ราชันเทพสงคราม[唐寅在异界] - บทที่ 429
บทที่ 429
บทที่ 429
การลั่นกลองรบเป็นสัญญาณที่ใช้ทั่วในสนามรบ ภายใต้คำสั่งของถังหยิน เสียงกลองพลันดังขึ้นอย่างต่อเนื่องในขบวนทัพเทียนหยวน
เมื่อเห็นว่าถังหยินตัดสินใจที่จะเข้าประจันบานแน่แล้ว มูฉิงและจีหยิงก็พลันกระโดดขึ้นไปบนแพของถังหยินพร้อมเพรียงกัน ทั้งสองต้องการต่อสู้เคียงข้างเขา
สถานการณ์ในสนามรบเปลี่ยนไปอย่างรุนแรง อันตรายแฝงตัวอยู่ทุกที่และทุกอย่างอาจเกิดขึ้นได้ ถ้ามูฉิงและจีหยิงตามเขาไปที่สนามรบจะเกิดอะไรขึ้น ? เมื่อถึงเวลานั้นจะไม่มีใครในกองทัพที่จะสามารถควบคุมสถานการณ์ทั้งหมดได้ นี่คือสิ่งที่ถังหยินกังวลมากที่สุด ดังนั้นเมื่อทั้งสองมีท่าทีที่จะตามไป ถังหยินก็ทำการผลักทั้งสองกลับเข้าฝั่งทันที
“นายท่าน !?” มูฉิงและจีหยิงมองไปที่ถังหยินอย่างสงสัย
ถังหยินยิ้มจาง ๆ และพูดว่า “พวกเจ้าสองคนอยู่คุมสถานการณ์ที่นี่”
“แต่ว่า…?”
“แพมันรับคนมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว !” นี่คือความจริง แพไม้ที่ถังหยินอยู่มีหยวนอู่และหยวนเปียวเป็นแนวหน้า มีกลุ่มศรทมิฬอีกกลุ่มใหญ่ รวมถึงองครักษ์ของถังหยินอยู่ข้างหลังอีก ดังนั้นแล้วแพไม้ขนาดเล็กจึงถูกอัดจนแน่นและไม่สามารถรองรับคนได้มากกว่านี้แล้ว
เฮ้อ ! มูฉิงและจีหยิงแอบถอนหายใจ พวกเขามองหน้ากันและไม่เถียงอีกต่อไป
“ถังหยิน ระวังตัวด้วย…!” เมื่อเห็นว่าแพกำลังเลื่อนอย่างช้า ๆ อู่เหมยก็ไม่สามารถรั้งมันไว้ได้อีกต่อไป นางโน้มตัวไปข้างหน้าขณะที่ตะโกนเสียงดัง
ถังหยินที่ได้ยินเสียงไม่ได้หันกลับมา เขาเพียงยกแขนขวาขึ้นและโบกมือให้หญิงสาว
แพห้าร้อยลำและกองทัพเฟิงกว่าหมื่นนายออกเดินทางจากชายฝั่งทางใต้ของแม่น้ำมุ่งตรงไปยังฝั่งเหนือจากระยะไกล แม้ว่าแพเหล่านี้จะไม่สามารถเรียกได้ว่ามหาศาล แต่ก็ไม่อาจมองข้ามได้
กองทัพศัตรูกำลังต่อสู้อย่างดุเดือดกับหยวนยู่และจ้านหู ทว่าก็ยังมีทหารบางคนที่เห็นว่าศัตรูอีกด้านหนึ่งได้เริ่มการโจมตีแล้วและทำการรายงานข่าวไปยังผู้บัญชาการของพวกเขา
เพื่อรับมือกับหยวนยู่ จึงมีคนเหลือไว้ไม่มากนัก จะมีก็แต่จ้านอู่ฉานเท่านั้นที่อยู่ที่นี่ ทว่าอย่างไรก็ตามเขาก็ได้เตรียมพร้อมเอาไว้แล้ว ด้วยการใช้แม่น้ำเป็นอุปสรรคและใช้ธนูกับอาวุธระยะไกลทั้งหลายเข้าสังหารพวกเฟิง !!!
