ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 39 ป่วย
ตอนที่ 39 ป่วย
หากปงส์·เบเนต์เข้าไปในบ้านของนาโรคาเพื่อนำผมและเล็บกลับไปจริงๆ นั่นก็หมายความว่า นาโรคาอาจถูกญาติพี่น้องฆ่า เนื่องจากเธอมีชื่อเสียงในด้านดีมาตลอด เป็นเสาหลักของครอบครัว สุขภาพร่างกายและจิตใจดี ไม่น่าจะฆ่าตัวตาย…ลูเมี่ยนรวบรวมความคิด
ถ้านาโรคาถูกญาติพี่น้องฆ่าจริงๆ …สาเหตุคืออะไร?
เมื่อเห็นน้องชายจมอยู่ในความคิดโดยไม่พูดไม่จาเป็นเวลานาน โอลัวร์เชื่อว่าอีกฝ่ายคงตกใจกับเรื่องที่ ‘คนกลายเป็นแกะ’ และ ‘อาจมีคนในครอบครัวแบรีถูกฆ่า’ จึงพยายามพูดปลอบใจ
“แม้เรื่องนี้จะร้ายแรง แต่มันยังไม่ส่งผลกระทบกับเรา”
“ดูเหมือนว่าฉันคงต้องทบทวนตัวเองใหม่ การห้ามไม่ให้นายเข้าถึงความรู้ด้านศาสตร์เร้นลับเลย อาจทำให้นายตื่นตระหนกเมื่อต้องเจอกับสถานการณ์แบบนี้…อา…ในช่วงไม่กี่ปีหลัง โลกนี้เริ่มมีเหตุการณ์เหนือธรรมชาติเกิดขึ้นบ่อย และฉันคงอยู่กับนายตลอดไปไม่ได้ พอนายโตขึ้นก็ต้องมีชีวิตเป็นของตัวเอง…”
คนที่โตแล้ว ไม่จำเป็นต้องออกจากครอบครัวสักหน่อย… ลูเมี่ยนคัดค้านในใจ
เด็กหนุ่มสัมผัสได้ว่า จากเรื่อง ‘คนกลายเป็นแกะ’ โอลัวร์เริ่มใจอ่อน และไม่คิดจะปกปิดศาสตร์เร้นลับจากตนอีกต่อไป
ถ้าเราพยายามผลักดันอีกสักนิด ก็คงเปิดเผยได้ว่าตอนนี้กลายเป็นผู้วิเศษแล้ว… ลูเมี่ยนยังไม่ทันจะพูดอะไร โอลัวร์ตัดสินใจเอาเองเสร็จสรรพ
“ไปเตรียมกระเป๋ารอไว้เลย เราจะออกจากกอร์ตูทันทีด้วยคำเชิญจากบันเทิงคดีรายสัปดาห์”
“โชคดีจริงๆ ที่โทรเลขมาถึงในช่วงเวลาสำคัญ ช่วยให้เราออกไปอย่างชอบธรรมโดยไม่ถูกสงสัย”
“แล้วก็… ระหว่างเดินทางน่ะ ถ้าไม่มีใครอยู่ใกล้ๆ ฉันจะสอนพื้นฐานศาสตร์เร้นลับให้นาย แต่เรื่องการเป็นผู้วิเศษนั้น อย่าคิดถึงมันเลย สิ่งนั้นอันตรายเกินไป”
นั่นไม่ใช่เพราะโชคดี แต่พวกเราส่งโทรเลขไปหลังจากค้นพบปัญหาต่างหาก อีกฝ่ายเพิ่งจะตอบกลับมาในวัฏจักรนี้… ลูเมี่ยนรำพันเงียบ ขณะเดียวกันก็นึกโล่งใจที่พี่สาวของตนเป็นคนคิดไวทำไว
แม้เขาจะไม่มั่นใจสักเท่าไร ว่าพี่สาวของตนจะออกจากกอร์ตูหรือหลุดพ้นจากวัฏจักรได้ แต่มันก็คุ้มค่าที่จะลอง
