ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 16 จดหมาย
ตอนที่ 16 จดหมาย
ไรอันส่ายหัว
“จดหมายเขียนไว้แค่สองประโยค เนื้อหาเรียบง่ายมาก ดูคล้ายกับการขอความช่วยเหลือจากคนที่กำลังประสบปัญหาใหญ่”
“ได้ระบุปัญหาเอาไว้ไหม?” ลูเมี่ยนถอนหายใจโล่งอก
ไม่ว่าจะเป็นจดหมายที่โอลัวร์เขียนถึงเพื่อน หรือที่อีกฝ่ายเขียนกลับมา ย่อมไม่มีทางมีแค่สองประโยคแน่
“ไม่” ไรอันถอนหายใจเบาๆ
แค่เห็นจดหมายขอความช่วยเหลือสองบรรทัดก็ยอมมาแล้วหรือ? อาจจะเป็นแค่การกลั่นแกล้งก็ได้นี่? แม้แต่คนของศาลก็ยังไม่ขยันทำงานขนาดนี้…ทำไมถึงได้ใจกว้างและมีความรับผิดชอบขนาดนั้น…ลูเมี่ยนแอบแซว
ตามนิสัยแล้ว เขาต้องพูดความคิดเหล่านี้ออกไปทันที แต่เมื่อคำนึงว่าต้องรีดข้อมูลโดยไม่ให้อีกฝ่ายโกรธหรือรีบตัดบท เด็กหนุ่มฝืนหักห้ามใจตัวเองไว้
แต่ลูเมี่ยนก็ทราบดีเช่นกัน ว่าทางไรอันคงไม่ได้บอกตนทุกเรื่อง จะต้องมีปัจจัยหรือเหตุผลอื่นอีกแน่ ที่ทำให้ทั้งสามถ่อมาถึงหมู่บ้านกอร์ตูเพื่อค้นหาเจ้าของจดหมายที่แทบไม่เขียนบอกอะไรไว้เลย
“หืม…” ลูเมี่ยนลูบคาง แล้วจึงเสนอทีเล่นทีจริงแบบไม่มีอะไรจะเสีย “ลองเอาจดหมายมาให้ฉันดูไหม ดูจากลายมืออาจจะบอกได้ว่าใครเขียน”
วาเลนไทน์เจ้าของผมโรยแป้ง มองด้วยสายตาทำนอง ‘คิดว่าเราโง่หรือไง’
ลีอาถามยิ้มๆ
“วิเคราะห์ลายมือได้ด้วย?”
“ก็พอไหว” ลูเมี่ยนตอบอย่างจริงใจ
แล้วจึงเสริมเงียบๆ
การที่แยกลายมือระหว่างของเรากับของโอลัวร์ออก ก็ถือเป็นการวิเคราะห์ลายมือเหมือนกัน…
“เปล่าประโยชน์” ไรอันส่ายหัวอีกครั้ง “ทุกคำในจดหมายตัดมาจากหนังสือเล็กปกฟ้า ประโยคถูกสร้างขึ้นจากการตัดแปะทีละตัว”
รอบคอบสุดๆ …ทำไมเราถึงคุ้นกับวิธีนี้จังเลยนะ? สงสัยจะฟังเรื่องเล่าของโอลัวร์มากเกินไป…ถ้าเป็นการขอความช่วยเหลือ ทำไมถึงต้องปกปิดตัวตนด้วยล่ะ? กลัวว่าจดหมายขอความช่วยเหลือจะถูกดักอ่านจนถูกสาวมาถึงตัว? ลูเมี่ยนพยายามวิเคราะห์ความคิดของผู้เขียนจดหมาย
เด็กหนุ่มจงใจเผยสีหน้าคล้ายกับฉุกคิดได้
“หืม…เกือบทุกครอบครัวในหมู่บ้านจะมีหนังสือเล็กปกฟ้า…ที่คุณชวนพวกเขาคุย ก็เพื่อจะตะล่อมถามว่าหนังสือเล็กปกฟ้ายังอยู่ดีไหม…”