แม่น้ำแห่งนี้ถือว่ากว้างมากทีเดียว และถ้าพวกเขาซื้อเวลาได้มากพอ พวกจ้านอู่ตี้และคนอื่น ๆ อาจกลับมาทัน !!
ตอนนี้จ้านอู่ฉางกำลังพิจารณาอย่างลังเล เพราะเขานั้นไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าหยวนยู่ปรากฏตัว ณ ฝั่งนี้ของแม่น้ำ ! นี่อีกฝ่ายมาได้ยังไงกัน ?!! แต่จะนึกไปก็คงเปล่าประโยชน์ เพราะตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการรับมือและขับไล่พวกเฟิงให้ถอยกลับไป !!!
ในขณะที่เขาครุ่นคิด ผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาก็รีบเข้ามารายงานว่าอีกฝ่ายเริ่มการโจมตีแล้ว และเมื่อได้ยินเช่นนั้น จ้านอู่ฉางก็พึมพำครู่หนึ่งจากนั้นจึงหัวเราะอย่างขมขื่นออกมา
…ถังหยินเป็นคนที่เล่นด้วยยากอย่างแท้จริง เขาวางแผนที่จะข้ามแม่น้ำตั้งแต่เนิ่น ๆ แต่ในความเป็นจริงมันคือการดึงดูดความสนใจ !! เพื่อให้หยวนยู่มีเวลาลอบข้ามมา และเข้าตีค่ายของพวกเขาจากด้านหลัง จากนั้นจึงนำกำลังหลักเข้าโจมตีซ้ำจากด้านหน้า !!!
การต่อสู้ครั้งนี้ต้องจบลงที่นี่เท่านั้น ถ้ายังมีครั้งอื่นอีกมันก็รังแต่ละส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตมากขึ้นเท่านั้น เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เขาก็พลันพยักหน้าและพูดว่า “จงทำตามคำสั่งของข้า ให้กองทัพทั้งหมดล่าถอย แล้วให้ยิงหินไปสกัดกองทัพของศัตรูให้มากที่สุด” หลังจากหยุดชั่วขณะ เขาพลันมองไปที่รองแม่ทัพคนอื่น จากนั้นจึงชี้ไปที่หนึ่งในนั้นและพูดว่า “แม่ทัพหลูฟาน ครั้งนี้ข้าขอฝากเจ้าด้วย !”
“ขอรับ !” รองแม่ทัพชื่อหลูฟานพูดตอบรับและรีบเดินออกไป
หลังจากที่อีกฝ่ายจากไป จ้านอู่ฉางก็ไม่ได้อยู่เฉย ๆ เขาทำการรวบรวมแผนที่ที่เตรียมไว้ล่วงหน้า จากนั้นจึงนำพวกทหารส่วนใหญ่ออกจากค่ายขึ้นม้าและเป็นผู้นำในการล่าถอยกลับไปยังจางหยู
หลูฟานรับคำสั่งของจ้านอู่ฉางและไปยังแนวเครื่องยิงหินที่ตั้งอยู่ เขาสั่งทหารที่อยู่รอบ ๆ ว่า “โยนหินทั้งหมดออกไปเร็วเข้า !” ภายใต้คำสั่งนั้น พวกทหารที่รับผิดชอบในการควบคุมดูแลและใช้เครื่องยิงเริ่มเคลื่อนไหว บางคนแบกหินบางส่วนไปในทิศทางที่มีเป้าหมายอยู่ และหลังจากการเตรียมการเสร็จสิ้น ก้อนหินมากมายก็พากันพุ่งทะยานออกไปด้วยความรวดเร็ว !!
ฟุ่บ !
