ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 25 ลำดับและโอสถ
- Home
- ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability)
- ตอนที่ 25 ลำดับและโอสถ
ตอนที่ 25 ลำดับและโอสถ
ลูเมี่ยนเข้าไปในโรงเหล้าคร่ำครึ และต้องผิดคาดเมื่อพบว่าสตรีลึกลับตื่นแล้ว กำลังนั่งกินมื้อเช้าที่มุมเดิม
เป็นอีกครั้งที่เธอเปลี่ยนเครื่องแต่งกาย คราวนี้มาในกระโปรงยาวสีน้ำตาลคอตั้งฟู ข้างมือมีหมวกกำมะหยี่สีเข้มวางอยู่ คล้ายเพิ่งกลับจากงานซาลอนของชนชั้นสูง
“เช้าจัง?” ลูเมี่ยนรวบรวมสติแล้วเดินเข้าไปหา
หญิงสาวยกหัวขึ้น มองเขาอยู่สักพัก
“ฉันอาจจะไม่ได้นอนมาทั้งคืนก็ได้”
“ก็จริง…” ลูเมี่ยนไม่แปลกใจกับคำอธิบาย เพราะเมื่อใกล้ถึงวันส่งงาน พี่สาวของเขา โอลัวร์ มักจะต้องปั่นงานจนดึกดื่น เด็กหนุ่มเพียงสงสัยว่า เหตุใดสตรีลึกลับตรงหน้าถึงเอ่ยมันขึ้นมาอย่างกะทันหัน
เขาเหลือบมองไปที่ ‘โต๊ะอาหาร’ ของคู่สนทนา พบว่าอาหารที่วางอยู่ประกอบด้วยซูเฟล่นุ่มๆ ที่โรยด้วยถั่วนิดหน่อย แพนเค้กจี่กระทะที่ดูน่ากินอย่างยิ่ง ครัวซองต์หนึ่งชิ้น กาแฟสีเข้มหนึ่งถ้วย และคุกกี้ลิ้นแมว
เจริญอาหารดีจริงๆ …แต่ของพวกนี้ไม่น่าจะมีขายที่กอร์ตู นอกจากโอลัวร์แล้ว คนที่ปรุงขึ้นมาได้อาจมีแค่พ่อครัวในบ้านเจ้าหน้าที่ปกครอง…ลูเมี่ยนทิ้งตัวนั่ง กล่าวอย่างเป็นกันเอง
“ของหวานทั้งนั้นเลยนะ”
หญิงสาวพยักหน้าอย่างจริงจังเป็นครั้งแรก
“ของหวานของอินทิสรสชาติดีจริงๆ …แถมยังมีให้เลือกหลากหลาย ถึงจะกินทุกเช้า ก็สามารถกินได้หนึ่งเดือนโดยไม่ซ้ำกันเลย”
กล่าวจบ เธอกัดคุกกี้ลิ้นแมวหนึ่งคำ หลับตาลงครึ่งหนึ่ง ดื่มด่ำรสชาติสักพักก่อนจะพูดต่อ
“นี่แหละ หนึ่งในความหมายของการเดินทาง”
“คุณไม่ใช่คนอินทิส?” ลูเมี่ยนถือโอกาสถาม
หญิงสาวยิ้มๆ
“ฉันมาจากโลเอ็น แต่นั่นไม่ได้สำคัญอะไร”
โลเอ็นที่มีดีแค่เครื่องจักรไอน้ำ โรงงานอุตสาหกรรม กองทัพขนาดใหญ่ รวมถึงเก้าอี้เอนหลัง ซอสมินต์ ปลาทอดกับมันฝรั่ง และเบียร์ที่บ่มจากแอปเปิลแดง? ลูเมี่ยนผู้เป็นชาวอินทิสโดยกำเนิด นึกถึงคำพูดที่ทุกคนมักล้อเลียนราชอาณาจักรโลเอ็น
เด็กหนุ่ม ‘อืม’ ในคอแล้วพูดต่อ
“ฉันจัดการกับสัตว์ประหลาดสะพายปืนล่าสัตว์ไปแล้ว”
หญิงสาวจิบกาแฟหนึ่งคำ แล้วชมเชยด้วยน้ำเสียงค่อนข้างเฉยเมย
