ราชันเทพสงคราม[唐寅在异界] - บทที่ 360
บทที่ 360
บทที่ 360
นี่คือความเร็วที่สุดที่พวกหนิงจะเคลื่อนพลได้ และแม้ว่าจีหยิงจะไล่กวดพวกเขาตลอดเส้นทางทำให้พวกเขาเหนื่อยล้า แต่ก็ยังมาถึงได้เกือบตรงเวลา
หลีฉี่ถูกนำตัวไปยังค่ายของพวกหนิง และเมื่อเห็นจ้านอู่ตี้กับจ้านอู่ฉาง ดวงตาของเขาก็มีน้ำตาเอ่อล้นออกมา
ในแคว้นเปิง หลีฉี่เป็นแม่ทัพใหญ่ และถ้ามองในแง่ของยศตำแหน่งแล้ว เขาถือว่าสู่งกว่าทั้งสองคนนี้มาก ดังนั้นเมื่อสองพี่น้องเห็นสีหน้าแบบนั้น พวกเขาจึงได้แต่ถามออกมา “ท่านแม่ทัพเกิดอะไรขึ้น ? ทำไมท่านถึงอยู่ตัวคนเดียว ?”
หลีฉี่ถอนหายใจแล้วเล่าทุกอย่างให้ฟัง
หลังจากสองพี่น้องได้ยินเรื่องนี้ก็ตะลึงกับสิ่งที่ได้ฟัง เพราะพวกเขาหวาดกลัวเรื่องนี้ที่สุดแล้ว ! และเมื่อได้ยินแบบนั้น จ้านอู่ตี้ก็ไม่อาจเก็บอาการ รีบหันบอกกับผู้เป็นพี่ในทันที “พี่ใหญ่ เราต้องไปเมืองหยานและยึดมันกลับมาให้ได้ !”
จ้านอู่ฉางสูดลมหายใจแล้วส่ายหัว “ข้าว่ามันไม่ง่ายแบบนั้นหรอก”
ในเมื่อพวกเทียนหยวนบุกเมืองหยานได้แบบนี้ แสดงว่าพวกเขาก็ต้องมีกองทัพที่ยิ่งใหญ่เป็นแน่ นอกจากนี้การป้องกันของเมืองหยานเองก็แข็งแกร่งพอสมควร ยิ่งไปกว่านั้นจีหยิงก็ยังอยู่ด้านหลังพวกเขาถ้าหากจะเข้าโจมตี กองทัพจีหยิงก็จะเข้าสกัดพวกเขาจากด้านหลังเหมือนกันแน่ มันเสี่ยงเกินไป
จ้านอู่ตี้มองพี่ใหญ่ของเขา “ถ้างั้นแล้วเราต้องทำยังไงดี ?”
จ้านอู่ฉางสูดหายใจแล้วยิ้มแห้ง ๆ ออกมา “พวกเราต้องไปเมืองหวังแล้วรวมตัวกับซ่งเทียนก่อน”
หลีฉี่มีสีหน้าแตกตื่นทันที “แม่ทัพจ้าน ตอนนี้กองทัพเทียนหยวนยังไม่สามารถเข้าไปที่เมืองหยานได้ นี่คือโอกาสอันดีที่สุดแล้วนะ”
จ้านอู่ฉางมองอีกฝ่ายด้วยสีหน้าเหยียดหยามในทันที ด้วยเขารู้ดีว่าหลีฉี่อยากจะได้เมืองหยานคืนมาโดยเร็วเพราะอะไร แต่มันก็ไม่ใช่กงการอะไรที่เขาจะต้องช่วยหมอนี่สักหน่อย
แทนที่จะไปเอาเมืองหยานคืน สู้พวกเขาไปปกป้องเมืองหวังยังจะดีเสียกว่า และถ้าหากถูกตีตื้นเข้ามา พวกเขาก็ยังสามารถหนีไปทางพวกโมได้ด้วย
จ้านอู่ฉางไม่มีอารมณ์ที่จะร่วมสู้กับซ่งเทียนอีกต่อไปแล้ว “แม่ทัพหลี ข้าไม่อาจยึดเมืองหยานคืนมาได้ เพราะตอนนี้ทหารของข้ากำลังเหนื่อยล้า …แล้วไหนจะยังมีศัตรูที่ตามหลังข้ามาอีก”
“ไม่มีทาง ! ถ้าท่านไม่ทำตอนนี้ แล้วจะให้มายึดเมืองหยานคืนตอนไหนกัน !” หลีฉี่วิ่งมาข้างแล้วแล้วคุกเข่าลง
“เจ้าทำอะไรน่ะ ลุกขึ้นมา !” จ้านอู่ฉางพยุงอีกฝ่ายให้ลุกขึ้น “ไม่ใช่ว่าข้าไม่อยากจะช่วยเจ้าหรอกนะ แต่กองทัพของข้าไม่ไหวแล้ว พวกเราต้องไปที่เมืองหวังกันก่อน !”
