ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 38 แกะ
ตอนที่ 38 แกะ
ตระกูลแบรีที่มีสมาชิกสิบกว่าคน ทั้งหมดอาศัยอยู่ในบ้านโทรมๆ สองชั้นหลังหนึ่ง
ลูเมี่ยนที่คุ้นเคยกับบ้านหลังนี้ดี เหล่มองประตูที่เปิดแง้ม เดินเลี่ยงไปทางด้านข้างอย่างระมัดระวัง จนมาถึงพื้นที่ว่างๆ ด้านหลังซึ่งรายล้อมด้วยรั้วไม้
ใกล้กับพื้นที่ว่างมีกองฟางและกองฟืน มีแกะสามตัวซึ่งสีออกน้ำตาลเพราะความสกปรก กำลังเดินไปเดินมา
ลูเมี่ยนอยากตรวจสอบฝูงแกะ
หลังจากได้ยินโอลัวร์บอกว่า แกะที่ปิแยร์·แบรีนำกลับมาดูแปลกๆ แต่ไม่ทราบว่าแปลกตรงไหน เด็กหนุ่มจึงอยากมาตรวจสอบระหว่างที่เจ้าของแกะเข้าไปสวดมนต์ในโบสถ์
แม้จะไม่เคยเลี้ยงแกะมาก่อน แต่การอาศัยอยู่ในหมู่บ้านกอร์ตูที่ใกล้กับทุ่งหญ้าเนินเขา ช่วยให้เขาเคยเห็นแกะมาไม่น้อย แม้จะไม่ถึงร้อย แต่ก็คงไม่ต่ำกว่าเจ็ดสิบแปดสิบ แกะเหล่านี้จึงไม่ใช่คนแปลกหน้าสำหรับเขา
ลูเมี่ยนเฝ้าสังเกตอย่างละเอียด และไม่พบว่าแกะสามตัวนี้ผิดแผกตรงไหน จึงเริ่มพึมพำกับตัวเองไร้เสียง
“มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า ต้องใช้พลังวิเศษสินะ…”
แต่ ‘นักล่า’ ไม่มีพลังวิเศษในแง่ดังกล่าว
ลูเมี่ยนลองใช้ศักยภาพทางสายตาและจมูกที่ถูกยกระดับ รวมถึงพลังในการแกะรอย แต่ก็ยังไม่พบปัญหาใดอยู่ดี
จุดเดียวที่ชวนให้สงสัยก็คือ แกะทั้งสามทิ้งมูลไว้ในมุมหนึ่งแทนที่จะกระจายไปทั่ว
แต่แน่นอน นี่อาจเป็นเพราะคนในครอบครัวแบรีโกยไปรวมกัน เพื่อนำมูลแกะไปใช้ประโยชน์
หลังจากมองอยู่อีกสักพัก ลูเมี่ยนพึมพำเบาๆ
“แค่ดูกับดมยังไม่พอสินะ… คงต้องลองใช้มือจับตรงๆ”
เด็กหนุ่มไม่ลังเลแม้แต่น้อย สองมือค้ำรั้วแล้วกระโดดเข้าไป ทำอย่างคล่องแคล่วราวกับเป็นบ้านตัวเอง
เมื่อแกะทั้งสามหันมามองลูเมี่ยนพร้อมกัน เขายิ้มตอบทันที
“มานี่สิ ฉันจะตรวจร่างกายให้พวกแกเอง”
เด็กหนุ่มมิได้กริ่งเกรงเลยสักนิดว่าจะถูกเจ้าของบ้านพบเข้า เพราะตนเคยทำเรื่องทำนองนี้มาหลายครั้งแล้ว แทบทุกครอบครัวในหมู่บ้านทราบดีว่าเขาชอบเล่นพิเรนทร์ และมีหลายครั้งเกี่ยวข้องกับแกะ
หรือถ้าจะให้พูดตามสำนวนของลูเมี่ยนก็คือ:
ถึงจะมีชื่อเสียงในทางที่ไม่ดี แต่มันก็มีข้อดี!
