ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 149 อาคมพิธีกรรมห้าอย่าง
- Home
- ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability)
- ตอนที่ 149 อาคมพิธีกรรมห้าอย่าง
ตอนที่ 149 อาคมพิธีกรรมห้าอย่าง
ลูเมี่ยนไม่รีบร้อนประกอบพิธีกรรม เนื่องจากเมื่อวานยุ่งมาทั้งวันแล้ว สภาพร่างกายไม่สู้ดีนัก จำเป็นต้องพักผ่อนหรือรอจนถึงหกโมงเช้าเพื่อรีเซตร่างกายเสียก่อน ประการที่สอง นี่เป็นพิธีกรรมที่เกี่ยวข้องกับสององค์ซ่อนเร้นผู้มีฤทธิ์ปนเปื้อนหมู่บ้านจนตกอยู่ในวัฏจักร หากเกิดข้อผิดพลาดกลางคัน อย่าว่าแต่โรงแรมระกาทองเลย เกรงว่าทั้งถนนอลเวงก็อาจไม่รอดพ้น ผู้คนล้มตายไปเป็นเบือ
ดังนั้น ลูเมี่ยนว่าจะรอให้ถึงเช้ามืดเสียก่อน จึงค่อยลงไปยังส่วนลึกของโลกใต้ดิน หาหลุมเหมืองหินมาเป็นสถานที่จัดพิธีกรรม
สำหรับวัสดุ เขานำทุกสิ่งที่เคยใช้ในหมู่บ้านกอร์ตูติดตัวมาด้วย
ถนนอลเวงยามค่ำคืนไม่เคยเงียบ แต่ลูเมี่ยนกลับหลับลึกเหลือเกิน แทบไม่ฝันถึงสิ่งใด หลับรวดเดียวจนถึงเช้าตรู่ จนได้ยินเสียงวิหารตีระฆัง
เด็กหนุ่มลุกจากเตียงอย่างไม่รีบร้อน ออกไปล้างหน้าแปรงฟัน แล้วเดินทางไปยังร้านกาแฟบนถนนเสื้อนอกขาว สั่งพายลูกพลัม แพนเค้กซาวาแรงต์ และกาแฟโอเล่ต์ที่ใส่นมเต็มพิกัดมาเป็นมื้อเช้า
อาหารอร่อยๆ ทำให้คนเรามีความสุขได้เสมอ โรงแรมระกาทองก็หลุดพ้นจากอิทธิพลของแก๊งหนามพิษแล้ว สภาพของลูเมี่ยนจึงค่อยๆ เข้าใกล้จุดที่สมบูรณ์ที่สุด
เขาย้อนกลับมายังห้อง 207 ตระเตรียมวัตถุดิบที่จำเป็น รวมถึงโคมไฟคาร์ไบด์ เพื่อมุ่งหน้าเข้าสู่โลกใต้ดินของกรุงทรีอาร์
ลูเมี่ยนเพิ่งเตรียมความพร้อมเสร็จ ยังไม่ทันจะได้ออกจากห้อง ก็ได้ยินเสียงเคาะประตูเบาๆ
เด็กหนุ่มเปิดประตูด้วยความสงสัยเล็กๆ และพบว่าบุคคลด้านนอกคืออ็องโตนี·รีด ผู้มาในชุดสีเขียวทหารและบูตหนังไร้เชือก
นักค้าข่าวในวัยสี่สิบกว่ารายนี้ ลูบเรือนผมสีเหลืองสั้นเกรียนของตนพลางพูดว่า
“ผมได้ข้อมูลมาบ้างแล้ว”
หลวงพ่อ หรือไม่ก็คุณนายปัวริส หรือไม่ก็พวกลูกน้องของเธอ? ลูเมี่ยนเบี่ยงตัวหลบให้อ็องโตนี·รีดเดินเข้าไปข้างใน
อ็องโตนีมองไปรอบๆ จนกระทั่งนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มของเขาสะท้อนภาพลูเมี่ยน
แทบจะในเวลาเดียวกัน ลูเมี่ยนสัมผัสถึงความอึดอัดใจอันคุ้นเคยอย่างแผ่วจาง
เด็กหนุ่มควบคุมตัวเองมิให้ฟุ้งซ่าน แล้วจึงเปิดปากถาม
“ข้อมูล?”
