ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 46 อาคมพิธีกรรม
- Home
- ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability)
- ตอนที่ 46 อาคมพิธีกรรม
ตอนที่ 46 อาคมพิธีกรรม
ลูเมี่ยนมองไปยังสิ่งมีชีวิตโลกวิญญาณที่ตนมองไม่เห็น พลางครุ่นคิด
“ซับซ้อนได้มากที่สุดแค่ไหน? ทรงพลังได้มากที่สุดแค่ไหน?”
“โฮ่…ฉันนึกว่านายจะถามถึงวิธีประกอบพิธีอัญเชิญ แต่กลับอยากรู้ขอบเขตการใช้งานของมัน!” โอลัวร์กระเซ้าเย้าแหย่ “นี่อาจเป็นลักษณะเฉพาะของเส้นทางนักล่า ไม่จำเป็นต้องเข้าใจหลักการอย่างถ่องแท้ แค่คิดหาวิธีใช้งานก็พอ”
ไม่รอให้ลูเมี่ยนตอบ โอลัวร์ไตร่ตรองสักพักแล้วกล่าวต่อ
“ฉันเคยลองแล้ว ความหมายของ ‘ไม่ซับซ้อนเกินไป’ คือมันทำได้แค่ขั้นตอนเดียว และ ‘ไม่ทรงพลังเกินไป’ หมายถึงไม่เกินระดับคาถาของจอมเวท—ลำดับ 7 แห่งเส้นทางผู้ส่องความลับ”
ได้คุยเรื่องพวกนี้กับโอลัวร์แล้วรู้สึกดีจริงๆ …พี่มีนิสัยชอบวิเคราะห์และทดลองอย่างเป็นรูปธรรม ไม่เหมือนกับบางคนที่ชอบพูดกำกวมแถมยังพูดไม่จบคำ… ลูเมี่ยนฟังด้วยความรู้สึกประทับใจ
ขณะครุ่นคิด เด็กหนุ่มลุกขึ้น ช่วยพี่สาวยกอาหารไปวางบนโต๊ะ จากนั้นก็กินไปถามไป
“แต่ฉันจำได้ว่าคาถาของพี่ต้องใช้วัตถุดิบ… ‘เจ้ากระดาษขาว’ คงพกของแบบนั้นไม่ได้แน่”
“ใช่ มันน่าหงุดหงิดมาก” โอลัวร์ตักชิ้นปลาเทราต์ย่างใส่ปาก รอจนเคี้ยวและกลืนเสร็จจึงกล่าวต่อ “แล้วอีกอย่าง คาถาของจอมเวทน่ะ ไม่สามารถใช้งานภายในขั้นตอนเดียว ต่อให้เป็นคาถาง่ายที่สุดก็ต้องสามขั้นตอน หนึ่งคือการรวบรวมพลังวิญญาณ สองคือการวาดสัญลักษณ์เวทมนตร์ที่สอดคล้องกับคาถาในใจ ซึ่งสามารถใช้วิธีอ่านออกเสียงแทนได้ และสามคือการใช้วัตถุดิบเพื่ออัญเชิญคาถา บางครั้งวัตถุดิบก็ทำหน้าที่เป็นสื่อกลาง บางครั้งก็เป็นส่วนประกอบของคาถา”
ฟังดูซับซ้อนฉิบ สัตว์เซลล์เดียวอย่าง ‘เจ้ากระดาษขาว’ ไม่น่าจะทำได้… ลูเมี่ยนตระหนักว่าตนในตอนนี้ก็ทำไม่ได้เช่นกัน จำเป็นต้องผ่านการฝึกฝนเพื่อให้สามารถใช้คาถาได้ชำนาญ
โอลัวร์เงยหน้ามอง
“อย่าคิดมากไปเลย นายทำเหมือนฉันไม่ได้หรอก หนึ่งคือข้อจำกัดของโอสถ นายมีพลังวิญญาณไม่พอ สองคือการใช้วัตถุดิบเพื่อร่ายคาถาเป็นความสามารถเฉพาะตัวของ ‘จอมเวท’ …หืม อาจจะมีเส้นทางอื่นที่ทำได้เหมือนกัน แต่ฉันไม่มีข้อมูล”