“ไม่เลวนี่”
ด้วยเหตุผลบางอย่าง ลูเมี่ยนรู้สึกว่ามีบางสิ่งแปลกๆ ในแววตาของผู้หญิงคนนี้
เขารู้สึกมาตั้งแต่การพูดคุยคราวก่อนแล้ว คล้ายกับเธอซุกซ่อนความรู้สึกบางอย่างไว้ใต้ความสนุกนานและขบขัน แต่อธิบายไม่ถูกว่าเป็นความรู้สึกแบบไหน
เด็กหนุ่มพูดต่อ
“ฉันได้รับของแปลกๆ สีแดงเข้มจากสัตว์ประหลาดนั่นด้วย แค่ลองถือก็รู้สึกโมโหและเต็มไปด้วยความอาฆาต”
“ทีแรกนึกว่าจะเป็นวัตถุที่เกี่ยวข้องกับพลังวิเศษ แต่มันกลับไม่ติดตัวออกมาที่โลกความจริง”
หญิงสาวพูดยิ้มๆ อีกครั้ง
“เข้าๆ ออกๆ มาก็หลายครั้งแล้ว ยังดูไม่ออกอีกหรือ ว่านอกจากสภาพของตัวเธอเอง สิ่งอื่นๆ ไม่อาจนำออกมาได้น่ะ?”
“ไหนคุณบอกว่าสิ่งที่เหนือธรรมชาติเป็นข้อยกเว้น…” ลูเมี่ยนชะงักไปก่อนจะได้พูดจบ
เขานึกถึงความเจ็บปวดในร่างกาย นึกถึงบาดแผลที่ได้รับในความฝัน นึกถึงความทรงจำที่ไม่หายไปเมื่อกลับสู่โลกความจริง
ไตร่ตรองสักพัก เด็กหนุ่มกล่าวหลังจากเรียบเรียงคำพูด
“คุณกำลังจะบอกว่า หากฉันได้รับพลังวิเศษจากก้อนสีแดงเข้มนั่น จนกลายเป็นผู้วิเศษ…สถานะที่แตกต่างจากมนุษย์ปกติในความฝัน สามารถนำออกมายังโลกความจริงได้?”
“หัวไวดี” หญิงสาวกล่าวโดยไม่เงยหน้าขึ้น ยังคงเพลิดเพลินไปกับซูเฟล่นุ่มๆ
“แต่พลังนั่นจะไม่ถูกบั่นทอนหรือ…” ลูเมี่ยนถามหน้าเครียด “บาดแผลที่ฉันได้รับในความฝัน เมื่อกลับมายังโลกความจริง มันทุเลาลงจากเดิมมาก”
“การเปลี่ยนแปลงเชิงสถานะที่เกิดจากตะกอนพลังวิเศษจะไม่ทุเลาลง” หญิงสาวเงยหน้ามองลูเมี่ยน “ถึงได้บอกไงว่ามีข้อยกเว้นในแง่พลังเหนือธรรมชาติ”
“ตะกอนพลังวิเศษ…” ลูเมี่ยนเคี้ยวคำในใจ
เด็กหนุ่มนึกทบทวนคำพูดของพี่สาว— ‘ผู้วิเศษ’
การได้รับตะกอนพลัง สามารถทำให้เรากลายเป็นผู้วิเศษ? ลูเมี่ยนเริ่มเข้าใจขึ้นมาบ้างแล้ว
อาศัยคำอธิบายจากสตรีตรงหน้า ลูเมี่ยนเริ่มคาดเดาเพิ่มเติมเกี่ยวกับความพิเศษของโลกความฝัน
ซากปรักหักพังนั่นอาจมีอยู่จริง หรือเดิมทีอาจตั้งอยู่ที่ใดสักแห่งบนโลกความจริง แต่ภายหลังได้จมลงสู่ความฝันส่วนลึกของผู้ยิ่งใหญ่สักคน ส่งผลให้เหตุการณ์ยังคงดำเนินต่อไป และฝันของเราคือช่องทางพิเศษ ซึ่งได้รับอิทธิพลจากสัญลักษณ์บนหน้าอก ทำให้เชื่อมต่อกับซากปรักหักพังนั่น?
