ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 27 ห้าความเปลี่ยนแปลง
- Home
- ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability)
- ตอนที่ 27 ห้าความเปลี่ยนแปลง
ตอนที่ 27 ห้าความเปลี่ยนแปลง
หลังจากลูเมี่ยนตื่นขึ้นมาในหมอกสีเทา เขาไม่รีบตรวจสอบร่างกายตัวเอง เพียงดีดตัวขึ้นมานั่งมองโต๊ะอ่านหนังสือริมหน้าต่าง
ดอกเกาลัดแดงสามดอก และขวดแก้วที่บรรจุใบพ็อพลาร์บด วางอยู่อย่างเงียบงัน รับแสงสลัวๆ ที่ส่องผ่านหมอกหนาๆ บนท้องฟ้า
“เธอส่งวัตถุดิบเสริมเข้ามาได้จริงๆ …” ลูเมี่ยนถอนหายใจ พลิกตัวลงจากเตียง และเริ่มขยับร่างกาย
เขาพบว่าอาการปวดที่คอกับหลังหายเป็นปลิดทิ้งแล้ว รวมถึงอาการช้ำใน
“อย่างที่เธอบอกเลย พออาการในโลกจริงดีขึ้น ในฝันก็ฟื้นตาม ถึงอาการบาดเจ็บจะไม่เท่ากันอยู่แล้วก็เถอะ…” ลูเมี่ยนรีบเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าติดกระจก ถอดเสื้อตัวบนออก และเริ่มสำรวจร่างกายของตนอย่างละเอียด
ไม่ว่าจะรอยนิ้วมือสีแดงห้านิ้ว รอยบวมช้ำสีดำเขียว และจุดฟกช้ำตามลำตัว ล้วนหายไปอย่างลึกลับ
ทำเอาลูเมี่ยนอดสงสัยไม่ได้ว่า การล่าสัตว์ประหลาดวิเศษเมื่อคืน อาจเป็นเพียงภาพหลอนของตน
โชคยังดี วัตถุสีแดงเข้มในถุงผ้า เงินไม่กี่เฟลคินที่เพิ่มขึ้น และปืนล่าสัตว์ที่วางอยู่ไม่ห่าง ล้วนเป็นหลักฐานยืนยันข้อเท็จจริงของเหตุการณ์ดังกล่าว
ลูเมี่ยนสบายใจขึ้นมาก เดินออกจากห้องไปพร้อมกับวัตถุสีแดงเข้มและเหรียญ ลงไปยังชั้นล่าง หยิบขวดไวน์แดงหนึ่งขวด หงายแก้วเบียร์ หยิบกระป๋องโหระพาแล้วเดินกลับห้อง
แน่นอน เขาไม่ลืมหยิบกระบอกตวง ตาชั่งเล็ก และอุปกรณ์การสอนอื่นๆ ที่พี่สาวซื้อมาสอนตน ติดไม้ติดมือมาด้วย
มองไปบนโต๊ะที่มีสิ่งของวางอยู่เต็ม เด็กหนุ่มเริ่มตื่นเต้น ความประหม่าปะทุขึ้นอย่างไม่หยุดหย่อน
ทุกสิ่งถูกเตรียมไว้พร้อมแล้ว ที่เหลือก็แค่การปรุงโอสถ!
