ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 26 แจ้งเบาะแส
- Home
- ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability)
- ตอนที่ 26 แจ้งเบาะแส
ตอนที่ 26 แจ้งเบาะแส
หญิงสาวกำลังกินครัวซองต์อยู่ ผ่านไปสักพักจึงค่อยตอบลูเมี่ยน
“รู้สิ”
รู้อยู่แล้วสินะ…ลูเมี่ยนรู้สึกยินดีในใจ และเลือกคำพูดอย่างรอบคอบ
“ผมสามารถจ่ายบางสิ่ง เพื่อแลกกับการให้ท่านช่วยเหลือหมู่บ้านกอร์ตูได้ไหมครับ?”
เขาเปลี่ยนมาใช้สรรพนามแสดงความเคารพอีกครั้ง
ในสายตาเด็กหนุ่ม หญิงลึกลับรายนี้แข็งแกร่งยิ่งกว่าพวกลีอา แถมยังหลายขุม หากเธอยินดีช่วย ปัญหาของหมู่บ้านกอร์ตูก็จะไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป ตัวเขากับพี่สาวก็ไม่ต้องเสี่ยงหนีไปไหน ติดอยู่เรื่องเดียวก็คือ ตนอาจไม่มีปัญญาจ่ายในราคาที่เธอเรียกร้อง
ส่วนเรื่องที่อีกฝ่ายจะยอมช่วยหรือไม่ ลูเมี่ยนไม่มั่นใจเลย เรียกว่าค่อนข้างไม่มีหวัง แต่เด็กหนุ่มรู้สึกว่าจำเป็นต้องลองหยั่งเชิง ถึงจะถูกปฏิเสธ ก็เพียงแค่เสียหน้าเท่านั้น และเขาไม่เคยถือสา
หญิงสาวหันมามองลูเมี่ยน กล่าวด้วยน้ำเสียงสงบ
“ฉันแก้ปัญหาให้หมู่บ้านนี้ได้ แต่ราคาที่ต้องจ่าย คือการทำลายล้างทุกสิ่งทุกอย่าง รวมถึงเธอด้วย”
“ถ้าต้องการผลลัพธ์ที่ดีกว่านี้ เธอกับคนอื่นๆ ต้องพึ่งพาตัวเอง”
ปัญหามันร้ายแรงขนาดนั้นเชียว? ลูเมี่ยนตาเบิกโพลงทันที พยายามมองหาสัญญาณเล็กๆ ที่สื่อถึงการล้อเล่นจากอีกฝ่าย
ถ้าเธอปฏิเสธที่จะช่วย เขาคงไม่รู้สึกประหลาดใจหรือผิดหวัง สิ่งที่กำลังสร้างความตกตะลึงในตอนนี้คือ ปัญหาของหมู่บ้านกอร์ตูที่หญิงลึกลับประเมิน ร้ายแรงกว่าที่ตนคาดคิดไว้หลายเท่า จนอาจนำไปสู่การทำลายล้างทั้งหมู่บ้าน!
ถ้าเธอแก้ไขได้ ทำไมถึงบอกว่าทั้งหมู่บ้านจะต้องตาย?
แล้วการแก้ไขปัญหาโดยชาวบ้านธรรมดาอย่างเราๆ จะไปให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าได้ยังไง? ลูเมี่ยนทั้งสงสัยและกลัว
เขาตัดสินใจว่าหากพรุ่งนี้ยังไม่มีคำตอบจาก ‘บันเทิงคดีรายสัปดาห์’ ตนจะรบเร้าพี่สาวให้รีบออกจากหมู่บ้านกอร์ตูทันที ต่อให้ต้องเผชิญความเสี่ยง แต่ก็ไม่ควรล่าช้าอีกต่อไป!
“ปัญหาจริงๆ คืออะไรกันแน่…” ลูเมี่ยนถามต่อไปโดยไม่สนใจยางอาย
หญิงสาวยิ้มๆ
“ผลลัพธ์จากการที่ฉันบอกเธอ กับการที่เธอสืบด้วยตัวเอง จะแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงเลยนะ”
ลูเมี่ยนกัดกรามเบาๆ อย่างไม่พอใจ เขาไม่ชอบคนที่พูดจาไม่จบคำ ไม่ยอมเล่าอะไรๆ ให้กระจ่างในคราวเดียว
ด้วยเหตุผลบางอย่าง เด็กหนุ่มพบว่า ‘อารมณ์แปลกๆ’ ในแววตาอีกฝ่ายดูชัดเจนขึ้น
“เข้าใจแล้ว” ลูเมี่ยนคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเปลี่ยนเรื่องถาม “คุณรู้จักคุณนายปัวริสไหม? เธอก็เป็นจอมเวท เอ่อ…ผู้วิเศษเหมือนกันใช่ไหม?”
