองไป และไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกัน แบบนั้นมันจะไม่ดีกว่าหรือ ?
แต่เมื่อคำนวณจากสถานการณ์ตอนนี้ดี ๆ ชายชราก็พบว่าแคว้นเฟิงก็อาจทำประโยชน์ได้ หากร่วมมือกับแคว้นโมของเขาเพื่อหยุดพวกหนิง ! ทำให้ตงเฉิงสงบใจได้อย่างรวดเร็วก่อนที่จะกล่าว “ยินดีที่ได้พบ ท่านถัง”
ชายหนุ่มหัวเราะออกมา “ท่านเสนาบดีไม่จำเป็นต้องอ่อนน้อมแบบนั้นหรอก”
“ท่านได้สาบานตนเป็นพันธมิตรกับฝ่าบาทแล้วหรือ ?”
“ถูกต้อง”
“ทั้งเราและท่านจะต้องได้ผลประโยชน์ร่วมกันอย่างแน่นอน” ตงเฉิงกล่าวสนับสนุนความเห็นนี้ แต่ภายในใจเขากลับตรงกันข้าม ดังนั้นคำพูดนี้จึงเป็นเพียงแค่ลมปากก็เท่านั้น
ถังหยินเองก็ฉลาดไม่แพ้กัน เพราะเมื่อได้ยินแบบนั้น เขาก็รู้ได้ในทันทีว่าอีกฝ่ายมีเจตนาร้าย “ยังไงเสียพวกเราก็ได้ผลประโยชน์ร่วมกันอยู่แล้ว ท่านไม่คิดหรือว่าการที่ต้องเผชิญหน้ากับพวกหนิงนั้น มีสองคนย่อมดีกว่าคนเดียว ?”
ถังหยินรีบพูดต่อทันที “และเพื่อเป็นการยืนยันว่าข้าสนับสนุนฝ่าบาท ข้าก็ได้มอบเงินให้กับฝ่าบาทเพื่อนำมามอบให้กับท่านในครั้งนี้ด้วยเช่นกัน”
“ไม่จำเป็น” ตงเฉิงไม่ใช่คนละโมบ สิ่งที่เขาทำนั้นเพื่อแคว้นโมล้วน ๆ “ต่อให้ฝ่าบาทไม่รับเงินของท่านมา ข้าก็จะสนับสนุนเขาจนกว่าจะได้เป็นอ๋องอยู่ดี”
เช่าฟ๋างตาลุกวาว ส่วนถังหยินและซงหยวนกลับมีสีหน้าที่งุนงง
ถังหยินถามขึ้น “ถ้างั้น จากมุมมองของท่านตง ท่านคิดว่าแค่นี้มันพอแล้วหรือ ?”
ชายแก่กล่าว “ถ้าท่านสามารถล้มซ่งเทียนได้จริง ๆ ข้าเองก็จะพยายามทุกอย่างเพื่อป้องกันไม่ให้ฝ่าบาทส่งทหารเข้าไปแคว้นเฟิง นอกจากนี้ เมื่อท่านได้เป็นอ๋องแล้ว ท่านก็จะต้องยกทางผ่านบาให้กับแคว้นโมด้วย นี่คือข้อตกลงของข้า”
ทางผ่านบาเป็นประตูทางใต้ของแคว้นเฟิง มันมีความสำคัญระดับเดียวกับประตูตง แม้ว่าจะไม่มีสงคราม แต่การที่มอบให้กับแคว้นโม มันก็ไม่ต่างอะไรกับการยื่นหางตัวเองให้กับศัตรู
ถังหยินกำหมัดแล้วตอบไป “ทางผ่านบาเป็นของแคว้นเฟิง ข้าเกรงว่าคงจะไม่ได้” ระหว่างพูดเขาก็หันมองไปยังเช่าฟ๋าง
