ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 30 เริ่มเทศกาลมหาพรต
- Home
- ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability)
- ตอนที่ 30 เริ่มเทศกาลมหาพรต
ตอนที่ 30 เริ่มเทศกาลมหาพรต
มาดามเอียงคอเล็กๆ ตามองออกไปนอกหน้าต่างร้านเหล้าคร่ำครึ
“ใกล้จะได้เวลาแล้ว ฉันขอเล่าเกร็ดความรู้พื้นฐานส่งท้ายก็แล้วกัน”
“อ้างอิงจากกฎความถาวรของตะกอนพลัง เราได้ทราบว่า คนที่ผสานเข้ากับตะกอนพลังจะกลายเป็นผู้วิเศษ สัตว์ที่รวมกับตะกอนพลังจะกลายเป็นสัตว์วิเศษ เช่นนั้นแล้ว วัตถุที่รวมกับตะกอนพลังจะกลายเป็นอะไร?”
โดยไม่เปิดโอกาสให้ลูเมี่ยนตอบ เธอเฉลยทันที
“มันเรียกว่าสมบัติวิเศษ”
“เนื่องจากวัตถุไม่มีความคิด จิตใจ หรือความสามารถในควบคุมตัวเอง เมื่อผนวกเข้ากับปัจจัยแวดล้อมอื่นๆ หากวัตถุไปรวมกับตะกอนพลัง นอกจากจะแสดงพลังวิเศษออกมา มันยังจะนำมาซึ่งผลข้างเคียงที่รุนแรง ศาสนจักรใหญ่ๆ มักผนึกพวกมันเอาไว้ และใช้วิธีที่เหมาะสมเพื่อเปิดผนึกในยามจำเป็นต้องใช้งาน”
“นั่นทำให้สมบัติวิเศษบางชิ้นถูกเรียกว่า ‘สมบัติปิดผนึก’”
“สมบัติวิเศษที่เคยถูกศาสนจักรใหญ่ปิดผนึกจะมีรหัสเรียกเฉพาะตัว แบ่งออกเป็นสี่ระดับได้แต่ 3, 2, 1 และ 0 ยิ่งตัวเลขหน้าสุดน้อย ความอันตรายก็ยิ่งมาก…สมบัติปิดผนึกระดับ 1 กับ 0 จะมีจำนวนน้อยและเต็มไปด้วยอันตราย รหัสของพวกมันเป็นที่ยอมรับของศาสนจักรใหญ่ และตัวเลขจะไม่ซ้ำกัน”
“สมบัติปิดผนึกระดับ 0…” ลูเมี่ยนพึมพำเสียงเบา
เขายังหมกมุ่นอยู่กับข้อเท็จจริงที่ว่า ลำดับ 0 ทัดเทียมกับเทพ จึงนำไปสู่การคิดต่อยอด และเริ่มสอบถาม
“สมบัติปิดผนึกเหล่านี้…เกิดจากเทพที่ร่วงหล่นไปแล้ว หรือไม่ก็เทพมารที่ถูกกำจัด?”
