ราชินีพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 151 นี่คืออาณาเขตจื๋อจั้ง!
ดินแดนผนึกมารอยู่ที่ใดที่หนึ่งในทุ่งราบนี้
เหมือนม่านใสสีเทาที่มีขนาดใหญ่ตกลงมาจากฟ้าปกคลุมทุ่งราบนี้ทั้งหมด
ม่านใสสีเทานี้ส่องแสงอ่อนๆ แต่กลับปิดตายทุกมุม ปิดล้อมทั้งสามสิบสามคนไว้ข้างใน
มีคนสองสามคนผ่านมาจากที่ไกลๆ แล้วมาอยู่ด้านหน้าม่านใส
“นี่มันคืออะไรกันแน่” กงเสวี่ยฮวาพูดแล้วก็ยื่นมือไปจับม่านใสนั้น
“ฮวาฮวา!” เจียงหลีหันมามองเขา แล้วเห็นเขายื่นมือไปแตะพอดี นางอยากจะห้าม แต่ช้าไปนิดเดียว
เมื่อมือของกงเสวี่ยฮวาแตะโดนม่านใสสีเทา ทั้งตัวก็เหมือนกับถูกกระแสไฟ
ชั่วพริบตาเดียวก็ไม่มีสติ ตกอยู่ในภวังค์
แบบนี้นี่เอง…ต้องเป็นแบบนี้แน่ๆ…
ข้าไม่ใช่ผู้ที่อ่อนแอ! ไม่ใช่!
พวกเจ้าทุกคนล้วนแต่ดูถูกข้า เช่นนั้นข้าจะฆ่าให้หมดทุกคนนน!
อีกนิดเดียว อีกแค่นิดเดียว…
ทำไมถึงไม่เป็นข้า ทำไม
“…”
ในดวงตาของกงเสวี่ยฮวามีภาพเหตุการณ์มากมายฉายขึ้นมา เหตุการณ์เหล่านั้นที่ปรากฏขึ้นมัวไปหมด ภาพเหตุการณ์ที่ปรากฏมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เขาปวดหัวจนหัวแทบระเบิด แม้แต่หายใจก็ยังลำบาก
หัวใจของกงเสวี่ยฮวาเต้นเร็วมาก เลือดในตัวทั้งหมดไหลเข้าสู่หัวใจ และเต้นเร็วขึ้นเรื่อยๆ เหมือนว่าจะระเบิดออกมาได้ตลอดเวลา
“เขาเป็นอะไรไปน่ะ” เจียงเฮ่าขมวดคิ้วแล้วมองกงเสวี่ยฮวา
กงเสวี่ยฮวายืนอยู่ข้างๆ ม่านใส ทันใดนั้นก็นิ่งไป ทั้งตัวไม่ขยับ เหมือนว่าแขนขาแข็งไปหมด ยังคงอยู่ในท่าเมื่อครู่นี้
แต่ว่าใครก็ดูออกว่าตอนนี้เขาไม่เหมือนเดิมแล้ว
ถึงแม้ว่าเขาจะขยับไม่ได้ แต่ร่างกายของเขาสั่นอยู่ตลอด เขาหายใจแรงมาก สีหน้าซีดเซียว เหงื่อออกเต็มไปหมด หยดลงมาจากหน้าผากไปยังจอนผม แม้แต่ตาก็มองไปข้างบน เผยให้เห็นท้องฟ้าสีขาว
“ภาพมายา!” เจียงเฮ่าขมวดคิ้วหนักขึ้น
“นายน้อยกง! นายน้อยกง!”
“แม่นางเจียง ทำอย่างไรดี เจ้ารีบคิดหาวิธีช่วยนายน้อยกงของพวกเราเร็ว!”
