ราชันเทพสงคราม[唐寅在异界] - บทที่ 83
บทที่ 83
นี่เขาจะได้เป็นรองผู้ว่างั้นหรือ ? หยวนจี้มองรอยยิ้มของถังหยินด้วยความตะลึง
เขาอ้าปากค้างไม่ได้พูดอะไรออกมา
ถังหยินไม่ได้ประหลาดใจเลย เขาหัวเราะเบา ๆ และพูด “นี่คือเงื่อนไขที่ข้าจะปล่อยตัวหยวนอู่และหยวนเปียว แน่นอนว่านี่เป็นข้อเสนอเดียวเท่านั้นที่ข้าจะยื่นให้ได้ เจ้าจะรับไหม ? ”
หยวนจี้ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะยื่นข้อเสนอแบบนี้ออกมา
“ข้าจะให้เจ้าเก็บเอาไปคิด หวังว่าเวลา 3 วันน่าจะพอนะ ? ” ถังหยินถาม
“เพียงพอ !!!” เขารีบตอบไปทันทีในขณะที่ความคิดกำลังปั่นป่วนไปหมด จากนั้นเขาก็ครุ่นคิดบางอย่าง ก่อนจะพูดอย่างตื่นตระหนก “ถ้างั้นพวกเขา…”
ตอนที่ถังหยินกำลังจะพูด ความคิดบางอย่างก็แล่นเข้ามาในหัวของเขา ดังนั้นชายหนุ่มจึงไม่ได้พูดออกมา เขากลอกตามองแล้วหัวเราะ “ถ้าเจ้ารับรองได้ว่าพวกเขาจะไม่หนีไปก่อกรรมทำเข็ญอีก ข้าก็ยินดีที่จะปล่อยตัวพวกเขาไปเป็นการชั่วคราว”
คำพูดนี้ทำเอาทุกคนตะลึงกันไปหมด
ถ้าเขามอบทั้ง 2 คนนี้ให้กับหยวนจี้จริง ๆ แล้วเกิดว่าทั้งสองหนีไปได้ ถ้าเป็นตามที่ว่า หยวนจี้เองก็อาจไม่รับข้อเสนอนี้ก็เป็นได้ !
ชิวเจิ้นส่งสัญญาณให้ถังหยินผ่านสายตา
แน่นอนว่าถังหยินเข้าใจดี และยิ้มให้กับเขาเป็นเชิงนัยว่า ไม่ต้องกังวลไปหรอก
ตอนนี้ไม่ใช่หยวนจี้ที่กำลังครุ่นคิด แม้แต่ชิวเจิ้นเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าถังหยินต้องการอะไร
“ถ้างั้น… ถือว่าตกลงก็แล้วกัน” หยวนจี้มองถังหยินและพูดอย่างระวัง
สองพี่น้องอยู่ในกำมือของถังหยิน และอาจเกิดเหตุอะไรได้ทุกเมื่อ ดังนั้นทั้งสองจึงไม่นับว่าปลอดภัยอย่างแท้จริง ทว่าปัญหาหลัก ๆ ก็คือทำไมถึงหยินถึงมั่นใจมากถึงเพียงนี้ เขาไม่คิดว่าตนจะปล่อยพวกพี่น้องคู่นี้หนีไปหรือ ?
เมื่อเห็นความสงสัยนี้ผ่านแววตาของอีกฝ่าย ถังหยินก็ยิ้มให้ “แม้ว่าข้าจะเพิ่งรู้จักเจ้า แต่แค่มองข้าก็บอกได้เลยว่าเจ้าเป็นคนที่มีเกียรติและให้คำมั่นสัญญาไม่เสื่อมคลาย ดังนั้นตราบเท่าที่เจ้าสัญญา ข้าก็จะทำตาม”
ได้ยินแบบนี้หยวนจี้เองก็เลิกสงสัยไปเป็นที่เรียบร้อย “ข้ารับประกันได้เลยว่าในช่วง 3 วันต่อจากนี้ หยวนอู่และหยวนเปียวจะไม่มีทางออกไปไหนได้เด็ดขาด ส่วน 3 วันให้หลัง ไม่ว่าข้าจะรับคำของท่านหรือไม่ ข้าก็จะส่งพวกเขากลับมาให้ท่านถังแน่นอน ! ”
“เยี่ยมมาก ! ชายผู้ยึดมั่นย่อมดีเสมอ ข้าเชื่อว่าเจ้าจะทำตามที่พูด !” ถังหยินมองไปยังชิวเจิ้น “ปล่อยพวกเขาทั้งสองและพามาที่นี่ซะ”
“ขอรับ !” เมื่อได้ยินชายหนุ่มพูดไปแบบนั้นแล้ว ชิวเจิ้นก็ไม่ห้ามเขาอีก เด็กหนุ่มยินยอมทำตามคำสั่งแต่โดยดี ทว่าจู่ ๆ ถังหยินกลับเปลี่ยนใจ เขาเดินนำชิวเจิ้นไปโดยไม่รีรอ “ให้ข้าไปเองก็แล้วกัน”