ตัวเขาที่โด่งดังในฐานะ ‘ราชานักแกล้ง’ ไม่ว่าจะทำอะไรที่หมู่บ้านกอร์ตู ก็จะไม่ค่อยถูกใครสงสัย ต่อให้ถูกพวกคนแปลกๆ เหล่านี้จับได้คาหนังคาเขา แต่อีกฝ่ายก็ไม่มีทางพบความผิดปกติในตัวลูเมี่ยน
แน่นอน ในสถานการณ์เดียวกัน หลวงพ่อกิโยมกับคนเลี้ยงแกะปิแยร์ อาจมีแนวคิดทำนองว่า ‘ฆ่าผิดดีกว่าปล่อยผ่าน’ และเลือกที่จะปิดปากลูเมี่ยน ดังนั้นต้องเพิ่มความระมัดระวังในช่วงเวลาจำเป็น
“แบแอะ! แบแอะ! แบแอะ!”
ดูเหมือนแกะทั้งสามตัวจะสัมผัสถึงเจตนาที่ไม่ดีจากลูเมี่ยน จึงหนีไปหลบหลังกองฟาง พลางส่งเสียงร้องที่ไม่ดังนัก
แต่มีหรือที่จะหลบ ‘นักล่า’ พ้น?
ลูเมี่ยนจับแกะตัวหนึ่งไว้ ลูบข้างลำตัวของมัน แล้วง้างปากเพื่อดูฟัน
“ก็ไม่เห็นจะมีปัญหาอะไร…” เด็กหนุ่มรำพันเงียบ
เมื่อเห็นแกะตัวดังกล่าวมองกลับมา เขายิ้มอย่างมีเลศนัยพลางเสริมเติม
“ร่างกายดูแข็งแรงดี เอาไปทำแกะตุ๋นถั่วลันเตาคงจะอร่อยเหาะ”
เด็กหนุ่มจงใจพูดเพื่อทดสอบสติปัญญาของแกะทั้งสาม
เมื่อไม่พบปัญหาทางร่างกาย เขาไม่มีทางเลือกนอกจากปรับเปลี่ยนแง่มุม
แววของตาแกะตัวนั้นเปลี่ยนเป็นตะลึงงันทันที
ลูเมี่ยนแสยะยิ้ม
“ฉลาดจังเลยนะ เข้าใจสิ่งที่ฉันพูดด้วยหรือ”
ดวงตาแกะกลับมาเป็นปกติ พลางหันหัวไปกินฟาง
“เมินกันได้นะ” ลูเมี่ยนลูบคางตัวเอง “ฉันจะไปหาปิแยร์·แบรีแล้วขอซื้อแกต่อ เพื่อเอาไปทำมื้อเย็นวันนี้!”
แกะตัวดังกล่าวไม่ตอบสนอง
เพียงกัดฟางแล้วกระชากออกมาอย่างแรง
กองฟางพังถล่มทันที ลูเมี่ยนผู้เป็น ‘นักล่า’ สังเกตเห็นสิ่งหนึ่งด้วยสายตาอันเฉียบคม
สีหน้าเด็กหนุ่มเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมขณะเดินเข้าไป แล้วก้มมองอย่างใกล้ชิด
มันคือเล็บที่มีเส้นผมสีดำพันรอบ—เศษเล็บที่ถูกตัดออกมา
“ทำไมนอกบ้านถึงมีของแบบนี้?” ลูเมี่ยนพึมพำอย่างประหลาดใจ
ในฐานะชาวกอร์ตู เด็กหนุ่มย่อมเข้าใจประเพณีศพของเขตดาลีแอช เวลามีคนตายต้องตัดผมกับเล็บบางส่วนมาซ่อนไว้ในจุดลับของบ้าน เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบกับราศี เพื่อรักษาโชคลาภเอาไว้
แล้วทำไมถึงมีเศษเล็บที่พันด้วยเส้นผม ซุกอยู่ในกองฟางนอกบ้านได้?