คนของวังเทียนอู่กงทั้งสี่ก็ร้อนรนขึ้นมาทันที ทุกคนต่างมองเจียงหลีอย่างอ้อนวอน ก่อนหน้านี้เจียงหลีได้แสดงพลังอำนาจที่ยิ่งใหญ่ ไม่เพียงแต่เป็นที่หนึ่งในหอดูดาว ยังเอาชนะมู่เหยียนฉือเทียนเจียวแห่งวังเทียนอู่กง สำหรับลูกศิษย์วังเทียนอู่กงอย่างพวกเขาแล้ว ภาพเหตุการณ์นั้นยังคงตราตรึงไม่ลืม
โดยเฉพาะทั้งสี่คนที่ตอนแรกได้เห็นเจียงหลีเอาชนะมู่เหยี่ยนฉือและเลื่อมใสนางเป็นอย่างมาก
และพวกเขาก็รู้ว่าเจียงหลีและกงเสวี่ยฮวาเป็นเพื่อนสนิทกัน ตอนนี้นายน้อยตกที่นั่งลำบาก พวกเขาไม่รู้จะทำอย่างไรดี ก็เป็นธรรมดาที่จะขอความช่วยเหลือจากเจียงหลี
“พวกเจ้าหลบไปหน่อย อย่าไปแตะม่านนั่นเล่น” เจียงหลีพูดกับคนของฮวงเสินและวังเทียนอู่กง
เห็นว่ากงเสวี่ยฮวาเป็นอย่างไรแล้ว ไม่มีใครตั้งคำถามกับคำพูดนี้ของเจียงหลี ทุกคนต่างพากันถอยหลังไป แล้วมองม่านประหลาดนั้นด้วยความระมัดระวัง
เจียงหลีหันกลับไปมองกงเสวี่ยฮวา แล้วลองตะโกน “ฮวาฮวา…ฮวาฮวา…”
แต่ทว่ากงเสวี่ยฮวากลับไม่มีการตอบกลับใดๆ เลย
เจียงหลีขมวดคิ้วเล็กน้อย แววตามีความครุ่นคิดแล้วมองไปยังมือของกงเสวี่ยฮวาที่สัมผัสกับม่านพลัง
แสงแวววาวบนม่านใสสีเทาไหลผ่านจากปลายนิ้วไปยังตัวของเขา
เจียงหลีจ้องมอง แล้วทำการตัดสินใจ
“ข้าเอง”
เจียงหลีเพิ่งจะขยับ ก็มีคนมาจับไหล่ไว้
นางหันไปมองก็เห็นเป็นเจียงเฮ่า เจียงเฮ่ายิ้มให้นาง “เรื่องที่อันตรายขนาดนี้ มีข้าอยู่ จะปล่อยให้เจ้าไปลองได้อย่างไร”
“พี่ใหญ่” เจียงหลีเกิดความซาบซึ้งในใจ
รอยยิ้มของเจียงเฮ่าปรากฏอยู่ตรงหน้าของนาง ทำให้รู้สึกอบอุ่นและอุ่นใจเหมือนอย่างเคย
“ระวังตัวด้วย” เมื่อเห็นความแน่วแน่ในแววตาของพี่ชาย เจียงหลีก็ถอยหลังมา แล้วพูดเตือน
เจียงเฮ่าพยักหน้า เดินไปแล้วยื่นมือออกมาจับที่ข้อมือของกงเสวี่ยฮวา จุดประสงค์ของเขาและเจียงหลีก็คือการตัดขาดการเชื่อมต่อกันระหว่างกงเสวี่ยฮวากับม่านใสนี้
แต่ทว่าในขณะที่มือของเจียงเฮ่าเพิ่งจะแตะโดนข้อมือของกงเสวี่ยฮวา ร่างกายของเขาก็แข็งทันที ตกอยู่ในสภาพเดียวกันกับกงเสวี่ยฮวา
เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดนี้ ทำให้ผู้คนหรี่ตาลง แต่เจียงหลีมือไวตาไว ปล่อยแส้จูเสียออกมาแล้วสะบัดออกไปรัดที่ข้อมือของกงเสวี่ยฮวาที่สัมผัสกับม่านโปร่งแสงอยู่แล้วดึงออกอย่างแรง
“ได้สติแล้ว!”