องค์ชายรองรู้สึกว่าตงเฉิงขอร้องมากเกินไป ในใจของเขาไม่ว่าตัวเองจะได้ขึ้นเป็นอ๋องได้หรือไม่ ทางผ่านบาก็ควรจะเป็นป้อมปราการของพวกเฟิงต่อไปเหมือนเดิม เหตุผลที่เขาทำขนาดนี้ก็เพื่อเป็นการตอบแทนถังหยินและซงหยวนที่ยื้อเขาไว้ในห้องนี้ ไม่งั้นเขาก็คงจะพลาดการสนทนา และไม่ได้รับการสนับสนุนจากตงเฉิง
เมื่อเห็นว่าถังหยินกำลังมองมา เขาก็พลันหัวเราะแห้ง ๆ “ท่านตง ข้าไม่อยากให้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเราต้องหมองหม่นเพียงเพราะเรื่องนี้หรอกนะ”
ชายแก่ถอนหายใจ เรื่องผลประโยชน์ของชาติมันเกินกว่าจะเกี่ยวข้องเรื่องความสัมพันธ์ได้ แต่การที่เช่าฟ๋างพูดกับเขาด้วยตัวเองแบบนี้ มันก็ทำให้เขารู้ได้ว่าฝ่าบาทนั้นไม่ใช่คนเย็นชาไร้หัวใจอย่างที่ร่ำลือ “ฝ่าบาทเห็นความบ้าคลั่งของพวกหนิงแล้วไม่ใช่หรือ ท่านไม่เกรงว่าพวกเฟิงจะเป็นอย่างพวกหนิงบ้าง ?”
เช่าฟ๋างขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
ในเมื่อถังหยินอยู่ด้วยแบบนี้ คำพูดนั้นก็ถือเป็นการพูดแทงใจดำดี ๆ นี่เอง ทว่าชายหนุ่มก็ไม่ใช่คนธรรมดา สมองของเขาประมวลผลอย่างหนักหน่วง ว่าหลังจากที่เขาเป็นอ๋องแคว้นเฟิงแล้ว ถึงเวลานั้นเขาจะยังเป็นพันธมิตรกับพวกโมหรือไม่ ? ซึ่งหากเขายกทางผ่านบาให้กับพวกโมไปแล้ว พวกนั้นก็อาจจะใช้ช่องว่างนี้เข้าโจมตีพวกเฟิงก็เป็นได้ !
เช่าฟ๋างเข้าใจความหมาย เขามองถังหยินแล้วหัวเราะออกมา “เอาล่ะ ไว้คุยเรื่องนี้กันในอนาคตเถอะ”
ถังหยินไม่มีความเห็นใด ๆ ทั้งนั้น เขาอาจจะยกทางผ่านบาเพื่อจัดการซ่งเทียนในตอนนี้ แต่ในอนาคตเขาอาจจะเปลี่ยนใจก็ได้
ตงเฉิงพยักหน้าให้อย่างสิ้นหวัง เขามีความเห็นมากมายเกี่ยวกับถังหยิน แต่ก็ไม่อาจพูดมันออกมาได้
ทั้งสองฝ่ายแม้จะมีการกระทบกระทั่งกันบ้าง แต่ก็มีเป้าหมายเดียวกัน นั่นคือผลักดันให้เช่าฟ๋างกลายเป็นอ๋องคนต่อไป !
ว่ากันตามคำพูดของตงเฉิง การที่จะได้ตำแหน่งผู้สืบทอดบัลลังก์ต่อนอกจากจะต้องการพวกขุนนางแล้ว ก็ยังต้องมีเรื่องอื่นด้วยเช่นกัน
เช่าฟ๋างไม่เข้าใจในข้อนี้ จึงได้ถาม “ท่านตงหมายถึง ?”
“ยิ่งใกล้ก็ยิ่งไกล และยิ่งไกลก็ยิ่งใกล้ !” ตงเฉิงหัวเราะ “ถ้าท่านจะเปลี่ยนใจเสด็จพ่อของท่าน ท่านก็ต้องรักษาระยะห่างระหว่างกันและกัน”
เช่าฟ๋างกลอกตา “แล้วข้าต้องทำอย่างไรล่ะ?”
