ราชันเทพสงคราม[唐寅在异界] - บทที่ 403
บทที่ 403
บทที่ 403
ชุยหยุนเจียนถือดาบปราณที่กลายเป็นแส้และค่อย ๆ เดินออกมาจากหลุมลึก ดวงตาของเขากะพริบด้วยความอิจฉาริษยาจ้องมองตรงไปที่หยวนยู่
ก่อนที่ในเวลานั้นแม้แต่จุยเฟิงเจียนและปิงโปเจียนที่สังเกตเห็นจะเดินออกมาเข้าร่วมเสริมกำลัง
ทว่าถึงแม้หยวนยู่จะเผชิญหน้ากับผู้เชี่ยวชาญทั้งสาม แต่เขากลับไม่แสดงความกลัวเลย ชายเลือดร้อนเพียงโบกมือสร้างดาบปราณของเขากลับขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
โดยไม่มีการเตือนใด ๆ ชุยหยุนเจียน จุยเฟิงเจียนและปิงโปเจียนก็พลันพุ่งเข้ามาจากสามทิศทางที่แตกต่างกันเข้าหาหยวนยู่ ก่อนเป็นจุยเฟิงเจียนกับปิงโปเจียนที่แยกจากกันและใช้ดาบปราณที่รวดเร็วดั่งสายฟ้าหมายแทงเข้าทะลุซี่โครงทั้งสองข้างของผู้ที่อยู่กลาง !!
ฉับพลันนั้น ดาบปราณของทั้งสองก็พลันเกิดการเปลี่ยนแปลง พวกมันพากันบิดงอดั่งแส้และพุ่งเข้าหาหัวใจของเหยื่อในทันที !!
ด้วยเสียงตะโกนดังลั่น ชายเลือดร้อนไม่คิดยอมแพ้แม้แต่น้อย เขาใช้มือทั้งสองข้างจับที่ด้ามดาบ ทำให้เกิดเส้นแสงที่แหลมคมบนดาบจนมันกลายเป็นใบมีดขนาดมหึมา
คมมีดพลังปราณพวยพุ่งออกไปทุกทิศทางราวกับว่าจะตัดผ่านสายลมได้
…คลื่นพลังปราณแผ่ออกมาโดยมีหยวนยู่เป็นศูนย์กลาง เข้าหาคนทั้งสามที่เป็นเป้าหมาย พลังของมันราวกับว่ามันสามารถแยกสวรรค์และผืนพิภพได้ บีบให้จุยเฟิงเจียนและปิงโปเจียนต้องเปลี่ยนทิศทาง พวกเขาเลือกที่จะหลบหลีกแทนการพุ่งเข้าโจมตี
ทว่าพลังที่ชุยหยุนเจียนมีนั้นสูงกว่าทั้งจุยเฟิงเจียนและปิงโปเจียนอยู่หนึ่งระดับ และถึงแม้จะเผชิญหน้ากับคลื่นพลังปราณที่รุนแรงแบบนี้ เขาก็ไม่หวั่นเหมือนทั้งสอง เขาย่อตัวลงและหลีกเลี่ยงแรงปะทะอยู่ที่จุดเดิมโดยไม่จำเป็นต้องถอยเลยซักก้าว
ไอ้หมอนี่ ดูท่าจะเอาลงยากกว่าที่คิด ! หยวนยู่ไม่เกรงกลัวต่อจุยเฟิงเจียนและปิงโปเจียน แต่กับชุยหยุนเจียนมันต่างกันออกไป !!
หยวนยู่ขยับร่างกายในแนวนอนเป็นระยะทางสั้น ๆ ดูแทบจะไม่สามารถหลบดาบปราณของคู่ต่อสู้ได้เลย ก่อนจะใช้ดาบในมือเล็งไปยังเป้าหมาย และฟาดฟันด้วยแรงทั้งหมดที่มีไปยังชุยหยุนเจียน !!!
