ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 40 บนรถ
ตอนที่ 40 บนรถ
เมื่อเทียบกับ ‘วัฏจักรเวลา’ และ ‘คนกลายเป็นแกะ’ ภาพตรงหน้าไม่เพียงน่าตกใจ แต่ยังทำให้ลูเมี่ยนรู้สึกว่าดวงตา จิตใจ และวิญญาณของตนกำลังมอดไหม้
หากเด็กหนุ่มรู้ล่วงหน้าว่าจะได้เห็นอะไรแบบนี้ เขาจะไม่ชะโงกหัวเข้ามาแน่นอน
“นี่มันเรื่องบ้าอะไร!”
“ลูอิส·ลุนด์เป็นผู้ชายไม่ใช่หรือไง!”
“เขาท้องกับใคร? เจ้าหน้าที่ปกครองหรือคุณนายปัวริส?”
“นี่น่ะหรือ โลกแห่งศาสตร์เร้นลับ?”
“โอลัวร์ไม่อยากให้เราเข้ามายุ่ง เพราะเป็นห่วงเราจริงๆ …”
ความคิดลูเมี่ยนพลันสับสนยุ่งเหยิง อยากจะควักลูกตาตัวเองออกมาเพื่อให้ลืมภาพที่เพิ่งเห็น
“แอ๊! แอ๊! แอ๊!”
ทารกที่ลูอิส·ลุนด์คลอดเริ่มส่งเสียงร้อง สร้างบรรยากาศศักดิ์สิทธิ์ให้กับ ‘ห้องคลอด’ ที่ค่อนข้างสกปรก
นี่คือความงดงามของชีวิตใหม่ ลูเมี่ยนที่ซ่อนอยู่นอกหน้าต่าง ก็ยังสัมผัสถึงความยินดีที่เป็นรากเหง้าของมนุษยชาติ
แต่แน่นอน ความรู้สึกขนลุก น่าขบขัน สกปรก และไม่กลมกลืนก็ยิ่งชัดเจนขึ้น
ในที่สุดลูเมี่ยนก็ได้สติ พลางชะโงกมองเข้าไปในห้องอีกครั้งตามสัญชาตญาณ
ทารกถูกสตรีในชุดกระโปรงยาวสีเทาอมขาว นำไปวางลงบนผ้าไหมสีขาวที่ปูไว้ข้างตัวลูอิส·ลุนด์
เป็นทารกเพศชาย บนผิวหนังชุ่มเลือดมากกว่าไขมันสีขาวนม แต่นอกจากนั้นก็ไม่มีสิ่งใดผิดปกติ ไม่ต่างจากทารกแรกเกิดทั่วไป
อีกสักสองวินาทีถัดมา ลูเมี่ยนสังเกตเห็นว่าทารกเพศชายคนนี้มีนิ้วงอ เล็บยาวเหมือนกรงเล็บนก
ต้องไม่ลืมว่าเมื่อสักครู่ ทารกเพิ่งจะใช้มือฉีกท้องของลูอิส·ลุนด์ออกมา!
ลูอิส·ลุนด์นอนในสภาพคล้ายกึ่งหมดสติ
แผลบนท้องยังไม่ถูกเย็บปิด เลือดสดๆ ยังไหลออกมา ด้านในแผลคือลำไส้ที่ถูกดันไปด้านข้าง รวมถึงวัตถุแปลกๆ ที่คล้ายรังนกคลุมด้วยเยื่อบางๆ สีเนื้อ
หลังจากห่อทารกด้วยผ้าไหม สตรีคนเดิมหยิบวัตถุที่คล้ายรังนกออกจากแผลของลูอิส·ลุนด์ แล้วใช้เข็มกับด้ายเย็บปิดไว้
ระหว่างที่คนถูกเย็บร้องคร่ำครวญอย่างทุกข์ทรมาน คนเย็บแผลบ่นพึมพำ
“คุณนี่ยังดี คราวก่อนฉันคลอดแฝดสี่ นั่นแหละคือความทุกข์ทรมาน…”
กล้ามบนเนื้อใบหน้าลูเมี่ยนพลันสั่นกระตุก
เด็กหนุ่มเริ่มตระหนักว่า ไม่เพียงดวงตา สมอง จิตใจ และวิญญาณของตนจะถูกทำให้แปดเปื้อน กระทั่งโสตประสาทก็ถูกทำให้สกปรกเช่นกัน!
