ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 18 “ไม่อ้อมค้อม”
- Home
- ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability)
- ตอนที่ 18 “ไม่อ้อมค้อม”
ตอนที่ 18 “ไม่อ้อมค้อม”
คุณนายปัวริส…ลูเมี่ยนพลันสะดุ้ง รู้สึกราวกับถูกตามมา ‘ปิดปาก’ ถึงบ้าน
เมื่อนึกถึงพี่สาวที่อยู่ชั้นบน นึกถึงพลังวิเศษของเธอ เด็กหนุ่มสงบใจลงหลายส่วน
ลูเมี่ยนหายใจออกช้าๆ แล้วเดินไปเปิดประตูบ้าน
ด้านนอกมีสตรีสองนางยืนอยู่ คนข้างหน้าสวมเดรสยาวคอร์เซ็ต (Corset) สีดำที่ตัดมาอย่างประณีต พาดผ้าคลุมไหล่สีเดียวกัน สวมถุงมือผ้าโปร่งยาว ศีรษะสวมหมวกกลมเล็กสไตล์สตรี ปรับมุมเอียงเล็กน้อยเพื่อเพิ่มความน่ารัก
เธอแต่งดำทั้งตัว ยกเว้นสร้อยคอเพชรกลางหน้าอกที่ขลิบทอง
คิ้วค่อนข้างบาง นัยน์ตาสีน้ำตาลสว่างแฝงอารมณ์ยิ้มแย้ม ผมยาวสีน้ำตาลถูกเกล้ามวยสูง อวัยวะบนใบหน้าอาจไม่โดดเด่นหากมองแยกกัน แต่เมื่อรวมกันกลับงดงามแบบเกลี้ยงเกลาและมีเสน่ห์ เมื่อผนวกกับกิริยาท่าทางที่สง่างามและสุภาพ บรรยากาศหม่นๆ แซมสีแดงด้านนอกประตูบ้านกลับดูสดใสขึ้นทันตา แถมยังได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ลอยฟุ้งในอากาศ
ไม่ใช่ใครนอกจากคุณนายปัวริส ภรรยาของเจ้าหน้าที่ปกครองประจำหมู่บ้านกอร์ตูและผู้พิพากษาเขต
แน่นอน ในใจลูเมี่ยนยังเพิ่มฉายาอย่าง ‘ชู้รักนักบวช’ ‘คนที่น่าจะเป็นจอมเวท’ ‘คนที่น่าจะส่งจดหมายขอความช่วยเหลือ’ ‘เรือนร่างขาวโพลนในโบสถ์’ แต่สิ่งเหล่านี้ไม่เหมาะที่จะพูดออกไป ไม่เช่นนั้นอาจทำให้คุณนายปัวริสเปลี่ยนสีหน้า
หากทำจริง อาจประสบความสำเร็จในการยั่วยุโทสะ แต่หายนะจะตามมาแทน
“คุณนายปัวริส…มีอะไรให้ช่วยหรือ?” ลูเมี่ยนจงใจเหล่มองท้องฟ้าด้านนอก สื่อเป็นนัยว่าการเยี่ยมเยียนยามวิกาลเช่นนี้ดูไม่เหมาะ
คุณนายปัวริส เจ้าของริมฝีปากสีแดงอวบอิ่มชุ่มชื้น สรุปอย่างนุ่มนวล
“ฉันมาเพื่อคุยบางอย่างกับโอลัวร์พี่สาวของเธอ”
ดูจากหน้าตาภายนอก เธอไม่เหมือนหญิงสาวอายุเกินสามสิบที่มีลูกสองคนเลย คล้ายกับสตรีในวัยยี่สิบเจ็ดยี่สิบแปดมากกว่า
ลูเมี่ยนคิดหนักเล็กน้อย ก่อนจะเปิดทางให้
เด็กหนุ่มพูดกับคุณนายปัวริสที่เดินเข้ามาในบ้าน
“โอลัวร์อยู่ชั้นบน กำลังเขียนคอลัมน์ลงหนังสือพิมพ์”
คุณนายปัวริสพยักหน้า แล้วพูดกับสาวใช้ข้างกาย