ดาบปราณขนาดยักษ์ไม่เพียงแต่มีรูปร่างที่แปลกประหลาด แต่ยังทรงพลังอย่างมากอีกด้วย ดังนั้นเมื่อใบดาบฟันลงมามันจึงทำให้เกิดเสียงดังเหมือนฟ้าคำราม
…ชุยหยุนเจียนรู้ว่าเขามีพลังที่จะต้านมันเอาไว้ได้ แต่เขาก็ไม่กล้ารับตรง ๆ เลยตัดสินใจกลิ้งตัวหลบออกไปด้านข้าง
แคร้ง !
แม้ว่าจะหลบการโจมตีไปได้ แต่ก็ทิ้งรอยฟันยาว 2 ถึง 3 จั้งไว้ที่พื้น …และแค่จากสิ่งนี้ก็เห็นชัดแล้วว่าหยวนยู่ทรงพลังเพียงใด
ทั้งสองใช้ประโยชน์ความเชื่องช้าของหยวนยู่ เป็นจุยเฟิงเจียนกับปิงโปเจียนที่พุ่งไปข้างหน้าอีกครั้งเพื่อเข้าใกล้หยวนยู่ ก่อนที่ทั้งสองคนจะใช้วิชาดาบอันว่องไวแทงไปยังจุดสำคัญของหยวนยู่ 3 ครั้ง
แม้ว่าดาบสองคมที่ผ่านการแปรสภาพจะเป็นอาวุธปราณที่มีขนาดใหญ่มหึมา แต่มันก็เบาราวกับขนนกในมือของหยวนยู่ เขาหลบหลีกการโจมตีของคนทั้งสองไปได้อย่างสบาย ๆ และฉวยโอกาสในจังหวะเดียวกันนั้นฟันดาบยักษ์สวนกลับไป
หวูบ !
จุยเฟิงเจียนและปิงโปเจียนต่างก็ไม่กล้าพอที่จะรับการโจมตีตรง ๆ ดังนั้นหนึ่งในนั้นจึงย่อตัวลงและอีกคนกระโดดขึ้นหลบการโจมตี
…ในชั่วพริบตานั้นการโจมตีของชุยหยุนเจียนก็เข้ามาหาเขาอีกครั้งหนึ่ง !!
พวกเขาทั้งสามทำงานเป็นทีม เมื่อชุยหยุนเจียนกำลังป้องกัน พวกเขาทั้งสองก็จะโจมตีสลับกันไปมาเช่นนั้น จนไม่มีช่องว่างให้พันหายใจแม้แต่น้อย
หยวนยู่ถือว่าแข็งแกร่งยิ่งก็จริง แต่เมื่อเขาต่อสู้กับคนทั้งสาม มันก็ดูเหมือนว่าจะไม่อาจต้านได้นานนัก
ในขณะที่เขาถูกทั้งสามโจมตีอย่างต่อเนื่อง ทันใดนั้นก็มีอีกคนพลันวิ่งออกมาจากกองทัพหนิง… “ซ่งเทียน เจ้ารู้ใช่ไหมว่าข้าเป็นใคร ?” เจ้าของเสียงผู้นี้รวดเร็วมาก เพียงไม่กี่ก้าวเขาก็อยู่ตรงหน้าซ่งเทียนแล้ว
ในตอนนี้ความสนใจของซ่งเทียนจดจ่ออยู่ที่สนามรบ เขาเลยไม่ได้สังเกตเห็นบุคคลที่มาใหม่ จนเมื่อได้ยินเสียง ชายชราก็จึงเพิ่งจะรู้ตัวและได้สติ
อีกฝ่ายเป็นแม่ทัพในชุดเกราะสีดำที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ซ่งเทียน คนผู้นี้กำเคียวในมือไว้แน่น ทั้งยังเปล่งแสงแห่งการสังหารออกมาตลอดเวลาจากดวงตาสีเขียวนั่นตลอดเวลา
“เจ้า… เจ้าคือ ?” เป็นที่น่าเสียดายที่ซ่งเทียนไม่ได้เชี่ยนชาญการใช้พลังปราณแม้แต่น้อย ดังนั้นเมื่อมีคนแปลกหน้ามาปรากฏตัวข้าง ๆ มันก็ทำให้เขาถึงกับพูดติดอ่างด้วยความกลัว
ชายคนนั้นมองไปที่ซ่งเทียนที่เต็มไปด้วยความกลัวและมุมปากของเขาก็ค่อย ๆ ยกขึ้น ก่อนที่คนผู้นั้นจะหัวเราะและพูดออกมาว่า “ดู และคิดให้ดี !”