“นับว่าเป็นได้” หญิงสาวยกถ้วยกาแฟขึ้นจิบ
อย่างที่คิด…ลูเมี่ยนถามต่อ
“เส้นทางอะไร ลำดับเท่าไร?”
วินาทีถัดมา เขาเห็นอีกฝ่ายทำหน้าเคร่งขรึมขึ้นเล็กน้อย
“ไม่ใช่เส้นทางปกติ”
“อะไรคือไม่ใช่เส้นทางปกติ?” ลูเมี่ยนยังคงซอกแซก
หญิงสาวยิ้ม
“เดี๋ยวก็ได้รู้เอง”
ก็อยากรู้ตอนนี้เลย…ลูเมี่ยนฝืนควบคุมสีหน้า
ขณะเตรียมจะเดินออกไป เด็กหนุ่มผุดคำถามใหม่ เป็นคำถามสำคัญ
“มาดาม ฉันจะนำวัตถุดิบเสริมเข้าไปในโลกความฝันยังไง?”
จากสภาพแวดล้อมของซากปรักหักพังในความฝัน อย่างเก่งลูเมี่ยนคงหาเจอแค่ไวน์แดงกับโหระพาที่เป็นเครื่องเทศติดบ้านคนรวย ดอกเกาลัดแดงกับใบพ็อพลาร์ต้องหาในโลกความจริงเท่านั้น
แม้จะหาไม่ยากทั้งคู่ และลูเมี่ยนก็คิดไว้แล้วว่า ‘ยืม’ จากไหน แต่ถ้านำเข้าโลกความฝันไม่ได้ก็เปล่าประโยชน์
หญิงสาวพูดยิ้มๆ
“ฉันจะช่วยเธอเล็กๆ น้อยๆ แบบไม่คิดค่าใช้จ่ายก็แล้วกัน”
เธอส่งสิ่งของเข้าความฝันของเราได้ด้วย? ลูเมี่ยนตกใจในทีแรก แล้วค่อยๆ โล่งใจเมื่อตระหนักว่าปัญหาถูกแก้ไขแล้ว
เขาคิดไม่ถึงว่าความฝันที่พิเศษมากๆ นั่น จะมีคนอื่น ‘เข้าไป’ ได้ด้วย
เมื่อนึกถึงซากปรักหักพังแห่งโลกความฝัน ซึ่งตนน่าจะเข้าไปได้ด้วยสัญลักษณ์ประหลาดบนหน้าอก เด็กหนุ่มเริ่มสงสัยว่าสตรีตรงหน้าอาจมีความเกี่ยวข้องกับสัญลักษณ์ดังกล่าว หรือไม่ก็เสียงประหลาดและน่ากลัวนั่น
เมื่อออกจากร้านเหล้าคร่ำครึ ลูเมี่ยนคิดจะไปรวบรวมดอกเกาลัดแดงกับใบพ็อพลาร์ทันที
ในขณะนั้นเอง เขาเห็นไรอัน ลีอา และวาเลนไทน์เดินออกจากถนนประตูหลังร้านเหล้า ยังคงสวมใส่เสื้อผ้าชุดเดิมและแต่งกายคล้ายเดิม
ลูเมี่ยนพลันตื่นเต้น พลางยิ้มต้อนรับพวกเขา
“อรุณสวัสดิ์ กะหล่ำปลีของฉัน”
ลีอาหันศีรษะไปด้านข้าง หัวเราะคิกคักพร้อมกับเสียงกรุ๊งกริ๊ง
“ตื่นเช้าเหมือนกันนี่”
ลูเมี่ยนรีบทำท่าทางคล้ายกับมีลับลมคมใน เหลียวซ้ายแลขวาแล้วพูดเสียงแผ่ว
“เมื่อวานฉันเจอเรื่องไม่ปกติด้วยล่ะ”
ไรอันทำหน้าจริงจัง สบตากับวาเลนไทน์และลีอาก่อนจะถาม
“เล่าให้ฟังหน่อย”
ลูเมี่ยนเล่าด้วยท่าทีหวาดๆ
“ฉันสงสัยว่าการตายของนาโรคาอาจไม่ปกติ…คนที่พวกคุณไปดูพิธีศพเมื่อวานน่ะ”
ไรอันส่งภาษากายเป็นนัยให้พูดต่อ
ลูเมี่ยนถอนหายใจ
“ฉันเคยเล่าให้ฟังแล้วใช่ไหม เกี่ยวกับประเพณีงานศพในเขตดาลีแอชน่ะ หลังจากที่ทุกคนย้ายไปสุสาน ปงส์·เบเนต์เข้าไปในบ้านของนาโรคา โดยที่เจ้าของบ้านไม่ได้คัดค้านเลยสักนิด”
“นั่นไม่เท่ากับเป็นการทำลายอิทธิพลของราศีบ้านพวกเขาหรือไง? โชคลาภถูกพรากไปหมดแล้วกระมัง?”