ตงเฉิงหัวเราะ “ฝ่าบาท ท่านคิดว่าเสด็จพ่อของท่านหวาดกลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นระหว่างองค์ชายด้วยกันเองล่ะ ?”
เช่าฟ๋างส่ายหัว “ได้โปรดชี้แนะข้าด้วย”
“เสด็จพ่อของท่านกลัวว่าพวกลูก ๆ จะรวมหัวกันแล้ววางแผนฆ่าเขาเพื่อชิงบัลลังก์ยังไงล่ะ !”
เช่าฟ๋างก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี ว่าเขาต้องทำยังไงกับเช่าโป๋ว เขารู้แค่ว่าน้องชายของเขาใจดี ชนิดที่ว่าต่อให้โดนลงโทษจนถึงแก่ชีวิตก็ไม่อาจทำร้ายพ่อของตัวเองได้
ตงเฉิงมองความคิดของเช่าฟ๋างออก “ฝ่าบาท ท่านคิดว่าตนเองมีอุปสรรคใหญ่ขวางกั้นระหว่างท่านกับบัลลังก์อยู่สินะ”
เช่าฟ๋างพยักหน้า
ชายแก่พูดต่อ “ว่ากันตามตรงแล้ว ตำแหน่งของท่านนั้นสูงกว่าองค์ชายเช่าโป๋วมาก ซึ่งหากท่านฆ่าเขา มันก็คงผิดจรรยาบรรณน่าดู ในทางกลับกัน ถ้าหากเกิดอะไรขึ้นกับท่านเล่า ? องค์ชายเช่าโป๋วก็จะสืบต่อบัลลังก์ได้อย่างไม่ต้องสงสัย ยิ่งไปกว่านั้นหากเกิดอะไรกับท่านในตอนนี้ล่ะก็ องค์ชายเช่าโป๋วก็จะกลายเป็นคนที่ต้องสงสัยที่สุด ซึ่งถ้าเสด็จพ่อของท่านทราบเรื่อง มันก็จะกลายเป็นปัญหาใหญ่แน่ และต่อให้ไม่ทำการสืบสาวเรื่องราวต่อ องค์ชายเช่าโป๋วก็จะเสียภาพพจน์อยู่ดี”
เช่าฟ๋างอ้าปากค้าง ส่วนถังหยินกับซงหยวนเองก็ตะลึงเช่นกัน ด้วยการคาดเดาของชายแก่คนนี้ไม่ธรรมดาเลย !
“สุดยอดมาก เป็นแผนที่สุดยอดมาก !” เช่าฟ๋างลุกขึ้นปรบมือให้กับเขา
ตงเฉิงยิ้มออกมา “ถ้าหากท่านทำตามที่ข้าแนะนำล่ะก็ ฝ่าบาทจะต้องไม่เป็นอะไรแน่นอน”
เช่าฟ๋างโบกมือ “นั่นไม่สำคัญหรอก ตราบเท่าที่ข้ายังไม่ตาย ข้าสามารถรับได้หมดนั่นแหละ ท่านตง ท่านคิดว่าแผนนี้ควรจะเริ่มตอนไหนถึงจะดี ?”
“ยิ่งเร็วยิ่งดีฝ่าบาท”
“งั้นก็เอาตามนั้นเลย”
ระหว่างทางกลับ เช่าฟ๋างก็แสดงความชื่นชมต่อถังหยิน “ทุกอย่างต้องขอบคุณสหายถังเลยนะ ที่ทำให้ข้าไปพบเขาในวันนี้”
ทว่าทางด้านชายหนุ่มที่ได้ยินแบบนั้น เขาก็ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี ที่ต้องมารับมือกับชายแก่ที่เต็มไปด้วยเล่ห์กลแบบนี้ …เขาไม่น่าทำแบบนี้เลย !