ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 53 รอยประทับ
- Home
- ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability)
- ตอนที่ 53 รอยประทับ
ตอนที่ 53 รอยประทับ
“หนวดรยางค์?” ลูเมี่ยนผงะไปครู่หนึ่ง พลางนึกถึงคำนิยามของสิ่งที่รัดพันก้อนเนื้อ
เขาอ่านนิยายที่โอลัวร์เขียนทุกเล่ม ดูภาพประกอบทั้งหมด ไม่เพียงจะจดจำฉากสยดสยองนองเลือดได้ขึ้นใจ แต่ยังรู้จักหลายต่อหลายสิ่งที่ไม่เคยพบเจอในชีวิตประจำวัน และหนึ่งในนั้นคือหนวดรยางค์
หนวดสีดำเข้มเจ็ดแปดเส้นที่หุ้มด้วยเนื้อเยื่อ รัดพันก้อนเนื้อไว้แนบแน่น ก่อนจะกระชากไปยังซากอาคารด้านข้าง
ณ จุดที่เต็มไปด้วยก้อนหินระเกะระกะ ร่างหนึ่งเดินออกมา
‘เขา’ ดูคล้ายมนุษย์ เปลือยท่อนบนและเท้า สวมกางเกงขายาวสีดำ
จุดที่ต่างไปจากมนุษย์ก็คือ อีกฝ่ายไม่มีศีรษะ เหลือเพียงส่วนลำคอ รอบหน้าตัดแผลคือซี่ฟันคมๆ ที่เรียงเป็นเกลียวก้นหอย ช่องว่างระหว่างฟันเป็นผิวหนังสีแดงสด
ราวกับมนุษย์สักคนได้เปลี่ยนหัวและครึ่งลำคอให้เป็นปากประหลาด เมื่อได้เห็นภาพนี้ ‘ผู้เชี่ยวชาญการตัดหัว’ อย่างลูเมี่ยนทำได้เพียงส่ายหน้าไปมาโดยไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหน
หนวดสีดำเข้มเจ็ดแปดเส้นที่มีเนื้อเยื่อปกคลุม ยื่นออกจากขอบๆ ‘ปาก’ ของสัตว์ประหลาด ช่วยกันฉุดกระชากลากก้อนเลือดเนื้อมาถึงตรงหน้า แล้วจับยกขึ้น
‘ปาก’ ที่คอของสัตว์ประหลาดบานกว้างปานดอกผักบุ้งฝรั่ง
ฟันทุกซี่รุมกัดแทะก้อนเนื้อ แล้วเขมือบเข้าไปประหนึ่งงูหลามกลืนเหยื่อ
ได้เห็นฉากเมื่อสักครู่ ลูเมี่ยนจิกกัดอย่างเงียบงัน
“นึกว่าไม่ต้องกินอะไรก็อยู่ได้ สรุปว่ายังต้องกินสินะ…”
เด็กหนุ่มท่องไปในห้วงความคิด
“ในซากปรักหักพังคงมีแต่สัตว์ประหลาดเป็นส่วนมาก อาหารของพวกมันคงไม่น่าจะเยอะนัก…”
“หรือก็คือ สัตว์ประหลาดบางชนิดกินสัตว์ประหลาดอื่นเป็นอาหาร เหมือนกับที่เพิ่งเกิดไป… หรือไม่ก็… ทุกคนเป็นทั้งนักล่าและเหยื่อ…”
“ถ้าต้องเผชิญหน้ากับสัตว์ประหลาดที่สู้ไม่ไหว ลองล่อไปหาสัตว์ประหลาดตัวอื่นดีไหม? ให้พวกมันฆ่ากันเอง ทำร้ายกันเอง แล้วเราค่อยลงมือเก็บซาก?”
“ทางทฤษฎีแล้วเป็นไปได้ แต่ก็ยังอันตรายอยู่ดี ไม่มีสิ่งใดรับประกันว่า พวกมันจะไม่รวมหัวกันฆ่าเราก่อน…”
ท่ามกลางกระแสความคิด ลูเมี่ยนเห็นสัตว์ประหลาดที่มี ‘ปาก’ เป็นหัวและคอ เริ่มยุบพองทรวงอก คล้ายกับกำลังกลืนอาหารแรงๆ
ฉากดังกล่าวดึงดูดสายตาลูเมี่ยน จนพาลไปสังเกตเห็นความผิดปกติบนร่างกายท่อนบนอันเปลือยเปล่าของสัตว์ประหลาด
บนหน้าอกฝั่งซ้ายและขวา รวมถึงใต้ลำคอ มีสิ่งที่คล้ายรอยประทับสีดำอยู่จุดละหนึ่งรอย
“นี่มัน…” รูม่านตาลูเมี่ยนขยายออกโดยไม่รู้ตัว เพื่อให้มองเห็นได้ชัดเจนขึ้น
เขาเคยเห็นสิ่งที่คล้ายคลึงกันจากบนตัวหลวงพ่ออธิการโบสถ์!
