ราชันเทพสงคราม[唐寅在异界] - บทที่ 61
บทที่ 61
ถังหยินไม่ได้ยินใครทั้งนั้นในตอนนี้และไม่รู้ด้วยว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น หยินโรวนั้นเหมือนกับคริสตัลมากเกินไปจนทำให้เขาหลุดการควบคุมตนเอง
ผู้คนโดยรอบต่างก็ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เมื่อพวกเขาเห็นชายหนุ่มมีท่าทีแบบนั้นก็พากันตกตะลึง เป็นเพราะในตอนนี้ถังหยินนั้นได้เปลี่ยนไปมากจนไม่เหลือเค้าโครงเดิมเลย
ชิวเจิ้นตอบสนองเร็วที่สุด เขารีบตะโกน “แม่ทัพถังกำลังโดนปีศาจครอบงำ ช่วยเขาเร็ว!” ถ้าเขาไม่รีบช่วยถังหยินไว้ มีหวังชายหนุ่มได้เข้าปะทะกับพวกองครักษ์แน่ !
หัวหน้ากองทั้ง 10 ตะลึง ก่อนที่จะมองหน้ากันและพุ่งเข้าหาชายหนุ่ม
ก๊อง!
กู่เยว่เร็วที่สุด เขาเอาหัวชนกับหลังของถังหยินจนล้มไปบนพื้นทั้งคู่ จากนั้นหลีเหว่ย ซงเฉิง และเฉินเฟิงก็เข้าช่วยกู่เยว่กดชายหนุ่มเอาไว้
จากนั้นก็ตามมาด้วยเติงหมิงหยาง หลูปิง ซางจิวและหลีเฟยเปิง พวกเขาต่างก็เข้ามาร่วมด้วย ยกเว้นก็แต่อัยเจีย
เมื่อเห็นว่าสามารถจับกดถังหยินได้สำเร็จ ชิวเจิ้นก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก ในที่สุดก็สามารถควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว
“พวกเจ้า…” องครักษ์หญิงงุนงงและชี้ไปยังพวกเขาที่มารวมตัวกัน “เกิดอะไรขึ้นกับเขา ?”
ชิวเจิ้นถอนหายใจและพูด “แม่ทัพถังใช้พลังมากเกินไปตอนจัดการพวกโจร ทำให้เขากลายสภาพเป็นแบบนี้” เขาพูดเรื่องไร้สาระออกมาเพื่อปกป้องความจริงที่แม้แต่เขาเองก็ไม่รู้เอาไว้
เมื่อพวกเขาทั้งหมดไม่รู้จะทำยังไงต่อ จังหวะนั้นก็ได้ยินเสียงของชายหนุ่มดังขึ้น “พวกเจ้าทำบ้าอันใดกัน ? ลุกขึ้น !”
ชิวเจิ้นเดินออกมา ก่อนจะก้มหัวลงดูสถานการณ์คร่าว ๆ
ถังหยินถูกจับกดจนหัวติดพื้นด้วยก้นของใครบางคน แววตาของเขาดูเกรี้ยวกราด
“สหายถัง เจ้าจำข้าได้ไหม ?”
ชายหนุ่มมองไปยังชิวเจิ้นแล้วกัดฟันตะโกน “ชิวเจิ้น ถ้าเจ้าไม่บอกให้พวกนี้ลุกออกไปล่ะก็ เจ้าตายเป็นคนแรกแน่ !”
แม้ว่าคำพูดจะฟังดูน่ากลัว แต่มันก็ช่วยรับประกันได้ว่าถังหยินนั้นได้สติแล้ว
เด็กหนุ่มถอยออกมา เขาหัวหัวเราะแห้ง ๆ และพูดว่า “ไม่เป็นไร ๆ สหายถังยังจำข้าได้อยู่ ทุกคนไม่ต้องกังวลไป ออกมากันได้แล้ว”
“โล่งอกไปที” ว่าแล้วทุกคนจึงค่อย ๆ ลุกขึ้น
ภายใต้แรงงกดดันของผู้ชายนับสิบที่มีน้ำหนักรวมกว่า 200 จิน แม้ว่าถังหยินจะเก่งแค่ไหน แต่เขาก็ทนไม่ได้หรอก ! และหลังจากที่ทุกคนออกไปแล้ว ชายหนุ่มก็พยายามลุกขึ้นมา
กู่เยว่และหลีเทียนเดินเข้ามาช่วยเขา
ถังหยินรู้สึกราวกับว่ากระดูกถูกป่นเสียจนแหลก และอากาศในปอดก็กำลังจะหมดลง ใบหน้าของเขาแดง หอบหายใจอย่างหนัก ส่วนสายตาเองก็จับจ้องไปยังทุกคนตรงหน้า “เยี่ยมมากทุกคน ! หนี้ครั้งนี้… ไว้ค่อยมาจัดการทีหลังก็แล้วกัน !”