จากทฤษฎีดังกล่าว บ้านของเราที่ปรากฏในฝัน คงเหมือนกับรอยประทับที่เราฝากไว้ในความฝัน…เป็นภาพสะท้อนของสถานที่ที่จิตใต้สำนึกเราคิดว่าปลอดภัยที่สุด จึงดูไม่สอดคล้องกับพื้นที่รกร้างและซากปรักหักพังรอบๆ ราวกับอยู่กันคนละโลก…
ไม่ใช่ว่าสัตว์ประหลาดไม่กล้าเข้ามา แต่เข้ามาไม่ได้…พวกมันอาศัยอยู่บนซากปรักหักพังที่มีอยู่จริง ขณะที่ ‘บ้าน’ ของเราเกิดจากการผสานระหว่างโลกความฝันและความจริง บุคคลที่ไม่มีรอยประทับพิเศษไม่อาจผ่านเข้ามาในเขต…
รอยประทับพิเศษจะส่งผลกับเราคนเดียว สถานะของตัวเราจะถูกบันทึกไว้และนำกลับมายังโลกความจริงด้วย โดยสิ่งที่ไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์เหนือธรรมชาติจะถูกบั่นทอน แต่สิ่งที่เกี่ยวข้องจะคงอยู่ดังเดิม ความตายก็น่าจะเหมือนกัน…
ถ้าทั้งหมดนี้คือเรื่องจริง บ้านในความฝันของเราคงไม่มีสิ่งที่น่ากลัวซ่อนอยู่ ต้นตอความกลัวเกิดจากสัญลักษณ์บนหน้าอกของเรา หรืออาจรวมถึงเสียงอันน่าขนลุกนั่นด้วย…
ลูเมี่ยนเงียบงันไปพักใหญ่ ส่วนหญิงสาวฝั่งตรงข้ามยังเอาแต่กินมื้อเช้าอย่างสบายอุราโดยไม่หันมาสนใจไยดี
เมื่อได้สติกลับมา ลูเมี่ยนเอ่ยปากถาม
“แล้วต้องใช้ก้อนสีแดงเข้มนั่นยังไง? มันคือตะกอนพลังวิเศษที่ท่านพูดถึงหรือเปล่า?”
ในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้ เด็กหนุ่มอดไม่ได้ที่จะใช้สรรพนามให้เกียรติ
หญิงสาววางถ้วยกาแฟลง มองหน้าลูเมี่ยน
“ฉันจะเขียนสูตรโอสถให้เธอ แค่ทำตามนั้นก็พอ”
“ทำไมคุณถึงช่วยฉันล่ะ?”
หญิงสาวพูดยิ้มๆ
“ถ้าบอกว่าโชคชะตาถูกจัดเตรียมไว้แล้ว เธอจะเชื่อไหม”
ไม่เชื่อ…ลูเมี่ยนตอบในใจไปตามจิตใต้สำนึก
ความผิดปกติของหมู่บ้าน ความรู้สึกกดดันคล้ายพายุใกล้จะเข้า รวมถึงความโหยหาพลังวิเศษ รวมหัวกันบีบบังคับให้เด็กหนุ่มกดทับความไม่สงบใจเอาไว้ แล้วตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“เชื่อสิ”
เมื่อโอกาสปรากฏขึ้น ต้องลงมืออย่างเด็ดเดี่ยว ฉวยคว้าโอกาสไว้ให้ได้ ห้ามลังเลหรือคิดเยอะเกินไปเด็ดขาด!