จากข้อเท็จจริงที่ว่า ทั้ง 22 เส้นทางล้วนมีลำดับ 0 ได้ทั้งหมด จำนวนเทพในปัจจุบันจึงยังดูขาดแคลนไปมาก
แน่นอน ลูเมี่ยนยอมรับว่า นี่อาจเป็นเพราะตนไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับเทพมาร หรือการดำรงอยู่อันลึกลับอื่นๆ มากนัก
“ไม่ทั้งหมด” มาดามครุ่นคิดแล้วตอบ “ส่วนใหญ่เป็นของเทวทูต…การสังหารเทพไม่ง่ายนักหรอกนะ”
ลูเมี่ยนพยักหน้า
“เข้าใจแล้ว…ฉันจะไม่ประมาทสิ่งของแปลกๆ ในมือคนอื่น”
มาดามเสริมเพิ่ม
“เธอไม่ควรประมาทผลข้างเคียงของสมบัติปิดผนึกเช่นกัน ในอนาคตอาจได้ครอบครองมันสักชิ้นสองชิ้น”
“แล้วก็…ในศาสตร์เร้นลับยังมีวัตถุอยู่อีกประเภทหนึ่ง นั่นคือ ‘วัตถุวิเศษ’ สร้างโดยผู้วิเศษในบางลำดับ ด้วยความสามารถและพลังวิญญาณของตัวเอง หรือไม่ก็ขอความช่วยเหลือจากโลกวิญญาณหรือเทพบางองค์ วัตถุเหล่านี้ไม่มีตะกอนพลังแฝงอยู่ แต่มีพลังวิเศษในระดับหนึ่ง ฤทธิ์ของพวกมันจะเสื่อมไปตามกาลเวลา เช่นยันต์และยา ซึ่งสามารถใช้ได้แค่ครั้งเดียว”
“เมื่อเทียบกันแล้ว ‘อาวุธวิเศษ’ จะเสถียรกว่า บางชิ้นสามารถใช้งานได้นานหลายปี”
“ในฐานะนักล่า ก่อนจะไปถึงลำดับ 7 เธอยังขาดพลังในการปราบสิ่งมีชีวิตประเภทวิญญาณหรือภูตผี หลังจากนี้ถ้ามีโอกาส ควรพิจารณาเลือกใช้สมบัติปิดผนึกหรือวัตถุวิเศษให้เหมาะสม”
ลูเมี่ยนฟังอย่างตั้งใจ และถามอย่างสงสัย
“โลกวิญญาณ?”
เขาเคยเห็นคำนี้ในนิตยสาร ‘ผ้าคลุมหน้าอำพราง’ แต่ไม่ได้รับคำอธิบายที่มากพอ
มาดามพูดเร็วขึ้นเล็กน้อย
“จากมุมมองของศาสตร์เร้นลับ โลกนี้แบ่งออกเป็นสามส่วน คือโลกความจริง โลกวิญญาณ และโลกดารา ส่วนอื่นๆ ล้วนเกาะติดอยู่กับหนึ่งในสามโลกนี้ ตัวอย่างเช่น โลกแห่งความตาย”
“คงไม่ต้องอธิบายโลกความจริงมากนัก เธอเข้าใจดีอยู่แล้ว โลกวิญญาณคือโลกที่เต็มไปด้วยวิญญาณ ที่นั่นมีแนวคิดหลายอย่างแตกต่างจากโลกความจริง เธอจะค่อยๆ เรียนรู้เกี่ยวกับมันเอง ส่วนโลกดารานั้น เดิมทีหมายถึงโลกเทพ แต่ตอนนี้ต้องรวมท้องฟ้าทั้งหมดเข้าไปด้วย”