“แต่คนเขียนจดหมายอาจจะแอบซื้อหนังสือเล็กปกฟ้าเล่มใหม่มาตัด พอใช้เสร็จแล้วก็ทิ้ง”
“ก็แค่หนึ่งในวิธีน่ะ” ไรอันพูดจาสุขุม
“ยังมีวิธีอื่น?” ลูเมี่ยนถามยังกับเป็นพวกเดียวกัน
ไรอันคิดสักพักแล้วจึงพูด
“ในเมื่อเป็นการขอความช่วยเหลือ แปลว่าคนเขียนจดหมายได้รับอันตราย…แปลว่าจะต้องเกิดเรื่องบางอย่างขึ้น และนั่นจะต้องทิ้งร่องรอยไว้”
“สมเหตุสมผล” ลูเมี่ยนทำหน้าเห็นใจพวกไรอัน ราวกับว่าเขากำลังเผชิญความยากลำบากแบบเดียวกัน
เด็กหนุ่มรับปากอย่างจริงใจ
“กะหล่ำปลีของฉัน ฉันจะช่วยจับตาดูให้นะ ถ้าโชคดีอาจได้พบเบาะแสอะไรบ้าง”
“ขอบคุณ” ไรอันตอบอย่างสุภาพ
ลีอาที่เปลี่ยนท่าทีต่อลูเมี่ยนมาได้สักพักแล้ว เอ่ยปากถาม
“ในเมื่อเราเป็นสหายกัน ฉันขอถามได้ไหม”
“ไม่ต้องเกรงใจ” ลูเมี่ยนตอบยิ้มๆ พลางส่งภาษากายให้พูดต่อ
“ทำไมชาวบ้านในร้านเหล้าถึงต้องหัวเราะเวลาที่เธอเรียกเราว่ากะหล่ำปลี?” ลีอาดูจะคาใจกับเรื่องนี้
แม้จะเป็นชื่อเล่นที่น่าอาย แต่มันก็เป็นภาษาถิ่น ตามหลักแล้วไม่ควรสร้างเสียงหัวเราะ
ลูเมี่ยนตอบอย่างเถรตรง
“กะหล่ำปลีในคำสแลงหมายถึง ‘คนน่ารัก’ หรือ ‘ที่รัก’ ดังนั้นคำว่า ‘กะหล่ำปลีของฉัน’ หรือ ‘กะหล่ำปลีน้อย’ จึงมักใช้ในสองบริบทหลักๆ …หนึ่งคือใช้กับเพื่อนสนิท และอีกหนึ่งคือเวลาที่ผู้อาวุโสพูดกับผู้เยาว์ ทำนองเดียวกับ ‘กระต่ายน้อยของฉัน’ หรือ ‘ไก่น้อยของฉัน’”
เด็กหนุ่มเน้นยำคำว่า ‘สนิท’
จากนั้นก็เสริมด้วยใบหน้าไร้เดียงสา
“ฉันแค่หวังว่าพวกเราจะสนิทกันได้”
เขาทำหน้าใสซื่อ ตอกย้ำว่าตนรู้จักแค่ความหมายตรงๆ ของ ‘สนิท’ โดยไม่มีความนัยอื่นแอบแฝง
งี้นี่เอง…นายแค่อยากเป็น ‘ลูกพี่’ ของเราในสายตาคนอื่น…ในที่สุดลีอาก็เข้าใจเหตุผลที่ชาวบ้านหัวเราะ
คำอธิบายของลูเมี่ยนอาจไม่จริงทั้งหมด แต่ก็ดีพอจะโน้มน้าวเธอได้
ไรอันพยักหน้าพร้อมกับถาม
“ยังมีอะไรอีกไหม”
“ไม่แล้ว” ลูเมี่ยนไม่อยากทำตัวไฟแรงเกินเหตุ ด้วยเกรงว่าอาจถูกอีกฝ่ายสงสัยเจตนา จนนำไปสู่การสืบสวนตนกับโอลัวร์
พี่สาวของตนทนรับการสืบสวนไม่ไหวแน่!
