ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 116 มหานครแห่งแฟชั่น
- Home
- ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability)
- ตอนที่ 116 มหานครแห่งแฟชั่น
ตอนที่ 116 มหานครแห่งแฟชั่น
ระหว่าง ‘เดินเล่น’ ในเขตตลาดคนซื่อเมื่อช่วงเช้า ลูเมี่ยนสังเกตเห็นว่าชาวทรีอาร์ชอบแต่งตัวตามใจ หรือจะเรียกว่ามาดมั่นก็ได้ สตรีบางคนสวมเสื้อแขนสั้น เปลือยต้นแขน หรือไม่ก็เปิดไหล่ บางคนก็เห็นไปถึงกระดูกไหปลาร้า บางคนก็สวมใส่เสื้อผ้าพิสดารไปเลย
ในเขตดาลีแอช หากสวมเสื้อคลุมยาวสีดำมีฮู้ดจนดูเหมือนพ่อมดหลงยุคแบบออสตา จะไม่มีใครกล้าเดินเตร็ดเตร่บนถนนอย่างสง่าผ่าเผย และมักถูกตำรวจเรียกไปสอบปากคำเสมอๆ แต่ในกรุงทรีอาร์ ชาวเมืองตามท้องถนนมองข้ามชุดเหล่านี้ราวกับไม่มีตัวตน
เพราะการแต่งกายดังกล่าวถือว่าไม่แปลกใหม่ แฟชั่นย้อนยุคทุกรูปแบบสามารถพบเห็นได้ทั่วไป
ออสตา·ทรูเอลระวังตัวแจ คอยพรวดพราดหันกลับมามองเป็นระยะ เพื่อดูว่ามีคนน่าสงสัยแอบตามมาหรือไม่ แต่ลูเมี่ยนอยู่ห่างจากเขามาก ไกลจนทั้งสองฝ่ายแทบจะมองไม่เห็นกัน
อาศัยกลิ่นจางๆ ของน้ำหอมราคาถูก เด็กหนุ่มสะกดรอยตามออสตาไปตลอดทาง จากถนนหนึ่งไปสู่อีกถนน
เมื่อโคมไฟแก๊สริมถนนทยอยสว่างขึ้นทีละดวง ออสตาเลี้ยวเข้าไปในถนนที่ถูกมุงหลังคาด้วยกระจกแผ่นใหญ่และโครงเหล็ก
ด้านในสว่างไสว เต็มไปด้วยร้านรวงหรูหรา พื้นถนนปูด้วยหินอ่อนเรียบละมุน คลาคล่ำไปด้วยผู้คนที่เดินเบียดเสียด ถือเป็นขั้วตรงข้ามกับซอกซอยอันทรุดโทรมของตลาดคนซื่อ
นี่คือ ‘อาเขต’ ที่โอลัวร์เคยเล่าให้ฟัง? ลูเมี่ยนเห็นออสตาหยุดอยู่หน้าร้านหนึ่ง มองผ่านกระจกร้านเข้าไปด้วยความชื่นชม เด็กหนุ่มจึงชะลอฝีเท้าพลางสังเกตสิ่งรอบข้าง
เพียงครู่เดียวก็พบคน ‘ไม่ปกติ’ จำนวนหนึ่ง
พวกเขาแต่งกายในชุดสุภาพ มีทั้งชายและหญิง เดินจูง ‘เต่า’ ขนาดแตกต่างกัน
เต่าเหล่านี้คลานต้วมเตี้ยมไปข้างหน้า คนจูงก็เดินตามหลังช้าๆ ไม่แพ้กัน
เมื่อเห็นชายคนหนึ่งในสูทสีดำและหมวกผ้าไหม เดินตามเต่าผ่านหน้าตนไป ลูเมี่ยนอดไม่ได้ที่จะถามตรงๆ