ลูเมี่ยนแค่ถามโดยไม่คิดอะไร พอได้คำตอบเบื้องต้นจึงกลับมายังหัวข้อหลัก
“นักล่าสามารถสร้างวัตถุวิเศษได้เองไหม”
เขารู้สึกว่า ‘จอมเวท’ น่าจะทำได้
มาดามส่ายหัว แล้วกล่าว
“ด้วยลำดับแล้ว นักล่าสร้างเองไม่ได้ แต่ด้วยพลังวิญญาณที่เพิ่มขึ้น เธอสามารถศึกษาเกี่ยวกับพิธีกรรมเวทมนตร์ เพื่อขอพรจากเทพหรือตัวตนลึกลับ โดยอาศัยการตอบสนองของพระองค์เพื่อสร้างยันต์ อาวุธวิเศษ และวัตถุวิเศษ”
“แต่ขอเตือนเอาไว้ว่า…ตัวตนลึกลับส่วนมากอันตรายอย่างยิ่ง ไม่ควรไปลองขอพรส่งเดช เพราะการตายอาจไม่ใช่ผลลัพธ์ที่เลวร้ายที่สุด ส่วนเจ็ดเทพในจารีตจะไม่ตอบสนองเธอ เว้นแต่จะเข้าสังกัดศาสนจักรสักแห่ง และลงทะเบียนเป็นผู้วิเศษทางการ”
“สรุปก็คือ นักล่าสร้างวัตถุวิเศษเองไม่ได้…” ลูเมี่ยนดูผิดหวัง
มาดามยิ้ม
“ก็ไม่เชิง ในทางหนึ่ง เธอสามารถใช้เลือดหรือน้ำลายของสัตว์วิเศษในการสร้างอาวุธพิษร้ายแรง สิ่งนี้สามารถมองเป็นอาวุธวิเศษได้เช่นกัน ส่วนอีกทางหนึ่ง หลังจากที่เธอไขปริศนาความฝันได้ ฉันจะบอกพระนามอันทรงเกียรติของตัวตนอันยิ่งใหญ่ เพื่อให้เธอสามารถขอพรจากพระองค์”
ตัวตนอันยิ่งใหญ่? นี่เป็นครั้งแรกที่เธอใช้คำว่า ‘ยิ่งใหญ่’ ต่อท้ายใคร ก่อนหน้านี้ไม่แม้แต่จะนำมาใช้กับสุริยันเจิดจรัสหรือปราชญ์เร้นลับ…ใครกันนะ? การขอพรจากพระองค์จะไม่อันตราย? แววตาลูเมี่ยนแฝงไว้ด้วยความประหลาดใจปนสงสัย
ยิ่งได้ฟังมากเท่าไร เด็กหนุ่มก็ยิ่งตระหนักว่าตนอ่อนหัดในศาสตร์เร้นลับมากเท่านั้น
ลูเมี่ยน ‘อา’ ด้วยเสียงทำนองว่าถามไปงั้นๆ พลางกล่าวหยั่งเชิงแบบไม่มีอะไรจะเสีย
“ลำดับที่ 8 ของนักล่าคืออะไร…ลำดับ 7 ด้วย?”
มาดามตอบผ่านๆ
“ลำดับ 8 คือ ‘นักยั่วยุ’ ส่วนลำดับ 7 คือ ‘นักวางเพลิง’”
“เอาล่ะ วันนี้พอแค่นี้ก่อน”
หญิงสาวลุกขึ้นยืน เดินไปยังทางขึ้นชั้นสอง
ไม่นานก็หยุดแล้วหันกลับมาพูด
“เกือบลืมเตือน…”
“จงจำไว้ให้ดี ว่าเธอแค่สวมบทบาทเท่านั้น”
แค่สวมบทบาท…ลูเมี่ยนเคี้ยวคำด้วยสีหน้าเคร่งขรึม และถามหลังจากครุ่นคิด
“จะเกิดอะไรขึ้นถ้าฉันเชื่อว่าบทบาทนั้นคือตัวเองจริงๆ ?”
