ราชันเทพสงคราม[唐寅在异界] - บทที่ 414
บทที่ 414
บทที่ 414
กำแพงเมืองทางใต้นั้นหนาและดูจะมั่นคงกว่ากำแพงทางเหนือเสียอีก ต่อให้มีการสู้กับพวกโมในตอนนี้ มันก็คงไม่เกิดปัญหาใด
บนกำแพงนั้นมีท่อนซุงมากมายและกองลูกศรที่ถูกจัดวางเอาไว้เพื่อเตรียมตัวสำหรับการป้องกันเมือง และด้วยอุปกรณ์เหล่านี้ ต่อให้เป็นกองทัพที่มีกำลังหลายแสนก็ไม่สามารถทลายกำแพงนี้ลงได้ในเร็ววันแน่นอน !!
ภายใต้การนำของอิงปู ถังหยินได้เดินดูโดยรอบด้วยความภาคภูมิใจพลางเอ่ยกล่าวชมอิงปูจากใจจริง
“นายท่าน ถ้าข้าทำอะไรผิดไปก็บอกมาเถิด” อิงปูพูดอย่างจริงจัง
ถังหยินส่ายหัว “เจ้าจัดกำลังป้องกันได้ดีกว่าข้าเสียอีก ในอนาคตข้าคงต้องขอความช่วยเหลือจากเจ้าแล้วล่ะ”
คำชมนี้ทำให้อิงปูตัวแทบลอย แต่เขาก็ยังทำตัวตามปกติ
เมื่อพวกเขาเดินลงจากกำแพงแล้วอิงปูก็ถาม “หรือว่านายท่านจะให้ข้าทำอะไรหรือ ?”
ถังหยินยิ้มให้ “แม้ว่าโอกาสมันจะเป็นไปได้น้อย แต่ข้าว่าพวกโมอาจจะบุกเข้ามาแน่”
ยิ่งไปกว่านั้นข่าวลือที่เขาได้รับมาจากสายลับในแคว้นโมก็คือ หลังจากเกิดเหตุการณ์นั้น ท่านอ๋องแคว้นโมก็เริ่มตีตัวออกห่างเช่าโป๋วและหันมาสนใจเช่าฟ๋างมากขึ้น
ในเวลานี้ เช่าฟ๋างได้เดินตามคำแนะนำของเขา และตัดสินใจไม่ตามเรื่องนักฆ่าต่อ ทำให้ท่านอ๋องผู้เป็นบิดาดีใจมากจนต้องมองลูกชายคนนี้ด้วยมุมใหม่ …แถมยังมอบตำแหน่งใหม่ให้อีกด้วย
เขาได้กลายเป็นแม่ทัพที่คุมกำลังทั้งหมดในวังหลวง ในประวัติศาสตร์ของทุกแคว้นหรืออาณาจักรอื่น ตำแหน่งนี้ถือว่าจะต้องได้รับการไว้วางใจจากท่านอ๋องเป็นอย่างมาก
และด้วยเหตุนี้ ทำให้เช่าโป๋วเริ่มไม่ได้รับความไว้วางใจในตำแหน่งรัชทายาทอีกต่อไป …กลายเป็นว่าเช่าฟ๋างเป็นที่ถูกตาต้องใจของใครหลาย ๆ คนไปแทน
ในตอนนี้ทั้งวังถูกแบ่งออกอย่างชัดเจนแล้ว นั่นก็คือกลุ่มที่สนับสนุนเช่าฟ๋างและกลุ่มที่สนับสนุนเช่าโป๋ว …เบื้องหน้าแคว้นโมนั้นดูสงบสุข แต่การเมืองภายในนั้นเร่าร้อนยิ่งกว่าอะไรดี
ถังหยินรู้เรื่องราวทั้งหมด และเขาก็ไม่ได้กังวลเกี่ยวกับเช่าฟ๋างมากนัก หากแต่เป็นกลุ่มที่สนับสนุนเช่าฟ๋างต่างหากที่อาจเล่นลูกไม้ พวกคนแก่ชราพวกนั้นยอมทำทุกอย่างเพื่อให้แคว้นโมของพวกเขายิ่งใหญ่ จุดนี้เองที่ทำให้ถังหยินไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายจะหยุดกองทหารที่จะถูกส่งเข้ามาได้หรือไม่
แต่เมื่อเห็นว่าอิงปูสามารถวางกำลังป้องกันได้อย่างเข้มแข็งแบบนี้เขาก็โล่งใจ “แม่ทัพอิงปู พวกซ่งเทียนไปไหนกันแล้ว ?”