หญิงสาวยิ้ม ความรู้สึกที่ลูเมี่ยนมิอาจทำความเข้าใจ ซึ่งแฝงมากับแววตาของเธอ ทวีความรุนแรงขึ้นเล็กน้อย
เธอหยิบกระดาษโน้ตและปากกาหมึกซึมแท่งอวบอ้วนที่มีปลอกสีเงิน ออกจากกระเป๋าถือสตรีสีดำ แล้วจึงเริ่มลงมือเขียน
ไม่นาน หญิงสาวหยุดมือ ฉีกโน้ตแผ่นบนสุดยื่นให้ลูเมี่ยน
เด็กหนุ่มรับไว้และเริ่มอ่าน
“สูตรโอสถ ‘นักล่า’
วัตถุดิบหลัก: ตะกอนพลัง ‘นักล่า’ หนึ่งชุด
วัตถุดิบรอง: ไวน์แดง 80 มิลลิมิตร, ดอกเกาลัดแดงหนึ่งดอก (สดหรือแห้งก็ได้ สามารถทดแทนด้วยน้ำมันหอมระเหยของดอกเกาลัดแดง 10 หยด), ใบพ็อพลาร์ป่น 5 กรัม, ใบโหระพา 10 กรัม
วิธีใช้: ดื่มตรงๆ”
ลูเมี่ยนจดจำเนื้อหาเข้าหัวอย่างตั้งอกตั้งใจ แล้วก็พับกระดาษโน้ต สอดเก็บช่องกระเป๋าด้านในของแจ็กเกตสีน้ำตาล
จัดการเสร็จ เด็กหนุ่มถามด้วยความสงสัย
“คำว่า ‘นักล่า’ หมายถึงอะไร?”
นายพรานที่ไม่ธรรมดา?
“เป็นชื่อของลำดับน่ะ” หญิงสาวจิบกาแฟหนึ่งคำ “ฉันรู้ว่าเธอยังใหม่กับศาสตร์เร้นลับ จะอธิบายให้ฟังง่ายๆ ก็แล้วกัน…พลังวิเศษหลักๆ ในโลกมีทั้งหมด 22 เส้นทาง ได้รับจากการปรุงโอสถด้วยวัตถุดิบแฝงตะกอนพลัง แต่ละเส้นทางจะมีสิบลำดับ ไล่จาก 9 ไปถึง 0 ยิ่งตัวเลขน้อยก็ยิ่งแข็งแกร่ง”
“ตะกอนพลังที่เธอได้รับอยู่บนเส้นทาง ‘นักบวชสีชาด’ ซึ่งสามารถนำไปปรุงเป็นโอสถลำดับ 9 ‘นักล่า’”
ลูเมี่ยนที่ฟังอย่างตั้งใจ โพล่งขึ้นมาทันที
“แล้วพี่สาวของผม โอลัวร์น่ะ อยู่บนเส้นทางไหน? ลำดับเท่าไร?”
“เธอคือ ‘จอมเวท’ ลำดับ 7 แห่งเส้นทาง ‘ผู้ส่องความลับ’” หญิงสาวตอบผ่านๆ
สตรีลึกลับมิได้อธิบายว่าไปรู้มาได้อย่างไร
โอลัวร์อยู่ลำดับ 7 แล้ว? นั่นสินะ พี่ได้รับพลังวิเศษมาก็หลายปี…หลังจากดื่มโอสถเข้าไป เราจะอยู่แค่ลำดับ 9 ซึ่งยังห่างกันพอสมควร…ได้แค่หวังว่า ระหว่างทางหลบหนีออกจากกอร์ตู เราจะไม่เป็นภาระของพี่…ลูเมี่ยนถามอย่างไม่อาจข่มใจ
“เราสามารถดื่มโอสถที่ลำดับสูงขึ้นได้ทันทีเลยไหม? เช่นวันนี้ดื่มลำดับ 9 แล้วพรุ่งนี้ดื่มลำดับ 8?”