“เอ่อ… แล้วแกะสามตัว… มนุษย์สามคนนั้น เราจะไม่ช่วยพวกเขาหรือ?” ลูเมี่ยนถามสองจิตสองใจ
โอลัวร์ส่ายหน้า
“การทำแบบนั้นอาจทำให้เราขัดแย้งกับปิแยร์·แบรี และฉันยังไม่แน่ใจว่าเขาแข็งแกร่งระดับไหน หรือมีผู้ช่วยกี่คน การพยายามช่วยคนโดยไม่รู้ต้นสายปลายเหตุมันอันตรายเกินไป”
“ปล่อยให้ทางการจัดการไปดีกว่า นั่นเป็นหน้าที่พวกเขา ใช่แล้ว… พอไปถึงดาลีแอช เราจะซื้อตั๋วรถไฟไอน้ำพร้อมกับส่งจดหมายนิรนามไปแจ้งข่าวกับทางการ ให้พวกเขาจัดการเรื่องนี้ต่อ”
“แล้วถ้าพวกเขาไม่เชื่อล่ะ?” ลูเมี่ยนจงใจถาม
โอลัวร์ยิ้ม
“พอเป็นศาสตร์เร้นลับ นายไม่รู้อะไรเลยจริงๆ สินะ”
“เราจะอธิบายเรื่องคนกลายเป็นแกะให้ชัดเจนในจดหมาย พวกเขาจะหาผู้เชี่ยวชาญมาลองทำนายดู ต่อให้ไม่ได้ข้อมูลอย่างละเอียด แต่อย่างน้อยก็ต้องพบว่ากอร์ตูไม่ปกติ”
“อย่างนี้นี่เอง” ลูเมี่ยนไม่มัวพิรี้พิไร เดินขึ้นไปเก็บกระเป๋าชั้นบนทันที
ไม่นานหลังจากนั้น สองพี่น้องลงมาพร้อมกับกระเป๋าถือสีน้ำตาลคนละใบ
โอลัวร์มองไปทางประตูแล้วพูด
“เราจะไปหาคุณนายปัวริสเพื่อยืมรถม้า พยายามไปให้ถึงดาลีแอชโดยเร็วที่สุด”
จากหมู่บ้านกอร์ตูไปดาลีแอช คนทั่วไปต้องใช้เวลาเดินเท้าตลอดทั้งบ่าย แต่สำหรับลูเมี่ยนผู้เป็นนักล่า แน่นอนว่าต้องเร็วกว่านั้นมาก เพียงแต่ในสายตาโอลัวร์ เด็กหนุ่มยังไม่ใช่ผู้วิเศษ
ลูเมี่ยนลังเลว่าควรใช้โอกาสนี้เปิดเผยความจริงกับพี่สาวดีไหม แต่เมื่อนึกถึงความเป็นไปได้ที่พวกตนอาจออกจากกอร์ตูไม่ได้ เขามองว่าการได้ไปสืบหาเบาะแสที่บ้านคุณนายปัวริสก็ไม่ใช่ทางเลือกที่แย่นัก จึงพยักหน้ารับ
“ตกลง”
เด็กหนุ่มยื่นมือไปรับกระเป๋าจากพี่สาว ถือสองใบเดินไปยังประตู
ทีแรกโอลัวร์ผงกหัวด้วยความพึงพอใจปนชื่นชม แต่ทันใดนั้นก็ไถ่ถามเจือความสงสัย
“นายแข็งแรงขึ้นนะ ถือพวกมันได้ง่ายๆ แบบนี้”
ระหว่างการเดินเท้าไปยังจวนของเจ้าหน้าที่ปกครอง ชาวบ้านหลายคนเห็นโอลัวร์ออกจากบ้านพร้อมกระเป๋าเดินทาง จึงเริ่มถามไถ่ความเป็นไป
โอลัวร์ที่มีเหตุผลชอบธรรม ย่อมรู้สึกสบายใจกับคำถามเหล่านี้
ส่วนลูเมี่ยนก็ปั้นน้ำเป็นตัวขึ้นมาราวๆ เจ็ดแปดเรื่อง เพื่อตอบคำถามชาวบ้านตลอดทาง