“แต่เมื่อนักล่าไปถึงลำดับ 7 กลายเป็น ‘นักวางเพลิง’ นายจะใช้คาถาประเภทไฟได้หลายชนิด แถมยังไม่ต้องใช้วัตถุดิบ ไม่ต้องวาดสัญลักษณ์เวทมนตร์ในใจหรือท่องคาถา มองในมุมการต่อสู้จริง แบบนั้นถือว่ารวดเร็วและสะดวกกว่า อาจแข็งแกร่งยิ่งกว่าเสียอีก… จอมเวทน่ะ จุดเด่นอยู่ที่ความรอบด้าน ถ้ายิ่งรอบรู้ก็ยิ่งแข็งแกร่ง”
ลูเมี่ยนพูดอย่างคาดหวัง
“ฉันจะเป็นนักวางเพลิงได้ตอนไหนก็ไม่รู้…”
เด็กหนุ่มวางแผนสำรวจซากปรักหักพังความฝันอีกครั้งในคืนนี้ หนึ่งคือเพื่อ ‘ล่า’ ให้โอสถย่อย สองคือเพื่อค้นหาเบาะแสของวัตถุดิบหลักโอสถลำดับ 8 นักยั่วยุ
ส่วนเรื่องสัตว์ประหลาดที่เกี่ยวข้องกับนักวางเพลิง เขายังไม่กล้าจินตนาการถึง เพราะนั่นคงไม่ต่างอะไรกับการส่งตัวเองไปถูกย่างสด อีกฝ่ายสามารถโจมตีระยะไกล จนทำให้ตนใช้ ‘ความพิเศษ’ ได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ
เด็กหนุ่มกล่าวต่อ
“ดูเหมือนว่าเวทมนตร์ของนักวางเพลิงจะมีแค่ขั้นตอนเดียว เจ้ากระดาษขาวจะใช้ได้ไหมนะ…”
“ในทางทฤษฎีแล้วเป็นไปได้ แต่ฉันไม่แน่ใจว่าเวทมนตร์ของนักวางเพลิงจะมีแค่ขั้นตอนเดียวจริงไหม” โอลัวร์อ้างอิงจาก ‘จอมเวท’ ของเธอ
ฟังถึงตรงนี้ ลูเมี่ยนเริ่มตื่นเต้น
“ถ้าเกิดทำได้ขึ้นมา… นั่นหมายความว่าฉันสามารถจำลอง ‘ปืนใหญ่บิน*’ ที่พี่เคยพูดถึงได้สินะ?”
“หือ?” โอลัวร์ทำหน้าไม่เข้าใจ
ลูเมี่ยนอธิบายอย่างละเอียด
“ฉันจะอัญเชิญฝูง ‘เจ้ากระดาษขาว’ ออกมาทำพันธสัญญากับพวกมันทุกตัว จากนั้นก็ให้แต่ละตัวใช้หนึ่งลูกไฟ เมื่อถึงเวลานั้น พวกมันจะลอยอยู่กลางอากาศ คอยรุมโจมตีเป้าหมายพร้อมกัน…ฟังยังไงก็เหมือนกับคำอธิบายของ ‘ปืนใหญ่บิน’”
“น่าเสียดายที่นายไม่สามารถมี ‘เจ้ากระดาษขาว’ หลายๆ ตัวพร้อมกันได้” โอลัวร์หัวเราะเบาๆ “หลังจากที่นายทำพันธสัญญากับเจ้ากระดาษขาวตัวแรก การอัญเชิญครั้งถัดๆ ไปก็จะได้แต่เจ้ากระดาษขาวตัวเดิม”