อ็องโตนี·รีดพยักหน้าแผ่วเบาพร้อมกับตอบ
“มีคนพบบุคคลที่คล้ายคลึงลูอิส·ลุนด์บนถนนใหญ่ตลาด… ผมกำลังหมายถึงพ่อบ้านของคุณนายปัวริส”
บนถนนใหญ่ตลาด? ลูเมี่ยนพลันตื่นตัว
ตัวเรา ลูอิส·ลุนด์ และคุณนายปัวริส อาจจะอยู่ใกล้กันกว่าที่คิด?
“คุณแน่ใจไหม?” เด็กหนุ่มย้อนถามด้วยจังหวะพูดเร็วๆ
อ็องโตนี·รีดส่ายหน้า
“ยังไม่แน่ใจ ผมแค่มาแจ้งข่าวเพื่อให้คุณสบายใจว่าทางนี้ยังไม่ลืมคำว่าจ้าง… ไว้เมื่อไรมั่นใจว่าอีกฝ่ายคือลูอิสลุนด์จริงๆ ผมจะแวะมาเรียกเก็บค่าจ้างส่วนที่เหลือแน่”
“เงินของผมอยากบินออกจากกระเป๋าผมใจจะขาดแล้วเนี่ย” ลูเมี่ยนไม่คิดปิดบังความร้อนใจของตน
หลังจากส่งอ็องโตนี·รีดกลับไป เด็กหนุ่มยิ่งกระหายที่จะรับพร ‘ภิกษุบิณฑบาต’ มากขึ้น
…
โคมไฟคาร์ไบด์ปล่อยแสงสีน้ำเงินอ่อนๆ ขับไล่ความมืดมิดรอบข้าง เผยให้เห็นถนนที่ขนาบข้างด้วยต้นเสาหิน
ลมเย็นๆ พัดผ่านจากที่ใดก็ไม่ทราบได้ ผนังหินด้านบนมีร่องรอยความชื้นอย่างรางเลือน
ลูเมี่ยนเดินผ่านอุโมงค์ที่สอดคล้องกับถนนด้านบนผิวดิน เพื่อหาทางเข้าสู่ส่วนที่ลึกยิ่งกว่าเดิม
อาศัยพลังในการจดจำสภาพแวดล้อมของนักล่า เด็กหนุ่มเดินไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมาถึงโพรงเหมืองหินที่กว้างพอๆ กับโรงแรมระกาทองสองสามแห่งเรียงต่อกัน
แถวนี้มีเห็ดสีขาวผุดขึ้นตามร่องหิน กระจายตัวอย่างไม่หนาแน่น ปริมาณไม่มากมายอะไร
จากคำบอกเล่าของชาร์ลี ชาวบ้านละแวกถนนอลเวงมักหาโพรงใต้ดินที่คล้ายคลึงกันเพื่อปลูกเห็ดสำหรับใช้สอยภายในบ้าน หลายปีมาแล้วที่ ‘เห็ดทรีอาร์’ กลายเป็นชื่อเรียกพืชประเภทดังกล่าว แต่ชัดเจนว่าเห็ดรอบๆ ตัวลูเมี่ยนล้วนเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ
เด็กหนุ่มสำรวจรอบโพรงอย่างละเอียดถึงสองรอบ
หลังจากยืนยันว่าไม่พบปัญหา เขามองหาหินใหญ่ที่สูงครึ่งเมตร เพื่อวางเทียนมัสก์ที่ผสมเลือดตัวเองวางไว้ในตำแหน่งสูง ส่วนอีกเล่มวางไว้ใกล้กับตน
หลังจากทำความสะอาดรอบๆ ลูเมี่ยนจุดเทียนสีเทาขาวทั้งสองเล่มตามลำดับ โดยอาศัยการเสียดสีพลังวิญญาณ
ถัดมา เด็กหนุ่มหยิบกริชเงินพิธีกรรมขึ้นมาถือ ประกอบพิธีชำระล้างแล้วสร้างกำแพงวิญญาณ
ต่างจากคราวก่อนที่ขอพลังนักเต้น หลังจากตระเตรียมเบื้องต้นเสร็จ พลังวิญญาณของลูเมี่ยนยังคงอุดมสมบูรณ์ ง่ายต่อการเข้าสู่สภาวะล่องลอยเพื่อดำเนินพิธีส่วนต่อไป ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาการเผาธูปช่วยแล้ว
เด็กหนุ่มหายใจออกเชื่องช้าหยิบน้ำหอมอำพันสีเทาบน ‘แท่นบูชา’ หยดลงบนเทียนแทนตัวองค์เทพ
ท่ามกลางเสียงซู่ซ่า กลิ่นหอมอ่อนๆ ปนหวานชื่นลอยโชยเข้าสู่นาสิกประสาท มอบความสงบจิตสงบใจให้เด็กหนุ่ม
ถัดจากน้ำหอมอำพันสีเทาคือผงทิวลิป รอจนกระทั่งกลิ่นประหลาดๆ ฟุ้งกระจายจนเต็มกำแพงวิญญาณ ลูเมี่ยนจึงค่อยถอยหลังสองก้าว ขณะจ้องมองเปลวไฟเทียนไขที่กำลังลุกไหม้ ก็เปล่งภาษาเฮอร์มิสโบราณด้วยเสียงทุ้มต่ำ
“ข้าแต่อำนาจแห่งชะตากรรมเอ๋ย!”