บ้างก็ตอบว่า โอลัวร์ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์จากกองทัพอินทิส และต้องไปรับที่กรุงทรีอาร์ บ้างก็ตอบว่า ตนได้รับเลือกจากวิทยาลัยครูในกรุงทรีอาร์และต้องรีบไปลงทะเบียนเรียน บ้างก็ตอบว่า โอลัวร์ล้มละลายจากการเล่นหุ้น จนต้องหนีจากคนทวงหนี้ ทำเอาชาวบ้านที่ไม่รู้ประสาต่างอึ้งไปตามๆ กัน
แต่ด้วยชื่อเสียงของลูเมี่ยน เมื่อพวกเขาเริ่มเอะใจ ก็เลือกที่จะไม่เชื่อ
ถัดมาไม่นาน สองพี่น้องเดินมาถึงสิ่งปลูกสร้างสไตล์ปราสาทโบราณสีดำ
ลูเมี่ยนแหงนมองยอดหอคอยสูงแล้วหัวเราะ
“ข้างในจะมีอะไรบ้างนะ? โอลัวร์ พี่เคยเข้าไปเดินเล่นไหม”
“ฉันจะเคยเข้าไปเดินเล่นในบ้านคนอื่นได้ยังไง” โอลัวร์มองบนใส่น้องชาย
ลูเมี่ยนพึมพำ
“ก็นึกว่าคุณนายปัวริสเคยเชิญพี่เดินเที่ยวปราสาทไง…คนแบบนี้ชอบพาแขกเที่ยวบ้านหลังใหญ่ๆ ของตัวเองกับคอลเล็กชันสะสมหรูๆ ไม่ใช่หรือ”
“มีอะไรดีให้เที่ยว…” หางเสียงโอลัวร์เบาลงเรื่อยๆ เนื่องจากเริ่มตระหนักว่า การสำรวจปราสาทอาจมีประโยชน์กับการบรรยายในผลงานของตน “ไว้ถ้ามีโอกาสจะลองดูนะ แต่ไม่รู้ว่าเราจะได้กลับมาที่กอร์ตูกันอีกไหม”
หญิงสาวเดินนำลูเมี่ยนผ่านสวนดอกไม้สีสันสดใส ตรงไปยังประตูปราสาท
หลังจากเดินไปไม่กี่ก้าว โอลัวร์ชะลอความเร็วพลางมองไปรอบๆ ด้วยความสงสัย
“ดอกไม้ในสวนนี้บานเร็วจัง…”
กอร์ตูตั้งอยู่บนภูเขา ใกล้กับทุ่งหญ้าราบสูง ปกติแล้วต้องรอจนถึงกลางหรือท้ายเดือนเมษายน จึงจะเข้าสู่ระลอกแรกของฤดูใบไม้ผลิ
“คนสวนของคุณนายปัวริสอาจจะมีเทคนิคพิเศษ” ลูเมี่ยนนึกถึงข้อเท็จจริงที่ว่า มาดามปัวริสเป็นผู้วิเศษนอกเส้นทางปกติ จึงเชื่อว่าแปลงดอกไม้ก็อาจเกี่ยวข้องกับพลังเหนือธรรมชาติเช่นกัน แต่ก็ไม่อาจพูดออกมาได้
โอลัวร์เพียงแสดงความรู้สึกลอยๆ โดยไม่ได้คิดอะไร จึงพาลูเมี่ยนเดินไปถึงปราสาท และถูกต้อนรับอย่างอบอุ่นโดยคุณนายปัวริส
วันนี้คุณนายสวมชุดกระโปรงยาวผูกเอวสีน้ำเงิน ยังคงห้อยสร้อยคอเพชรประดับทองเส้นเดิม เรือนผมสีน้ำตาลยาวถูกรวบครึ่งปล่อยครึ่ง ทำให้ดูอ่อนเยาว์กว่าปกติ
หญิงสาวนั่งบนโซฟาเดี่ยวในห้องนั่งเล่นเล็กๆ ฟังคำขอของโอลัวร์อย่างใจเย็น แล้วยิ้มอ่อนโยน
“ไม่ต้องพิธีรีตองนักก็ได้ เราเป็นเพื่อนกันนะ”
หึ… ลูเมี่ยนเหยียดหยันในใจ
เพื่อนที่ไหนแนะนำคู่ครองห่วยๆ ให้เพื่อน?
