ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 132 แมงป่องดำ
- Home
- ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability)
- ตอนที่ 132 แมงป่องดำ
ตอนที่ 132 แมงป่องดำ
ปัง!
มาร์โกต์หลบมีดสั้นชั่วร้ายอย่างคล่องแคล่ว ปืนลูกโม่ในมือไม่อาจไล่ตามการเอนตัวมาด้านหน้าของลูเมี่ยนทัน กระสุนจึงพุ่งชนกำแพงฝั่งตรงข้าม จนสะเก็ดหินกระเด็นกระดอน
ท่ามกลางเสียงก๊องแก๊ง ปรอทเสื่อมทรามพุ่งผ่านมาร์โกต์ไปอีกครั้ง ตกลงบนพื้นไม่ไกลนัก
ลูเมี่ยนดีดตัวลุกขึ้นอย่างคล่องแคล่ว เท้าขวาเหยียบลงบนหลังเท้าอีกฝ่าย ป้องกันมิให้มาร์โกต์กระทุ้งเข่าใส่ตน
เด็กหนุ่มรีบเข้าประชิดตัว ใช้สองมือโรมรัน สองศอกป้องกัน สองเท้าเตะสลับยัน สองเข่ากระแทกไปข้างหน้า กดดันให้มาร์โกต์ทำได้เพียงป้องกันตัว ไม่มีโอกาสเล็งยิง
วายร้ายรายนี้รู้สึกเหมือนตนถูกโหมโจมตีราวกับพายุบุแคม อีกฝ่ายคอยประชิดตัวไม่ห่าง ไม่เปิดโอกาสให้ใช้ปืน
สำหรับมาร์โกต์ วิธีสู้แบบนี้ทั้งแปลกใหม่และเป็นภัยคุกคาม
โครม!
ข้อศอกของมาร์โกต์เข้ากระแทกกับกำแพง รุนแรงจนบ้านสั่นเบาๆ
กรับ!
ข้อมือขวาของมาร์โกต์บิดไปด้านหลังเล็กน้อย ปืนลูกโม่สีดำหลุดออกจากมือ ตกลงบนพื้น
ผัวะผัวะผัวะ! ลูเมี่ยนใช้มือ ศอก เข่า เท้า โหมบุกอย่างไม่ลดละ กดดันศัตรูจนถอยหลังซวนเซ ทำได้เพียงตั้งรับอย่างเต็มกลืน
ลงเอยด้วย มาร์โกต์ต้องป้องกันตัวด้วยสัญชาตญาณเท่านั้น เพราะความคิดไล่ตามการเคลื่อนไหวของลูเมี่ยนไม่ทัน
แต่เขาเริ่มคุ้นชินกับรูปแบบการโจมตีของอีกฝ่าย เริ่มเข้าใจลูกไม้ตุกติก อาศัยเพียงการตอบสนองของกล้ามเนื้อ ก็สามารถรับมือการโจมตีไว้ได้ทั้งหมด
ในอีกไม่ช้าก็จะสบช่องให้สวนกลับ!