แต่โอสถไม่ใช่เครื่องดื่มธรรมดา อันตรายยิ่งกว่าเหล้าไวน์ ความผิดพลาดเพียงเล็กน้อยอาจนำไปสู่ความตายหรือกลายเป็นสัตว์ประหลาด
ลูเมี่ยนหายใจเข้ายาวๆ สลับกับบรรจงปล่อยออกมา จากนั้นก็ใช้กระบอกตวงเทไวน์แดง 80 มิลลิลิตรใส่แก้วเบียร์
ถัดมา เด็กหนุ่มใส่ใบโหระพาสิบกรัม ผงใบพ็อพลาร์ห้ากรัม และดอกเกาลัดแดงหนึ่งดอก
กระบวนการนี้ผ่านไปโดยไม่เกิดความผิดปกติ ของเหลวสีแดงในแก้วเบียร์ เมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้ ก็เพียงมีตะกอนเพิ่มขึ้นเล็กน้อยและมีดอกไม้ลอยอยู่
ถัดมา ลูเมี่ยนยกถุงผ้าข้างๆ ขึ้น มองวัตถุสีแดงเข้มไหลเข้าไปในแก้วเบียร์อย่างใจจดใจจ่อ
ท่ามกลางความเงียบงัน วัตถุสีแดงเข้มดูคล้ายละลายอย่างรวดเร็ว แต่ก็คล้ายว่าของเหลวรอบข้างถูกดูดเข้าไปในตัวมัน
เกิดฟองอากาศพร้อมกับเสียงปุดปุด สีแดงเริ่มแพร่กระจายไปทั่วแก้ว ส่วนดอกเกาลัดแดงละลายหายไปได้สักพักแล้ว
“นี่คือ ‘โอสถนักล่า’ …?” ลูเมี่ยนกลืนน้ำลายขณะยกแก้วเบียร์ขึ้น
พลังวิเศษที่ตนไล่ล่าอย่างเหน็ดเหนื่อย ตอนนี้อยู่ใกล้แค่เอื้อม
โดยไม่ลังเล ลูเมี่ยนปรับลมหายใจ ข่มความตื่นเต้น เงยหน้าขึ้นเล็กน้อยก่อนจะเริ่มดื่มโอสถ
อึกอึกอึก! เด็กหนุ่มรู้สึกเหมือนมีกลิ่นเลือดแรงๆ แทรกเข้ามาในจมูก เสียงหลอนๆ ดังแว่วข้างใบหู
เมื่อดื่มโอสถจนหมดและวางแก้วลง ก็สัมผัสถึงความแสบร้อนได้ทันที แล่นมาจากทุกภาคส่วนในร่างกาย
มันร้อนแรงเสียจนลูเมี่ยนสงสัยว่า สิ่งที่ตนกินเข้าไปคงมิใช่โอสถ หากแต่เป็นลูกไฟ ซึ่งกำลังเผาผลาญหลอดอาหาร กระเพาะอาหาร หัวใจ ปอด ลำไส้เล็ก ลำไส้ใหญ่ และเส้นเลือดทั้งหมด
พร้อมกันนั้น เด็กหนุ่มรับรู้ถึงรสสนิมเหล็กคาวๆ ที่ทะลักมาจากลำคอ
คำพูดของหญิงสาวลึกลับยังคงสลักอยู่ในใจ เขาพยายามครองสติไม่ให้สลบ เพราะหากไม่แล้ว อาจเท่ากับว่าตนพ่ายแพ้แก่โอสถ ซึ่งเดาได้ไม่ยากว่าจะมีชะตากรรมเป็นเช่นไร
ท่ามกลางสติที่พร่าเลือน ลูเมี่ยนก้มหน้าลง และพบว่าเส้นเลือดบนหลังมือกำลังพองโต แตกแขนงทับซ้อนกันอย่างหนาแน่น สีสันแดงสดสะดุดตา
ความรู้สึกแสบร้อนกับความรู้สึกคล้ายถูกเผา เรียกได้ว่ามาเร็วไปเร็ว เพียงไม่เกินสามวินาที ลูเมี่ยนพบว่าพวกมันใกล้จะเลือนหาย
แต่ทันใดนั้น เสียงลึกลับที่คล้ายพูดจากตำแหน่งสูงอนันต์ แต่ก็คล้ายดังอยู่ข้างใบหู พลันอื้ออึงจนลูเมี่ยนวิงเวียนไปทั้งหัว