“คาสซี่ เธอรอฉันข้างล่างนะ”
“ค่ะ คุณนาย” คาสซี่ที่สวมชุดแม่บ้านสีดำขาว ก้าวไปทางเตาผิงที่แผ่ไออุ่น
ลูเมี่ยนนำคุณนายปัวริสผ่านห้องครัวตรงไปยังบันได
เมื่อทั้งสองเดินถึงหัวมุมบันได คุณนายปัวริสชะงักฝีเท้า
“มีอะไรหรือ?” ลูเมี่ยนหันกลับมา แสร้งทำเป็นฉงน
คุณนายปัวริสยิ้มแล้วถาม
“เธอตั้งใจพาคนต่างถิ่นทั้งสามไปที่โบสถ์ใช่ไหม”
มาเพื่อถามเรื่องนี้สินะ…แต่ไม่เพียงไม่ตื่นตระหนัก ลูเมี่ยนยิ่งสงบกว่าเดิม
ประสบการณ์ในการแกล้งชาวบ้านหลายๆ ครั้งสอนว่า ในสถานการณ์ทำนองนี้ ห้ามตอบคำถามคู่สนทนาโดยตรงหรือแก้ตัวเด็ดขาด ทางเลือกที่ดีที่สุดคือการยัดเยียดความผิด ประจานความผิดพลาดของอีกฝ่าย!
แน่นอนว่าขึ้นอยู่กับสถานการณ์ แผนสำรองคือการเผ่นหนี
ลูเมี่ยนรีบทำทีเป็นโกรธขึ้ง มองหน้าคุณนายปัวริสแล้วพูด
“เพราะพวกคุณบังอาจมีสัมพันธ์สวาทในโบสถ์ของพระองค์!”
เด็กหนุ่มกางแขนออก ทำท่าคล้ายกำลัง ‘โอบกอดสุริยัน’
“ข้าแต่พระองค์…พระบิดา…ได้โปรดประทานอภัยแด่ชายและหญิงเปื้อนบาป ผู้บังอาจละเมิดความศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ด้วย”
คุณนายปัวริสมองดูอย่างสงบ ริมฝีปากของเธอยกโค้งอย่างงดงาม
“ฉันคิดว่าพระองค์คงให้อภัยเรา”
“เคยอ่านจากหนังสือเล่มหนึ่ง มันเขียนไว้ว่า หญิงสาวที่ร่วมเตียงกับคนที่เธอรักอย่างแท้จริง สามารถล้างบาปทั้งหมดได้ ความรักจะทำให้ความสุขไร้มลทิน เพราะมันเกิดจากหัวใจที่บริสุทธิ์เหนืออื่นใด”
“การได้อยู่กับกิโยม·เบเนต์ทำให้ฉันมีความสุขอย่างยิ่ง องค์สุริยันเจิดจรัสย่อมไม่ถือโทษในเรื่องนี้ เพราะมันมิใช่บาป”
อ่านหนังสือแบบไหนมาล่ะนั่น…ลูเมี่ยนรำพันอย่างอดไม่ได้
คุณนายปัวริสยังกล่าวต่อ
“แต่มันก็…ถือว่าไม่เคารพต่อท่านนักบุญซิธจริงๆ นั่นแหละ”
แต่ละเขตในอินทิสจะมีเทวทูตหรือนักบุญประจำถิ่นอย่างน้อยหนึ่งคน อาจสังกัดศาสนจักรสุริยันเจิดจรัส ศาสนจักรเทพจักรกลไอน้ำ หรือเป็นบุคคลที่มีส่วนสำคัญกับประวัติศาสตร์อินทิส มีชื่อเสียงโด่งดัง และได้รับการยอมรับจากทั้งสองศาสนจักรใหญ่
ในเขตดาลีแอช นักบุญประจำเขตของ ‘สุริยันเจิดจรัส’ คือนักบุญซิธ นั่นหมายความว่าทุกโบสถ์ของศาสนาสุริยันเจิดจรัสในเขต สามารถเรียกว่าโบสถ์แห่งนักบุญซิธได้ทั้งสิ้น แต่เพื่อการจำแนก มีเพียงโบสถ์ใหญ่ที่สุดและเป็นศูนย์กลางเท่านั้นจึงจะใช้ชื่อดังกล่าว ส่วนโบสถ์อื่นๆ จะได้รับชื่ออื่นแทน