“ในทางทฤษฎีแล้วทำได้” หญิงสาวตอบ ก่อนจะกล่าวเสริมหลังจากเห็นลูเมี่ยนทำหน้าคาดหวัง “แต่คนที่ทำ…ส่วนใหญ่กลายเป็นศพหรือไม่ก็สัตว์ประหลาด ทำล้านคนอาจไม่สำเร็จเลยสักคนเดียว”
“กลายเป็นสัตว์ประหลาด?” ลูเมี่ยนถึงกับตะลึง
หญิงสาวหัวเราะเบาๆ
“พี่สาวของเธอไม่เคยบอกหรือ ว่าเส้นทางสู่พลังเหนือธรรมชาติมันอันตราย?”
“หลังจากดื่มโอสถ หากควบคุมพลังของมันไม่ได้ เธอจะตายเพราะร่างแหลกสลาย หรือไม่ก็กลายเป็นสัตว์ประหลาด…ไม่สงสัยบ้างหรือ ว่าทำไมสัตว์ประหลาดที่พบเจอถึงมีรูปร่างคล้ายมนุษย์”
ก็จริง…ในที่สุดลูเมี่ยนก็เข้าใจถึง ‘อันตราย’ ที่พี่สาวพร่ำบอก
แต่เขายังคงยืนกรานที่จะเผชิญหน้ากับมัน
“มีวิธีลดความเสี่ยงไหม?” เด็กหนุ่มถาม
หญิงสาวจ้องหน้าอยู่ราวสองวินาที แล้วจึงตอบ
“มีสิ…ความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้า สภาพร่างกายที่ดี วาสนาที่ไม่แย่จนเกินไป ตอนนี้รู้แค่นี้ไปก่อน เพราะเธอเพิ่งจะเริ่มโอสถแก้วแรก”
“สภาพร่างกายที่ดี…” ลูเมี่ยนที่คิดจะกลับไปนอนเติมพลังแล้วตื่นมาทำโอสถดื่มทันที พลันขมวดคิ้ว
อาการบาดเจ็บจากโลกความฝันยังหลงเหลืออยู่พอสมควร
สตรีฝั่งตรงข้ามผงกศีรษะเบาๆ แล้วพูด
“ไม่ต้องรีบร้อน รอจนถึงตอนเย็น รอจนกว่าอาการช้ำในจะทุเลาลง จึงค่อยเข้าไปในโลกความฝัน”
“เอ่อ…” ลูเมี่ยนถามด้วยสีหน้าคล้ายกำลังครุ่นคิด “ขอแค่ร่างกายบนโลกความจริงทุเลาลง บาดแผลในความฝันก็จะหายสนิท?”
ต้องไม่ลืมว่า ร่างกายบนโลกจริงอย่างมากก็แค่ปวดแปลบ เทียบไม่ได้เลยกับบาดแผลในความฝัน!
“ใช่” หญิงสาวยืนยันคำตอบให้ลูเมี่ยน
แล้วกล่าวต่อ
“เกี่ยวกับโอสถ เกี่ยวกับเส้นทางแห่งเทพ รวมถึงความรู้ทั่วๆ ไปปลีกย่อย ไว้ให้เธอดื่มโอสถและกลายเป็นนักล่าก่อน เราค่อยมาคุยกันต่อ”
เส้นทางแห่งเทพ…ลูเมี่ยนย้อนถามด้วยความสงสัย
“ทำไมถึงไม่เล่าเลยล่ะ?”
หญิงสาวยิ้มมุมปาก
“ถ้าเธอดื่มโอสถแล้วตาย หรือกลายเป็นสัตว์ประหลาด ฉันก็เปลืองน้ำลายฟรีน่ะสิ”
“…” ลูเมี่ยนหมดคำจะกล่าว
เขาลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวคำอำลา
ก่อนจะเดินออกไป เด็กหนุ่มถามขึ้นอีกครั้ง
“แล้วคุณรู้ไหม ว่าในหมู่บ้านนี้มีเรื่องไม่ปกติเกิดขึ้น?”
…………………………………………………….