อาศัยสัญชาตญาณ มาร์โกต์ยกเท้าขวาขึ้นเพื่อป้องกันการเตะต่ำของอีกฝ่าย
แต่ในความเป็นจริง ไม่มีสิ่งใดมากระแทกกับขาขวา
เท้าซ้ายของลูเมี่ยนเหยียดยื่นในท่าพิสดาร เกินกว่าขีดจำกัดร่างกายของมนุษย์ เกี่ยวเข้ากับมีดสั้นสีเงินดำที่นอนนิ่งอยู่ข้างๆ
การโจมตีอันดุเดือดก่อนหน้านี้ของเด็กหนุ่ม มีจุดประสงค์เพียงเพื่อบีบให้มาร์โกต์ถอยเข้าใกล้ปรอทเสื่อมทราม
มีดสั้นสีเงินดำพุ่งแหวกอากาศ ตรงดิ่งไปยังต้นขาของมาร์โกต์
มาร์โกต์ที่ถูกกดดันอย่างหนักจากลูเมี่ยน แถมยังยืนขาเดียว เคลื่อนไหวร่างกายได้ไม่อิสระนัก ทำได้เพียงรีบชักเท้าขวากลับ เบี่ยงร่างเล็กน้อยเพื่อหลบหลีกการโจมตี
ปรอทเสื่อมทรามพุ่งถากต้นขามาร์โกต์ไปเล็กน้อย จนกางเกงขายาวสีน้ำเงินกรมท่าเกิดรอยขาด พร้อมกับสร้างบาดแผลที่ไม่ลึกแต่มีเลือดซึม
ผัวะผัวะผัวะ! ลูเมี่ยนอาศัยวิชาหมัดมวยที่เรียนจากโอลัวร์ โหมบุกกดดันอย่างบ้าคลั่งอีกครั้ง ทำให้มาร์โกต์ไม่มีเวลาจัดการกับแผลที่ขา
โชคยังดีที่แผลไม่ลึก เลือดซึมปริ่มๆ เท่านั้น
ตึง!
มาร์โกต์ที่ก้าวถอยหลัง กระแทกเข้ากับกำแพง
ตลอดศึกที่ผ่านมา เขามิได้เปล่งเสียงเลยสักครั้ง เนื่องจากคู่ต่อสู้อุดหูไว้พร้อม จนไม่เกรงกลัวการยั่วยุของตน
มาร์โกต์เลือดขึ้นหน้า ใจเต้นระรัวอย่างเกรี้ยวกราด หวังแลกอาการบาดเจ็บเพื่อพลิกสถานการณ์ จะได้หลุดพ้นจากวิกฤติที่กำลังเผชิญ
ทันใดนั้น แขนที่เขายกขึ้นมาตั้งการ์ด มิได้กระทบกับสิ่งใดเลย
มาร์โกต์งุนงงปนตกใจ เมื่อเห็นชายแปลกหน้าที่พันหน้าด้วยผ้ารัดแผลสีขาว รีบฉากถอยกลับไป สร้างระยะห่างกับตน
วินาทีถัดมา ชายแปลกหน้าหันหลังกลับทันที ตวัดปลายเท้างัดมีดสั้นสีเงินดำลอยขึ้นจากพื้น แล้วใช้มือซ้ายคว้าเอาไว้
มาร์โกต์ชะงักไปราวๆ หนึ่งลมหายใจ เตรียมจะไล่ตามไป แต่ก็ได้ยินเสียงอื้ออึงดังมาจากปากซอยเสียก่อน
ตำรวจสองนายที่กำลังลาดตระเวนยามดึก ได้ยินเสียงปืน ประกอบกับได้รับแจ้งจากผู้อยู่อาศัยที่ ‘หนีลงมา’ เพราะเหตุไฟไหม้ รีบรุดมายังจุดเกิดเหตุพร้อมกับปืนสั้นกึ่งอัตโนมัติสีดำ
“มีเรื่องอะไรกัน? พวกแก๊งหนามพิษอีกแล้วหรือ? คราวนี้ก่อเรื่องอะไรอีกล่ะ?” เมื่อเห็นว่าเป็นคนคุ้นเคย หนึ่งในตำรวจขมวดคิ้วถาม
มองหน้าตำรวจสองนายที่สวมเสื้อเชิ้ตสีขาว กั๊กสีดำ แจ็กเกตเครื่องแบบสีดำ มาร์โกต์ตอบแบบขอไปที
“ฉันถูกทำร้าย… มาช้าไปแล้วคุณตำรวจ!”
ถึงจะพูดแบบนั้น แต่ในใจกลับรู้สึกโชคดีที่ตำรวจมาไม่ช้าเกินไป ไม่อย่างนั้นตนคงถูกล่าเข้าจริงๆ
อีกฝ่ายน่าจะเป็นลำดับ 8 ‘นักยั่วยุ’ ที่ต่อสู้ระยะประชิดเก่งกาจกว่าตนชัดเจน ซ้ำยังวางแผนมาอย่างรอบคอบ คุมความได้เปรียบตั้งแต่ต้น
ตำรวจที่เป็นคนถาม ทำหน้าตึงใส่
“งั้นก็ตามพวกเราไปให้ปากคำที่โรงพัก เราจะช่วยสืบหาคนที่ทำร้ายนาย…”
“แล้วนี่ใช่ปืนของนายไหม?”