“แล้วถ้าฉันอัญเชิญเจ้ากระดาษขาวมาหนึ่งตัวก่อน โดยยังไม่ทำพันธสัญญาในทันที แล้วเรียกออกมาอีก ทำซ้ำไปเรื่อยๆ จนกว่าจะได้จำนวนที่พอใจ จึงค่อยทำพันธสัญญาทีเดียวพร้อมกัน… แบบนี้จะได้ไหม?” ลูเมี่ยนไม่ได้ผ่านระบบการศึกษาตามปกติ แต่เป็นการเรียนที่บ้านซึ่งมีโอลัวร์คอยสอดแทรกหลักคิด ผนวกกับประสบการณ์ ‘เล่นพิเรนทร์’ มาหลายปี กรอบความคิดของเขาจึงกว้างมาก
“…” โอลัวร์ยอมรับว่าเธอไม่เคยคิดในมุมนี้มาก่อน จึงตอบอย่างระมัดระวัง “ฉันไม่เคยทดสอบ ไม่แน่ใจว่าจะได้ผลไหม ไว้นายถึงลำดับ 7 ค่อยลองเองก็แล้วกัน แต่ฉันคิดว่าถ้ามีเจ้ากระดาษขาวอยู่ใกล้ๆ แล้วหนึ่งตัว การอัญเชิญอีกตัวน่าจะเกิดความขัดแย้งจนไม่สำเร็จ ความหวังเดียวคือการอัญเชิญเจ้ากระดาษขาวหลายๆ ตัวพร้อมกัน แต่นั่นคงทำได้เฉพาะโอสถที่ชำนาญการอัญเชิญ”
ลูเมี่ยนตัดสินใจว่า ถ้าถึงเวลานั้นแล้วจะลองดู เพราะคงไม่มีอะไรเสียหาย
โอลัวร์ตักมันฝรั่งบดขึ้นมา
“ตอนนี้เราจะพูดถึงวิธีอัญเชิญสิ่งมีชีวิตจากโลกวิญญาณ ซึ่งเป็นการประยุกต์จากอาคมพิธีกรรม…”
“อาคมพิธีกรรมคืออะไร? มันคือเวทมนตร์ที่ก่อนใช้ต้องเลือกวันเวลาให้เหมาะสม เตรียมวัตถุดิบที่เกี่ยวข้อง และทำตามรูปแบบขั้นตอนอย่างเคร่งครัด มักใช้เพื่อการขอพรและอัญเชิญ”
ลูเมี่ยนพยักหน้า
“เป็นพิธีกรรมที่ทำให้เกิดผลลัพธ์เหนือธรรมชาติ?”
เด็กหนุ่มนึกถึงพิธีกรรมต่างๆ ของศาสนจักรสุริยันเจิดจรัส รวมถึงพิธีฉลองในเทศกาลมหาพรต
“ถูกต้อง” โอลัวร์พึงพอใจกับความหัวไวของน้องชาย “พูดง่ายๆ ก็คือ ทุกอาคมพิธีกรรมต้องมี ‘เป้า’ ในการสวดวิงวอน ซึ่งอาจเป็นเจ็ดเทพหลักในจารีต หรือเป็นตัวตนลึกลับอื่นๆ ไปจนถึงเทพมาร ปีศาจ หรือแม้กระทั่งตัวเอง…ตอนที่สวดวิงวอนถึงเทพจารีต นายต้องศึกษาวิธีเลือกวันเวลาให้เหมาะสมกับแต่ละพระองค์ ยกตัวอย่างเช่น วันอังคารคือตัวแทนของสุริยันเจิดจรัส และในทุกวันจะมีช่วงเวลาที่ตรงกับ ‘ชั่วโมงสุริยัน’ หากประกอบพิธีกรรมขอพรจากสุริยันเจิดจรัสในช่วงเวลาเหล่านั้น โอกาสสำเร็จจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก”
“แต่อันที่จริงก็ไม่ค่อยมีประโยชน์…หากไม่ใช่ผู้วิเศษทางการ ก็แทบไม่มีโอกาสขอพรจากทวยเทพสำเร็จ หรือต่อให้มีการตอบสนองก็อย่าเพิ่งรีบดีใจ เพราะนั่นอาจหมายความว่า นายกำลังถูกพระองค์เฝ้ามอง”
“แน่นอนว่ามีทางลัดอยู่ เช่นการใช้วัตถุที่ใกล้ชิดกับเทพองค์นั้นๆ”