ในช่วงท้ายพิธีฉลองวันมหาพรต เมื่อร่างกายหลวงพ่อพองโตจนเสื้อผ้าฉีกขาด เขาเห็นรอยประทับสีดำเหล่านี้!
หลังจากเฝ้าสังเกตอย่างละเอียด ลูเมี่ยนยืนยันได้ว่ารอยประทับสีดำสามแห่งบนตัวสัตว์ประหลาด คือสิ่งเดียวกับที่อยู่บนตัวหลวงพ่อ
ทั้งหมดประกอบกันจากอักขระเฉพาะและสัญลักษณ์พิสดาร ดูคล้ายเชื่อมต่อกับอีกโลกหนึ่งซึ่งยากอธิบาย
ความแตกต่างก็คือ บนตัวหลวงพ่อมีอย่างน้อยสิบเอ็ดสิบสองจุด แต่บนตัวสัตว์ประหลาดมีเพียงสาม
“รอยประทับสีดำพวกนี้มีไว้ทำอะไร… เป็นตราที่การดำรงอยู่ซ่อนเร้นสักพระองค์ประทับไว้? ยิ่งจำนวนมากก็ยิ่งได้รับพรมาก?” ลูเมี่ยนใคร่ครวญอย่างสงสัยปนสับสนระหว่างเฝ้าสังเกต
เด็กหนุ่มพยายามจดจำอักขระและสัญลักษณ์ของหนึ่งในรอยประทับ แต่เนื่องจากเป็นสิ่งที่เคยเห็น จึงยากแก่การจดจำในทันที อีกทั้งยังไม่ได้พกกระดาษหรือปากกามาด้วย ไม่สามารถวาดคัดลอก
ในที่สุดสัตว์ประหลาดก็ย่อยก้อนเลือดเนื้อเสร็จ แล้วจึงขยับแขน พลางส่ายหนวดรยางค์สีดำข้าง ‘ปาก’ ไปมา
รอยประทับใต้คอเริ่มส่องแสงจางๆ ตามด้วยเสียงหึ่งๆ ดังมาจากหน้าอก
เสียงนี้ดังขึ้นเรื่อยๆ คล้ายกระแสลมพัดผ่านในรังผึ้ง ไหลออกจากหลุมหนึ่งไปเข้าอีกหลุม
‘ปาก’ ที่คล้ายดอกผังบุ้งฝรั่งบานออก และเสียงหึ่งยิ่งดังชัดเจน
เสียงนี้ทำให้ลูเมี่ยนหงุดหงิดงุ่นง่าน กระฟัดกระเฟียดอยากซัดเจ้าสัตว์ประหลาดนั่นสักหมัด!
รำคาญโว้ย! ไม่รู้ตัวบ้างหรือไง!
โทสะพลันพลุ่งพล่านอย่างไม่อาจหักห้าม ลูเมี่ยนสัมผัสได้ว่าความโกรธพุ่งจากหัวใจขึ้นไปถึงหน้าผากอย่างด่วนจี๋
ทันใดนั้น เขากลายเป็นคนหุนหันพลันแล่น ถือปืนล่าสัตว์เดินอ้อมก้อนหินที่ช่วยเป็นกำบัง กระโดดลงจากหลังคาที่พังลงมากว่าครึ่ง
ตึง!
ลูเมี่ยนลงจอดบนพื้น ตาถลึงจ้องเข้าไปใน ‘ปาก’ สีแดงที่เต็มไปด้วยฟันแหลมเรียงกันเป็นก้นหอย
เด็กหนุ่มที่เตรียมสบถด่าอีกฝ่ายว่า ‘ไอ้หมูตอน’ ด้วยความเดือดดาล พลันฟื้นคืนสติ และฉุกคิดได้ว่าตนเปรียบดังผู้ชมที่ถูกบังคับให้ขึ้นเวที สับสนจนไม่รู้จะทำเช่นไร
สัตว์ประหลาดเล็ง ‘ปาก’ สีแดงมาทางลูเมี่ยนอย่างเงียบงัน
“เอ่อ… ถ้าบอกว่า ‘ขอโทษ นี่เป็นเรื่องเข้าใจผิด’ จะยอมยกโทษให้ได้ไหม…?” ลูเมี่ยนพึมพำแผ่วเบา
เขาเพิ่งจะเข้าใจว่าปัญหาอยู่ที่เสียงหึ่งเมื่อสักครู่
มันทำให้ตนถึงกับนอตหลุด จนกระโดดออกจากที่ซ่อนตัวเพื่อโจมตี!