ตำรวจชี้ไปยังปืนลูกโม่ที่ตกอยู่บนพื้น
มาร์โกต์ยิ้มเยาะ
“ให้พวกตำรวจช่วยสืบหา? ฮะฮะ! มุกนี้ตลกที่สุดที่ฉันได้ยินในปีนี้เลย!”
“ปืนนั้นเป็นของคนร้าย พวกนายเอาไปเถอะ”
พอพูดจบก็ตรวจสอบบาดแผลตัวเองคร่าวๆ เพื่อยืนยันว่าไม่ถูกพิษเล่นงาน
ถัดมา เขาเดินออกจากซอยโดยไม่แยแสตำรวจทั้งสองนาย
ตำรวจคนแรกที่ถามชักสีหน้า เตรียมจะชักปืน แต่ก็ถูกเพื่อนร่วมงานกดมือไว้
กลับมาถึงถนนไนติงเกลอีกครั้ง สีหน้าของมาร์โกต์พลันหมองคล้ำ
ความคิดแรกตามสัญชาตญาณคือรีบกลับบ้าน อาศัยกับดักที่วางไว้ล่วงหน้า เพื่อเอาตัวรอดจากการโจมตีระลอกถัดไป ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้
แต่ไม่กี่วินาทีต่อมา มาร์โกต์ล้มเลิกแผนการ โดยพบว่ามันยังไม่เพียงพอ
เขาตัดสินใจไปบ้านของบอสใหญ่แก๊งหนามพิษ ‘แมงป่องดำ’ โรเจอร์ เพื่อบอกเรื่องที่ตนถูกโจมตี และขอพักค้างคืนที่นั่น
มาร์โกต์นึกสถานที่ที่ปลอดภัยกว่านี้ไม่ออกแล้ว
หลังจากพันแผลที่ขาขวาพอเป็นพิธี เขารีบวิ่งเต็มฝีเท้า จากถนนไนติงเกลไปถึงถนนใหญ่ตลาด วิ่งไปแถวๆ สถานีรถไฟซูสิต จนมาถึงหน้าอาคารสามชั้นหมายเลข 126 ที่ด้านหลังเป็นแปลงดอกไม้
ไม่นานก็ได้พบ ‘แมงป่องดำ’ โรเจอร์ในห้องอ่านหนังสือ
อีกฝ่ายเป็นชายวัยกลางคน ผมสีดำตั้งชันไปด้านหลัง ใบหน้าอวบอูม ดวงตาสีน้ำเงินเย็นชาแลลุ่มลึก
โรเจอร์สวมชุดนอนผ้าไหมสีน้ำเงิน มองไปยังมาร์โกต์อย่างไร้อารมณ์
“ถูกคนทำร้ายมา?”