ดังนั้น การที่คุณนายปัวริสกับหลวงพ่อแอบเสพสังวาสกันในโบสถ์หมู่บ้านกอร์ตู เทียบได้กับการที่ ‘พ่อบ้าน’ ของนักบุญซิธแอบพาคนเข้ามา และใช้ห้องนอนของเจ้าบ้านกระทำในสิ่งที่ไม่บังควร ซึ่งนี่ถือเป็นการไม่เคารพนักบุญประจำเขต
“ก็แหงสิ” ลูเมี่ยนพยักหน้าหนักแน่น “หลวงพ่อไม่รู้สึกละอายใจบ้างเลยหรือไง”
คุณนายปัวริสหัวเราะเสียงดัง
หัวเราะเสร็จ เธอกล่าวกับลูเมี่ยน
“ตอนนั้นฉันพยายามเตือนเขาแล้ว เราคุยกันว่า ‘ไม่นะที่รัก เราจะทำเรื่องแบบนี้ในโบสถ์ของนักบุญซิธไม่ได้’”
“เธอรู้ไหมว่าหลวงพ่อตอบกลับมายังไง?”
“เขาบอกว่า ‘เฮอะ! นักบุญซิธช่วยอดทนไปก่อนนะ’”
ลูเมี่ยนที่ไม่ประสาในเรื่องทำนองนี้ ไม่รู้จะตอบเช่นไร
“เขากำลังละเมิดพระเกียรติของนักบุญ!” สุดท้ายก็พูดได้แค่นี้
คุณนายปัวริสทำหน้าคล้ายกำลังย้อนความหลัง
“เขาเป็นคนแบบนั้นแหละ กล้าหาญและตรงไปตรงมา เหมือนพวกโจรป่าที่คำรามถ้อยคำหยาบคายแล้วพุ่งเข้ามาในหัวใจ ต่างจากสุภาพบุรุษของดาลีแอชอย่างสิ้นเชิง”
“บางที…นั่นอาจเป็นเหตุผลที่ฉันยอมนอนกับเขา”
“มันก็แค่การแสดงออกของผู้ชายตอนกำลังเกิดอารมณ์ อย่าว่าแต่นักบุญซิธเลย กระทั่งเทพเขาก็คงบอกให้รอก่อน” ลูเมี่ยนแม้ไม่มีประสบการณ์ แต่เขาอ่านนิยายที่โอลัวร์เขียน และไม่ใช่แค่เล่มเดียว “ตอนนั้นอวัยวะท่อนล่างกำลังควบคุมสมอง ไม่สิ สมองคงว่างเปล่าและเต็มไปด้วยของเหลวอื่น”
คุณนายปัวริสยิ้มเบาๆ
“เรื่องนั้นฉันก็ทราบ แต่ตอนนั้นเขาดูมีเสน่ห์จริงๆ”
“หึหึ…เธอยังเป็นแค่ไก่อ่อน ย่อมไม่รู้ว่าคำพูดคำเดียวกัน สามารถทำให้คนฟังรู้สึกแตกต่างกันได้ ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมและบรรยากาศ”
“ฉันจำได้ว่าครั้งแรกที่มีอะไรกับหลวงพ่อ เขายืนจ้องตาฉันแล้วพูดว่า ‘ปัวริส ฉันอยากทำความรู้จักร่างกายและวิญญาณของเธอให้มากขึ้น’ ถ้าเป็นช่วงเวลาอื่น ฉันคงคิดว่านี่คือพฤติกรรมหยาบช้าของไอ้โรคจิต และคงตะโกนเรียกให้คนมาช่วย แต่ในเวลานั้น ร่างกายของฉันกลับอ่อนระทวย เพราะบรรยากาศมันได้ยังไงล่ะ”
พูดจบ คุณนายปัวริสยิ้มอย่างมีเสน่ห์
“ในทำนองเดียวกัน ถ้าฉันชอบผู้ชายสักคน ก็จะบอกกับเขาว่า ‘คืนนี้มาหาฉันที่บ้านได้ไหม?’”