แต่เรื่องมันเกิดขึ้นแล้ว ขอโทษไปก็เปล่าประโยชน์ ตอนนี้มีเพียงสองทางเลือก หนึ่งคือสงคราม สองคือหลบหนี
แต่จากประสบการณ์ของลูเมี่ยน การเผ่นหนีทันทีไม่ใช่ทางออกที่ฉลาด ไม่เพียงแต่คู่ต่อสู้จะยังแข็งแรงสมบูรณ์ แต่อีกฝ่ายอยู่ในท่าเตรียมลงมือ โดยมีหนวดรยางค์เจ็ดแปดเส้นลอยขึ้น
ดังนั้น ถ้าอยากหนีจริงๆ ก็ต้องสู้กันก่อน แล้วค่อยสอดส่องมองหาลู่ทาง!
โดยไม่ลังเล เมื่อลูเมี่ยนคืนสติกลับมาสมบูรณ์ ก็ยกปืนล่าสัตว์ที่บรรจุกระสุนพร้อมยิงขึ้นมาประทับบ่า
ปัง!
เห็นได้ชัดว่าสัตว์ประหลาดไม่นึกไม่ฝันว่าศัตรูจะคิดไวทำไว แถมยังขาดความเข้าใจเกี่ยวกับปืนล่าสัตว์ ส่งผลให้หลบไม่พ้น กลุ่มตะกั่วลูกปรายสาดใส่ร่างอย่างจั๋งหนับ
“อ๊า—!”
ปากที่มีฟันเรียงเป็นก้นหอยบานออกตามสัญชาตญาณ แหกปากกรีดร้องด้วยเสียงเจือความเจ็บปวด หลายจุดบนหน้าอกกลายเป็นเนื้อเละ เลือดไหลทะลัก หนึ่งในนั้นคือตำแหน่งของรอยประทับสีดำทางฝั่งขวา
แต่ราวกับว่า รอยประทับนั้นฝังเข้าไปเลือดเนื้อ จนบัดนี้ก็ยังมองเห็นได้ชัดเจน แทบไม่ได้รับผลกระทบจากสภาพบาดแผล
ลูเมี่ยนไม่สนใจเสียงกรีดร้องของเหยื่อ ทันทีที่ลั่นไก เด็กหนุ่มก็ย้ายตำแหน่งหนี พลางควักกระสุนตะกั่วนัดใหม่ออกจากถุงตรงเอว
ขณะเล็งปากกระบอกใส่เหยื่ออีกครั้ง รอยประทับสีดำบนอกซ้ายของสัตว์ประหลาดพลันเรืองแสง
สิ่งมีชีวิตคล้ายมนุษย์ที่หัวและกว่าครึ่งคอเปลี่ยนเป็นปาก พลันอันตรธานหาย
หายไปต่อหน้าต่อตาลูเมี่ยน!