“เจ้า !… ถะ… ถังหยิน ?!”
ในที่สุดซ่งเทียนก็จำตัวตนของบุคคลที่มาได้ แต่เมื่อคิดได้ เขาก็แทบจะเป็นลมหมดสติไปในพลัน เพราะคนตรงหน้าคือฝั่นร้ายที่ตัวเขาไม่อยากเจอ !!!
“ดีมากที่ยังจำได้ อย่างน้อยถ้าตายจะได้รู้ว่าตายเพราะใคร” มุมปากของถังหยินยกขึ้น และเพราะเขาตื่นเต้นเกินไป จึงทำให้แสงสีเขียวในดวงตาดูสว่างจ้า ก่อนที่ชายหนุ่มจะยกคมเคียวขึ้นด้วยมือข้างหนึ่ง แล้วจึงหรี่ตาเล็งไปที่คอของซ่งเทียนพร้อมกับสับมันลงมาอย่างแรง !!
ไม่ต้องพูดถึงว่าใช้ปราณได้หรือไม่ เพราะต่อให้ซ่งเทียนจะใช้พลังปราณเป็น แต่มันก็คงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะหลบคมเคียวที่อยู่ในระยะประชิดขนาดนี้
ขณะที่คมเคียวของถังหยินกำลังจะฟันเข้าที่คอของซ่งเทียน แสงสีเงินก็พลันพุ่งเข้ามาขวางการโจมตีเอาไว้
แคร้ง ! แคร้ง !
เคียวของถังหยินไม่ได้โดนซ่งเทียน แต่กลับกระทบแสงสีเงินอย่างแรง จนเคียวยักษ์ถูกดีดกลับแรงกระแทกอันมหาศาล
ชายหนุ่มถอยหลังตามสัญชาตญาณและลดศีรษะลงเพื่อมองแสงสีเงินที่อยู่ตรงหน้า ก่อนพบว่าแสงสีเงินตรงหน้าที่แท้ก็เป็นแส้ที่มีลักษณะคล้ายกับดาบ !!!
ในขณะที่เขากำลังงุนงง อาวุธแปลก ๆ ที่ดูเหมือนดาบหรือแส้ก็พลันงอและแทงไปที่หน้าอกของถังหยินราวกับสายฟ้าฟาด !!
…เกือบจะในเวลาเดียวกันนั้น ชายหนุ่มก็พลันได้ยินหยวนยู่ที่อยู่ไม่ไกลตะโกนเตือนออกมา “นายท่านระวัง !!”
ฟ้าว !
ฟุบ !
คำเตือนของหยวนยู่ไม่เร็วเท่ากับความพยายามลอบสังหารของอาวุธประหลาดนั่น คำพูดของเขาเพิ่งออกจากปากเมื่อปลายใบมีดมาถึงหน้าถังหยินแล้ว !
…อาวุธปราณเจาะทะลุเข้าที่ร่างของถังหยินอย่างแม่นยำ แต่สิ่งที่กระจายออกมาคือไอสีดำและภาพติดตา ในขณะที่ร่างจริงของถังหยินได้ปรากฏออกมาจากธาตุอากาศ ด้วยวิชาสลับเงา
ปรากฏว่าอาวุธประหลาดที่ขวางการโจมตีและพุ่งเข้าหาเขาคือดาบปราณในมือของศัตรู มันยากที่จะจินตนาการได้ว่าคนที่ยืนอยู่ห่างออกไปไม่กี่จั้งจะสามารถโจมตีเข้าที่ด้านข้างด้วยดาบพลังปราณได้ !!