“ครับ” มาร์โกต์เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างละเอียด
ดวงตาสีน้ำเงินของโรเจอร์มืดลงกะทันหัน ประหนึ่งเชื่อมต่อกับห้วงลึกที่มองไม่เห็นก้น หรือนรกอันไร้แสงสว่าง
ผ่านไปสักพัก เขาพยักหน้าเล็กๆ
“ไม่มีร่องรอยคำสาป”
“แต่ก็อย่าเพิ่งวางใจ เลือดของนายยังติดอยู่บนมีดเล่มนั้น”
โรเจอร์กล่าว เดินเข้าไปใกล้มาร์โกต์พร้อมกับพูด
“ฉันจะช่วยนายขจัดปัญหาเบื้องต้นก่อน”
“ขอบคุณครับบอส” มาร์โกต์ทำหน้าโล่งใจอย่างเห็นได้ชัด
เขาตามโรเจอร์ออกจากห้องสมุด เดินลงบันไดไปยังห้องใต้ดิน
หลังจากกดสวิตช์ เปิดโคมไฟแก๊สติดผนัง ‘แมงป่องดำ’ โรเจอร์ชี้ไปยังรูปปั้นกลางห้องพร้อมกับกล่าว
“เปิดมันออก แล้วคลานเข้าไปข้างใน”
เป็นรูปปั้นหญิงสาวใบหน้าอ่อนโยน เก็บรายละเอียดรอยยับเสื้อผ้าได้สมจริงอย่างยิ่ง
มาร์โกต์เดินไม่กี่ก้าวก็ถึงรูปปั้น ดึงประตูลับตรงท้องรูปปั้นออก แล้วมุดเข้าไปข้างใน
เมื่อประตูลับปิดสนิท ห้องใต้ดินก็เงียบสงัดจนผิดวิสัย
‘แมงป่องดำ’ โรเจอร์จ้องมองรูปปั้น พลางท่องภาษาเฮอร์มิสโบราณออกมาหนึ่งคำ
“กำเนิดใหม่!”
สิ้นเสียงคาถา เปลวไฟมายาสีดำลุกโชนขึ้นบนผิวรูปปั้น ลักษณะค่อนข้างพร่ามัว ลื่นไหลเหมือนสายวารี เผาไหม้อย่างเงียบงัน
ผ่านไปราวๆ ครึ่งนาที โรเจอร์จึงบอกกับมาร์โกต์
“ออกมาได้”
นี่คือหนึ่งในวิธีขจัดคำสาป — อาศัยพิธีกรรมที่ต้องเข้าไปในท้องของรูปปั้นหญิงสาวแล้วออกมาใหม่ เปรียบเสมือนกับการ ‘เกิดใหม่’ เมื่อผนวกกับพลังวิเศษที่สอดคล้องกัน จะสามารถตัดการเชื่อมโยงกับสิ่งที่ตกไปอยู่ในมือศัตรูได้
“ไปรอฉันในห้องหนังสือ เดี๋ยวจะหาเบาะแสของคนที่ทำร้ายนายให้” โรเจอร์เห็นว่ามาร์โกต์ปลอดภัยดีแล้ว จึงสั่งออกไปอย่างนั้น
มาร์โกต์พยักหน้ารับ รีบเดินออกจากห้องใต้ดิน กลับไปยังห้องอ่านหนังสือ ดึงเก้าอี้ออกมานั่ง
นาทีแล้วนาทีเล่าผ่านไป มาร์โกต์พลันรู้สึกว่าร่างกายหนักผิดปกติ ทั้งตัวเหมือนกำลังจมน้ำ เปียกชื้นและหนาวเหน็บ
การหายใจเริ่มกลายเป็นยากลำบาก
รูม่านตาของมาร์โกต์เบิกกว้างในทันที แต่กลับมองไม่เห็นสิ่งใดเลย
เขาพยายามดิ้นรนสุดชีวิต แต่คล้ายกับถูกมัดด้วยเชือก การขยับแขน มือ และขาเป็นไปอย่างยากลำบาก
ตุ้บ!