เขารีบเบือนหน้าหนี คิดจะออกจากตรงนี้โดยเร็ว
มายังไงก็กลับอย่างนั้น ลูเมี่ยนกระโดดเกาะหน้าต่างห้องข้างๆ แล้วปีนเข้าไป
เด็กหนุ่มปิดหน้าต่างให้สนิท เดินออกจากห้อง เดินกลับไปที่บันได
หลังจากหลบคนรับใช้ที่เดินสวนขึ้นมา ลูเมี่ยนรีบมุ่งหน้ากลับห้องโถงอย่างเงียบเชียบและฉับไว
“ไปไหนมาหรือ?”
น้ำเสียงที่อ่อนโยนพราวเสน่ห์ ดังขึ้นใกล้ๆ ใบหูเด็กหนุ่ม
กระทั่งประสาทสัมผัส ‘นักล่า’ ของลูเมี่ยน ก็ตรวจไม่พบว่าก่อนหน้านี้เคยมีคนยืนอยู่ข้างๆ บันได
เขาหันพรวดพร้อมกับมองตรงไป เห็นคุณนายปัวริสในชุดกระโปรงยาวสีน้ำเงินรัดเอว ผมถูกรวบครึ่งปล่อยครึ่ง
ใบหน้าของคุณนายปราศจากรอยยิ้ม กระจกตาสีน้ำตาลแวววาวสะท้อนร่างลูเมี่ยนอย่างคมชัด
เด็กหนุ่มตึงเครียดในทันที เตรียมพร้อมทำศึกแม้จะรู้สึกหวาดกลัว
ทันใดนั้น โอลัวร์เดินออกจากห้องข้างๆ แล้วมองมา
“นายไปไหนมา? รถม้าจอดอยู่หน้าประตูแล้วนะ”
สถานการณ์เช่นนี้ ลูเมี่ยนเคยผ่านมาไม่น้อย จึงตอบจริงครึ่งเท็จครึ่ง
“ก็เมื่อกี้คุณนายปัวริสบอกว่าคุณลุนด์ป่วย…”
“ฉันเคยดื่มกับเขาสองสามหน เลยอยากแวะไปเยี่ยม แต่ปราสาทหลังนี้ใหญ่มาก แล้วฉันก็ไม่รู้ว่าเขาพักอยู่ที่ไหน เดินหลงอยู่นานก็ยังหาไม่เจอ”
โอลัวร์พยักหน้า แล้วจึงตักเตือน
“นายถามจากคุณนายปัวริสก็ได้นี่ ไม่เห็นต้องปิดบังพวกเรา มันไม่ใช่เรื่องไม่ดีสักหน่อย”
“ขอโทษ ฉันผิดเอง” ลูเมี่ยนมองหน้าคุณนายปัวริสด้วยแววตาสำนึกผิด
หลังจากเห็นเหตุการณ์ที่ชั้นบน เด็กหนุ่มรู้สึกกลัวคุณนายปัวริสมากกว่ารู้สึกเกลียด
แต่สุดท้ายอีกฝ่ายก็ยิ้มออกมา ไม่หลงเหลือความขึงขังเมื่อสักครู่
“น้ำใจของเธอครั้งนี้ ฉันต้องขอบคุณแทนคุณลุนด์ด้วย น่าเสียดาย สภาพของเขาไม่น่ามองเพราะอาการป่วย ก็เลยไม่อยากเจอหน้าใคร”
ก็ไม่น่ามองจริงๆ นั่นแหละ… ลูเมี่ยนเห็นด้วยในใจ
โอลัวร์กล่าวกับคุณนายปัวริส
“งั้นเราขึ้นรถม้าได้แล้วใช่ไหมคะ? ขอบคุณมากค่ะ”
ลูเมี่ยนเหล่มองคุณนายปัวริส หวั่นใจว่าอีกฝ่ายอาจหาข้ออ้างให้ตนกับพี่สาวอยู่ต่อ
ถ้าเป็นแบบนั้น คุณนายอาจสังเกตเห็นความผิดปกติ และตรวจสอบห้องของลูอิส·ลุนด์อย่างละเอียด!