“สหาย คุณกำลังทำอะไร”
ชายคนดังกล่าวหันมามอง เผยให้เห็นใบหน้าที่ผ่านการประแป้ง
เขาตอบยิ้มๆ
“คุณคนต่างถิ่น ผมกำลังเดินเล่นพร้อมกับเต่า”
สุภาพบุรุษแต่งกายดีรายนี้ ดูเหมือนจะมีความสุขที่ได้แบ่งปันปรัชญาแฟชั่น
“ชาวทรีอาร์ส่วนใหญ่ชอบเดินเล่น แต่พวกเขาไม่เข้าใจความหมายของการพักผ่อนหย่อนใจ ไม่เข้าใจแก่นสารของความสง่างาม จึงมักจะเดินเร็วๆ อย่างเร่งรีบ”
“การเดินเล่นที่แท้จริงต้องเชื่องช้ายิ่งกว่าเต่า ดังนั้นพวกเราจึงเดินจูงเต่า ให้เต่านำหน้า คนตามหลัง เพื่อให้เกิดการพักผ่อนหย่อนใจ”
“เต่าเปรียบดังไม้บรรทัดวัดความเร็วในการเดิน ขณะเดียวกันก็เป็นการวัดความสง่างาม”
ลูเมี่ยนต้องยอมรับว่า ชาวทรีอาร์ช่วยเปิดโลกให้เด็กบ้านนอกจากหมู่บ้านกอร์ตูอย่างตนได้เสมอๆ
แม้แต่โอลัวร์ที่เป็นนักเขียนนิยาย ก็ไม่เคยจินตนาการถึงการพาเต่าเดินเล่น!
“สมแล้วที่เป็นชาวทรีอาร์!” ลูเมี่ยนปรบมือในเชิงเหน็บแนม
น่าเสียดายที่สุภาพบุรุษรายนี้ไม่เข้าใจความนัยของเด็กหนุ่ม เพียงยิ้มอย่างถ่อมตนแล้วเดินช้าๆ ตามเต่าไป
ไม่นานนัก ออสตาเดินไปถึงอีกฝั่งของอาเขต
ลูเมี่ยนหยุดรอพักสัก ไม่นานจึงค่อยๆ เดินตาม
ออกจากอาเขต ออสตายืนอยู่ใต้ป้ายรถสาธารณะใกล้ๆ
ไม่กี่นาทีถัดมา รถม้าคันใหญ่ที่ลากด้วยม้าสองตัวก็แล่นมาจอด
รถม้าคันนี้มีชั้นบนชั้นล่าง ผิวนอกถูกทาด้วยสีเหลือง เขียนคำว่า ‘สาย 7’ กำกับไว้ด้วยภาษาอินทิส คนขับสวมเสื้อกั๊กสั้นสีเขียว กับหมวกปีกกว้างสำหรับกันฝน
เมื่อรถม้าหยุด คนขายตั๋วที่สวมหมวกใบเล็ก เสื้อลายทางและกางเกงขายาวที่ไม่น่ามอง โผล่ร่างจากประตูที่เปิดออก ชะโงกมองผู้โดยสารที่พยายามเบียดเสียดขึ้นไปบนรถ ด้วยสายตาราวกับพัศดีมองนักโทษเรียงคน
ออสตาขึ้นรถเป็นคนที่สาม นั่งชิดริมหน้าต่าง คอยตรวจตราคนเดินถนนหรือชายหญิงที่ทยอยขึ้นรถอย่างต่อเนื่อง
ลูเมี่ยนเพียงมองจากระยะใกล้ ไม่เข้าไปใกล้
เมื่อรถม้าสาย 7 แล่นออกไปได้สักพัก เด็กหนุ่มจึงค่อยเร่งฝีเท้าไล่ตาม
ด้วยความเชื่องช้าตามธรรมชาติของรถสาธารณะ ผนวกกับหลักการที่ต้องจอดทุกป้าย ลูเมี่ยนไม่กังวลเลยสักนิดว่าตนจะไล่ไม่ทัน