เสียงดังกล่าวเปรียบดังแท่งเหล็กแหลมที่แทงเข้าไปในสมอง แล้วคนกวนอย่างรุนแรง
ประสบการณ์เฉียดตายกลับมาเล่นงานลูเมี่ยนอีกครั้ง อาการแสบร้อนและความเจ็บปวดที่เหมือนจะหายไป กลับกลายเป็นรุนแรงยิ่งขึ้น
ลูเมี่ยนเปิดตากว้าง กำหมัดแน่น รู้สึกคล้ายกับมีบางสิ่งพยายามแหวกผิวหนังออกมา พยายามเจาะทะลวงเลือดเนื้อจากด้านใน
หมอกสีเทารอบตัวเขาดูหนาขึ้น
เสียงน่ากลัวที่ฟังไม่ได้ศัพท์ค่อยๆ สงบลง การเปลี่ยนแปลงใต้ชั้นผิวหนังที่เคยรู้สึก อันตรธานหายไปราวกับภาพหลอน
อาการเจ็บแปลบแสบร้อนและกลิ่นสนิมเหล็กแรงๆ รวมถึงกลิ่นเลือดก็จางหายตามๆ กันไป
ในที่สุดลูเมี่ยนก็ได้สูดอากาศเย็นๆ เข้าไปในปอด ร่างกายกลับมาขยับตามใจนึกคิดอีกครั้ง
เด็กหนุ่มอดไม่ได้ที่จะโน้มตัวไปข้างหน้า ใช้สองมือยันเข่าไว้ หายใจหอบกระเส่า
ตอนนี้เขาเข้าใจแจ่มแจ้งแล้ว ว่าการไล่ล่าพลังวิเศษนั้นอันตรายเพียงใด
เพียงโอสถลำดับ 9 ก็แทบจะสิ้นชีพอยู่ตรงนี้แล้ว!
แน่นอน มันไม่ควรจะถึงขั้นนั้น ตามปกติแล้วควรเสี่ยงชีวิตแค่นิดๆ หน่อยๆ
เพียงแต่ในช่วงเวลาชี้เป็นชี้ตาย เสียงลึกลับจากสัญลักษณ์พิเศษบนหน้าอก ดันผลักตนลงสู่บ่อแห่งความวิกฤติ
ทุกครั้งที่หายใจลึกๆ คล้ายกับว่าลูเมี่ยนได้รับกำลังวังชากลับมาทีละนิด ไม่นานก็พบว่าตัวเองกลับมามีเรี่ยวแรงสมบูรณ์
เด็กหนุ่มลองกำหมัดแน่น ชกใส่อากาศเต็มแรง
ปัง!
เกิดเสียงลมระเบิด
พลังแบบนี้ เขาไม่เคยคิดฝันมาก่อนว่าจะมีในครอบครอง!
ลูเมี่ยนยิ่งตื่นเต้น ในห้องนอนขนาดไม่กว้างนัก เด็กหนุ่มย่ำตามจังหวะเท้า ฝึกฝนการต่อสู้ที่พี่สาวสอนให้
ปังปังปัง!
ทุกหมัดล้วนสร้างเสียงแหลมคม และแม้จะอยู่ในสภาพแวดล้อมแคบๆ ทุกย่างก้าวกลับพอดิบพอดี ไม่ชนกระทบกับสิ่งใดเลย
หลังจากฝึกครบเซต ลูเมี่ยนไม่เพียงไม่เหนื่อย แต่กลับมีพลังเหลือล้น
จึงเริ่มประเมินสภาพตัวเอง
“ไม่ด้อยไปกว่าโอลัวร์เลย…”
“ไม่ว่าจะเป็นพลัง ความเร็ว การตอบสนอง หรือการบังคับร่างกาย ล้วนถูกยกระดับอย่างมาก จนแทบจะไม่ใช่มนุษย์แล้ว…”
“มีทั้งความแข็งแกร่งของหมี และความคล่องแคล่วของแมว ยังกับเป็นลูกผสมของสัตว์สองชนิด…”
ยังไม่ทันจะได้ตรวจสอบตัวเองอย่างละเอียด ลูเมี่ยนพลันได้กลิ่นเลือด
หัวใจพลันหดเกร็ง แต่ด้วยสัญชาตญาณ เด็กหนุ่มรีบสูดกลิ่น
วินาทีถัดมา เขาพบว่าตนสามารถแยกแยะได้ว่ากลิ่นเลือดมาจากไหน
จากร่างกายตัวเอง!