แม้ลูเมี่ยนจะค่อนข้างมั่นใจ ว่าตนกับพี่สาวอาจรุมคุณนายปัวริสไหว แต่ที่นี่คือปราสาทของเธอ รอบๆ มีแต่ลูกน้องของเธอ สำหรับ ‘นักล่า’ แล้วถือเป็นสภาพแวดล้อมที่เลวร้ายอย่างยิ่ง
คุณนายปัวริสพยักหน้าแผ่วเบา ยิ้มให้โอลัวร์แล้วพูด
“ฉันตั้งตารอของขวัญจากทรีอาร์อยู่นะ แฟชั่นที่นั่นทำให้ฉันหลงใหลได้เสมอ”
“หวังว่ามันจะทำให้คุณเซอร์ไพรส์ได้นะคะ” โอลัวร์ตอบ แม้เธอจะไม่มั่นใจว่าจะได้กลับหมู่บ้านกอร์ตูอีกหรือไม่ แต่ก็ต้องตอบตามมารยาท
คุณนายปัวริส พร้อมด้วยสาวใช้คาสซี่ พาสองพี่น้องไปส่งถึงหน้าประตู แล้วยืนมองลูเมี่ยนกับโอลัวร์ขึ้นรถม้าสี่ที่นั่ง
คนขับรถม้ามีหนวดเคราสีน้ำตาลเข้ม ร่างกายกำยำใหญ่โต สวมเสื้อสีแดงเข้มกับกางเกงขายาวสีเหลือง หมวกลงขี้ผึ้ง
หากไม่นับเรื่องไม่ผูกไท ที่เหลือแทบไม่ต่างอะไรกับคนขับรถม้ามืออาชีพในเมือง
คงเป็นหนึ่งในข้อบังคับของเจ้าหน้าที่ปกครองบีโอส
“รบกวนด้วยนะคะ” โอลัวร์กล่าวกับคนขับรถม้าอย่างสุภาพ ก่อนจะปิดประตูห้องโดยสาร
คนขับรถม้าชื่อเซแวร์ มีนัยน์ตาสีน้ำเงินซึ่งเป็นสีตาที่พบบ่อยที่สุดในสาธารณรัฐอินทิส
เซแวร์ดีใจที่ได้รับความเคารพจากหญิงงามโอลัวร์ อีกทั้งยังคาดหวังทิปที่จะได้รับเมื่อไปถึงดาลีแอช จึงกล่าวอย่างกระตือรือร้น
“มาดาม มิสเตอร์ เชิญนั่งครับ”
เซแวร์ยกแส้ขึ้น บังคับม้าให้เริ่มเดินจากช้าไปเร็ว
เมื่อขับผ่านหมู่บ้านกอร์ตู รถม้าหยุดจอดกะทันหัน
แม้จะทำใจไว้แล้วว่า ตนกับพี่สาวคงออกจากหมู่บ้านได้ไม่ง่ายนัก แต่ลูเมี่ยนก็อดตื่นตระหนกมิได้
“เกิดอะไรขึ้นหรือ” เด็กหนุ่มถามคนขับรถม้าที่อยู่ด้านนอกห้องโดยสาร
เซแวร์ตอบ
“เมื่อวานคุณนายสัญญาไว้ว่าจะพานาโรคาไปที่หมู่บ้านยูนัค ผมกลัวว่าถ้าไปดาลีแอชก่อนแล้วกลับ อาจจะไปส่งนาโรคาไม่ทัน… ไหนๆ ก็จะออกจากหมู่บ้านทั้งที รับไปพร้อมกันเลยดีกว่า ไม่ต้องห่วงครับ ไม่รบกวนเวลาของพวกคุณแน่นอน”