เจียงหลีตะโกนขึ้น แส้ดึงมือของกงเสวี่ยฮวาออกมา ร่างกายของทั้งสองคนถอยหลังอย่างรวดเร็ว
และในขณะเดียวกัน เสียงของเจียงหลีเหมือนเสียงฟ้าผ่าดังระเบิดในหัวของพวกเขา ทำให้ภาพเหตุการณ์มากมายทั้งหมดหายไป
“เมื่อครู่นี้…ข้า…”
กงเสวี่ยฮวาได้สติทันที แต่กลับปวดเมื่อยและหมดเรี่ยวแรงไปทั้งตัว เหมือนว่าไปต่อสู้กับคนอื่นเป็นร้อยๆ รอบมาอย่างไรอย่างนั้น
“นายน้อยกง ท่านไม่เป็นไรใช่หรือไม่”
คนของวังเทียนอู่กงต่างพากันล้อมเข้ามา
เจียงหลีใช้มือข้างหนึ่งประคองเจียงเฮ่าที่ถอยมา แล้วถามด้วยความห่วงใยเช่นกัน “พี่ใหญ่ พี่เป็นอย่างไรบ้าง” คนฮวงเสินทั้งสามก็รีบเข้ามา
เจียงเฮ่าส่ายหัวด้วยสีหน้าที่ยังหวาดผวาอยู่ แล้วยิ้มปลอบเจียงหลี “ข้าไม่เป็นไร เพียงแต่สิ่งที่เจอเมื่อครู่นี้ทั้งหมด ที่จริงแล้วมัน…น่ากลัวมากจริงๆ”
“พวกเจ้าเจออะไรกันแน่” ฉู่เฟยเยียนถามขึ้นด้วยความสงสัย
เจออะไรหรือ
เจียงหลีและกงเสวี่ยฮวาเงยหน้าแล้วสบตากันอย่างไม่ได้นัดหมาย กงเสวี่ยพูดอย่างช้าๆ ว่า “เมื่อครู่นี้ ข้าเหมือนรู้สึกถึงกิเลสครอบงำ อีกนิดเดียวก็เกือบจะเป็นบ้าแล้ว”
ผลกระทบจากกิเลส!
ผู้คนเบิกตาโต แล้วต่างพากันถอยหลังไปสองสามก้าว
และในตอนนี้ ก็ได้ยินเสียงร้องตะโกนดังมาจากที่อื่น
“ดูเหมือนจะมีคนเกิดเรื่อง” เจียงหลีหันไปมองทางเสียงนั้น
กงเสวี่ยฮวาแสยะยิ้ม พูดเสียงเข้มว่า “มาถึงตรงนี้ได้ ล้วนแต่ไม่ธรรมดา พวกเขาคงหาทางจัดการกันได้ ถ้าหากพวกเราเข้าไปยุ่ง พวกเขาก็คงไม่ขอบคุณ อาจจะถึงขั้นหาว่าพวกเราทำดีเอาหน้าได้”
เจียงหลีหันไปมองเขา แล้วจู่ๆ ก็ยิ้ม
เขาคนนี้กลัวว่านางจะไปยุ่งเรื่องของคนอื่น แล้วทำให้คนอื่นไม่พอใจโดยไม่ตั้งใจอย่างนั้นรึ นางใสซื่อบริสุทธิ์ มีเมตตาขนาดนั้นเชียวหรือ
“ถ้าพวกเขาต้องการ เดี๋ยวก็คงมาขอให้ช่วยเอง” เจียงหลีพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
เจียงหลีหุบยิ้ม แล้วก็สนใจไปที่ม่านใสนั่น
ทันใดนั้น การโจมตีหนึ่งก็พุ่งไปยังม่านใส ทำให้เกิดคลื่นพลัง เจียงหลีและคนอื่นๆ หันไปมองก็เห็นว่าไป๋หลี่เฟิ่งกำลังเก็บมือ
“โจมตีไม่แตก” ไป๋หลี่เฟิ่งพูดอย่างเย็นชา
หันเหยากวงขมวดคิ้วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ทันใดนั้นก็ปลดปล่อยวิญญาณยุทธ์ทั้งหมดออกมา แล้วโจมตีอย่างสุดพลังไปครั่งหนึ่ง
ตู้มมม!
การโจมตีที่น่ากลัวพุ่งไปยังม่านพลังนั้น นอกจากมีคลื่นพลังเกิดขึ้น ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย
หันเหยากวงเก็บวิญญาณยุทธ์ สีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมา
“โจมตีไม่แตก สัมผัสไม่ได้” กงเสวี่ยฮวาพูดสรุปขึ้นมาพร้อมกับยิ้มแห้ง
“วิถีอิสระแห่งตนไร้ขอบเขต”
เจียงหลี กงเสวี่ยฮวาและคนอื่นๆ ต่างพากันหันไปมอง และในขณะนั้นก็เพิ่งรู้ว่าพระมหาอินฮูได้พาศิษย์สำนักฝัวหมัวของเขามาอยู่ข้างหลังพวกเจียงหลีตอนไหนก็ไม่รู้
“อาตมาเคยเจอในคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์มาก่อน สิ่งนี้เรียกว่า…อาณาเขตจื๋อจั้ง”