อิงปูตอบด้วยสีหน้าอึดอัด “ข้าเองก็ไม่รู้”
ถังหยินที่ได้ยินดังนั้นจึงตะโกนเรียก “หลีเทียน ! อัยเจีย !”
“ข้าน้อยอยู่ที่นี่แล้ว” ทั้งสองขานรับ
“พวกเจ้ารู้หรือยังว่าซ่งเทียนมันอยู่ที่ไหน ?”
“พวกเรากำลังส่งคนไปตรวจสอบอยู่ขอรับ”
มันน่าแปลกมากที่หน่วยข่าวของถังหยินเองก็ยังไม่รู้ว่าซ่งเทียนหนีไปที่ไหน ชายหนุ่มจึงถาม “รีบไปเร็วเข้า !” จากนั้นเขาก็เดินไปยังจวนของแม่ทัพ
เมื่อเข้ามาถึง อิงปูก็เรียกให้นำอาหารมาเสิร์ฟ …ทว่าทางผ่านบาก็ยังคงแห้งแล้งเสมอต้นเสมอปลาย อาหารทั้งหลายมีแต่แบบพื้น ๆ ไม่มีแม้กระทั่งเหล้า นี่จึงทำให้อิงปูเริ่มมีสีหน้าอับอาย “นี่คือสิ่งที่พวกเราพอจะมีนายท่าน”
ถังหยินโบกมือด้วยความเข้าใจ จากนั้นเขาก็มองพวกแม่ทัพทั้งหลาย “ข้าเข้าใจดี ในช่วงปีที่ผ่านมาแม่ทัพอิงปูกับพวกเจ้าพบเจอความลำบากมามาก ทว่าพวกเจ้าก็ถือว่าทำได้ดียิ่ง ดังนั้นแล้วชาวเฟิงจะไม่มีวันลืมในสิ่งที่เจ้าทำแน่ !”
คำพูดนี้แทบทำให้พวกทหารร้องไห้ออกมา ทุกคนประกบมือให้กับถังหยิน “นายท่านก็พูดเกินไปแล้ว”
ทางผ่านบา และประตูตงเป็นจุดสำคัญของแคว้นเฟิง แต่ทว่าเมืองหยานเองก็สำคัญยิ่ง ดังนั้นเมื่อตอนที่ซ่งเทียนชิงบัลลังก์มาได้ ทหารที่ทางผ่านบาที่มีน้อยนิดอยู่แล้วจึงไม่สามารถขัดขืนอะไรได้มากนัก
ตอนนี้สิ่งที่ถังหยินพูดออกมาทำให้พวกทหารรู้สึกว่าตนได้รับการตอบแทนในสิ่งที่พวกเขาตรากตรำมาจนถึงทุกวันนี้
ชายหนุ่มพูดกับอิงปู “หลังจากที่เราจัดการซ่งเทียนได้ ข้าจะไปที่วังหลวงแล้วจัดการย้ายแม่ทัพอิงปูกลับมาที่เมืองหลวง
“เป็นพระคุณอย่างยิ่ง” อิงปูจำไม่ได้แล้วว่าตนจากบ้านเกิดมานานกี่ปี เขาจึงตื่นเต้นมากจนแทบอยู่ไม่สุข และใช้สายตามองไปยังพวกแม่ทัพที่ตามมาว่า “ถ้างั้นแล้วพวกเขาล่ะ?”