ผู้คนโดยรอบพากันไม่เข้าใจกับการกระทำนี้มาก ทำไมถึงได้ปล่อยพวกฉางกวงไปง่าย ๆ เช่นนี้กัน ? แบบนี้การไล่จับที่เกิดขึ้นก็คงเสียแรงเปล่าน่ะสิ
ด้วยกลัวว่าทั้งสองจะหนีไป จางโจว ไป่หยง หลีเทียน กับทุกคนจึงเดินตามไปติด ๆ
ถังหยินออกมานอกสวนหลังจวน และเข้าไปยังโรงเก็บของที่ปิดตายเอาไว้ ซึ่งภายในนั้นมันก็เต็มไปด้วยทหาร
เมื่อชายหนุ่มเข้ามา พวกทหารก็โค้งคำนับให้อย่างนอบน้อม
ถังหยินโบกมือให้คนพวกนั้นไม่ต้องมากพิธีรีตอง ก่อนจะเดินไปหาสองพี่น้องฉางกวงด้วยรอยยิ้ม เขาเอื้อมมือไปหยิบผ้าออกมาจากปากและพูดยั่วยุอีกฝ่าย “พวกเจ้าเป็นยังไงบ้าง ? ”
“ไอ้เวรเอ๊ย!…” พี่น้องฉางกวงไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน และพวกเขาก็อดที่จะโมโหไม่ได้เมื่อเห็นรอยยิ้มพิมพ์ใจของถังหยินแบบนี้ ทั้งสองพี่น้องเริ่มก่นด่าอีกครั้ง ทว่าเมื่อพวกเขาเปิดปากพูด มันก็ทำให้พวกทหารทั้งหมดพากันหันมามอง และเข้าไปรุมกระทืบจนเจ็บไปทั่วทั้งตัว
“พอแล้ว ! ” หลังจากให้ทุกคนได้ระบายอารมณ์ ถังหยินก็บอกให้พวกเขาหยุดแล้วปลดโซ่ของทั้ง 2 คนออก
“หา ? ” พวกทหารทำหน้าตางุนงงใส่ถังหยิน
สองพี่น้องที่ร้องด้วยความเจ็บปวดเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยความไม่เข้าใจ
ชายหนุ่มหัวเราะ “พวกเจ้าไม่มีค่าอะไรทั้งนั้น ข้าไม่คิดจะเก็บไว้หรอก หยวนจี้ปล่อยให้พวกเจ้ามีชีวิตอยู่จนถึงตอนนี้ไปทำไมกัน ? พวกเจ้าควรจะดีใจนะที่ยังมีชีวิตอยู่ได้เพราะมีคนร้องขอไว้ ตอนนี้หยวนจี้ยอมทำข้อตกลงกับข้าแล้ว เพราะงั้นพวกเจ้าก็ไสหัวไปซะ”
คำพูดของเขาทำให้ทั้งสองโกรธจนอยากจะหักกระดูกถังหยินเป็นชิ้น ๆ
หยวนอู่และหยวนเปียวจ้องมองถังหยินและกัดฟันแน่น
ถังหยินไม่ได้สนใจแต่อย่างใด เพราะต่อให้คนทั้งสองคิดอะไร มันก็ไม่ใช่เรื่องของเขาอยู่ดี !
“ขอรับท่านถัง ! ”
ด้วยความที่เขาเป็นแม่ทัพ ดังนั้นจึงไม่มีใครกล้าขัดคำสั่งของชายหนุ่ม ในที่สุดสองพี่น้องที่ถูกจับมาก็ถูกปล่อยตัว
เมื่อออกมาได้ ทั้งสองก็ทำท่าทางราวกับสัตว์ร้ายที่ได้รับอิสรภาพ
อย่างที่คาดเดาเอาไว้ หยวนเปียวที่ถูกปล่อยตัวก็ได้กรีดร้องออกมาราวกับเสือโคร่ง เขากระโดดไปคว้าคอทหารที่ใกล้ที่สุดและตะโกนใส่ถังหยิน “ถ้าเจ้าจะลากหยวนจี้ให้มาตายด้วยกัน ถ้างั้นก็ทำเสียเลย ! ”
หยวนเปียวไม่สนใจชีวิตตัวเองแม้แต่น้อย ดังนั้นสิ่งที่เขาทำในตอนนี้ มันก็เพราะไม่อยากให้พี่ใหญ่มายุ่งเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น
มือของเขาเริ่มออกแรงกดใส่ลำคอของทหารนายนั้นมากขึ้น
หยวนอู่กลับนิ่งสงบมากกว่าแฝดของเขา เขาวิ่งเข้าไปดึงมือหยวนเปียวออกมา “อย่าทำอะไรบ้า ๆ น่า ! ”
หยวนเปียวหันมามองและสูดหายใจเข้าลึก ก่อนจะปล่อยมือ
เมื่อเห็นแบบนี้จางโจว ไป่หยง และทุกคนก็รู้สึกโล่งอก และหยุดการใช้อาวุธ