ก้อนหินปลิวไปในอากาศ ทำให้เกิดลมกระโชกแรงและพุ่งตรงไปยังพวกเฟิงที่นำโดยถังหยิน
เมื่อเห็นก้อนหินที่กำลังพุ่งเข้ามา ไม่เพียงแต่ถังหยินไม่ยอมถอย เขายังก้าวไปข้างหน้าหยุดยืนอยู่ระหว่างหยวนอู่และทั้งสอง ในเวลาเดียวกันเขาก็ทำการหยิบดาบวงพระจันทร์ออกมาและปล่อยพลังปราณออกจากมือทั้งสองข้าง
ถังหยินที่สวมชุดเกราะปราณสีดำยืนอยู่ที่ด้านหน้าของแพไม้พร้อมเคียวในมือข้างหนึ่ง เขายิ่งนิ่ง ทำให้ดูคล้ายขุนเขาใหญ่โตที่สามารถปัดป้องได้ทุกภัยอันตราย
“นายท่าน ! ตั้งแนวโล่ต้านรับการโจมตี !” ทหารเฟิงกว่าหมื่นนายไม่มีใครถอยกลับไปครึ่งก้าว พวกเขาทีละคนพากันยกโล่ขึ้นมาสร้างแนวการป้องกันอันแข็งแกร่ง
ตู้มม !
แม้ว่าพวกเฟิงจะยกโล่ขึ้นกันแล้ว แต่มนุษย์ก็ยังไม่สามารถต่อสู้กับแรงโน้มถ่วงและหินใหญ่ยักษ์ที่ตกจากฟ้าได้อยู่ดี …ใช้เวลาไม่นาน แพไม้สองตัวก็ถูกทุบด้วยก้อนหินขนาดใหญ่ ส่วนแพไม้อื่น ๆ อีกสองสามแพก็พอเจอปัญหาไม่มากก็น้อยเช่นกัน
นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น…
หลังจากนั้นไม่นาน ก้อนหินมากมายก็พากันพุ่งทะยานมาอีกระลอก และในคราวนี้ แม้แต่แพไม้ที่ถังหยินอยู่ก็ได้ตกเป็นเป้าหมายของมันไปแล้ว !!
เมื่อเห็นก้อนหินขนาดใหญ่กำลังตกลงมาที่พวกเขา หยวนอู่และ หยวนเปียวก็พลันตัวสั่นเทาด้วยความกลัวขณะที่พวกเขาตะโกนว่า “นายท่านระวังตัวด้วย !”
“กลัวอย่างนั้นเหรอ ?” ถังหยินถามกลับอย่างเย็นชา หลังจากนั้นเขาก็ยกชูเคียวเล็งไปที่ก้อนหิน ก่อนจะทำการตวัดเฉือนด้วยแรงทั้งหมดที่มี !!
ชิ้ง !
คลื่นพลังปราณถูกยิงตรงไปยังก้อนหินใหญ่ ผ่ามันออกเป็นสองส่วน ก่อนที่หินทั้งสองจะตกลงไปในแม่น้ำหน้าแพไม้
หลังจากที่ถังหยินใช้ออก เขาก็รู้สึกราวกับว่าท้องส่วนล่างของเขาลุกเป็นไฟและมีอาการปวดแสบปวดร้อน ทว่าโชคดีที่สวมชุดเกราะปราณอยู่ มิฉะนั้นคนรอบข้างคงจะเห็นเหงื่อเย็นของชายหนุ่มไปแล้ว
ฉับพลันนั้นเอง ถังหยินทำการหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะตะโกนไปที่อีกฝั่งของแม่น้ำ “หยวนยู่ฟังข้า ! เจ้าจงมุ่งเน้นไปที่การทำลายเครื่องยิงหินของพวกมันในทันที !!! ” เสียงของเขาดังก้องจนสามารถได้ยินจากที่ไกล ๆ
หลังจากที่เขาพูดจบ ป่าอีกด้านก็พลันเงียบลง และแม้ว่าการต่อสู้ที่ดุเดือดยังคงดำเนินต่อไป แต่สักพักการระดมยิงหินจากแนวป่ากลับเงียบไปเสียเฉย ๆ
คราวนี้ทหารทุกคนที่อยู่อีกด้านหนึ่งของกองทัพเฟิงต่างกำลังรู้สึกโง่เขลา พวกเขาจ้องมองไปที่ป่าอีกด้านของแม่น้ำอย่างว่างเปล่าไม่สามารถฟื้นตัวได้เป็นเวลานาน
“นายท่านผู้ไร้เทียมทาน !”