ลูเมี่ยนเก็บเศษเล็บพันผมขึ้นมา แล้วถือดูใกล้ๆ
ใหม่มาก เพิ่งถูกตัดไม่นาน… เขาประเมินอย่างรวดเร็ว
แต่ในหมู่บ้านกอร์ตูไม่มีใครเพิ่งตาย!
ลูเมี่ยนเริ่มสงสัยว่าอาจเป็นพิธีกรรมบางอย่างที่คล้ายกับประเพณีศพ จึงวางแผนกลับไปปรึกษาพี่สาว
เพื่อไม่ให้ถูกระแคะระคาย เด็กหนุ่มนำเศษเล็บกับเส้นผมสีดำที่เก็บได้ กลับไปใส่คืนกองฟาง แล้วรีบทำให้จุดเกิดเหตุดูเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
จัดการทั้งหมดเสร็จ เขาเดินไปทางรั้วไม้
เดินไปได้ไม่กี่ก้าว เด็กหนุ่มหันกลับมามองแกะทั้งสามตัวอีกครั้ง รำพันกับตัวเองทำนองว่า ‘ลองดูก็ไม่เสียหาย’
“ปิแยร์·แบรีมีลับลมคมในจริงๆ ยังไม่ถึงเดือนพฤกษาคมแท้ๆ แต่รีบกลับหมู่บ้าน…”
“ไปก่อคดีมาหรือเปล่านะ?”
“ไอ้เรามันก็พลเมืองดีของอินทิส และยังเป็นสาวกผู้ภักดีของพระองค์ด้วยสิ… ออกไปสืบข่าวที่ดาลีแอชดีไหมนะ?”
แกะทั้งสามตัวแค่มองเขา ไม่มีความเคลื่อนไหวอื่น ไม่มีการเปลี่ยนแปลงในสายตา
เด็กหนุ่มจึงยกกำปั้นขึ้น หัวแม่โป้งชี้ขึ้น นิ้วชี้ชี้ลง แสดงสัญลักษณ์การเหยียดหยาม
หงุดหงิดอยู่ทั้งที ขอเยาะเย้ยแกะเล่นๆ คงไม่เป็นไรมั้ง?
วินาทีถัดมา แกะตัวที่ถูกลูเมี่ยนตรวจร่างกาย เดินออกมาหนึ่งก้าว แววตาของมันส่องประกายคล้ายกับมีความหวัง
มันยกขาหน้าขึ้น เริ่มขีดเขียนบนพื้นดิน
ลูเมี่ยนพลันงงงวยปนสับสน ทำตัวไม่ถูกไปชั่วขณะ
ไม่นานก็ได้สติกลับมาแล้วเดินเข้าไปหาแกะตัวนั้น
คล้ายกับแกะวาดตัวหนังสือลงบนพื้น ลูเมี่ยนรู้สึกคุ้นตาแต่อ่านไม่ออก
เด็กหนุ่มทำหน้านิ่วคิ้วขมวด พลางคาดเดาในใจ
“ตัวหนังสือพวกนี้น่าจะมีต้นกำเนิดเดียวกับภาษาอินทิส…”
แต่เขารู้จักแค่ภาษาอินทิสกับฟุซัคโบราณบางส่วน
วินาทีนี้ ลูเมี่ยนเริ่มตระหนักถึงสัจธรรมในคำกล่าวของโอลัวร์ ‘ความรู้คือพลัง’
แกะตัวดังกล่าว พอวาดเสร็จก็ถอยหลังไปสองก้าว เงยหน้ามองลูเมี่ยนด้วยสายตาเว้าวอน แกะอีกสองตัวก็แสดงอาการคล้ายๆ กันพลางร้องเบาๆ
ลูเมี่ยนก้มมองคำศัพท์บนพื้นแล้วจมลงในความคิด
หัวของเขาเต็มไปด้วยคำถามทำนอง ‘มันหมายความว่ายังไง?’ และ ‘เราควรตอบยังไง?’