“ถ้าเขามาจริง ฉันจะลากเข้าห้องนอนทันที แล้วกระซิบข้างหูว่า ‘ฉันอยากนอนกับคุณ ฉันรักคุณ’”
“ลูเมี่ยน ในสถานการณ์แบบนั้น ในฐานะเด็กหนุ่ม เธอจะตอบว่าอะไร?”
ลูเมี่ยนมักจะเล่าเรื่องตลกสัปดนกับพวกผู้ชายในหมู่บ้านเป็นประจำ แม้ตอนนี้จะรู้สึกกระอักกระอ่วนไม่เบา แต่ก็ยังครองสติไว้ได้ และพยายามนึกถึงเรื่องราวที่พี่สาวเขียน รวมถึงนิยายของนักเขียนยุคใหม่คนอื่นๆ ไตร่ตรองสักพักแล้วจึงตอบกลับไป
“ฉันจะตอบว่า… ‘มาดาม คุณคือดวงอาทิตย์ของฉัน’”
“หัวไวจริงๆ …” คุณนายปัวริสชื่นชม
ขณะพูดคุย คุณนายขยับเข้ามาใกล้ ดวงตาของเธอเริ่มชุ่มชื้น
ลูเมี่ยนรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นๆ ที่พัดผ่านใบหู
เสียงที่อ่อนโยนและพราวเสน่ห์ของสตรีดังขึ้นแผ่วเบา
“ฉันอยากนอนกับเธอ…”
ทันใดนั้น ลูเมี่ยนไม่อาจห้ามใจไม่ให้หวั่นไหว ร่างกายเริ่มชาและซาบซ่าน คล้ายเผลอไปจับโคมไฟชำรุดที่ไฟฟ้ารั่ว
ลูเมี่ยนพลันก้าวขึ้นบันไดหนึ่งขั้น พลางพูดกับคุณนายปัวริส
“อาฮะ” คุณนายปัวริสยืนตัวตรง บนหน้ามีรอยยิ้มอ่อนๆ ดวงตาที่เคยชุ่มชื้นกลับมาสงบ
ประหนึ่งว่าเมื่อครู่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น
ผู้หญิงคนนี้…ลูเมี่ยนถึงกับผวานิดๆ
เด็กหนุ่มรีบหันกลับ รีบจ้ำขึ้นชั้นสอง คุณนายปัวริสเดินตามไปอย่างไม่รีบร้อน ด้วยอากัปกิริยาเป็นธรรมชาติ
โอลัวร์ที่ได้ยินเสียงกริ่งประตู กำลังรออยู่นอกห้องนอนนานแล้ว
“ทำไมถึงช้านัก?” หญิงสาวมองลูเมี่ยน
ลูเมี่ยนอธิบายบ่ายเบี่ยง
“พอดีคุยกันเรื่องศาสนานิดหน่อย”
โอลัวร์ฟังแล้วเข้าใจทันที พร้อมกับส่งสายตาทำนอง ‘สวดวิงวอนขอพรจากองค์สุริยันเจิดจรัสซะนะ’ แก่น้องชายของตน
หญิงสาวหันไปมองคุณนายปัวริสที่เพิ่งขึ้นมาถึงชั้นสอง ถามด้วยรอยยิ้ม
“มีเรื่องอะไรหรือคะ?”
“ฉันอยากคุยเรื่องการเตรียมตัวสำหรับเทศกาลมหาพรตน่ะ มีงานฉลองบางอย่างที่อาจต้องการความช่วยเหลือจากเธอ” คุณนายปัวริสตอบยิ้มๆ
“แต่ช่วงนี้ฉันยุ่งมากเลย…” โอลัวร์หาข้ออ้างเพื่อปฏิเสธ
คุณนายปัวริสชี้ไปทางประตูห้องอ่านหนังสือแล้วพูด
“ลองฟังก่อนดีไหม?”