ลูเมี่ยนก้มหน้าลง พบว่าหลังมือทั้งสองข้างเปรอะเลือดสีแดง ราวกับมีบาดแผลอยู่เต็ม
เขาเดินไปหน้ากระจกเต็มตัว และพบว่าใบหน้าของตนก็โชกเลือดเช่นกัน
ลูเมี่ยนใช้มือเช็ดแก้ม ปาดเลือดที่เปื้อนออกไปบางส่วน แต่ก็ไม่พบแม้แต่ครึ่งแผล
หลังจากครุ่นคิดสักพัก เขาลองคาดเดาบางสิ่ง
“การดื่มโอสถเข้าไป จะทำให้เส้นเลือดฝอยทั้งหมดแตกเหมือนที่โอลัวร์เคยเล่าให้ฟัง? และเมื่อดูดซึมโอสถจนหมด บาดแผลก็จะสมานตัวในพริบตา?”
มีเพียงอิทธิพลจากปัจจัยเหนือธรรมชาติเท่านั้น ที่สามารถอธิบายสถานการณ์นี้ได้
เนื่องจากไม่มีบาดแผล ลูเมี่ยนจึงไม่เสียเวลาไปกังวล เพียงจดจ่อสมาธิอยู่กับประสาทรับกลิ่นที่เกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน
เมื่อเพ่งความสนใจ กลิ่นต่างๆ ในอากาศพลันถูก ‘แยก’ และไหลเข้ามาในจมูกด้วยรูปแบบที่แตกต่าง
“กลิ่นเลือด กลิ่นไวน์ที่เหลือ กลิ่นดอกไม้ กลิ่นฝุ่น…” ลูเมี่ยนจำแนกอย่างละเอียด ไม่พลาดแม้กระทั่งกลิ่นที่ละเอียดที่สุด
พร้อมกันนั้น เขา ‘เห็น’ รอยเท้าบนพื้นซึ่งปกติจะมองไม่เห็น เขา ‘เห็น’ การกระจายตัวของฝุ่นในห้องนอน เขา ‘ได้ยิน’ เสียงเต้นของหัวใจตัวเอง เขา ‘ได้ยิน’ ลมเบาๆ ที่พัดผ่านนอกบ้าน…
“ความเปลี่ยนแปลงที่สองคือ ประสาทสัมผัสเฉียบคมขึ้นอย่างก้าวกระโดด สังเกตเห็นกระทั่งรายละเอียดที่มนุษย์ธรรมดาทำไม่ได้…ไม่แปลกใจที่เจ้าสัตว์ประหลาดนั่นชำนาญการแกะรอย…” ลูเมี่ยนดีใจกับเรื่องนี้
สำคัญเหนือสิ่งอื่นใด ความสามารถที่เพิ่มขึ้นเหล่านี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน มันจะทำงานก็ต่อเมื่อเขาจดจ่อสมาธิเท่านั้น การใช้ชีวิตปกติจะแสดงผลในรูปแบบที่เบาบางลง
หลังจากทดลองและสำรวจตัวเองเป็นเวลานาน ลูเมี่ยนยังพบอีกสองการเปลี่ยนแปลงที่โอสถ ‘นักล่า’ นำพามา
“ความเปลี่ยนแปลงที่สาม…หากสังเกตสิ่งแวดล้อมอย่างละเอียด เราจะค้นพบจุดสำคัญได้อย่างแม่นยำ เช่น วิธีทำลายผนังให้ง่ายกว่าเดิม ช่วยให้วางกับดักได้ดีและเร็วขึ้นมาก…ซ้ำยังมีผลกับมนุษย์ สัตว์ป่า และสัตว์ประหลาด ช่วยให้การล่ามีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น…”
“ความเปลี่ยนแปลงที่สี่…มีความรู้เกี่ยวกับพืชและอวัยวะของสัตว์เพิ่มขึ้น ช่วยให้เอาตัวรอดในป่าได้ดีขึ้น หายาห้ามเลือดพบได้เร็วเมื่อบาดเจ็บ หรือถ้าจำเป็นก็สามารถผสมพิษทาบนอาวุธ…”
หลังจากยืนยันความเปลี่ยนแปลงเบื้องต้น ลูเมี่ยนอดนึกถึงเรื่องเหลวไหลที่ผ่านมาไม่ได้
“เราเอาชนะสัตว์ประหลาดสะพายปืนมาได้ยังไง?”