เพียงไม่กี่วินาที เด็กหนุ่มได้ข้อสรุปให้ตัวเอง พลางพยักหน้าขึงขังใส่กับแกะทั้งสาม
พร้อมกันนั้น เขายื่นเท้าขวาออกไปเช็ดตัวหนังสือบนพื้น
แม้จะไม่เข้าใจ แต่อย่างน้อยก็แสร้งทำเป็นเข้าใจได้!
ตอนนี้หลอกให้แกะคิดแบบนั้นไปก่อน แล้วค่อยกลับไปปรึกษาพี่สาว!
ไม่รอให้แกะทั้งสาม ‘ตอบกลับ’ เด็กหนุ่มทำหน้าหนักอึ้งคล้ายกำลังครุ่นคิด แล้วเดินช้าๆ ไปทางรั้ว ทำทีราวกับว่า ‘รอฉันสักครู่ ขอกลับไปคิดหาวิธีก่อน’
หลังออกจากคอกแกะ ลูเมี่ยนไม่ชักช้า เร่งตรงกลับบ้านทันที และพบโอลัวร์กำลังนอนบนเก้าอี้เอนหลังในห้องอ่านหนังสือ
“พี่” เด็กหนุ่มเรียกอย่างร้อนรน “เกิดเรื่องแล้ว”
“เปิดปากก็เรียกหาพี่ทันที…” โอลัวร์ยกระดับความระแวดระวัง “ไปทำอะไรผิดมาอีกล่ะ?”
ลูเมี่ยนสงบสติ พลางเรียบเรียงคำพูด
“พี่เป็นคนบอกเองไม่ใช่หรือ ว่าแกะสามตัวของปิแยร์·แบรีมีปัญหา”
“ฉันแอบไปดูแกะสามตัวนั้นระหว่างที่ปิแยร์เข้าไปสวดมนต์ในโบสถ์ ลองทายดูซิว่าเจออะไรมา”
โอลัวร์ทำหน้าขึงขังทันที
“นายต้องบอกฉันล่วงหน้าก่อนจะทำอะไรแบบนี้ มันอันตรายมากเลยนะ แอบไปแบบนั้นใครจะช่วยปกป้องได้”
ถ้าฉันบอก พี่ก็คงไม่ยอมให้ไป… ลูเมี่ยนรำพันเงียบ ใจหนึ่งซาบซึ้งกับความห่วงใยของพี่สาว
“ครั้งหน้าจะไม่ทำอีก” เด็กหนุ่มสัญญาจากใจจริง
ถึงจะเคยพูดมาเป็นสิบครั้งแล้วก็ตาม
โอลัวร์แยกแยะได้ว่าเรื่องใดเร่งด่วน เรื่องใดสามารถรอได้ จึงพยักหน้าเป็นนัยให้ลูเมี่ยนเล่าการค้นพบของตัวเอง
เด็กหนุ่มรีบเล่าประสบการณ์ในคอกแกะอย่างละเอียด โอลัวร์คอยฟังอย่างตั้งใจ
“เขียนคำนั้นลงบนกระดาษ” หญิงสาวลุกจากเก้าอี้ และหากระดาษกับปากกามาให้ลูเมี่ยน
เขายังคงจดจำคำนั้นได้แม่น จึงเขียนลงบนกระดาษอย่างแคล่วคล่อง
โอลัวร์มองปราดเดียวแล้วพูดเสียงขรึม
“เกิดเรื่องใหญ่แล้วล่ะ”
ฉันรู้… ลูเมี่ยนตอบในใจ
และเขายังเชื่อด้วยว่า ปัญญานี้ใหญ่กว่าที่พี่สาวคิด
“ปัญหาอะไร?” เด็กหนุ่มถาม
โอลัวร์ชี้ตัวหนังสือพร้อมกับตอบ
“นี่คือภาษาที่ราบสูง… ภาษาทางการของอาณาจักรเฟเนพ็อต มีต้นกำเนิดเดียวกับภาษาอินทิส นั่นก็คือภาษาฟุซัคโบราณ”
“ความหมายของคำนี้ก็คือ…”
โอลัวร์เว้นวรรคชั่วขณะ แล้วจึงกล่าวด้วยเสียงโทนต่ำ
“ช่วยด้วย!”