แม้จะพูดแบบนั้น แต่เขาก็รู้สึกขอบคุณพวกลูกน้องของเขาจากใจจริง
เมื่อครู่ชายหนุ่มรู้สึกราวกับว่าตัวเองกลายเป็นหยานหลีในชั่วขณะ และทุกอย่างในตัวถูกแทนที่ด้วยความเกลียดชัง ถ้าหากไม่มีคนหยุดเขาไว้ละก็ น่ากลัวว่ามันคงจะแย่กว่านี้
ชายหนุ่มคิดไม่ออกเลยว่าฉากก่อนหน้านี้มันจะน่ากลัวแค่ไหนถ้าปล่อยให้มันเกิดต่อไป
ถึงหยินโรวจะดูเหมือนกับคริสตัลจริง ๆ แต่นางก็หาใช่คริสตัลไม่ มันเป็นแค่เรื่องบังเอิญที่นางดูเหมือนกันเท่านั้น ไม่มีทางที่คนในยุคอดีตจะมีชีวิตอยู่ได้หลายร้อยปีจนถึงปัจจุบันหรอก เว้นแต่ว่านางจะเป็นอมตะ
หรือไม่ก็บางทีความรักและความเกลียดที่หยานหลีมีมากเกินไปจนทำให้เขามองคนผิดไป
เขาอยากจะขอโทษหยินโรวที่ยังอยู่ในรถด้วยความหวาดกลัว จึงเดินเข้าไปใกล้รถม้า
เมื่อคิดว่าชายหนุ่มกำลังจะดูหมิ่นกงจู่ของนางอีกครั้ง ทางด้านแม่ทัพหญิงก็พลันกำดาบไว้ในมือแน่น พร้อมกับจ้องถังหยินตาเขม็ง “เจ้าจะทำอะไรอีก ?”
ชายหนุ่มก้มหัวให้เล็กน้อย ก่อนจะมองไปยังหยินโรวที่ยังอยู่ในรถพร้อมประกบมือให้ “ฝ่าบาท ข้าน้อยกระทำเกินเลยไปจริง ๆ ข้าหวังว่าท่านจะไม่ถือสาข้าน้อยในการกระทำครั้งนี้”
“ช่างมันเถอะ!” แรงกดดันกับจิตสังหารจากถังหยินหายไปหมดจด ราวกับว่าชายหนุ่มนั้นเปลี่ยนไปเป็นคนละคน
เมื่อมองไปยังหยินโรว ถังหยินขมวดคิ้ว ใบหน้าของนางนั้นช่างดูคุ้นตาเสียเหลือเกิน ถึงจะรู้ว่านางไม่ใช่คริสตัล หากแต่ก็ต้องตะลึงที่ว่ามันมีคนที่หน้าเหมือนกันขนาดนี้ในโลกด้วยหรือ ? ถ้าจะเป็นฝาแฝด อย่างน้อยก็ต้องมีอะไรแตกต่างกันบ้าง
เพราะเหตุชุลมุนก่อนหน้า จึงทำให้พวกลูกน้องของถังหยินที่เข้ามาช่วยไม่ได้สังเกตเห็นใบหน้าของหยินโรว แต่เมื่อพวกเขาได้เห็น ไม่ว่าชายหรือหญิงก็ต่างพากันตกตะลึง ในใจของพวกเขาพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ‘งดงามยิ่ง !’
ความงามขององค์หญิงทำให้ทุกคนแอบคิดในใจว่าหรือเป็นเพราะความงามของนาง ที่ทำให้ท่านแม่ทัพของพวกเขาเผลอตัว ?