“เธอจะสูญเสียความเป็นตัวเองไปเรื่อยๆ …จนกระทั่ง…” มาดามยิ้มแล้วหยุดพูด
พูดไม่จบคำอีกแล้ว…ลูเมี่ยนรำพันไร้เสียง
แต่เขาสัมผัสได้ หากหลงลืมว่าตัวเองแค่สวมบทบาท ผลที่ตามมาจะต้องร้ายแรงมากแน่นอน
ลูเมี่ยนไม่รีบร้อนออกจากร้านเหล้าคร่ำครึ นั่งเงียบๆ ตรงมุมห้อง ระลึกถึงทุกคำที่มาดามสอนสั่ง เพื่อไม่ให้ลืมเลือนไปจากความทรงจำ
ยิ่งเด็กหนุ่มครุ่นคิด ก็ยิ่งเข้าใจถึงความสำคัญของ ‘สองกฎกับหนึ่งวิธีการ’
“สิ่งเหล่านี้เปรียบดังเสาเข็มของตึกที่ชื่อว่าศาสตร์เร้นลับ สิ่งอื่นๆ ล้วนพึ่งพาพวกมันเพื่อดำรงอยู่…”
“โอลัวร์จะรู้เรื่องพวกนี้หรือยังนะ…”
“ไว้ออกจากกอร์ตูเมื่อไร เราต้องคุยกับพี่ให้ชัดเจน…”
“เอ่อ…มาดามคนนั้นอนุญาตให้เราบอกพี่ไหมนะ…”
…
หลังออกจากร้านเหล้าคร่ำครึ ลูเมี่ยนหันกลับไปมองอีกครั้ง พลางพึมพำในใจ
“ทำไมพวกคนต่างถิ่นถึงยังไม่ลงมือสักที? นี่ก็เริ่มเทศกาลมหาพรตแล้วนะ…”
ลูเมี่ยนคิดพลางเดินไปยังลานจัตุรัสหมู่บ้าน
เมื่อถามไถ่จนทราบว่า ยังไม่มีโทรเลขตอบกลับ เด็กหนุ่มเห็นเอวา แรมงด์ และคนอื่นๆ เพิ่งมาถึง
เอวาเปลี่ยนเป็นชุดกระโปรงยาวสีขาว สวมมงกุฎที่ถักจากกิ่งไม้และดอกไม้ รอบคอสวมสร้อยที่คล้ายกันแต่ใหญ่กว่า ตามแผ่นหลัง แขน สะโพก และขา ตกแต่งด้วยกิ่งไม้สีน้ำตาลกับใบไม้สีเขียว เสริมให้ดูคล้ายเทพธิดาแห่งป่า
นี่คือตัวเอกในเทศกาลมหาพรต—นางฟ้าใบไม้ผลิ
แรมงด์กับหนุ่มคนอื่นๆ คอยล้อมหน้าล้อมหลังเอวา แต่ละคนถือตะกร้าทำจากกิ่งไม้ ภายในบรรจุหญ้า ดิน หิน ใบไม้ และอื่นๆ
“ลูเมี่ยน ขบวนแห่อวยพรกำลังจะเริ่มแล้วนะ!” เอวาหันมามองลูเมี่ยนด้วยดวงตาสีน้ำเงิน
สีหน้าของหญิงสาวเปี่ยมไปด้วยความสุข
แรมงด์กับคนอื่นๆ ก็ยินดีปรีดาไม่ต่าง
“เร็วเข้า มาช่วยกันรับเครื่องเซ่นกันเถอะ!”
เนื่องจากยังไม่มีการตอบกลับจาก ‘บันเทิงคดีรายสัปดาห์’ ช่วงนี้ลูเมี่ยนจึงว่างงาน และตัดสินใจเข้าร่วมขบวนแห่อวยพร
กลุ่มคนหนุ่มสาวเริ่มประสานร้องเพลงดังๆ รอบตัวเอวา พลางเดินออกจากลานจัตุรัส
เพียงระยะทางราวๆ สิบเมตร ทุกคนหยุดหน้าบ้านหลังแรก
ลูเมี่ยนเดินไปที่ประตูและเริ่มออกแรงเคาะ
“นางฟ้าใบไม้ผลิมาแล้ว!”
ประตูเปิดออกด้วยเสียงเสียดสี ด้านหลังประตูคือนาไรซา
เธอก็เป็นอีกหนึ่งเจ้าบ้านสตรีที่มีคำนำหน้าชื่อว่า ‘นา’ อายุราวๆ สี่สิบ ผมสีดำมัดรวบสูง ดวงตาสีฟ้ายิ้มแย้ม
เมื่อเห็นประตูเปิด เอวาเดินไปสองก้าว กางแขนออกและเริ่มร้องเพลง
“ฉันคือนางฟ้าแห่งฤดูใบไม้ผลิ”
“ผู้น่ารักและงดงาม”
“…”
“มาร้องเพลงกันเถอะ! มาเต้นรำกันเถอะ!”