“ช่วยด้วย?” ลูเมี่ยนตกใจจนเผลออุทาน “แกะสามตัวนั้นกำลังขอความช่วยเหลือจากเรา?”
โอลัวร์อืมในลำคอ
“ฉันสงสัยว่าพวกมันไม่ใช่แกะ”
“เดิมทีอาจจะเป็นมนุษย์!”
“มนุษย์?” ลูเมี่ยนย้อนถามด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ
สิ่งนี้อยู่นอกเหนือขอบเขตความรู้ของเขา
ก่อนหน้านี้เด็กหนุ่มคิดเพียงว่า แกะทั้งสามตัวมีสติปัญญาค่อนข้างดี มีอารมณ์คล้ายมนุษย์ และเข้าใจภาษามนุษย์อยู่บ้าง แต่ไม่เคยคิดว่าจะเทียบเท่ามนุษย์
สำหรับเขา การที่มนุษย์กลายเป็นแกะ มีอยู่แค่ในนิยายเพ้อฝันเท่านั้น!
เมื่อสิ้นเสียงพูด ลูเมี่ยนเริ่มตระหนักว่า ‘ก็ไม่แปลกเท่าไรนี่หว่า’
ในเมื่อเกิดวัฏจักรเวลาได้ ทำไมคนจะกลายเป็นแกะไม่ได้?
ในศาสตร์เร้นลับ ความพิสดารและเพ้อฝันไม่ใช่เรื่องที่ขาดแคลน
ต่อหน้าความสงสัยของน้องชาย โอลัวร์ผงกศีรษะขึงขัง
“ฉันเองก็ไม่แน่ใจ ว่ามีเวทมนตร์ที่ทำให้มนุษย์เป็นแกะอยู่จริงไหม แต่ตอนนี้หลักฐานแวดล้อมล้วนพุ่งเป้าไปยังความเป็นไปได้นั้น”
“ก็จริง” ลูเมี่ยนเห็นด้วย
ยิ่งคิด เด็กหนุ่มก็ยิ่งรู้สึกว่าแกะทั้งสามตัวน่าจะเป็นมนุษย์
คนเลี้ยงแกะปิแยร์·แบรีกำลังเลี้ยงมนุษย์?
ลูเมี่ยนจึงถามต่อ
“แล้วทำไมถึงมีเศษเล็บกับเส้นผมซ่อนอยู่นอกบ้าน?”
โอลัวร์เม้มปากแล้วพูด
“มันคือหนึ่งในประเพณีศพของเขตดาลีแอช แต่ส่วนใหญ่ไม่มีใครทำ หลายคนจึงลืมไปแล้ว”
“เนื่องจากฉันเป็น ‘จอมเวท’ จึงเคยลองศึกษาอยู่บ้าง เพื่อสำรวจว่าพอจะมีความรู้ที่เป็นประโยชน์หรือไม่”
หญิงสาวอธิบายต่อ
“เมื่อคนในครอบครัวฆ่าตัวตายหรือถูกญาติพี่น้องฆ่า หรือทำตัวไม่ดีตอนมีชีวิต จนทำให้ครอบครัวเดือดร้อนอย่างมาก เศษเล็บกับเส้นผมที่ถูกตัดหลังจากเสียชีวิตจะถูกซ่อนไว้นอกบ้านแทน เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบกับราศีและโชคลาภของบ้าน”
ฆ่าตัวตายหรือถูกพี่น้องฆ่า? ลูเมี่ยนนึกถึงเรื่องหนึ่งทันที
ในวัฏจักรที่แล้ว ปงส์·เบเนต์ฝ่าฝืนประเพณีศพ ด้วยการเดินเข้าไปในบ้านของนาโรคา
เพื่อไปเอาเส้นผมกับเล็บของนาโรคาออกมาอย่างนั้นหรือ?