หนีแล้ว? ล่องหน? ลูเมี่ยนกลั่นกรองคำตอบจากนิยายหลายเรื่องที่โอลัวร์เขียน และจากปัญญาศาสตร์เร้นลับที่เธอสอน
เด็กหนุ่มรีบเหลียวซ้ายแลขวา แต่ดูยังไงก็เหมือนกับว่า สัตว์ประหลาดตัวนั้นระเหิดหายไปในอากาศ
ประสบการณ์แปลกใหม่ที่ไม่เคยพานพบมาก่อน มอบความตื่นตระหนกให้ลูเมี่ยนอยู่พักใหญ่ จิตใต้สำนึกสั่งให้ถอยออกจากตรงนี้ทันที จนเผลอก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว
ทันใดนั้น ข้อเท้าของเด็กหนุ่มถูกรัดแน่น ร่างกายเสียสมดุลทันที สลับกลับจากหัวเป็นหาง
หนวดสีดำเข้มที่มีเนื้อเยื่อปกคลุมเผยตัวกลางอากาศ พวกมันกำลังรัดขาลูเมี่ยนพลางยกให้ลอยสูง
สัตว์ประหลาดปรากฏตัวอีกครั้ง ในตำแหน่งไม่ไกลจากสีข้างลูเมี่ยน
ขณะนี้ รอยประทับบนหน้าอกขวากำลังส่องแสง ปากที่มีฟันสีขาวเรียงเป็นเกลียวก้นหอยบานกว้างจนถึงขีดสุด เผยให้เห็นด้านในที่เต็มไปด้วยเลือด ท่าทีราวกับจะใช้หนวดลากลูเมี่ยนเข้าไปเขมือบในคำเดียว
กลิ่นเหม็นบรรลัยที่ไม่อาจบรรยาย โชยมาจาก ‘ปาก’ ดังกล่าว ลูเมี่ยนที่กำลังห้อยหัวกลางอากาศพลันวิงเวียนศีรษะ
การมองเห็นของเขาในตอนนี้ ส่วนใหญ่คือผนังปากที่เปื้อนเลือด และซี่ฟันแหลมคมสีขาวจำนวนมาก
ความคิดหนึ่งผุดขึ้นกะทันหัน เด็กหนุ่มชิงลงมือก่อนที่จะถูกหนวดรยางค์พันรอบแขน ปากกระบอกปืนล่าสัตว์ถูกเล็งไปทาง ‘ปาก’ สัตว์ประหลาดในท่าห้อยหัว
ปัง!
สัตว์ประหลาดกรีดร้องอีกครั้ง ในภาย ‘ปาก’ ของมัน เศษเลือดเนื้อระเบิดกระจายไปทั่ว รอยตะกั่วสีดำฝังเข้าไปหลายจุด
มันเหวี่ยงลูเมี่ยนสุดแรง ร่างกายกลับไปโปร่งใสในพริบตา อันตรธานหายไปจากการมองเห็นอีกครั้ง
ลูเมี่ยนหล่นกระแทกพื้นด้วยเสียงดังปึ้ก แล้วม้วนตัวอีกสองสามตลบก่อนจะดีดพรวดกลับมายืนใหม่ สมาธิจดจ่ออยู่กับการค้นหาร่องรอยของเป้าหมาย
วินาทีถัดมา จมูกของเด็กหนุ่มพลันกระตุก สัมผัสคล้ายกลิ่นเลือดขยับเข้ามาใกล้ด้วยความเร่ง
โดยไม่มัวคิดวิเคราะห์ เขารีบกระโจนไปในทิศทางตรงกันข้าม
ในจุดเดิมที่เคยยืน หนวดรยางค์สีดำเข้มที่มีเนื้อเยื่อปกคลุม เผยตัวกลางอากาศอีกครั้ง แต่รัดพันสิ่งใดไม่ได้
ห่างออกไปสามสี่เมตร ร่างของสัตว์ประหลาดเผยออกมา ปากที่เป็นเกลียวก้นหอยบานกว้าง คล้ายกำลังรอเขมือบอาหาร
ลูเมี่ยนรีบบรรจุกระสุนปืนล่าสัตว์ แต่เมื่อรอยประทับสีดำบนหน้าอกซ้ายของอีกฝ่ายสว่างขึ้น สัตว์ประหลาดก็หายไปจากทัศนวิสัย
พรางตัว… ล่องหนของจริง! ลูเมี่ยนได้ข้อสรุป
ผนวกกับเหตุการณ์เมื่อสักครู่ เด็กหนุ่มเชื่อว่าสถานะล่องหนไม่สามารถปกปิดกลิ่น และจะถูกยกเลิกทันทีเมื่อเริ่มโจมตี
หลังจากเข้าใจแจ่มแจ้ง ลูเมี่ยนมั่นอกมั่นใจ พลางนึกเย้ยหยันอย่างเงียบงัน
“ถ้ากลบกลิ่นไม่ได้ ล่องหนไปจะมีประโยชน์อะไร?”
เหนือสิ่งอื่นใด การตรวจจับร่องรอยต่างๆ คือจุดแข็งของนักล่า!