เกิดเสียงลมดังวูบวาบ เปลวไฟสีส้มบนเทียนไขที่แทนองค์เทพถูกลมพัดจนสั่นคลอน เหลือเพียงจุดเล็กๆ ราวกับพร้อมจะดับได้ทุกเมื่อ
ท่ามกลางแสงที่สลัวลงไป หน้าอกซ้ายลูเมี่ยนเริ่มร้อนผ่าว หัวสมองเริ่มอื้ออึง
เขาได้ยินเสียงลึกลับที่คุ้นเคยอีกครั้ง คล้ายกับดังมาจากไกลอนันต์แต่ก็ใกล้มหันต์ เสียงดังกล่าวขาดความชัดเจน ช่วยไม่ให้ถูกความเจ็บปวดครอบงำ
ลูเมี่ยนยังคงท่อนคาถาบทต่อไปเป็นภาษาเฮอร์มิสโบราณ
“ท่านผู้เป็นอดีต เป็นปัจจุบัน เป็นอนาคต…”
“ท่านผู้เป็นเหตุ เป็นผล เป็นกระบวนการ…”
ภายในกำแพงวิญญาณ สายลมที่มองไม่เห็นถูกย้อมเป็นสีดำทั้งหมด รอบตัวเด็กหนุ่มเริ่มมีหมอกสีเทาอ่อนปกคลุม
หินรอบตัว ขวดรอบตัว คล้ายกับพวกมันกลายเป็นวัตถุยืดหยุ่นได้ แต่ละชิ้นเริ่มบิดเบี้ยว
อย่างเงียบงัน เปลวไฟเทียนไขแทนองค์เทพเริ่มขยายใหญ่เท่ากำปั้น สีเงินปนดำ
บนผิวหนังของลูเมี่ยน รวมถึงบนหินรอบข้าง อนุภาคแล้วอนุภาคเล่าผุดขึ้นบนพื้นผิว พองออกสลับกับยุบเข้า ประหนึ่งเตรียมเจาะออกมาในทุกลมหายใจ
โสตประสาทของเด็กหนุ่มท่วมท้นไปด้วยเสียงอันน่าพรั่นพรึงนั่น จนไม่อาจรับรู้ถึงสิ่งอื่นอีก หัวสมองวิงเวียนแทบอยากจะอาเจียน
ความคิดของเขาบ้างก็กระจัดกระจาย บ้างก็สับสน แต่ก็ฝืนทนท่องคาถาไปจนจบ
เมื่อลูเมี่ยนท่องจบ เปลวไฟสีเงินปนดำก็กลายเป็นหนึ่งลำแสง สาดมายังหน้าอกซ้ายของเด็กหนุ่ม
จากหน้าอกซ้าย ของเหลวสีเงินดำที่ราวกับมีชีวิตและเจตจำนงเริ่มไหลออกมา ห่อหุ้มร่างกายของลูเมี่ยนไว้
ลูเมี่ยนเตรียมใจไว้อยู่แล้ว ท่ามกลางความกระสับกระส่ายที่มิอาจหักห้าม เขารอคอยความเจ็บปวดที่ราวกับถูกเข็มแทงทั่วร่าง รอคอยเสียงเพรียกอันคมชัดที่มอบความรู้สึกเหมือนถูกเลื่อยสมอง รอคอยความรู้สึกของการถูกแผดเผาที่แผ่ซ่านไปทั่วร่าง
เด็กหนุ่มล้มลง ตัวงอเป็นกุ้ง เข้าสู่ภาวะทุกข์ระทมและฝืนทนอันคุ้นเคย
สิ่งเดียวที่เขาทำได้ คือการรักษา ‘เรือเล็ก’ ที่แทนจิตสำนึกของตน ให้รอดพ้นจาก ‘คลื่น’ ที่ถูกกระตุ้นโดยพายุ