ระหว่างทาง คนเดินถนนบางส่วนหันมามอง ‘นักวิ่ง’ ด้วยสายตาฉงนสนเท่ห์ บางคนถึงกับวิ่งตามลูเมี่ยนมาจริงๆ ราวกับคิดว่านี่คือกระแสนิยมใหม่ล่าสุด
สมองของพวกคุณมีปัญหากันหรือไง? ลูเมี่ยนขำปนทึ่ง
ผ่านไปสามป้าย ก็มาถึงป้ายในเขตตลาดคนซื่อ เขาเห็นออสตา·ทรูเอลลงจากรถม้า
ออสตาเดินผ่านสองถนน เลี้ยวเข้าถนนเสื้อนอกขาวที่ชาร์ลีเคยเอ่ยถึง แล้วเข้าไปในอพาร์ตเมนต์สีเบจเก่าๆ เลขที่ 20
ลูเมี่ยนหยุดอยู่หน้าแผงหนังสือพิมพ์ริมถนน หยิบหนังสือพิมพ์มาฉบับหนึ่ง เปิดอ่านโดยไม่ได้คิดอะไร
ระหว่างนั้นก็คอยสอดส่องทางเข้าออกอพาร์ตเมนต์ด้วยมุมสายตา
“ฉบับละสิบเอ็ดโกเปต์” เจ้าของแผงขายหนังสือพิมพ์เห็นลูเมี่ยนเอาแต่อ่านฟรี จึงตักเตือนความจำ
ลูเมี่ยนที่ยืนกางหนังสือพิมพ์ ‘เลอเปอตีทรีอาเรียง’ (Le Petit Triarien) แบบขอไปที โยนเหรียญทองแดงห้าโกเปต์สองเหรียญ กับหนึ่งโกเปต์หนึ่งเหรียญลงบนหนังสือพิมพ์เล่มอื่น
เจ้าของแผงหนังสือพิมพ์เห็นดังนั้นก็เงียบไป
เด็กหนุ่มก้มหน้าอ่านต่อ
“เทศบาลเมืองกำลังหารือเกี่ยวกับแผนราคาใหม่ของบริษัทจัดหาน้ำ…”
“วาเลรีวิพากษ์วิจารณ์ลัทธิบริโภคนิยมว่าเป็นพวกคลั่งวัตถุ…”
“…”
“โครงการที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของมวลมนุษย์ กำลังแสวงหาความร่วมมือ…”
อ่านถึงโฆษณาสุดท้าย ลูเมี่ยนเริ่มได้กลิ่นที่คุ้นเคย
กลิ่นอายการกลั่นแกล้งหรือเล่นพิเรนทร์ที่ไม่อาจปกปิด!
ลูเมี่ยนทั้งจับตาดูทิศทางของอพาร์ตเมนต์ ทั้งอ่านเนื้อหาที่น่าสนใจไปพร้อมกัน
“ดวงดาวและท้องทะเลคืออนาคตของมนุษยชาติ และตลอดประวัติศาสตร์อันยาวนานที่ผ่านมา มนุษยชาติล้วนเต็มไปด้วยความกล้าหาญที่จะสำรวจ”
“เทคโนโลยีในยุคนี้กำลังก้าวหน้าอย่างบ้าคลั่ง แต่เรายังขาดผู้บุกเบิกอารยธรรม ยังขาดมหาปราชญ์ผู้มีวิสัยทัศน์กว้างไกลและมองไปข้างหน้า ยังขาดนักผจญภัยที่มีความกล้าเป็นเสน่ห์”
“ยุคก่อนเราติดอยู่ในทะเลคลั่ง ยุคนี้เราติดอยู่ในชั้นบรรยากาศ แต่อย่าได้ลืมว่าอารยธรรมของมนุษย์ วิทยาศาสตร์ของมนุษย์ และเทคโนโลยีของมนุษย์ สักวันย่อมต้องเอาชนะอุปสรรคและอันตรายทั้งปวงได้ กลายเป็นอนาคตใหม่ที่แท้จริง”