เด็กหนุ่มเพิ่งจะเยาะเย้ยในใจเสร็จ คุณนายปัวริสก็หันมามอง นัยน์ตาสีน้ำตาลสดใสของอีกฝ่าย แฝงไว้ด้วยรอยยิ้มคล้ายสายน้ำพลิ้วไหล
ลูเมี่ยนพลันนึกถึงบทสนทนาของตนกับคุณนายปัวริสในวัฏจักรก่อนหน้า จึงรู้สึกกระอักกระอ่วนเล็กน้อย
“เข้าใจแล้วค่ะ” โอลัวร์ตอบรับอย่างจนปัญญา
ทุกครั้งที่เธอยืมรถม้า โอลัวร์จะเสนอค่าตอบแทนให้ทุกครั้ง และคุณนายปัวริสก็บอกปัดทุกครั้งเช่นกัน
โอลัวร์จึงมักนำของขวัญที่ไม่ถูกไม่แพงจนเกินไป แวะมาให้เป็นครั้งคราว รวมถึงการตกรางวัลให้กับคนขับรถม้า
ขณะรอคนขับรถม้าเตรียมตัว คุณนายปัวริสเชื้อเชิญสองพี่น้องให้ลองชิมขนมหวานที่พ่อครัวของบ้านทำขึ้น
ลูเมี่ยนลองชิมพาย พลางมองไปรอบๆ แล้วถาม
“คุณลุนด์ไปไหน?”
ลูอิส·ลุนด์เป็นพ่อบ้านของเจ้าหน้าที่ปกครองบีโอส ติดตามจากดาลีแอชมาถึงหมู่บ้านกอร์ตู
ลูเมี่ยนทราบเป็นอย่างดี อีกฝ่ายแอบคบชู้กับหญิงชาวบ้านนางหนึ่ง แถมยังลักลอบขายของสะสมในปราสาท นั่นคือต้นตอที่ช่วยให้เด็กหนุ่มทราบว่า คุณนายปัวริสเป็นชู้รักของหลวงพ่ออธิการโบสถ์
สำหรับเรื่องที่เคยเล่าให้คนต่างถิ่นฟัง ว่าตนแอบงีบหลังแท่นบูชาจนบังเอิญได้ยินบทสนทนาระหว่างหลวงพ่อกับคุณนายปัวริส ล้วนแล้วแต่เป็นคำโกหก!
ตอนนี้ลูเมี่ยนอยากหาตัวลูอิส·ลุนด์ให้พบ เพื่อตำหนิอีกฝ่ายว่า ‘ไอ้ลูกหมู ทำไมถึงไม่ยอมบอกกันว่าคุณนายปัวริสเป็นจอมเวท?’
“ลูอิสป่วยอยู่น่ะ เขาพักผ่อนอยู่ในห้องตัวเอง”
ป่วย? ลูเมี่ยนได้กลิ่นความไม่ชอบมาพากล
ขณะที่พี่สาวกำลังคุยกับคุณนาย เด็กหนุ่มขอตัวไปเข้าห้องน้ำ เดินออกจากห้องนั่งเล่นแล้วตรงไปทางบันได
ปราสาทแห่งนี้นับว่าหลังใหญ่ แต่คนรับใช้ของเจ้าหน้าที่ปกครองกลับมีไม่มาก ทำให้ดูโหวงเหวง บางจุดที่เดินก็มีเสียงสะท้อน ช่วยให้ลูเมี่ยนแฝงตัวได้ง่ายขึ้น
ด้วยประสาทสัมผัสอันเฉียบคม เขาสามารถหลบเลี่ยงบุรุษรับใช้กับสาวใช้อย่างง่ายดาย เดินขึ้นไปยังชั้นสองอย่างเบาเสียง จนกระทั่งพบห้องของลูอิส·ลุนด์
เด็กหนุ่มไม่เคาะประตู เพียงเอียงศีรษะแนบหูไปกับประตูไม้
“อ๊า!”