หยวนอู่มองถังหยินและถามอย่างเย็นชา “ถังหยิน เจ้าจะปล่อยพี่ชายของข้าหรือไม่ ? ”
“ตามนั้น”
“เจ้าไม่กลัวว่าพวกข้าจะกลับมาล้างแค้นหรือ ? ”
ถังหยินรู้สึกราวกับว่าตัวเองได้ยินมุกตลกที่น่าขำที่สุดในโลก เขาหัวเราะอย่างดัง “ข้าบอกแล้วไงว่าพวกเจ้าไม่มีค่าเลย ถ้าอยากฆ่าข้า ต่อให้ใช้เวลานับพันปีเจ้าก็ทำไม่ได้”
“ดี ดีเลย เยี่ยมไปเลย ! ” หยวนอู่โกรธจนตัวสั่น เขาส่ายหัว “เราจะได้เห็นดีกัน ! ”
“ถ้าเบื้องบนทำพลาด พวกเขายังปฏิเสธได้ แต่ถ้าพวกเจ้าทำละก็ อย่าหวังเลยว่าจะได้รับโอกาสอีก ! ถ้าพวกเจ้าทั้งสองคิดหาเหาใส่หัวอีกครา งั้นก็อย่าได้โทษข้าก็แล้วกัน” พูดจบถังหยินก็มองทั้งสองและเลือกที่จะเมินเดินออกไปจากที่นี่ “ถ้าอยากจะพบพี่ชายพวกเจ้า ก็ตามข้ามา ! ”
สองพี่น้องเริ่มเดินตามถังหยินไปอย่างไม่สนใจสิ่งใด
เมื่อกลับไปยังโถงหลัก ใบหน้าของถังหยินก็กลับมาเป็นปกติ เขายิ้มให้กับหยวนจี้ที่กำลังรออยู่ “ข้าพาน้องทั้ง 2 คนของเจ้ามาแล้ว”
หยวนจี้ลุกขึ้นต้อนรับเขาและกล่าวขอบคุณ สายตาของเขานั้นจ้องมองไปยังด้านหลังถังหยิน ก่อนจะเห็นเข้ากับหยวนอู่และหยวนเปียวที่เดินเข้ามาด้วยความหงุดหงิด ดูจากสีหน้าแล้วเหมือนพวกเขากำลังหาทางล้างแค้นมากกว่า
เฮ้อ หยวนจี้ถอนหายใจ ไม่มีน้องคนไหนของเขาจะทำตัวดี ๆ ได้เลยสักคนเดียว
เมื่อเขาไม่เห็นสีหน้าแห่งความเจ็บปวดของทั้งสอง ดังนั้นถึงแม้จะมีความโกรธเต็มอยู่ในอก หากแต่หยวนจี้ก็ยังฝืนยิ้มให้กับถังหยินอีกครั้ง ก่อนจะตะโกนใส่ทั้งสองว่า “ท่านถังช่างใจดียิ่งนัก ต่อให้ท่านไม่จัดการเอง แต่ข้าจะลงโทษพวกเจ้าทั้งสองแน่ รีบมาขอบคุณเขาซะ ! ”
“ขอบคุณ ? ” หยวนเปียวแทบจะระเบิดความโกรธออกมา ถ้าไม่ใช่ว่ามีหยวนจี้อยู่ตรงหน้า เขาคงอาละวาดไปแล้ว
เขาเมินหน้าหนี “ชาติหน้าเถอะ ! ”
“เจ้า ! ” หยวนจี้โกรธจัดและชี้นิ้วไปยังจมูกของหยวนเปียว “มานี่เดี๋ยวนี้เลยนะ ! ”
หยวนจี้ไม่เคยฝึกยุทธ์มาก่อน เขาเป็นแค่นักปราชญ์ที่ไม่มีพลังใด ๆ แต่พี่คนโตผู้นี้ช่างคล้ายกับพ่อของพวกเขานัก ดังนั้นหยวนอู่และหยวนเปียวจึงหวาดกลัวพี่ชายของพวกเขามาจนถึงทุกวันนี้ !
โดยปกติแล้วทั้งสองมักจะหวาดกลัวกับตรรกะและความจ้ำจี้ของหยวนจี้มากกว่า ถ้าหนีได้ก็คงหนี แต่ตอนนี้นั้นพวกเขาทำมันไม่ได้สักอย่าง
เมื่อได้ยินเสียงตะโกนซ้ำสอง ทั้งสองจึงเดินเข้าไปใกล้พี่ชายตัวเอง
ยังไม่ทันได้เดินตัวตรงดี หยวนจี้ก็ตบใบหน้าของทั้งสองพร้อมกัน
กำลังของเขามีไม่มากก็จริง แต่การตบหน้าน้องตัวเองต่อหน้าทุกคน มันก็ทำให้สองพี่น้องเริ่มหงุดหงิด โกรธ และอับอายในเวลาเดียวกัน
หยวนเปียวและหยวนอู่รู้ดีว่าพี่ชายของตนเป็นคนที่มีความอดทนต่ำและไม่ปล่อยเรื่องนี้ไปง่าย ๆ แน่ พวกเขาได้แต่สิ้นหวัง และยอมทำตามแต่โดยดี “ขะ ขอบคุณอย่างยิ่งท่านถัง!”