“ต้องมีบางอย่างไม่ชอบมาพากลแน่!”
“ปงส์·เบเนต์…น้องชายของหลวงพ่ออธิการโบสถ์สินะ?” ไรอันคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถาม
ลูเมี่ยนผงกหัวหนักแน่น
เมื่อนึกถึงพฤติกรรมแปลกๆ ของหลวงพ่อกับลิ่วล้อ รวมถึงข้อเท็จจริงที่ว่า ตนกับพี่สาวกำลังจะออกจากหมู่บ้านกอร์ตูแล้ว ไม่ต้องกังวลว่าจะถูกตามปิดปากหรือแก้แค้นภายหลัง เด็กหนุ่มเล่าอย่างตรงไปตรงมา
“หลวงพ่อไม่ใช่คนดี!”
“ทำไมถึงพูดแบบนั้นล่ะ” ลีอาถามด้วยรอยยิ้ม
เธอไม่แปลกใจเลยสักนิดที่ลูเมี่ยนปรักปรำอธิการโบสถ์
เด็กหนุ่มเล่าหมดเปลือก เริ่มจากเรื่องที่ชาวบ้านคนหนึ่ง หายตัวไปหลังจากเดินทางไปร้องเรียนอธิการโบสถ์ไกลถึงดาลีแอช
ลูเมี่ยนสรุปสุดท้าย
“ไม่อยากเชื่อเลยจริงๆ ว่าคนแบบนั้นจะเป็นนักบวชของศาสนจักร”
“มีครั้งหนึ่ง ฉันเผลอพูดความจริงจนทำให้คนบางกลุ่มไม่พอใจ จึงหนีเข้าไปหลบในโบสถ์ชั่วคราว”
“ขณะที่ฉันกำลังแอบงีบหลังแท่นบูชา หลวงพ่อพาคุณนายปัวริสเข้ามา จากนั้นก็ทำเรื่องบัดสีบัดเถลิงต่อหน้าพระองค์!”
“หลังจากทำเรื่องสกปรกกันเสร็จ หลังจากคุยกันเรื่อยเปื่อยสักพัก หลวงพ่อพูดกับคุณนายปัวริสในเชิงตัดพ้อว่า ‘ทำไมถึงต้องห้ามผู้ชายแต่งงานกับน้องสาวตัวเองด้วยนะ’”
“คุณนายปัวริสไม่อาจปล่อยผ่านคำพูดดังกล่าว เธอมองว่าเป็นบาปหนา จึงบอกให้หลวงพ่อรีบสารภาพบาป”
“แต่หลวงพ่อกลับตอบว่า ‘มีครอบครัวดีๆ มากมายต้องเสียเงินเสียทองทุกครั้งที่ลูกสาวหรือลูกชายออกเรือน จนสุดท้ายก็สิ้นเนื้อประดาตัว…หากลูกชายสามารถแต่งกับพี่หรือน้องสาวตัวเองได้ ปัญหาเหล่านี้ก็จะหมดไป…น่าเสียดายที่ทั้งกฎหมายและจริยธรรมไม่อนุญาต’ …”
ได้ยินเรื่องเล่า วาเลนไทน์เจ้าของบุคลิกเย็นชา กล่าวด้วยใบหน้าหมองคล้ำ
“เขาเป็นผู้รับใช้พระองค์ หรือรับใช้ปีศาจกันแน่?”