“ถ้าเป็นแบบนั้น …มันก็คงจะสายเกินไปแล้วล่ะ”
จ้านอู่ตี้พูดขึ้นอย่างเย็นชา “พวกข้าทำได้ตามความสามารถเท่าที่มี และแม่ทัพหลี่ก็ไม่สามารถบังคับพวกข้าได้ …นี่เจ้าคิดว่ากองทัพของข้าสามารถทำอะไรแบบนั้นได้หรือไง ?”
อันที่จริงจ้านอู่ตี้เองก็อยากจะเข้าไปโจมตีเมืองหยานคืน แต่เขานั้นเคารพการตัดสินในของผู้เป็นพี่ ด้วยเขาเชื่อว่าอีกฝ่ายต้องมีเหตุผลบางอย่างแน่
หลีฉี่เริ่มสิ้นหวังที่เห็นแบบนี้ เขาไม่มีทางได้รับการช่วยเหลือจากพวกหนิงอีกแล้ว
ถ้าเกิดว่าจ้านอู่ฉางเลือกที่จะเข้าโจมตีเมืองหยานในตอนนี้ล่ะก็ผลลัพธ์มันก็ ‘อาจจะ’ ออกมาดีก็เป็นได้ ด้วยในสมรภูมิทุกอย่างสามารถเกิดขึ้นได้ทั้งนั้น แต่เมื่อพวกหนิงเดินทางไปยังเมืองหวังตามแผนเดิม มันก็ทำให้หลีฉี่เหมือนกับตกลงไปสู่ประตูนรกอย่างช้า ๆ
ว่ากันตามข้อมูลจากหน่วยข่าวกรองแล้ว จีหยิงรู้ว่าอู่กวนและจ้านหูได้เข้ายึดเมืองหยานเรียบร้อยแล้ว และนี่ก็คือวิสัยทัศน์ของถังหยิน เพราะการมีหน่วยข่าวกรองนั้นทำให้เกิดการประสานงานและเชื่อมต่อกันของข้อมูล
…นี่คือกลยุทธ์ในสงครามโลกยุคใหม่ที่เน้นพึ่งพาข้อมูลข่าวกรองในการรบเพื่อให้ได้มาซึ่งประสิทธิภาพสูงสุด และคือเหตุผลหลักที่ทำให้กองทัพเทียนหยวนสามารถยึดเมืองหยางได้อย่างรวดเร็ว
แม้ว่าถังหยินจะไม่รู้เรื่องพวกนี้มากนัก แต่เขาก็รู้ว่าเรื่องของข้อมูลข่าวกรองเป็นสิ่งสำคัญสำหรับนักฆ่าแบบเขา
จีหยิงพาทหารของเขาตรงไปยังเมืองหยาน ส่วนทางถังหยินเองก็เสร็จศึกเรียบร้อยแล้ว
ในบรรดากองทัพ 6 หมื่นนายมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่รอดมาได้ ส่วนที่ยังเหลือรอดก็กลายเป็นนักโทษของเทียนหยวน ชิวเจิ้นจึงได้ถามถังหยิน “นายท่าน ท่านจะให้พวกเราจัดการกับพวกนักโทษอย่างไรดี ?”
ถังหยินยิ้มออกมา “ฆ่าพวกมัน ล้างแค้นให้พี่น้องของเรา”
พี่น้องฉางกวงพยักหน้าให้ทันที “ข้าน้อยจะจัดการให้เอง”
“ช้าก่อน” ชิวเจิ้นเอ่ยขึ้นห้ามเอาไว้ “นายท่าน พวกเปิงมันสมควรตายก็จริง แต่ข้าว่าพวกเขาก็เป็นแค่ชาวเมืองธรรมดาเท่านั้น หากฆ่าทั้งหมด ข้าก็เกรงว่ามันจะกระทบเกียรติยศของนายท่านได้”
“งั้นหรือ ?”