ในระหว่างนี้ มีหลายครั้งหลายหนที่เขาอยากปล่อยตัวปล่อยใจ ปล่อยให้ความคิดชั่วร้ายเข้าครอบงำ หลอมรวมเป็นเนื้อเดียวกับความเจ็บปวดอย่างสมบูรณ์ จะได้หลุดพ้นจากความทุกข์ทรมานเหล่านี้เสียที แต่กลิ่นหอมอ่อนๆ ผสมหวานชื่นยังคงคุกรุ่นอยู่ปลายจมูก ช่วยให้ความฉุนเฉียวและโกรธเคืองเดี๋ยวก็เพิ่มเดี๋ยวก็ลด
ในที่สุด ลูเมี่ยนไม่รู้สึกถึงการดำรงอยู่ของร่างกายและสมองอีกต่อไป หลงเหลือเพียงจิตวิญญาณที่มีเหตุและผลล่องไปลอยมา
ความเจ็บปวดเริ่มบรรเทาลง เสียงเพรียกเริ่มเลือนราง ในวินาทีนี้ เด็กหนุ่มได้ทราบว่าเขารอดแล้ว
ลูเมี่ยนนอนอยู่บนพื้นเย็นๆ อย่างเงียบงัน ไม่มีความคิดที่จะขยับไปไหน
ไม่กี่สิบวินาทีถัดมา เมื่อพลังงานฟื้นฟูกลับคืนบางส่วน เขารีบสิ้นสุดพิธีกรรม ทำความสะอาดแท่นบูชาเพื่อป้องกันเหตุไม่คาดคิด
จัดการทั้งหมดเสร็จ ลูเมี่ยนหย่อนก้นนั่งบนก้อนหินที่เพิ่งใช้เป็นแท่นบูชา แล้วเริ่มตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงอย่างจริงจัง
ไม่นานก็พึมพำกับตัวเองเงียบๆ
“เราสามารถทนต่อสภาพแวดล้อมที่โหดร้ายได้มากขึ้นนิดหน่อย…”
“หึหึ… ข้อดีคือไม่ต้องเสียเงินซื้อเสื้อผ้าฤดูหนาวกับฤดูร้อนสินะ?”
นอกจากนี้ ลูเมี่ยนยังค้นพบว่าตนมีสัญชาตญาณแบบใหม่
สัญชาตญาณเกี่ยวกับดวงชะตา!
ตอนนี้เขาสามารถรับรู้ดวงชะตาของผู้อื่นได้เบื้องต้น ไม่ว่าจะเป็นโชคดี โชคร้าย โชกเลือด หรือดวงความรัก แต่ไม่อาจเห็นแบบเฉพาะเจาะจง
หรือก็คือ ลูเมี่ยนทราบเพียงว่าอีกฝ่ายกำลังดวงตก ถูกโชคร้ายครอบงำ แต่บอกไม่ได้ว่าจะโชคร้ายอย่างไร หรือนานแค่ไหน
“สมแล้วที่เป็นภิกษุผู้นับถืออำนาจแห่งชะตากรรม…” ลูเมี่ยนประทับใจอย่างแท้จริง พลางตระหนักว่าตนสามารถ ‘ดูดวง’ ให้คนอื่นแทนออสตา·ทรูเอลได้แล้ว
แม้ว่าเขาจะไม่รู้อะไรเกี่ยวกับศาสตร์การทำนายเลย แต่ในเมื่อสามารถเห็นดวงชะตาได้คร่าวๆ การปั้นน้ำเป็นตัวเพื่อให้ดูน่าเชื่อถือจะทำไม่ได้เชียวหรือ?