“ประจันบานเต็มอัตราศึก !”
ไม่แน่ใจนักว่าใครเป็นฝ่ายตอบสนองก่อน แต่หลังจากเสียงตะโกนดัง ขึ้นคนที่เหลือก็พลันได้สติ ก่อนเป็นทั้งแม่ทัพและพลทหารโดยรอบที่พากันตะโกนเสียงดัง ‘นายท่านผู้ไร้เทียมทาน !’ และ ‘กองทัพเฟิงอันเกรียงไกร !’ ออกมาในเวลาเดียวกัน
แม้ว่าเสียงตะโกนของถังหยินจะดัง แต่มันก็ไปไม่ถึงหยวนยู่ที่กำลังต่อสู้อยู่ อย่างไรก็ตามเครื่องยิงหินในแนวป่าได้ถูกจ้านหูทำลายไปแล้ว
ชายเลือดร้อนลืมเรื่องอื่นไปหมดสิ้น แต่จ้านหูกลับไม่ลืม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเครื่องยิงหินของพวกเปิงเป็นตัวแปรสำคัญ …เมื่อมองดูก้อนหินขนาดมหึมาที่ลอยอยู่เหนือหัวของเขา จ้านหูก็ร้องออกมาในใจว่า ‘ถ้าเป็นหยวนยู่ ของแค่นี้คงจะสบาย ๆ สินะ…’ จากนั้นจึงทะลวงเข้าไปยังกองทัพของศัตรูเพียงลำพังเพื่อทำหน้าที่ของตัวเอง
จ้านหูพบพื้นที่เปิดโล่งขนาดใหญ่ในป่าอย่างรวดเร็ว และบนพื้นที่โล่งนี้ มันก็มีเครื่องยิงหินกว่า 20 เครื่องและทหารเปิงอีกกว่าร้อยคนกำลังยุ่งอยู่กับการติดตั้งหินขนาดใหญ่บนเครื่อง
ดังนั้นชายร่างใหญ่จึงไม่รอช้า เขารีบพุ่งไปข้างหน้าพร้อมเสียงคำรามที่ดังลั่นและทุบเครื่องยิงหินที่อยู่ใกล้ที่สุด ทำให้ทหารกองทัพเปิงที่อยู่รอบ ๆ ไม่มีแม้แต่เวลาที่จะตอบโต้ ก่อนที่ค้อนในมือของจ้านหูจะส่งทหารรอบข้างกว่าสิบนายซัดลอยกระเด็นออกไปตามแรงการเหวี่ยง
เมื่อเห็นว่าแม่ทัพเฟิงปรากฏตัวขึ้น ทันใดนั้นหลูฟานก็พลันพุ่งตรงเข้ามาประจันหน้ากับจ้านหู แต่จ้านหูกลับวาดอาวุธในมือไปมาแล้วเหวี่ยงออกไปสามครั้ง ทำให้หลูฟานเลือกที่จะถอยไปเรื่อย ๆ แทนที่การตั้งรับ
ฉับพลันนั้นเอง จู่ ๆ จ้านหูก็ตะคอกออกมา จากนั้นเขาก็พลันเปลี่ยนท่าทางและเหวี่ยงค้อนไปข้างหน้า ด้วยหมายที่จะทุบหลูฟานให้เละในครั้งเดียว !!!