ก็จริงตามนั้น หมู่บ้านยูนัคอยู่ใกล้กับดาลีแอชมากกว่ากอร์ตู การแวะที่นั่นก่อน จะไม่กระทบกับเวลาเดินทางของลูเมี่ยนและโอลัวร์
เนื่องจากเป็นรถม้าคนอื่น พวกเขาไม่มีสิทธิ์คัดค้าน โอลัวร์จึงเลือกจะเงียบ
ทางด้านลูเมี่ยนกังวลกับนาโรคามากกว่า—ในวัฏจักรที่ผ่านมา เธอตายอย่างกะทันหัน โดยสงสัยว่าอาจถูกญาติพี่น้องฆ่า แถมยังน่าจะเกี่ยวข้องกับหลวงพ่อและลิ่วล้อ
เซแวร์ลงจากรถม้า เข้าไปในบ้านของนาโรคาแล้วพาคุณนายออกมา
นาโรคาดูแตกต่างไปจากทุกที วันนี้มาในชุดกระโปรงยาวสีดำที่ปักลวดลายดอกไม้อย่างประณีต สวมหมวกผ้านิ่มสีเข้มที่สตรีสูงวัยชื่นชอบ ผมบางๆ สีซีดถูกจัดทรงอย่างเรียบร้อย
“โอ้… กะหล่ำปลีน้อยของฉัน จะไปที่ไหนกันล่ะ?” นาโรคาขึ้นรถม้ามา และทำตัวร่าเริงเมื่อได้เห็นโอลัวร์
ใบหน้าที่เต็มไปด้วยจุดต่างดำและริ้วรอย ไม่อาจเก็บซ่อนความยินดี ดวงตาที่เคยขุ่นมัวก็ดูมีชีวิตชีวามากขึ้น
“กำลังจะไปทรีอาร์เพื่อร่วมงานสังสรรค์นักเขียนค่ะ และพาลูเมี่ยนไปดูมหาวิทยาลัยที่นั่นด้วย” โอลัวร์ตอบไปตามจริง
แล้วจึงถามกลับ
“คุณนาโรคาถูกเชิญไปหรือคะ?”
หญิงม่ายอย่างนาโรคแต่งชุดดำเป็นปกติก็จริง แต่เธอมักสวมชุดกระโปรงตัวนี้เฉพาะในวันหยุด งานเลี้ยง หรือวันรำลึกถึงสามีผู้ล่วงลับ
นาโรคาทำหน้าคาดหวัง
“ใช่จ้ะ ฉันจะไปพบกับใครบางคนน่ะ”
ลูเมี่ยนไม่พูดสักแอะ เพียงแอบชำเลืองอย่างลับๆ เพื่อเก็บรายละเอียด
รถม้ากลับมาเคลื่อนตัวอีกครั้ง แล่นออกจากหมู่บ้านกอร์ตู
โอลัวร์กับนาโรคาคุยกันเรื่อยเปื่อย แต่ความสนใจส่วนใหญ่จะอยู่นอกรถเสียมากกว่า
หญิงสาวยังคงกังวลว่า การที่พวกตนสองพี่น้องรีบร้อนออกจากหมู่บ้าน อาจทำให้ใครบางคนสงสัย
ขณะรถม้าแล่นไป อยู่ดีๆ ลูเมี่ยนก็พบว่าสภาพของนาโรคาเปลี่ยนไปกะทันหัน
เมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้ ใบหน้าของคุณนายซีดเซียวและเขียวขึ้นมาก ดวงตาไม่มีชีวิตชีวาเหมือนเดิม แถมยังเอาแต่นั่งเงียบ พอโอลัวร์ถามคำก็ค่อยตอบคำ