“ได้ค่ะ” โอลัวร์ยังคงรักษามารยาทในระดับหนึ่ง
เมื่อเห็นพี่สาวของตนกับคุณนายปัวริสเข้าไปในห้องอ่านหนังสือแล้วปิดประตูไม้ ลูเมี่ยนพยักหน้าบางๆ จนแทบจะมองไม่เห็น
“เธอทำตัวปกติมาก ไม่มีท่าทีหวาดกลัวขณะกลับมายัง ‘จุดเกิดเหตุ’ เลย…”
ทันใดนั้น ความคิดหนึ่งแวบวาบเข้ามาในหัว
“มีโอกาสไม่น้อยที่คุณนายปัวริสจะเป็นจอมเวท…ให้เธอช่วยตามหาพลังวิเศษดีไหม?”
“วิธีนี้ทั้งสะดวกและปลอดภัยกว่าการตามสืบตำนานจอมเวท การเผชิญหน้ากับนกฮูกนั่น หรือการสำรวจซากปรักหักพังอันตรายๆ ในความฝันมาก…”
“และอีกอย่าง สุดท้ายเราก็ต้องสำรวจซากปรักหักพังในความฝันอยู่แล้ว เพื่อรีบค้นหาความลับของมัน เพื่อรีบขจัดอันตรายโดยเร็ว ถ้ามีพลังวิเศษในมือล่ะก็ อันตรายระหว่างการสำรวจก็จะลดลง”
คิดถึงตรงนี้ ลูเมี่ยนพลันได้สติ จึงส่ายหน้ากับตัวเอง
เด็กหนุ่มเรียบเรียงความคิดใหม่ทั้งหมด
“นี่เรากำลังคิดบ้าอะไรอยู่…”
“ยังไม่ชัดเจนสักหน่อยว่าคุณนายปัวริสเป็นมิตรหรือศัตรู ทำไมถึงคิดอะไรโง่ๆ อย่างการเสี่ยงขอพลังวิเศษจากเธอ?”
“อา…พฤติกรรมเมื่อครู่ก็ดูไม่ใช่คนดีสักเท่าไร ทำเอาเราถึงกับผวา…”
“ช่วงนี้เราเป็นอะไรไปนะ…ดูรีบร้อนและบุ่มบ่ามที่จะไขว่คว้าพลังวิเศษมาให้ได้เหลือเกิน ยังกับว่าถ้าไม่ได้ครอบครองในวันสองวันนี้แล้วจะต้องตาย…”
ลูเมี่ยนค้นพบเรื่องที่พี่สาวเป็นจอมเวทมาเกือบสองปีแล้ว แม้ก่อนหน้านี้จะพยายามไขว่คว้าพลังวิเศษ แต่ก็ไม่เคยเอาจริงเอาจังเท่ากับในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ไม่ว่าโอกาสจะดีหรือแย่ จะเสี่ยงหรือปลอดภัย หากพบเห็นประกายความหวัง เด็กหนุ่มก็จะรีบตะครุบทันที ไม่ต่างจากคนหิวที่ไม่เลือกกิน
“ฟู่…โชคดีที่ตระหนักถึงปัญหาได้ทันเวลา ไม่อย่างนั้นคงเดินทางผิดไปเรื่อยๆ จนเหลือเพียงอันตรายรออยู่…” ลูเมี่ยนถอนหายใจยาว โล่งอกที่ความคิดกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง
แน่นอน เขาจะไม่หยุดตามหาพลังวิเศษ เพียงแต่ต้องเลือกเส้นทางอย่างระมัดระวัง
อย่าลืมว่าความฝันอันตรายนั่นเผยตัวจริงออกมาแล้ว และคลื่นใต้น้ำในหมู่บ้าน นานวันไปก็ยิ่งเชี่ยวกราก