นอกจากนี้ ในหัวลูเมี่ยนยังมีภูมิปัญญาด้านศาสตร์พิธีกรรมสังเวยเพิ่มเข้ามา รวมถึงอาคมพิธีกรรมอีกห้าชนิด
ประเภทแรกช่วยเติมเต็มข้อบกพร่องทางศาสตร์เร้นลับของตนได้มาก ประเภทหลังช่วยเสริมสร้างเทคนิคศาสตร์เร้นลับให้แน่นยิ่งขึ้น
อาคมพิธีกรรมทั้งห้าชนิดประกอบด้วย ‘ศาสตร์การสร้างปศุสัตว์’ ‘ศาสตร์การดูดวง’ ‘ศาสตร์การเปลี่ยนชะตา’ ‘ศาสตร์การสลับตัว’ และ ‘ศาสตร์การไล่ผี’
‘ศาสตร์การสร้างปศุสัตว์’ คืออาคมพิธีกรรมประเภทหนึ่ง โดยใช้หนังและขนสัตว์ของแกะ วัว และตัวอื่นๆ เพื่อเปลี่ยนเป้าหมายในแท่นบูชาให้กลายเป็นสัตว์ที่สอดคล้องกัน สามารถใช้กับตัวเองได้ แต่ต้องจำคาถาสำหรับยกเลิกที่กำหนดไว้ล่วงหน้าให้ดี หรือไม่ก็รอจนกว่าผลของพิธีกรรมจะสิ้นสุดลง เพื่อกลับคืนร่างมนุษย์ ระหว่างที่เป็นสัตว์จะพูดไม่ได้ และใช้พลังวิเศษส่วนใหญ่ไม่ได้
‘ศาสตร์การดูดวง’ แตกต่างจากที่ลูเมี่ยนจินตนาการไว้โดยสิ้นเชิง ขั้นตอนประกอบด้วยการรวบรวมวัตถุดิบ เช่นถุงพิษงู หรือหินจากรังอินทรี เพื่อใช้อาคมพิธีกรรมสร้างยาประหลาดขึ้นมา จากนั้นก็หาศพที่ยังตายไม่เกินเจ็ดวัน ยังไม่ถูกฌาปนกิจเป็นเถ้ากระดูกหรือผ่านการชำระล้าง แล้วเทยาลงไปในปากศพ รอสักสามสิบวินาที ศพจะฟื้นขึ้นมาชั่วคราวเพื่อตอบคำถามของผู้ประกอบพิธีกรรมสามข้อ
‘ศาสตร์การเปลี่ยนชะตา’ คือการใช้อาคมพิธีกรรมสร้างวัตถุที่เชื่อมโยงกับโชคร้ายของตน หากมีใคร ‘เปิด’ ‘กิน’ ‘เหยียบ’ หรือ ‘สวมใส่’ วัตถุดังกล่าว โชคร้ายก็จะถูกโอนถ่ายไปยังอีกฝ่ายทันที ช่วยให้ดวงชะตาของผู้ประกอบพิธีเปลี่ยนไป
‘ศาสตร์การสลับตัว’ ยิ่งซับซ้อนแล้วใหญ่ ลูเมี่ยนเชื่อว่านี่คือพลังของ ‘นักล่าชะตากรรม’ ในลำดับที่ต่ำลงมา ยกตัวอย่างเช่น หากเขาอยากหลุดพ้นจากการตามรังควานของซูซานน่า·มาติส ก็ต้องหาคนไร้บ้านมาใช้ชีวิตในนามของชาร์ลสักระยะ ตลอดช่วงเวลาดังกล่าวต้องอาศัยอยู่ในห้อง 207 ใช้เงินทั้งหมดของลูเมี่ยน ได้รับการยอมรับจากชาร์ลีและคนใกล้ตัว เพื่อสร้างการเชื่อมโยงทางศาสตร์เร้นลับที่เพียงพอ จากนั้นก็ประกอบพิธีกรรม ‘แทน’ เพื่อสิ้นสุดกระบวนการ
เมื่อจบพิธี การแก้แค้นจากซูซานน่า·มาติสจะหันเหไปหาคนไร้บ้านนั่นแทน มิใช่ลูเมี่ยน
แน่นอน ลูเมี่ยนไม่มั่นใจว่า ‘ศาสตร์การสลับตัว’ ที่ลำดับ 8 จะสามารถหลอกซูซานน่า·มาติสผู้มีระดับใกล้เคียงครึ่งเทพได้หรือไม่ ดีไม่ดีอาคมพิธีกรรมอาจล้มเหลวกลางคันด้วยซ้ำ
……………………………………………………..