ไรอันก็ผงกหัวสอดรับ สีหน้าคล้ายกำลังไตร่ตรอง
“ไม่แปลกใจที่ปงส์·เบเนต์แต่งงานมาหลายปีแล้ว แต่ไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปสร้างครอบครัว…”
“เธอรู้อยู่แล้วสินะ ว่าคุณนายปัวริสแอบคบชู้กับหลวงพ่อน่ะ…วันนั้นถึงได้จงใจลากพวกเราเข้าไป”
ทีแรกลูเมี่ยนยิ้มกระอักกระอ่วน แต่จากนั้นก็พูดด้วยใบหน้าของผู้ผดุงคุณธรรม
“ในฐานะผู้ศรัทธาของ ‘สุริยันเจิดจรัส’ ฉันทนเห็นคนเช่นนี้ลอยหน้าลอยตาอยู่ในโบสถ์ไม่ได้หรอก”
วาเลนไทน์ผู้มีนิสัยเย็นชา คลายสีหน้าลงเล็กน้อย พลางผงกหัวเห็นด้วย
“หมู่บ้านกอร์ตูคงจะดีขึ้นถ้ามีคนแบบเธอเยอะๆ”
มีคนแบบเราเยอะๆ? ลูเมี่ยนไม่กล้าจินตนาการ ว่าหมู่บ้านกอร์ตูจะมีสภาพเช่นไรหากเกิดเรื่องแบบนั้นจริง
เด็กหนุ่มเสริม
“ในครั้งนั้น ฉันยังได้ยินหลวงพ่อบอกกับคุณนายปัวริสว่า เขากำลังวางแผนทำอะไรบางอย่างที่อาจตกเป็นเป้าสายตาของศาล พร้อมกับกำชับให้คุณนายปัวริสห้ามพลั้งปากบอกใครเป็นอันขาด”
ไรอันทำหน้าขรึมขึ้น
“เขาได้พูดรายละเอียดของแผนไหม?”
“ไม่ได้พูด” ลูเมี่ยนไม่คิดจะปั้นน้ำเป็นตัวโดยไม่มีหลักฐาน
เล่าถึงแค่ตรงนี้ก็เพียงพอ หากพูดมากเกินไป ปัญหาอาจปะทุในคืนนี้เลย โดยที่เขายังไม่ได้กลายเป็นผู้วิเศษ
หลังจากอำลาคนต่างถิ่นทั้งสาม ลูเมี่ยนใช้เวลาค่อนข้างนานเพื่อรวบรวมดอกเกาลัดแดงกับใบพ็อพลาร์
ใกล้เที่ยง เด็กหนุ่มมาถึงลานจัตุรัส—สถานที่ตั้งตึกสองชั้นซึ่งเป็นสำนักงานปกครองท้องถิ่น
ตอนนี้ชาวบ้านส่วนใหญ่มารวมตัวกันเพื่อเตรียมลงคะแนนเลือก ‘นางฟ้าใบไม้ผลิ’
เนื่องจากพรุ่งนี้จะเริ่ม ‘พิธีฉลอง’ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเทศกาลมหาพรต
ลูเมี่ยนมองหาแรมงด์ เอวา กับคนอื่นๆ และลัดเลาะเข้าไปหา
“เอวาติดโผไหม” เขาเริ่มถาม
เอวาไม่ตอบ คล้ายกับอารมณ์ไม่ดีนัก ส่วนแรมงด์ส่ายหน้า
“ยังไม่รู้เลย”
“เอวาต้องติดโผอยู่แล้ว ในหมู่หญิงสาวที่ยังไม่ได้ออกเรือน เอวาสวยกว่าทุกคนยกเว้นพี่สาวของนาย แต่โอลัวร์ก็อายุเกินเกณฑ์แล้ว” ชายหนุ่มนามว่ากิโยม·แบรีที่ยืนอยู่ข้างๆ ช่วยเสริม
เขาคือ ‘กิโยมน้อย’ ที่ลูเมี่ยนกับคนอื่นๆ เรียกกัน เป็นหนึ่งในกลุ่มเพื่อน เรือนผมสีน้ำตาลหยักศก หน้าตกกระ ดวงตาสีน้ำเงินค่อนข้างตี่จนเหมือนหรี่ตาตลอดเวลา
อเซมา ลูกพี่ลูกน้องของเอวาก็อยู่ด้วย ภายนอกดูคล้ายเอวา แต่ตัวเล็กกว่าและดูธรรมดากว่า
จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่พูดอะไรออกมา
ลูเมี่ยนเข้าใจความรู้สึกของเธอ เพราะอเซมาเองก็อยากเป็น ‘นางฟ้าใบไม้ผลิ’ เช่นกัน
ในเขตดาลีแอช การถูกเลือกเป็น ‘นางฟ้าใบไม้ผลิ’ ไม่เพียงแต่เป็นการยอมรับในหน้าตาและนิสัย แต่ยังมีผลประโยชน์ลับๆ ด้วย
ได้ฟังคำพูดกิโยมน้อย ลูเมี่ยนกล่าวยิ้มๆ
“ถ้าเธอไม่ติดโผจริง รอจนกว่าเจ้าหน้าที่ปกครองจะอ่านรายชื่อเสร็จ ฉันจะตะโกนออกไปว่า ‘ฉันเลือกเอวา!’”