หลังจากดูพวกลีอาจากไปพร้อมกับเสียงกรุ๊งกริ๊ง ลูเมี่ยนนั่งลงหน้าทางเข้าร้านเหล้าคร่ำครึ รอคอยให้สตรีลึกลับที่ยังไม่ทราบเจตนาตื่นนอน
ผ่านไปสักพัก คู่หูของเขา—แรมงด์·เคร็กก์—เดินเข้ามาหา
“ลูเมี่ยน คิดไว้หรือยังว่าจะตามสืบตำนานไหนต่อ” แรมงด์ถามทันทีที่เห็นหน้า
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา แรมงด์กระตือรือร้นที่จะขุดคุ้ยตำนานยิ่งกว่าลูเมี่ยนเสียอีก คงเพราะไม่มีฝันแปลกๆ หรือหนทางอื่นในการได้ครอบครองขุมทรัพย์
“ยังเลย” ได้เห็นนกฮูกนั่นกับตา ลูเมี่ยนไม่กล้าขุดตำนานอะไรทั้งนั้น จนกว่าจะได้เห็นภาพรวมของเรื่องราว
เด็กหนุ่มแต่งเรื่องสดๆ
“อีกไม่กี่วันก็จะถึงมหาพรตแล้ว สนใจเทศกาลก่อน อย่างอื่นไว้ทีหลัง”
“ก็จริง” แรมงด์เห็นด้วย และมองว่ามีเหตุผล “ช่วงนี้ฉันก็ไม่ต้องเป็น ‘เด็กเฝ้ายาม’ ไปสักพักเหมือนกัน ไว้กลับไปทำใหม่หลังเทศกาลมหาพรต…ต่อให้ผู้คนต้อนฝูงสัตว์เข้ามาช่วงนี้ก็คงไม่เกิดความเสียหายมากนัก”
“หรือก็คือ…นายไม่ต้องออกจากหมู่บ้านไปอีกหลายวัน?” ลูเมี่ยนถามกลับ
เห็นแรมงด์ผงกหัว เขาพูดยิ้มๆ
“บังเอิญจังเลยนะ…ฉันก็ออกจากหมู่บ้านไม่ได้สักพักเหมือนกัน”
“ทำไมล่ะ” แรมงด์ถามอย่างไม่เข้าใจ
ลูเมี่ยนหรี่เสียงลง กล่าวด้วยสีหน้าขึงขัง
“เมื่อเช้าน่ะ ฉันได้เจอกับนกฮูกตัวนั้น…ตัวที่อยู่ในตำนานจอมเวทน่ะ มันบอกว่าถ้าไม่ใช่เพราะในหมู่บ้านมีโบสถ์ที่เทพคอยปกปักรักษา มันจะขโมยวิญญาณของฉันไปโยนลงห้วงลึก…”
แรมงด์ที่ได้ฟัง พลันตกใจปนหวาดกลัว
ร่างกายสั่นระริกไปทุกส่วน
“ระ…เรื่องจริงหรือ?”
“ฉันก็บอกอยู่ว่าเราไม่ควรไปยุ่งกับสัตว์ชั่วร้าย…”
พูดถึงตรงนี้ แรมงด์สังเกตเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าลูเมี่ยน
“…” จากนั้นก็นึกขึ้นได้ว่า อีกฝ่ายเป็นคนประเภทไหน
“แกล้งอำฉันอีกแล้ว? สนุกมากไหม?” เขาทั้งโกรธและกังวล
โกรธตัวเองที่ตกหลุมพรางของลูเมี่ยนซ้ำซาก ทั้งที่รู้ว่าอีกฝ่ายมีนิสัยอย่างไร และเคยแกล้งตนไว้มากแค่ไหน
“นายเชื่อเรื่องสุดโต่งแบบนั้นเข้าไปได้ยังไง” ลูเมี่ยนหัวเราะในลำคอ
ประโยคนี้ต่างหากที่โกหก…เพื่อให้นายไม่สติแตกจนไปสารภาพบาปที่โบสถ์…เด็กหนุ่มเสริมในใจ
“เฮ้อ…” แรมงด์ผ่อนคลาย
ลูเมี่ยนหันไปเตือน
“แม้เรื่องที่ฉันเล่าจะไม่จริง แต่ก็อยากเตือนไว้เอาว่า การตามขุดคุ้ยตำนานอาจนำพามาซึ่งอันตราย ถ้าเป็นไปได้ก็อย่าออกจากหมู่บ้านโดยไม่มีความคุ้มครองจากโบสถ์”
พูดจบ เด็กหนุ่มพึมพำเงียบๆ
นี่ก็ความจริงเหมือนกัน…เรื่องราวส่วนใหญ่ที่เล่าเมื่อครู่อาจถูกแต่งขึ้น แต่ก็มีความจริงปะปนอยู่ไม่น้อย…ถ้าไม่ใช่เพราะอยากได้ความช่วยเหลือจากนายในอนาคต ฉันคงไม่เสียเวลาตักเตือนหรือถ่ายทอดคำแนะนำของโอลัวร์ให้ฟังแบบอ้อมๆ …คนอื่นจะอยู่หรือตายก็ไม่เกี่ยวกับฉันสักหน่อย
แรมงด์นึกถึงความกลัวเมื่อสักครู่ จึงผงกหัวรับด้วยความเข้าใจ
“ตกลง!”