“มาทำกันเถอะ! พืชผลจึงจะอุดมสมบูรณ์…”
หลังจากร้องเสร็จหนึ่งช่วง เอวาก็หยิบก้อนดินจากตะกร้าที่แรมงด์ถือ แล้วยืนให้นาไรซา
“ขอบคุณจ้ะ นางฟ้าใบไม้ผลิ” นาไรซายิ้มแย้มขณะรับก้อนดิน จากนั้นก็มอบผืนผ้าที่เธอถือให้เอวา
“อุดมสมบูรณ์! อุดมสมบูรณ์!” ลูเมี่ยนกับกลุ่มคนหนุ่มสาวขานรับอย่างพร้อมเพรียง
นี่คือพิธีอวยพรแบบหนึ่ง นางฟ้าใบไม้ผลิจะใช้การร้องเพลงและมอบสิ่งที่เป็นธรรมชาติ อย่างดิน หญ้า หิน เป็นต้น เพื่ออวยพรให้ชาวบ้านได้ผลผลิตที่อุดมสมบูรณ์ ส่วนชาวบ้านก็ต้องให้สิ่งตอบแทน ซึ่งถือเป็นเครื่องเซ่น ไม่อย่างนั้นพรจะกลายเป็นคำสาป
หลังจากแรมงด์รับผ้าไป เอวาเริ่มตั้งใจร้องเพลงอีกครั้ง
เสร็จแล้วจึงปลีกตัวจากบ้านของนาไรซา เดินต่อไปยังบ้านของครอบครัวถัดไป
เครื่องเซ่นในขบวนแห่พิธีอวยพรนี้ บางส่วนจะถูกโยนลงแม่น้ำในพิธีริมน้ำ ที่เหลือจะถูกนำไปวางไว้ในพิธีเฉลิมฉลองสุดท้าย และเมื่อจบเทศกาลมหาพรต หญิงสาวที่รับบทเป็นนางฟ้าใบไม้ผลิ จะมีสิทธิ์เลือกหยิบเครื่องเซ่นบางชิ้นไป
ถือเป็นผลตอบแทนที่น่าพึงพอใจ
หากปีนี้การเก็บเกี่ยวของหมู่บ้านกอร์ตูอุดมสมบูรณ์จริง เอวาที่เป็นนางฟ้าใบไม้ผลิ จะถูกมองว่าได้รับการโปรดปรานจากนางฟ้าและพรแห่งฤดูใบไม้ผลิ หากใครได้เธอไปเป็นภรรยา ครอบครัวจะเหมือนกับถูกอวยพรให้พืชผลอุดมสมบูรณ์ไปอีกหลายปี
ในแง่ดังกล่าว เอวามีโอกาสที่จะได้แต่งกับคนรวย
ขบวนแห่พิธีอวยพร เดินร้องรำทำเพลงไปตลอดทาง จนกระทั่งถึงบ้านของลูเมี่ยน
เป็นโอลัวร์ที่เปิดประตูต้อนรับ โดยมาในชุดสุภาพมากขึ้น—กระโปรงยาวสีอ่อนคอตั้งฟู เข้าคู่กับเรือนผมสีทองที่มัดรวบสูง
เอวาเดินเข้าไปหา และเริ่มร้องเพลงเดิมอีกครั้ง
“ฉันคือนางฟ้าแห่งฤดูใบไม้ผลิ…”
โอลัวร์ยิ้มฟังจนเพลงจบ ขณะรับใบไม้ที่เอวายื่นให้ เธอยื่นไหเซรามิกใบเล็กให้อีกฝ่าย
“ขอบคุณจ้ะ นางฟ้าฤดูใบไม้ผลิ”
ไขมันสัตว์ที่แบ่งมาจากไหใหญ่? ลูเมี่ยนแอบมองและรู้สึกว่าพี่สาวของตนใจกว้างเกินไป
บ้านของตนมีเพียงสวนผักเล็กๆ หลังบ้าน ไม่มีไร่นา เท่ากับว่าไม่ต้องการพรแห่งการเก็บเกี่ยว
…………………………………………………….