ในที่สุดมาร์โกต์ก็ล้มลงกับพื้น แต่ความผิดปกติยังไม่หายไป ใบหน้าเริ่มเขียวคล้ำ ปากอ้ากว้าง ความคิดเริ่มพร่าเลือน
ทำไม… ถึงตรงนี้ มาร์โกต์ค่อยๆ ดำดิ่งลงสู่ความมืดมิด
จากประตูห้องใต้ดิน โรเจอร์เดินออกมาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“มีพลังอันแข็งแกร่งคอยแทรกแซงการทำนาย…”
“นี่ไม่ใช่เรื่องธรรมดาแล้ว…”
“…” ‘แมงป่องดำ’ โรเจอร์ครุ่นคิดขณะเดินกลับไปยังห้องอ่านหนังสือ
วินาทีถัดมา สายตาของเขาก็แข็งค้าง
โรเจอร์เห็นมาร์โกต์นอนกองอยู่กับพื้น ใบหน้าเขียวคล้ำ ส่วนล่างเปียกชื้น ไม่หายใจอีกต่อไป
หัวหน้าหน่วยของแก๊งหนามพิษรายนี้ หลังจากทำพิธีขจัดคำสาป กลับเสียชีวิตอย่างลึกลับในสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุดของแก๊งหนามพิษ ต่อหน้า ‘แมงป่องดำ’ โรเจอร์
…………
โรงแรมระกาทอง ห้อง 207
ลูเมี่ยนที่เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว พยักหน้าอย่างพึงพอใจ
ปรอทเสื่อมทรามแจ้งข่าวด้วยการสั่นสะเทือนว่า การแลกเปลี่ยนชะตากรรมเสร็จสิ้นแล้ว
หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง มาร์โกต์กำลังเผชิญหน้ากับการจู่โจมจากวิญญาณมงต์ซูรี
หลังจากทำให้อีกฝ่ายบาดเจ็บ ต้องรออีกสักพักกว่าการแลกเปลี่ยนชะตากรรมจะเกิดขึ้น ระยะเวลาขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่นประเภทของชะตากรรมที่แลกเปลี่ยน พลังและระดับการต่อต้านจากจิตใต้สำนึกของเหยื่อ ไล่ตั้งแต่ห้านาทีไปจนถึงครึ่งชั่วโมง แต่หากเป้าหมายคือตัวลูเมี่ยนเอง และเขาเปิดใจรับ จิตใต้สำนึกร้อนรนอยากแลกเปลี่ยนชะตากรรม ผลลัพธ์จะเกิดขึ้นเร็วมาก ใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาที หรือสิบกว่าวินาทีเท่านั้น
มองไปยังมีดสั้นสีเงินดำในมือ ลูเมี่ยนพูดยิ้มๆ
“ถ้ามีเวลา ฉันจะสอนรหัสมอร์สให้แกด้วย ไม่อย่างนั้น ทุกครั้งที่ต้องสื่อสารกัน ทางนี้ต้องคอยกลั่นกรองคำตอบจากการตอบสนองของแก มันยุ่งยากเกินไป”
ปรอทเสื่อมทรามที่กำลังสั่นใบมีด พลันหยุดนิ่งในทันที คล้ายกับตะลึงไป
ลูเมี่ยนที่ประสบความสำเร็จในการล่า กำลังอารมณ์ดี จึงแซวด้วยรอยยิ้ม
“แกกำลังสงสัยอยู่สินะ ว่าทำไมตัวเองถึงต้องเรียน? เกิดเป็นคนต้องมีเป้าหมาย มีดก็เช่นกัน หรือแกอยากใช้ชีวิตแบบนี้ตลอดไป?”
เด็กหนุ่มถามต่อ
“แล้วคราวนี้แลกเปลี่ยนชะตากรรมอะไรมาล่ะ?”
ลูเมี่ยนถามพลางแผ่พลังวิญญาณเข้าไปในมีดสั้นสีเงินดำที่มีลวดลายซับซ้อน
อาศัยความช่วยเหลือจากปรอทเสื่อมทราม เด็กหนุ่มค่อยๆ เข้าใจเนื้อหาของ ‘หยดชะตากรรม’ ที่ถูกกักเก็บอยู่ในมีด
นั่นก็คือ: ชะตากรรมที่มาร์โกต์ได้รับปึกธนบัตรจากลูกน้องหลายๆ คน
“เลือกได้ไม่เลว” ลูเมี่ยนที่ยุ่งอยู่กับการต่อสู้ ได้ ‘มอบหมาย’ ให้ปรอทเสื่อมทรามเลือกชะตากรรมด้วยตัวเอง เพียงเปรยๆ ไว้ว่าตนกำลังเงินขาดมือ
หลังจากชมเชยปรอทเสื่อมทราม เด็กหนุ่มก็จมอยู่กับความคิด
“ถ้าแลกเปลี่ยนกับชะตากรรมนี้แล้ว… มันจะกลายเป็นจริงในรูปแบบไหน?”
……………………………………………………..