เขาหยุดพูดถึงตำนาน แล้วหันไปถามเรื่องอื่น
“นายจะโหวตใครเป็นนางฟ้าใบไม้ผลิ?”
นางฟ้าใบไม้ผลิคือตัวเอกในการเฉลิมฉลองต่างๆ ของเทศกาลมหาพรต อีกทั้งยังเป็นสัญลักษณ์ของฤดูใบไม้ผลิ ในเขตดาลีแอช หญิงงามที่ยังไม่ออกเรือนจะถูกเลือกโดยการโหวตจากคนทั้งหมู่บ้าน ตัวเต็งส่วนใหญ่จึงเป็นหญิงสาว
“เอวาล่ะมั้ง” ลูเมี่ยนตอบแบบขอไปที “เธออยากเป็นนางฟ้าใบไม้ผลิสักครั้งไม่ใช่หรือไง”
“ฉันก็จะเลือกเธอเหมือนกัน” แรมงด์แอบถอนหายใจด้วยความยินดี
เมื่อวานเอวาพูดอ้อมๆ ให้เขาเลือกเธอ เด็กหนุ่มจึงคิดว่าตนควรช่วยรวบรวมคะแนนเสียงให้ได้เยอะๆ
…
นอกบ้านหลังหนึ่ง ไม่ไกลจากร้านเหล้าคร่ำครึมากนัก
ไรอัน ลีอา และวาเลนไทน์ไม่รีบร้อนที่จะหาชาวบ้านมา ‘ชวนคุย’
“บอกเด็กนั่นไปมากขนาดนั้นจะดีหรือ” วาเลนไทน์ยกมือขึ้นมาป้องจมูกกับปาก
อากาศที่นี่เหม็นตุๆ กลิ่นมูลสัตว์
ลีอาเล่นกระดิ่งเงินบนหัวพลางพูด “ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะมีปัญหาไหม แต่ฉันยืนยันได้เรื่องหนึ่ง…ผลการทำนายบอกว่า เขาคือหนึ่งในผู้ช่วยที่มีประโยชน์”
“หากสถานการณ์ไม่คืบหน้า หนึ่งในวิธีสืบข่าวที่ได้ผลก็คือ แกล้งปล่อยข้อมูลบางส่วนออกไป เพื่อให้ผู้เกี่ยวข้องหวาดกลัวจนต้องเป็นฝ่ายเคลื่อนไหว” ไรอันอธิบายความตั้งใจ “จากนี้ไปก็คอยจับตาดูเขาให้มากขึ้น สังเกตว่ากำลังทำอะไร หรือแอบไปพบใคร”
…
หลังแยกกับแรมงด์ ลูเมี่ยนเดินเข้าร้านเหล้าคร่ำครึ และเห็นหญิงสาวที่ยกไพ่ทาโรต์ให้ตนกลับมานั่งที่มุมเดิม
วันนี้เธอสวมเสื้อเชิ้ตสตรีสีขาว กางเกงขายาวหลวมๆ สีอ่อน ข้างๆ มือมีหมวกฟางทัดดอกไม้เล็กๆ สีเหลืองสองสามดอก
ในกระเป๋าเดินทางคงมีชุดเพียบเลยสินะ? เล่นเปลี่ยนมันทุกวัน…ไม่ได้ดูตระหนี่เหมือนพวกลีอา…ลูเมี่ยนถอนหายใจขณะเดินเข้าไปใกล้ แล้วนั่งลงฝั่งตรงข้ามหญิงสาว
ระหว่างนั้นก็เหลือบไปเห็นอาหารเช้าของอีกฝ่าย