“การขอพรจากตัวตนลึกลับ เทพมาร หรือปีศาจ ไม่ต้องเลือกวันเวลามากนัก แต่นายคงรู้ดีว่ามันเสี่ยงแค่ไหน คนที่เคยทำแบบนั้น เก้าในสิบจบไม่สวย”
“ด้วยเหตุนี้ สำหรับผู้วิเศษที่ไม่ได้ลงทะเบียนกับทางการ อาคมพิธีกรรมที่ใช้บ่อยที่สุดคือการขอพรตัวเอง เพื่อใช้พลังวิญญาณของตนกระทำเรื่องซับซ้อน”
“เช่นพวกยันต์กับอาวุธวิเศษ?” ลูเมี่ยนนึกถึงความรู้ที่ฟังมาจากมาดาม
โอลัวร์พยักหน้า
“อย่าเพิ่งออกนอกเรื่อง…กลับมาที่การอัญเชิญสิ่งมีชีวิตจากโลกวิญญาณ”
หญิงสาวกินเพิ่มอีกสักพักก่อนจะพูดต่อ
“ขั้นที่สองของอาคมพิธีกรรม คือการเตรียมวัตถุดิบที่เกี่ยวข้อง…อยากขอพรจากเทพองค์ใดให้เตรียมสมุนไพร น้ำมันหอมระเหย ผงต่างๆ และน้ำกลั่น ให้สอดคล้องกับพระองค์ หรือทำให้พระองค์พึงพอใจ ยกตัวอย่างสุริยันเจิดจรัส เราสามารถใช้น้ำมันหอมระเหยสุริยัน ผงโรสแมรี มะกรูด และดอกทานตะวันชนิดต่างๆ … ส่วนการขอพรตัวเองไม่ยุ่งยากเท่าไร แม้การใช้วัตถุดิบในขอบเขตของตัวเองจะดีที่สุด แต่สำหรับคนอย่างนาย แค่อัปแซ็งต์สักแก้วก็เป็นอันใช้ได้ หรือไม่มีเลยก็ไม่เป็นไร”
“ขั้นที่สามคือการจัดวางแท่นบูชา สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสม ไม่จำเป็นต้องศักดิ์สิทธิ์หรือพิธีรีตองมากนัก สิ่งสำคัญคือไม่ควรมีของรกเกะกะ”
“กุญแจสำคัญของแท่นบูชาคือเทียนไข…”
โอลัวร์พูดพลางคว้ามีดส้อมในมือ
เธอยื่นทั้งสองสิ่งมาข้างหน้าแล้วกล่าว
“ลองจินตนาการว่าพวกมันคือเทียน หากขอพรจากเทพองค์ใด ก็จงใช้วัตถุดิบที่เป็นสัญลักษณ์ของเทพองค์นั้นๆ เพื่อทำเทียน”
“ยกตัวอย่างองค์สุริยันเจิดจรัส พระนามอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์มีความหมายว่า แสงที่ไม่มีวันดับมอด ผู้คุมกฎเกณฑ์ทั้งปวง…”
โอลัวร์เว้นวรรคเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อ
“เทพแห่งพันธสัญญา ผู้พิทักษ์แห่งการแลกเปลี่ยน”
“และยังมีอีกพระนามว่า ‘บิดาแห่งสรรพสิ่ง’ ด้วยใช่ไหม?” ลูเมี่ยนเคยฟังเทศนามาหลายครั้ง
โอลัวร์ส่ายหน้า
“นั่นเป็นเพียงโฆษณาชวนเชื่อของศาสนจักรสุริยันเจิดจรัส ในเชิงศาสตร์เร้นลับ องค์สุริยันเจิดจรัสยังไม่มีอำนาจถึงระดับนั้น หรือหากไปถึง อาจสื่อได้ว่าใกล้จะเกิดเหตุการณ์ใหญ่แล้ว”