ความตื่นตระหนกมลายหายในทันที ความมั่นใจฟื้นฟูอย่างเต็มเปี่ยม จิตใจลูเมี่ยนสงบนิ่งเยือกเย็น สมาธิจดจ่อกับการสังเกตสิ่งรอบข้าง
เพียงครู่เดียว เด็กหนุ่มพบรอยเท้าของสัตว์ประหลาด รวมถึงกลิ่นเลือดและกลิ่นเหม็นอับจากร่างกายมัน
อาศัยร่องรอยเหล่านี้ เขาหลบหลีกการโจมตีได้หนแล้วหนเล่า สลับกับตอบโต้ด้วยปืนล่าสัตว์หนแล้วหนเล่า
แต่สัตว์ประหลาดกลับยังดูสบายดี แม้จะถูกยิงไปหลายครั้ง อย่างมากก็แค่อ่อนแรงลง
เมื่อเห็นว่าลูกตะกั่วใกล้หมด จิตใจลูเมี่ยนปั่นป่วนไปด้วยความคิด พยายามไตร่ตรองมองหาวิธีแก้ปัญหา
ไม่กี่วินาทีถัดมา เด็กหนุ่มได้คำตอบ
ระหว่างทางมาที่นี่ เขาไม่ลืมสังเกตสภาพแวดล้อม จึงเคยเห็นกับดักทางธรรมชาติหลายจุดที่อาจนำมาใช้ประโยชน์ และหนึ่งในนั้นเหมาะที่จะใช้กับสัตว์ประหลาดตรงหน้า
เมื่อสังเกตเห็นรอยเท้าตื้นๆ สองรอยปรากฏขึ้นไม่ไกล ลูเมี่ยนหันหลังกลับพร้อมสับเต็มฝีเท้า
หนวดสีดำเข้มที่ปกคลุมด้วยเนื้อเยื่อ ลงมือพลาดไปอีกครั้ง
ลูเมี่ยนวิ่งสลับกับหยุด เหลียวหลังเป็นบางคราว ยืนยันให้แน่ใจว่าสัตว์ประหลาดยังคงไล่หลังมา พลางเตรียมตัวหลบการโจมตีที่อาจเกิดขึ้น
หึ่ง!
‘เสียงหึ่ง’ จากหน้าอกสัตว์ประหลาดเล็ดลอดเข้าสู่โสตประสาทเด็กหนุ่มอีกครั้ง โทสะพลันปะทุอย่างเดือดดาล เกิดอยากจะหยุดวิ่งในทันที เพื่อหันกลับไปจามขวานใส่สักสองสามเพลง
โชคยังดี เด็กหนุ่มยังไม่ลืมว่าจุดประสงค์ในการวิ่งระห่ำของตน คือการปลิดชีพสัตว์ประหลาดปากให้แดดิ้น มิใช่หลบหนีจากมัน ความโกรธและความขุ่นเคืองจึงมิได้บิดเบือนจากแผนการเดิม มีแต่จะยิ่งเพิ่มแรงกระตุ้นในการลงมือ
ตึกตึกตึก!
ในที่สุดลูเมี่ยนก็มองเห็นซากอาคารเป้าหมาย
เขารีบวิ่งเข้าไป อ้อมไปหลบอีกฝั่งของผนังแล้วไม่เคลื่อนไหว แสร้งทำเป็นดักซุ่มโจมตี
เพียงครู่เดียว รอยเท้าตื้นๆ โผล่ขึ้นบนพื้นซากอาคาร กลิ่นเหม็นและกลิ่นเลือดโชยเข้าใกล้ลูเมี่ยนมากขึ้นทุกที
เด็กหนุ่มประเมินความยาวของหนวดรยางค์ จากนั้นก็ถลันถอยหลังสองก้าว เงื้อขวานในมือแล้วจามลงบนเสาหินที่จะพังแหล่มิพังแหล่
ตามต่อด้วยการถีบใส่เสาหินเต็มแรง อาศัยแรงดีดเพื่อกลิ้งถอยหลัง
ซากอาคารที่สมดุลเปราะบางเป็นทุนเดิม ไม่อาจคงสภาพได้อีกต่อไป พังถล่มลงมาพร้อมกับเสียงดังสนั่น
ก้อนหินน้อยใหญ่นับไม่ถ้วนตกใส่พื้นด้านล่าง ห้องว่างๆ ซึ่งเคยผ่านเข้าออกได้ บัดนี้ถูกเติมเต็มอย่างสมบูรณ์
สัตว์ประหลาดที่พรางตัวเตรียมโจมตีอยู่ตรงนั้น พลันถูกหินถล่มใส่จนเสียงร้องโหยหวน
เสียงกรีดร้องของมัน กินเวลาไม่ถึงหนึ่งวินาทีก่อนจะยุติลง
…………………………………………………….