ถังหยินยิ้มออกมา “ทางผ่านบาน่ะมีความสำคัญมากเลยนะ การที่แม่ทัพอิงปูถูกย้ายออกไปก็ถือว่าทำให้การป้องกันอ่อนแอมากแล้ว และถ้าย้ายคนอื่นมาด้วยอีก มันจะทำให้พังเอาได้เลยนะ”
อิงปูเข้าใจดี แต่การจะให้ทิ้งเหล่าพี่น้องที่ร่วมมาด้วยกันแล้วมันเป็นไปไม่ได้ และเมื่อคิดแบบนั้น เขาก็มองทุกคนก่อนที่จะนิ่งเงียบไปไม่ได้พูดอะไร
เมื่อเห็นว่าบรรยากาศกำลังตึงเครียด เหล่าแม่ทัพก็พูดขึ้น “ท่านแม่ทัพ โอกาสมาถึงแล้วอย่าปล่อยให้มันผ่านไปเสียเฉย ๆ เลย”
“ถูกต้องแล้ว ท่านแม่ทัพไม่ต้องกังวลไป ต่อให้ท่านไม่อยู่พวกเราก็อยู่กันได้”
“ใช่แล้ว พวกเราจะอยู่ที่นี่เอง ท่านไม่ต้องกังวลหรอก”
ยิ่งมีพวกแม่ทัพที่อยู่ด้วยกันมานานแบบนี้พูดกับเขา หัวใจของเขาก็ยิ่งสั่นคลอนจนต้องจำใจพูดกับถังหยินไปว่า “ข้าเข้าใจความต้องการของนายท่านดี แต่การที่จะให้ข้าไปเมืองหลวงแล้วทิ้งพวกเขาเอาไว้ที่นี่ ข้าทำไม่ได้หรอก”
ทุกคนต่างก็เบิกตาโพลงเมื่อได้ยินแบบนี้ …การได้กลับไปเมืองหลวงถือว่าเป็นโอกาสที่หายากมา แล้วการที่อิงปูพูดแบบนี้มันทำให้พวกเขากังวลมาก
อิงปูนั้นเป็นแม่ทัพที่เก่งกาจในการตั้งรับ เขามีความสามารถนี้มาตั้งแต่กำเนิด แถมเขาก็อยู่ที่ทางผ่านนี่มานานหลายปีแล้ว ก็เลยยิ่งคุ้นชินกับสภาพแวดล้อมของที่นี่
ท่ามกลางความตะลึงงัน ถังหยินก็พลันถามขึ้น “ท่านแม่ทัพอยากจะอยู่ที่นี่จริง ๆ หรือ ?”
“แน่นอน ข้าตัดสินใจแล้ว” อิงปูตอบทันที
“ไม่เสียใจทีหลังนะ ?”
“ไม่มีทางหรอกนายท่าน !”
“ก็ได้ ข้าจะให้ท่านอยู่ที่นี่… นอกจากนี้ถ้าหากพวกเจ้าที่เหลืออยู่อยากจะพาครอบครัวมาที่นี่ด้วย ข้าก็จะยินดีทำเรื่องให้ เพื่อที่พวกเจ้าจะได้อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตากันไปเลย” ถังหยินพยักหน้าให้
ทุกคนตะลึงและดีใจอย่างที่สุดกับคำพูดนี้ของชายหนุ่ม ด้วยทางผ่านบานั้นห่างไกลยิ่ง ทำให้พวกแม่ทัพทั้งหลายต้องจากบ้านมาที่นี่ …แต่แล้วในที่สุดพวกเขาก็จะได้รวมตัวกันอีกคราแล้ว !!!
ซึ่งการที่มันเป็นแบบนั้น นั่นก็เพราะว่าทางผ่านบามันห่างไกลและรกร้าง จนทำให้ครอบครัวของพวกทหารต้องอยู่ที่เมืองหลวง เพื่อทำให้แน่ใจว่าพวกเขาจะไม่ละทิ้งหน้าที่หนีหายไปไหน