“เราอยากร่วมงานกับเหล่านักฝันทุกท่าน ช่วยกันสร้างสะพานข้ามดาว สะพานที่เราสามารถเดินไปยังดวงจันทร์สีแดงได้โดยตรง”
“ติดต่อกับ: บิเลอร์·พาทิล”
“สถานที่ติดต่อ: เขต 2 ถนนนักบุญมาร์แตง บ้านเลขที่ 9 ชั้น 5”
ลูเมี่ยนยิ่งอ่านก็ยิ่งขำ พลางทบทวนตัวเองอย่างลึกซึ้ง
เป็นราชานักแกล้งแห่งหมู่บ้านกอร์ตู เติบโตภายใต้อิทธิพลของโอลัวร์จนมีความคิดไม่ยึดติดกับกรอบเดิมๆ แต่เขากลับไม่เคยมีแนวคิดอันบ้าบิ่น เพ้อฝัน และสุดโต่งเช่นนี้มาก่อน แถมยังกล้าลงโฆษณาอย่างไม่อายฟ้าดิน ราวกับมั่นใจว่าจะหลอกคนบางกลุ่มได้แน่นอน
หรือว่าเรายังประเมินค่าเฉลี่ยสติปัญญาของมนุษย์สูงไป? ลูเมี่ยนลูบคางด้วยมือซ้ายที่สวมถุงมือ
ขณะเดียวกัน เขาเห็นคนกลุ่มหนึ่งเดินเข้าไปในอพาร์ตเมนต์เก่าๆ เลขที่ 20 ถนนเสื้อนอกขาว
ผู้นำกลุ่มสวมหมวกผ้าไหม สูททางการสีดำ อย่างน้อยภายนอกก็ดูเป็นสุภาพบุรุษ เส้นแก้มชัดลึก ปากคาบกล้องยาสูบไม้ท้อ มือซ้ายสวมแหวนเพชรระยิบระยับ
ชายฉกรรจ์หลายคนที่ล้อมหน้าล้อมหลัง ‘สุภาพบุรุษ’ ทุกคนล้วนปล่อยรังสีอำมหิต สวมเสื้อแคนวาสไม่ก็แจ็กเกตสีเข้ม ราวกับเป็นสมาชิกกลุ่มก๊วนอันธพาล
เมื่ออีกฝ่ายลับสายตาไปจากทางเข้าอพาร์ตเมนต์ ลูเมี่ยนเดินตามไปพร้อมกับหนังสือพิมพ์ในมือ
พอไปถึงชั้นล่าง กลิ่นน้ำหอมหลายชนิดลอยเข้ามาเตะจมูกเด็กหนุ่ม
หนึ่งในนั้นเป็นกลิ่นอ่อนๆ ที่คุ้นเคย—น้ำหอมราคาถูกที่เขาป้ายลงบนตัวออสตา สวนกลิ่นอื่นค่อนข้างเข้มข้น ค่อนข้างหอม ค่อนข้างคาวแปลกๆ
น้ำหอมมัสก์? จากคนที่สูบกล้องยา? ลูเมี่ยนตามกลิ่นไปจนกระทั่งถึงชั้นห้าของอพาร์ตเมนต์
ไม่นานก็ได้เห็นออสตา·ทรูเอล
จอมเวทกำมะลอกำลังถูกกลุ่มคนเมื่อสักครู่ล้อมไว้
‘สุภาพบุรุษ’ ที่สวมแหวนเพชรใช้กล้องยาสูบไม้ท้อ เคาะเบาๆ บนหน้าผากของออสตา พลางพูดจาสุภาพด้วยรอยยิ้ม
“อย่าคิดว่าการย้ายบ้านจะช่วยให้หนีพวกเราพ้น”
“จนกว่าคุณจะใช้หนี้หมด เราจะตามไปทุกที่เหมือนเงา”
ออสตาพูดเสียงสั่น
“ผ…ผมกำลังจะมีเงินแล้ว! พรุ่งนี้จะรีบจ่ายคืนให้บางส่วน!”