ภาพดังกล่าวทำให้ลูเมี่ยนนึกถึงนาโรคาที่ตนเคยเห็นในช่วงเช้ามืด ในวัฏจักรก่อนหน้า
ลูเมี่ยนสะกิดแขนโอลัวร์เบาๆ
อีกฝ่ายรีบหันกลับมามอง พลางถามด้วยสายตาทำนองว่า ‘มีอะไร’
ลูเมี่ยนแอบชี้ไปทางนาโรคา แล้ววาดเครื่องหมาย ‘X’ บนฝ่ามือโอลัวร์
เครื่องหมาย ‘X’ เป็นสัญลักษณ์ที่โอลัวร์ใช้ประจำเวลาตรวจกระดาษคำตอบ หมายถึงความผิดพลาด ตอนนี้ลูเมี่ยนใช้มันเพื่อแจ้งกับโอลัวร์ว่า สภาพของนาโรคาดูไม่ปกติสักเท่าไร
หญิงสาวทำหน้าฉงนอยู่ครู่หนึ่ง แต่ไม่นานก็เข้าใจความหมาย
จึงรวบรวมสติแล้วหันไปมองนาโรคา จนกระทั่งสังเกตเห็นความผิดปกติอย่างชัดเจน
โอลัวร์ยกมือขวาขึ้น บีบขมับทั้งสองข้างเบาๆ
นัยน์ตาสีฟ้าอ่อนของหญิงสาวเปลี่ยนเป็นลุ่มลึกในทันที แฝงไว้ด้วยเงามืดจางๆ
เพียงมองนาโรคาปราดเดียว คิ้วสีทองเงางามของโอลัวร์พลันย่นชนกัน ร่างกายเอนกลับหลังเล็กน้อยประหนึ่งถูกบางสิ่งกระแทก
เธอหลับตาลง บีบขมับอีกครั้งด้วยสีหน้าปวดแปลบ ท่าทีดูอิดโรย
พอลืมตาอีกครั้ง โอลัวร์หันมาพูดกับลูเมี่ยน
“ถึงดาลีแอชเมื่อไร… นายต้องประกบติดฉันเท่านั้น ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ไหน”
เธอกล่าวด้วยสีหน้าขึงขัง
ลูเมี่ยนฟังแล้วเข้าใจความหมายของพี่สาวทันที หากเกิดอะไรขึ้น ต้องห้ามอยู่ห่างจากเธอ เพราะเธอจะคอยปกป้องเอง
เด็กหนุ่มพยักหน้ารับหนักแน่น และตัดสินใจว่าจะหาโอกาสบอกพี่สาวเรื่องที่ตนคือผู้วิเศษในไม่ช้า
โอลัวร์หันกลับไปมองนาโรคา แล้วจงใจถาม
“คุณนาโรคาจะไปหมู่บ้านยูนัคจริงๆ … หรือไปที่อื่นกันแน่คะ?”
เธอกลัวว่าถ้าหากรถม้าหยุดตามที่อีกฝ่ายต้องการ สถานการณ์จะยิ่งรับมือได้ยาก จึงควรกระตุ้นให้เกิดเรื่องราวขึ้นมาก่อน จะได้ไม่ต้องสู้ในสังเวียนถนัดของอีกฝ่าย
นาโรคาตอบเสียงทุ้ม แววตาดูคล้ายเหม่อลอย
“ฉัน…ไม่ได้จะไปหมู่บ้านยูนัค”
“แต่จะไป…โลกอีกฝั่ง”
เมื่อเสียงสิ้นเสียงหญิงชรา ลูเมี่ยนตระหนักว่าภายนอกรถม้าพลันมืดมิดผิดวิสัย
…………………………………………………….