“ตอนนี้เราแข็งแกร่งกว่าเมื่อก่อนหลายเท่า และสัตว์ประหลาดนั่นก็อ่อนแอกว่าเราในตอนนี้ไม่มาก”
หลังจากไตร่ตรองอย่างจริงจัง ลูเมี่ยนสรุปได้สองประเด็นหลัก
“ความสามารถก็สำคัญ แต่กึ๋นก็สำคัญไม่แพ้กัน!”
“การใช้ประโยชน์จากสภาพแวดล้อมให้ดี สามารถเพิ่มความแข็งแกร่งได้อย่างมีนัยสำคัญ!”
ลูเมี่ยนครุ่นคิดอีกสักพัก แล้วเติมอีกประโยคในใจ
“สุดท้ายก็คือ ไม่ว่าจะในสถานการณ์ใด ห้ามประมาทหรือสูญเสียความเยือกเย็นเด็ดขาด…”
เขาเดินไปทางหน้าต่าง มองออกไปยังซากปรักหักพังในความฝันอีกครั้ง
ความรู้สึกกดดัน ความกลัว และความอันตรายที่ยากจะอธิบายปะทุขึ้นในใจลูเมี่ยนทันที มันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน หรือไม่เคยรุนแรงเท่าตอนนี้
“เอ่อ…ความเปลี่ยนแปลงที่ห้า…สัญชาตญาณในบางแง่เฉียบคมขึ้น…” ลูเมี่ยนพยักหน้าเบาๆ
เด็กหนุ่มเดินเข้าห้องน้ำเพื่อล้างตัวด้วยน้ำสะอาด เปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ เดินกลับนอนพร้อมกับเงินติดตัว แล้วขึ้นเตียงอีกครั้ง
เขาอยากรีบกลับโลกแห่งความจริง เพื่อดูว่าพลังของ ‘นักล่า’ ในตอนนี้จะติดตัวไปด้วยหรือไม่ และมันจะลดลงหรือไม่
…
บรรยากาศกลางดึกในหมู่บ้านกอร์ตูเงียบสงบอย่างยิ่ง กลุ่มเมฆบนท้องฟ้าบดบังดวงจันทร์และแสงดาว ช่วยให้ความมืดอันลุ่มลึกยึดครองทุกสิ่ง
ลูเมี่ยนมองดูทิวทัศน์ยามค่ำคืนด้วยสีหน้าพึงพอใจ
ในโลกความจริง เขากลายเป็นผู้วิเศษ และเมื่อเทียบกับในฝัน ความสามารถไม่ได้ลดลงแม้แต่น้อย!
ด้วยสัญชาตญาณ ลูเมี่ยนคลายกระดุมเสื้อแล้วก้มมองหน้าอกตัวเอง
สัญลักษณ์สีดำที่คล้ายโซ่หนามค่อยๆ เลือนหายไป
“ตามมาที่โลกความจริงด้วยแฮะ…” เขารู้สึกไม่สบายใจอย่างบอกไม่ถูก
แต่สัญลักษณ์สีดำอมเขียว ซึ่งควรจะปรากฏอยู่เหนือโซ่หนามด้วย กลับดำรงอยู่แค่ในความฝัน
ทันใดนั้น ลูเมี่ยนพลันใจสั่น จึงรีบเงยหน้า
บนต้นเอล์มไม่ไกลออกไป นกฮูกจากตำนานจอมเวทกำลังมองเด็กหนุ่มอย่างเงียบงัน
…………………………………………………….