“ดีมาก” สุภาพบุรุษพยักหน้ายิ้มๆ
แล้วก็พลิกกล้องยาสูบกลับหัว จี้ส่วนที่ยังไหม้ลงบนผิวหน้าออสตา
ออสตาเจ็บจนตัวเกร็ง แต่ก็ไม่กล้าส่งเสียงดัง
‘สุภาพบุรุษ’ ดึงกล้องยาสูบกลับ แล้วพูดอย่างสุภาพ
“ให้คิดเสียว่านี่เป็นการจ่ายดอกเบี้ย…”
“ถ้าพรุ่งนี้คุณไม่มีจ่าย เราจะพรากไปหนึ่งนิ้ว”
พูดจบ เขาวางมือทาบอกพร้อมกับโค้งตัวด้วยความสุภาพ
“ไว้พบกันพรุ่งนี้ สหาย”
ลูเมี่ยนบนบันได เห็นฉากนี้แล้วก็ยกมุมปากพึมพำ
“ตอนนี้ทุกคนแม้แต่สุนัข ก็เลียนแบบเกอร์มันกันหมดแล้วหรือ?”
ด้วยความสำเร็จอย่างล้นหลามของชุดนิยาย ‘นักผจญภัยผู้ยิ่งใหญ่’ ที่แต่งโดยฟอร์ส·วอลล์ ผู้คนจำนวนไม่น้อยบนทวีปเหนือใต้พยายามเลียนแบบเกอร์มัน·สแปร์โรว์ คำพูดอย่าง ‘นี่ถือว่าสุภาพแล้ว’ กับ ‘นี่คือพร หรือคำสาป’ กลายเป็นที่แพร่หลาย
เมื่อคนกลุ่มดังกล่าวเดินเข้ามาใกล้ ลูเมี่ยนก้มศีรษะลงพร้อมกับเปิดทางให้ ทำตัวดุจดังผู้เช่าอพาร์ตเมนต์ทั่วไปที่เห็นก๊วนอันธพาล
เสียงฝีก้าวอันวุ่นวายดังห่างออกไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเงียบเชียบ
ลูเมี่ยนหันไปมองออสตา·ทรูเอล และพบว่าอีกฝ่ายกลับเข้าห้องพร้อมกับปิดประตูไม้แล้ว
ครุ่นคิดอยู่สักพัก เด็กหนุ่มเลื่อนมือซ้ายขึ้นมาจับหมวก เดินออกจากบันได ตรงไปทางประตูห้องของออสตา
ผ่านไปไม่นาน ออสตาเปิดประตูด้วยท่าทีสั่นกลัว กล่าวอย่างหวาดผวา
“ว…วันนี้ผมยังไม่มีเงินคืนให้จริงๆ ครับ…”
ยังพูดไม่จบก็ชะงักไปกลางคัน
ร่างของลูเมี่ยนกำลังสะท้อนอยู่บนกระจกตา
เด็กหนุ่มกางแขนออก ไถ่ถามด้วยรอยยิ้มแจ่มใส
“ตกใจไหม?”
“ค…คุณ… คุณ…” ออสตาผงะถอยหลังราวกับเห็นผี
ลูเมี่ยนเดินตามเข้าไปในห้อง ยิ้มแล้วพูดกับออสตา·ทรูเอล
“ฉันน่ะ อยากลืมความเจ็บปวดในอดีตจริงๆ นะ… เพียงแต่เป็นคนรอบคอบ คอยระแวงว่าจะถูกใครหลอกเงินไปแล้วหัวเราะคิกคักลับหลัง ทำเหมือนฉันเป็นคนโง่”
……………………………………………………..