เอวาทำหน้าเขินๆ ทันที
“ไม่ต้องหรอกน่า”
อันที่จริงก็สามารถทำได้ หลังจากเจ้าหน้าที่ปกครองอ่านรายชื่อของผู้เข้าประกวด ‘นางฟ้าใบไม้ผลิ’ ครบ ชาวบ้านสามารถเสนอชื่อผู้ประกวดในใจตนได้ทันที รายชื่อดังกล่าวก็จะได้สิทธิ์เข้าร่วมในการโหวต ทว่า คนที่มั่นใจและไร้ยางอายพอจะทำแบบนั้นมีไม่มากนัก
แต่ลูเมี่ยนคือหนึ่งในนั้น
ในแง่นี้ เขาไม่ยี่หระ
คนที่ต้องอายคือเอวาอยู่แล้ว ไม่ใช่เรา…
ผ่านไปไม่นาน หน้าต่างชั้นสองของอาคารถูกเปิดออก เผยให้เห็นเจ้าหน้าที่ปกครองบีโอส
จากภายนอก เขาดูดีกว่าหลวงพ่อมาก ผมสีน้ำตาลหวีเรียบโรยด้วยแป้ง นัยน์ตาสีฟ้าอ่อนเขียนขอบสีดำ จมูกตั้งตรง ริมฝีปากบาง หนวดเคราได้รับการดูแลอย่างดี โดยรวมแล้วดูหล่อเหลา เสื้อโค้ตกระดุมสองแถมตัดจากผ้าฟลานเนลแสดงถึงฐานะได้เป็นอย่างดี
บีโอสมองลงมาที่ชาวบ้านสักพัก
“สุภาพบุรุษและสุภาพสตรีทุกท่าน…ได้เวลาแล้ว ผู้ที่มาสายจะไม่มีสิทธิ์ลงคะแนน”
“ต่อจากนี้ไป ผมจะประกาศรายชื่อผู้เข้าประกวด ‘นางฟ้าใบไม้ผลิ’ …”
“เอวา·ลีซิแยร์…”
ได้ยินถึงตรงนี้ เอวาทำหน้าโล่งใจอย่างชัดเจน
ไม่มีอะไรพลิกโผ ในการลงคะแนนโดยยกมือ เอวาถูกโหวตด้วยคะแนนเสียงมากกว่าแปดในสิบส่วน
ลงคะแนนเสร็จสิ้น ลูเมี่ยนไม่ไปฉลองกับเพื่อนทั้งสี่ โดยอ้างว่ามีธุระที่บ้าน และผละไปจากลานจัตุรัสทันที
พอกลับถึงบ้านก็ถามกับพี่สาว
“ทางนั้นติดต่อกลับมาหรือยัง?”
หากมีการติดต่อกลับมา พนักงานส่งโทรเลขจะนำมาให้ที่บ้านพร้อมกับเก็บค่าบริการเล็กน้อย
“ยังเลย” โอลัวร์ส่ายหัว
แล้วก็เปลี่ยนเรื่อง
“ช่วงนี้เกิดคลื่นใต้น้ำมากมาย นายห้ามละเลยการฝึกต่อสู้เด็ดขาด อา…บ่ายนี้ฉันจะฝึกให้เอง”
ลูเมี่ยนกำลังบอบช้ำไปทั้งตัว พอได้ยินคำพูดพี่สาวก็แอบครางเบาๆ ในใจ
แล้วเขาก็ผุดความคิด ทำท่าทางคล้ายเจ็บปวดและเอ่ยปาก
“สงสัยพักนี้จะฝึกหนักเกินไป วันนี้ก็เลยปวดไปทั้งตัวเลย โอลัวร์…เอ๊ย พี่ ช่วยนวดให้หน่อยสิ เรื่องนี้ไม่มีใครเก่งเกินพี่แล้ว!”
“ก็ได้” โอลัวร์ผงกหัวเบาๆ
…
ตกเย็น การนวดและยืดกล้ามเนื้อของพี่สาว ผนวกกับการพักผ่อนอย่างเต็มอิ่ม ช่วยให้ลูเมี่ยนฟื้นตัวกลับมาได้เกือบสมบูรณ์
ก่อนจะเข้านอน เด็กหนุ่มวางดอกเกาลัดแดงสามดอก กับผงใบพ็อพลาร์ในขวดไว้บนโต๊ะริมหน้าต่าง
หลังจากจ้องมองด้วยสายตาลุ่มลึก เจือคาดหวังปนตื่นเต้น ลูเมี่ยนซุกตัวเองเข้าไปใต้ผ้าห่ม
…………………………………………………….