เมื่อเห็นว่าลูกน้องของเขากำลังทำเรื่องเสียมารยาท ถังหยินก็รู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยราวกับว่าสมบัติของเขากำลังถูกใครบางคนจ้องมอง
เมื่อเขาคิดถึงตรงนั้นก็พลันรู้สึกขำ บางทีหยินโรวอาจจะเหมือนกับคริสตัลมากเกิน จนทำให้ความทรงจำของหยานหลีเข้าครอบงำไปชั่วขณะ
ด้วยเหตุนี้เขาจึงโค้งคำนับให้กับองค์หญิงเพื่อขอตัวลา
หยินโรวขมวดคิ้วและเรียกหา “แม่ทัพถัง !”
ชายหนุ่มตะลึงและหันหลังกลับไป
“เจ้าเรียกข้าว่าคริสตัลหรือ ?” หยินโรวฉลาดมากและไม่มีทางที่จะตกหล่นข้อมูลเหล่านี้ได้
ตาของเขากะพริบนิดหน่อย “ใช่”
นางเริ่มครุ่นคิดอย่างจริงจังแล้วเอนตัวไปทางประตู “หญิงสาวที่เจ้าเรียกนั่นเหมือนข้ามากเลยหรือ ?”
“ถูกต้อง !” ถังหยินจดจำลักษณะของคริสตัลได้
“ถ้างั้นแม่ทัพถัง…”
ใครคือคริสตัล ? ไม่มีใครบอกได้เหมือนกัน นางคือคนรักของหยานหลีและไม่เกี่ยวอะไรกับเขาแม้แต่น้อย
ถังหยินยิ้มอย่างขมขื่น “นางน่าจะเป็นคนรักของข้า !” พูดเพียงแค่นั้น ก่อนที่เขาจะรีบเปลี่ยนบทสนทนา “ถ้าฝ่าบาทรู้สึกอึดอัดก็สามารถออกมาข้างนอกได้ ข้าสัญญาเลยว่าจะไม่ทำอะไรแบบนั้นอีก !”
“แน่นอน !” หยินโรวตอบกลับ
หลังจากเรื่องที่เกิดขึ้น ถังหยินก็รู้สึกอึดอัดมากที่ต้องอยู่กับหยินโรว เขาไม่อาจจะอยู่นานได้อีกต่อไป ว่าแล้วชายหนุ่มก็รีบพูดลา “องค์หญิง ข้าน้อยขอตัวก่อน !” พูดจบเขาก็รีบโดดขึ้นมาแล้วเดินออกไปทันที
เมื่อชายหนุ่มกลับมา เขาก็พบกับชิวเจิ้นและหัวหน้ากองทั้ง 10 ที่กำลังมองหน้าเขาด้วยแววตาประหลาด ๆ
ชายหนุ่มเมินการกระทำดังกล่าวและถามออกไปว่า “นี่ก็เกือบเที่ยงแล้ว ข้าว่าเราควรจะพักผ่อนกันเสียหน่อย”
“ขอรับแม่ทัพถัง !” ทุกคนพากันส่งเสียงตอบรับ หากแต่พวกเขาก็ยังคงมองชายหนุ่มด้วยสายตาสงสัย
ถังหยินเริ่มหมดความอดทนแล้ว เขาหันกลับไปบอกทุกคน “พวกเจ้ามองอะไรกัน ?”
“แม่ทัพถัง !”
“พวกเราขออภัยที่ทำตัวไม่ดีเมื่อครู่…”
อย่างนี้นี่เอง ! ถังหยินยิ้มและโบกมือ “ไม่ใช่ความผิดพวกเจ้าหรอก ดีเสียอีกที่พวกเจ้าโผล่มาทันเวลา”
“ไม่เลย !” ทุกคนมองหน้ากันและพูดอย่างสงสัย “ถ้าพวกเรารู้ว่าแม่ทัพถังสนใจในตัวองค์หญิง พวกเราจะได้ไม่เข้าไปหยุด และต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิต พวกเราก็จะหาโอกาสให้ท่านจงได้ !”