พายเนื้อเบิ้มๆ ข้างในเป็นซอสบางๆ
เค้กลาวาชิ้นเล็กๆ จำนวนหนึ่ง
ผลไม้ตามฤดูกาลหั่นชิ้น
เครื่องดื่มใสๆ สีอ่อนที่มีอย่างอื่นปนอยู่
ร้านเหล้าคร่ำครึหาของแบบนี้ให้ไม่ได้แน่…ลูเมี่ยนชี้ไปที่แก้วเครื่องดื่ม ถามราวกับสนิทสนมกัน
“แก้วนี้คืออะไร? ดูไม่เหมือนแอลกอฮอล์เลย”
“เครื่องดื่มพิเศษน่ะ…ชื่อ ‘น้ำมันมนตร์วีนัส’” หญิงสาวตอบผ่านๆ “ชงโดยการผสมน้ำอบเชย น้ำตาล วานิลลา และน้ำมันดอกป๊อปปี้เข้าด้วยกัน…ผับแห่งหนึ่งในทรีอาร์คิดค้นขึ้นมา”
คำว่า ‘วีนัส’ มีต้นกำเนิดจากมหาจักรพรรดิโรซายล์ พระองค์เคยกล่าวไว้ในเรื่องเล่าของตน ว่าวีนัสคือหญิงงามที่คู่ควรกับตำแหน่งเทพธิดาแห่งความงาม
“ได้มาจากไหนน่ะ ผสมเอง?” ลูเมี่ยนเชื่อว่าแม้แต่เมืองที่ใกล้ที่สุดอย่างดาลีแอช ก็ไม่มีขายของแบบนี้
หญิงสาวยิ้ม
“ในฐานะนักท่องเที่ยว การได้รับสิ่งที่ถูกต้องในเวลาที่เหมาะสม คือส่วนหนึ่งของสัญชาตญาณมืออาชีพ”
“ไม่เข้าใจอ่ะ” ลูเมี่ยนยอมรับซื่อๆ
จากนั้นก็เปลี่ยนเรื่องคุย
“ฉันจัดการสัตว์ประหลาดคราวก่อนได้แล้ว แต่ดันไปเจอตัวที่อันตรายกว่าอีกสอง…”
เด็กหนุ่มบรรยายสัตว์ประหลาดสามหน้า กับสัตว์ประหลาดสะพายปืนลูกซอง แล้วจึงกล่าว
“ฉันรู้สึกว่าพวกมันต่างก็มีพลังเกินกว่าขีดความสามารถของมนุษย์…เกินกว่าฝีมือของฉันด้วย พอจะมีวิธีจัดการไหม?”
หญิงสาวกัดเค้กลาวาหนึ่งคำ กลอกตาเล็กน้อยก่อนจะพูดยิ้มๆ
“ไม่แน่ใจเรื่องสัตว์ประหลาดสามหน้า แต่กับตัวที่สะพายปืนลูกซอง เธอจัดการมันได้เองแน่นอน ตราบใดที่ใช้ความพิเศษของตัวเองให้เกิดประโยชน์”
“ความพิเศษของฉัน…อะไรล่ะพี่พิเศษ?” ลูเมี่ยนประหลาดใจปนสับสน
แม้แต่ฉันยังไม่เคยรู้เลยว่ามี!
หญิงสาวมองหน้าอีกฝ่าย ขณะพูดยังคงยิ้มแย้ม
“ความฝันของเธอยังไงล่ะ…ในฐานะเจ้าของฝัน เธอย่อมมีอภิสิทธิ์บางอย่าง แค่ยังหามันไม่พบ”
…………………………………………………….