หญิงสาวมิได้ระบุว่าเป็นเหตุการณ์ใหญ่แบบไหน คล้ายกับเธอเองก็ไม่แน่ใจ
จากนั้น โอลัวร์กลับเข้าประเด็น
“ถ้านายอยากขับไล่วิญญาณ ก็ต้องขอพรจากพระนาม ‘แสงที่ไม่มีวันดับมอด’ ซึ่งต้องใช้ดอกทานตะวันชนิดต่างๆ ในการสร้างเทียน… กลับกัน หากเป็นจุดประสงค์เกี่ยวข้องกับพันธสัญญา นายต้องขอพรจากพระนาม ‘เทพแห่งพันธสัญญา’ และใช้วัตถุดิบอย่างมะกรูดในการสร้างเทียน… สามารถดูเงื่อนไขอื่นๆ ได้ในบันทึกของฉัน”
“ในอาคมพิธีกรรมหนึ่ง สำหรับตำแหน่งของเทพที่เกี่ยวข้อง เราจะวางเทียนไว้สูงสุดเพียงสองเล่ม เพราะในศาสตร์เร้นลับ เลข 0 หมายถึงความไม่รู้และความโกลาหล ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของต้นกำเนิดโลก การไม่วางเทียนหมายถึงการไม่มีผลลัพธ์ เลข 1 หมายถึงจุดเริ่มต้น แทนพระผู้สร้างต้นกำเนิด และแทนการมุ่งเป้าไปหาตัวบุคคล เลข 2 หมายถึงโลกและทวยเทพที่เกิดจากพระผู้สร้างต้นกำเนิด ดังนั้น อาคมพิธีกรรมจึงใช้เทียนแค่สองเล่มก็เพียงพอสำหรับการแทนทวยเทพ นายต้องเลือกเทียนที่เป็นสัญลักษณ์สองชนิดให้ตรงกับผลลัพธ์ที่ต้องการ”
“เลข 3 หมายถึงทุกสรรพสิ่ง ดังนั้น เทียนเล่มที่สามจึงแทนตัวเราเอง”
“สรุปก็คือ เทียนสองเล่มที่วางอยู่ด้านบนแทนตัวเทพ และเทียนเล่มหน้าเราแทนตัวเอง รวมทั้งหมดเป็นสามเล่ม”
“หากมีวัตถุที่ใกล้ชิดกับเทพหรือตัวตนลึกลับ ก็สามารถถอดเทียนสองเล่มที่วางอยู่ด้านบนออก แล้ววางวัตถุนั้นลงไปแทน วิธีนี้เรียกว่า ‘อาคมพิธีกรรมทวิภาค’”
“ในกรณีที่ขอพรตัวเอง ก็แค่เก็บเทียนอื่นๆ แล้วเหลือเฉพาะเทียนที่แทนตัวเอง”
ลูเมี่ยนตั้งใจฟังอย่างมาก
ตามคำบอกของมาดาม นักล่าที่ไม่ได้ลงทะเบียนกับทางการอย่างตน จนกว่าจะล่วงรู้พระนามเต็มของบุคคลอันยิ่งใหญ่นั่น อาคมพิธีกรรมเดียวที่เขาทำได้คือการขอพรจากตัวเอง ไม่เช่นนั้นแล้ว เด็กหนุ่มจะไปหาวัตถุใกล้ชิดกับเทพได้จากไหน
“ต่อไป ฉันจะใช้การอัญเชิญสิ่งมีชีวิตจากโลกวิญญาณเป็นตัวอย่าง เพื่อสาธิตขั้นตอนถัดไปให้นายดู” โอลัวร์เห็นว่าน้องชายกินอาหารเสร็จแล้ว จึงลุกขึ้นยืนแล้วพูด
ทั้งสองรีบเก็บโต๊ะอาหารให้เรียบร้อย
…………………………………………………….