ชิวเจิ้นเข้าใจนิสัยของถังหยินดี และรู้ว่าข้อเสนอนี้ต้องขัดใจอีกฝ่ายแน่นอน ดังนั้นเขาจึงได้พูดเรื่องเกียรติยศขึ้นมา
ถังหยินครุ่นคิดก่อนจะโบกมือ “ถ้างั้นปล่อยพวกมันไปทั้งหมดเลยก็แล้วกัน”
“รับทราบนายท่าน” สองพี่น้องรับคำสั่งแล้วมองชิวเจิ้นก่อนจะเดินออกไป
ถังหยินลงจากม้าอย่างลำบากลำบน ก่อนที่จะมีทหารเอารถม้ามาให้เขานั่ง
ทว่าก่อนที่จะเข้าไป เขาก็ได้เห็นเข้ากับทหารเทียนหยวนที่กำลังวิ่งเข้ามา และเมื่อเห็นว่าคนที่นั่งในรถม้าเป็นถังหยิน พวกเขาก็แทบจะร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ
“นายท่าน ขึ้นรถเถอะ” หนึ่งในทหารบอกกับเขา
ชายหนุ่มหยุดนิ่งสักพักก่อนจะโบกมือให้พวกทหารแล้วพูดกับทุกคน “พวกเจ้าทำได้ดีมากที่สามารถกวาดล้างพวกกบฏ ข้ามั่นใจว่าซ่งเทียนมันไม่อาจต่อกรกับเราได้แน่ เพราะงั้นตอนนี้พวกเจ้าทุกคนตามข้าเข้าไปยังเมืองหยานกันเถอะ”
เสียงของเขาไม่ดังมาก แต่มันก็ดังก้องไปในใจของพวกทหาร
“ไม่สำคัญหรอกว่าเมืองหลวงจะเป็นยังไง ขอแค่นายท่านปลอดภัยก็พอแล้ว !”
“ใช่แล้ว ! ตราบเท่าที่มีนายท่านอยู่ พวกเราก็จะไร้เทียมทาน !!”
“แค่เห็นนายท่านปลอดภัยข้าก็โล่งอกแล้ว”
พวกทหารที่อยู่รอบ ๆ พากันร้องไห้กันออกมา
ถังหยินเป็นคนที่เข้มแข็ง ไม่ว่าเขาจะบาดเจ็บแค่ไหนก็ไม่เคยแสดงน้ำตาออกมาให้เห็น แต่ในตอนนี้เขาเองก็เริ่มมีน้ำตาไหลออกมาเช่นเดียวกับพวกทหารแล้ว “อย่างที่ข้าบอกไป ตั้งแต่ที่พาพวกเจ้าออกมาจากเทียนหยวนแล้ว ในตอนนี้ข้าก็ยังไม่ได้ส่งพวกเจ้ากลับไปเลย เพราะงั้นข้าจะตายก่อ..” ทว่าก่อนจะพูดจบ ถังหยินก็ได้ล้มตัวลงไปจากรถม้าทั้งที
“นายท่าน !”
พวกทหารรอบ ๆ หวาดกลัวแล้วรีบวิ่งเข้าไปทันที หากแต่ถังหยินก็ได้โบกมือปัด “ไม่เป็นไร ข้าแค่เหนื่อยนิดหน่อย”
“อย่าฝืนเลยนายท่าน” ชิวเจิ้นบอกกับถังหยิน ด้วยเขารู้อยู่แล้วว่าอีกฝ่ายกำลังฝืนทำเป็นเข้มแข็งอยู่ทั้ง ๆ ที่ร่างกายไม่ไหวแล้ว ก่อนที่เด็กหนุ่มจะหันไปบอกกับพวกทหาร “พวกเจ้ากลับไปก่อน”
“รักษาตัวด้วยนายท่าน !”
เมื่อทุกคนกลับออกไป ถังหยินก็ตัวเซเล็กน้อย ทำให้ชิวเจิ้นที่เห็นแบบนั้นร้อนใจ หันไปบอกกับคนอื่น ๆ “ไปตามเย่เหล่ยมาเร็วเข้า !”
พวกทหารไม่รอช้าแล้วรีบจัดการตามคำสั่งทันที