ก่อนที่ถังหยินจะรู้ว่าคู่ต่อสู้ใช้ทักษะอะไร เขาก็ได้ยินเสียงใครบางคนตะโกนเตือน “ถังหยิน อย่าได้บังอาจแตะต้องท่านพ่อของข้าอย่างเด็ดขาด !” ตามมาด้วยเสียงของแม่ทัพเปิงนายหนึ่งที่ควบขี่ม้าและพุ่งไปข้างหน้าพร้อมอาวุธในมือ ที่กำลังพุ่งตรงไปยังท้องส่วนล่างของถังหยิน
ถังหยินไม่เคยเห็นซ่งอู๋มาก่อน แต่เมื่อได้ยินอีกฝ่ายเรียก ‘ท่านพ่อ’ จึงพอจะเดาเรื่องราวได้คร่าว ๆ ก่อนจะเร่งทำการย่อตัวหลบและแค่นเสียเย็นชาพลางกวาดเคียวในมือออกไปพร้อมเสียงคำราม “ไปตายซะ !”
ที่แท้เคียวของเขาไม่ได้เล็งไปที่ซ่งอู๋ แต่เป็นที่ขาของม้าศึก
ซ่งอู๋ไม่เคยคิดว่าเขาจะใช้ท่านี้ จึงไม่ได้เตรียมพร้อมเพียงพอ…
แคร้ง !
ขาหน้าทั้งสองข้างของม้าศึกถูกตัดออกด้วยคมเคียว ทำให้มันตกลงกันพื้น ทว่าซ่งอู๋ก็สามารถกระโดดม้าได้ทันเวลา เขาจึงไม่ได้รับผลกระทบ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังคงกลิ้งลงบนพื้นจนทำให้หัวเปื้อนไปด้วยฝุ่น
ถังหยินหัวเราะ ปากพูดว่า “มาก็ดีแล้ว ! ข้าจะได้ฆ่ามันทั้งคู่เลย ! ทั้งพ่อ ทั้งลูก !” ในขณะที่พูด เขาก็เดินไปทางซ่งอู๋ที่เพิ่งคลานขึ้นมาจากพื้นและสับคมเคียวลงไป
ซ่งอู๋พยายามใช้พละกำลังทั้งหมดและยกหอกขึ้นต้านรับไว้…
โครม !
การเฉือนของถังหยินทำให้ซ่งอู๋ถอยไปสามก้าว ทว่าชายหนุ่มไม่คิดเปิดโอกาสให้อีกฝ่ายได้ตั้งตัวต่อ ถังหยินก้าวไปข้างหน้า เหวี่ยงเคียวตรงไปที่หน้าอกของซ่งอู่อีกคราในทันที
มันรวดเร็วเกินไป ! ซ่งอู่ไม่สามารถที่จะต้านได้เลย เขาทำได้เพียงขยับร่างกายเพื่อหลบ แต่ในขณะที่เขาหยุด การเฉือนครั้งที่สามของถังหยินก็มาถึง !!
ท่วงท่าของถังหยินรวดเร็วและแปลกประหลาด บางครั้งดุร้าย บางครั้งก็เชือดเฉือน ไม่มีรูปแบบที่ตายตัว
…พวกเขาทั้งสองต่อสู้กันเพียงไม่กี่รอบ แต่ซ่งอู๋ถึงขีดจำกัดของเขาแล้ว และเขาก็กำลังถูกถังหยินบังคับให้ถอยครั้งแล้วครั้งเล่า
จริง ๆ แล้วความแข็งแกร่งที่แท้จริงของซ่งอู๋ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร และแม้ว่าเขาจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของถังหยิน แต่ก็ยังคงเป็นเรื่องยากที่ชายหนุ่มจะเอาชนะเขาในช่วงเวลาสั้น ๆ ทว่าตอนนี้ซ่งอู๋ได้รับบาดเจ็บสาหัส เขาจึงได้แต่กัดฟันแน่นต้านรับไว้ ทั้ง ๆ ที่ไม่รู้แม้แต่น้อยว่าตนเองจะสามารถต้านทานถังหยินไปได้อีกนานแค่ไหนกัน ?!!