ในสายตาของพวกเขา ถังหยินนั้นดูจะไม่ได้สนใจหญิงเท่าไหร่นัก ส่วนคนที่น่าจะมีโอกาสมากที่สุดก็น่าจะเป็นอู่เหมยเสียมากกว่า แต่ทว่าเมื่อเขาและนางพูดคุยกัน มันก็กลับกลายเป็นเมื่อการเจรจาเรื่องงานมากกว่าจะเป็นด้านความสัมพันธ์
นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาเห็นถังหยินเป็นแบบนี้ ชายหนุ่มที่บ้าคลั่งเพื่อแสดงความรักให้กับหญิงสาวนางหนึ่ง อีกทั้งหญิงสาวที่ว่านั้นนางก็มีสถานะเป็นถึงองค์หญิงเสียด้วย ใครจะไปกล้าทำแบบนั้นกันเล่า ?
แต่ถ้าเกิดถังหยินสนใจจริง ๆ ละก็ ถ้างั้นพวกเขาก็ตั้งใจไว้แล้วว่าจะช่วยคิดหาทางช่วยแม้จะต้องหลอกล่อให้พวกองครักษ์ออกมาก็ตาม
ได้ยินแบบนี้ถังหยินก็แทบจะกลืนน้ำลายตัวเอง เขากลอกตามองไปยังผู้คนที่อยู่รอบ ๆ “พวกเจ้าพูดอะไรออกมากัน ?”
“แม่ทัพถัง ไม่จำเป็นต้องเขินไปหรอก พวกเราเข้าใจ ยังไงเสียฝ่าบาทก็ทรงพระสิริโฉมงามจริง ๆ นี่นะ…”
โดยไม่รอให้พวกเขาพูดจบ ชายหนุ่มรีบตะโกนด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “กลับไปอยู่ในขบวนเดี๋ยวนี้ ! อย่าให้ข้าต้องพูดเป็นครั้งที่ 2 ”
“รับทราบ !”
สายตาของเขาทำให้ฝูงชนรีบสลายตัวกันไปทันที ทิ้งไว้เพียงชิวเจิ้นที่ยังคงอยู่ที่เดิม
ถังหยินหยิบเศษผ้าออกมาจากกระเป๋าแล้วโยนให้กับเด็กหนุ่ม “เผามันซะ !”
ชิวเจิ้นยิ้มออกมา “สหายถัง แต่พวกเรายังสามารถใช้ตำแหน่งพวกนี้ในการค้นหาตำแหน่งค่ายโจรอื่น ๆ ได้อีกนะ…”
“พวกเราเพียงแค่บังเอิญเจอกลุ่มโจรซุ่มโจมตีเท่านั้น แล้วทำไมถึงมีแผนที่นี้ได้กัน ? ถ้าพวกเราอ้างว่าเจอโจรดักซุ่มโจมตีบ่อยครั้งเข้า อาจจะถูกสงสัยเอาได้ !” ชายหนุ่มพูดอย่างจริงจัง
ชิวเจิ้นครุ่นคิดและเริ่มนึกได้ว่ามันเป็นเรื่องจริง การจัดการพวกโจรนับพันนายที่พยายามจะโจมตีองค์หญิงเป็นรางวัลใหญ่ก็จริง แต่ถ้าเกิดมีครั้งที่ 2 ครั้งที่ 3 ตามมา แบบนั้นมันก็คงดูไม่น่าเชื่อถือเท่าไหร่ จริงไหม ?
เด็กหนุ่มเก็บเศษผ้า ก่อนจะพยักหน้า “สิ่งที่เจ้าพูดมามันก็ถูกนะ ข้าจะจัดการให้เอง”
“ดีมาก” ถังหยินพยักหน้า
เมื่อพวกเขาเข้าไปในเมืองก็ได้รับการต้อนรับอย่างดีตลอดทาง ยิ่งตอนนี้มีองค์หญิงมากับพวกเขาด้วย มันก็ยิ่งทำให้ได้รับการต้อนรับที่ดีขึ้นไปอีก การกลับมาครั้งนี้มาประชาชนออกมาต้อนรับจนเต็มสองข้างทาง พวกเขาล้วนแล้วแต่อยากจะยลโฉมกงจู่ผู้งดงามนางนี้
แต่ทว่านั่นกลับทำให้ถังหยินกังวลมากทีเดียว ด้วยจำนวนของชาวเมืองจำนวนมากที่มารอบรับเสด็จ มันก็อาจเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นได้ ดังนั้นชายหนุ่มจึงเพิ่มความเข้มงวดในการอารักขาขบวนเสด็จขึ้นเป็นเท่าตัว