“อ๊า!”
…
เสียงร้องเจือความทุกข์ทรมานของผู้ชายดังออกมาจากในห้อง
ป่วยจริง? ฟังดูอาการหนักอยู่นะ… ลูเมี่ยนคิดสักครู่ แล้วเดินไปเปิดประตูห้องคนรับใช้คนอื่นข้างๆ —เจ้าหน้าที่ปกครองบีโอสกับคุณนายปัวริสอาศัยอยู่ที่ชั้นสาม
เมื่อเข้าไปในห้อง เด็กหนุ่มปิดประตูไม้อย่างเบามือ เดินทะลุไปถึงหลังห้องแล้วเปิดกระจกหน้าต่าง
ลูเมี่ยนชะโงกมองลงไป เมื่อไม่เห็นใคร จึงใช้สองมือยันกรอบหน้าต่างแล้วกระโดดออกไป ค้างอยู่ในท่า ‘ห้อยโยน’ ด้านนอกผนังปราสาท
ต่อจากนั้นก็กระโดดอย่างเงียบเชียบดุจดังแมวป่า พาตัวเองไปถึงระเบียงห้องของพ่อบ้านลูอิส·ลุนด์
ลูเมี่ยนยืนอยู่ริมหน้าต่าง บิดร่างกายเล็กน้อย ชะโงกมองเข้าไปในห้องโดยไม่ให้เกิดเสียง
เขาเห็นลูอิส·ลุนด์นอนอยู่บนเตียงโดยไม่สวมเสื้อผ้า ท้องป่องอย่างผิดวิสัย ราวกับใกล้จะระเบิดทุกเมื่อ
ได้เห็นพ่อบ้านอายุเกินสี่สิบ หัวดำสนิท เนื้อตัวเปียกโชกเพราะเหงื่อ ใบหน้าเปี่ยมไปด้วยความทุกข์ ร้องเสียงโหยหวนเป็นระยะ ลูเมี่ยนอดย่นคิ้วชนกันไม่ได้
ป่วยเป็นโรคอะไร?
ดูน่ากลัวชะมัด ท้องผู้ชายป่องแบบนี้ได้ด้วยหรือไง…
ข้างเตียงของลูอิส·ลุนด์ยังมีสตรีในวัยสี่สิบกว่าๆ ยืนอยู่
ผมสีน้ำตาล นัยน์ตาสีน้ำตาล หน้าตาสะสวย สวมชุดกระโปรงยาวสีเทาขาว กำลังตะโกนใส่ลูอิส·ลุนด์ด้วยท่าทางตื่นเต้น
“ใกล้แล้ว ใกล้แล้ว”
ใกล้อะไร? ลูเมี่ยนเพิ่งจะคิดตาม ก็ได้ยินเสียงร้องอย่างทุกข์ทรมาน แลเห็นท้องของลูอิส·ลุนด์ถูกบางสิ่งดันขึ้นมาสูง
เพียงชั่วหนึ่งกะพริบตา ท้องตรงนั้นก็ปริแตก
ท้องของลูอิส·ลุนด์ถูกดันจนแตก!
มือเล็กๆ เปื้อนเลือดโผล่ออกมา
“คลอดแล้ว! คลอดแล้ว!” สตรีคนดังกล่าวตะโกนด้วยความยินดีปรีดา
เธอก้มตัวลง หยิบทารกย่นยู่ยี่ที่เปื้อนเลือดออกจากท้องของลูอิส·ลุนด์
ลูเมี่ยนพลันตะลึงงัน
“…”
…………………………………………………….