ราชินีพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 154 หลีกเลี่ยงไม่ได้
ความแข็งแกร่งของเจียงหลีทำให้ผู้คนที่ดูการต่อสู้อยู่ตะลึง
แม้เพียงแค่ชั่วพริบตาเดียว พวกเขาก็ลืมระวังตัวว่าคนข้างๆ ของพวกเขาจะเข้าสู่การเป็นมาร
ร่างของเจียงหลีหายแวบจากบนท้องฟ้าไปที่ที่หันเหยากวงตกลงมา ร่างมายาของเสวียนกังกุยก็กลับเข้าสู่เนตรญาณ วานรกลืนเวหาก็กลับเข้าสู่เนตรญาณเช่นกัน
ในตอนที่ลงมาที่พื้น นางได้เก็บพลังทั้งหมดแล้ว
แต่ว่าผู้คนยังคงลืมภาพเหตุการณ์ที่น่าตะลึงเมื่อครู่นี้ไม่ลง
หันเหยากวงเทียนเจียวที่มีชื่อเสียงของซีฮวงดินแดนตะวันออก นึกไม่ถึงว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าเจียงหลี เขาเหมือนกับเด็กดื้อที่เจียงหลีไม่อยากจะโจมตีด้วยเช่นนี้
“เทพธิดา…นะ…นางเก่งกาจมากจริงๆ!”
“นั่นสิ! แข็งแกร่งมาก!”
“ทั้งสวยทั้งเก่ง!”
หลังจากที่หญิงสาวทั้งสามคนของวังเวิ่นฉิงตะลึง ก็พูดพึมพำกับไหวปี้
ในใจของไหวปี้ก็ตะลึงเป็นอย่างมาก ได้ยินศิษย์ร่วมสำนักชื่นชมเจียงหลี นางยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว รอยยิ้มนั้นมีความภูมิใจ
“ลูกศิษย์ตำหนักเย่าแห่งฮวงเสินล้วนแต่เป็นเทียนเจียวที่ล้ำเลิศจริงๆ!”
“อิสระไร้ขอบเขต! คำพูดนี้ก็ไม่แย่ ดูแล้วงานปาฐกถาเจ้าครองนครครั้งนี้คงจะดุเดือดแน่”
“…”
พระมหาอินฮูและลูกศิษย์วังเทียนอู่กงคนนั้นที่เข้าสู่การเป็นมารสู้กันไม่หยุด และพระลูกศิษย์ทั้งสี่รูปของสำนักฝัวหมัวก็ไม่สนใจเลยสักนิด แต่กลับเกิดความชื่นชมเจียงหลี เป็นอย่างมาก
อีกด้านหนึ่ง ฉู่เฟยเยียนที่ยืนอยู่คนเดียวลำพังก็ดูการต่อสู้ของเจียงหลีกับหันเหยากวงเมื่อครู่นี้ด้วยเช่นกัน ภายใต้การถูกโจมตีเช่นนี้ เจียงหลียังสามารถจัดการหันเหยาก วงได้ เห็นได้ว่าการบดขยี้หันเหยา
กวงสองครั้งก่อนหน้านี้ คงไม่ใช่เพราะโชคช่วยแน่ๆ
แววตาของฉู่เฟยเยียนเปลี่ยนไป ก่อนจะกลับมาแวววาวเหมือนเดิม
ในฮวงเสิน การได้เป็นลูกศิษย์ของตำหนักเย่า เป็นความหวังอันสูงสุดในใจลูกศิษย์ฮวงเสินทุกคน ดังนั้นก็เป็นธรรมดาที่การปรากฎตัวของเจียงหลีจะเป็นเสี้ยนหนามในใจของเหล่าลูกศิษ ษย์ที่มีพรสวรรค์และความสามารถ
ฉู่เฟยเยียนก็เช่นกัน ฝีมือการต่อสู้ของนางแข็งแกร่งมาก มิฉะนั้นก็คงจะเข้าตำหนักเย่ว์และเป็นหนึ่งในลูกศิษย์ผู้หญิงที่มีจำนวนน้อยในตำหนักเย่ว์ไม่ได้
เดิมทีเป็นเช่นนี้เอง นางสามารถอาศัยความพยายามของตัวเองแล้วค่อยๆ ทำให้ตำหนักเย่าเห็น แต่ไม่คิดเลยว่าการปรากฏตัวกลางอากาศของเจียงหลีจะทำลายทุกอย่างลง แค่ตอนเริ่มต้น ในใ ใจนางก็ไม่ยอมแล้ว ต่อให้ผลงานสองครั้งที่ผ่านมาของเจียงหลีในฮวงเสินจะดี โดยเฉพาะการแสดงพลังอำนาจที่แข็งแกร่งต่อหน้าผู้คน ก็ยังไม่ทำให้นางยอมรับด้วยความยินดีจริงๆ
เพียงแต่นางมีนิสัยเย็นชา ไม่มีทางเผยอารมณ์ออกมา ดังนั้นจึงไม่มีใครมองออก
มาถึงสถานที่ผนึกมาร ใจของฉู่เฟยเยียนอยากจะหาโอกาสประลองกับเจียงหลีสักครั้ง แต่น่าเสียดายที่ไม่มีโอกาส
แต่ว่าการต่อสู้ของเจียงหลีและหันเหยากวงเมื่อครู่นี้ทำให้นางรู้แล้ว ถ้าหากเปลี่ยนเป็นตัวเองที่ต่อสู้กับหันเหยากวงในสถานการณ์แบบนี้ ถึงแม้ว่าจะไม่ถึงขั้นแพ้ แต่ก็คงไม่ชน นะขาดแบบนี้แน่นอน ให้เสมอกันยังทำได้ยากเลย
แต่เจียงหลีกลับมีท่าทางที่แข็งแกร่งเช่นนี้ ทำให้ผู้คนเลื่อมใส
นางยอมแล้ว!
ตอนนี้ฉู่เฟยเยียนก้มหน้าลง ในใจยอมรับเจียงหลีในฐานะลูกศิษย์ของตำหนักเย่าแล้ว นางเคลื่อนไหวไปยังเจียงหลีและหันเหยากวง
แต่ทางนั้น เจียงหลียืนอยู่ตรงหน้าหันเหยากวง หันเหยากวงสลบไปอีกครั้งหนึ่ง แบบนี้ก็ดี จะได้ไม่ต้องเปลืองแรง
ทันใดนั้น กลิ่นหอมก็โชยมา
เจียงหลีหันไปก็เห็นฉู่เฟยเยียนมาอยู่ข้างๆ ตัวเอง
“รองประมุขหญิง” ฉู่เฟยเยียนทำความเคารพเจียงหลี
เจียงหลีเลิกคิ้ว รู้สึกว่าท่าทางของฉู่เฟยเยียนที่ปฏิบัติต่อตัวเองไม่เหมือนก่อนหน้านี้แล้ว
เพียงแต่นางไม่ได้ถามอะไร แค่พยักหน้าช้าๆ
“หันเหยากวงเป็นอย่างไรบ้าง” ฉู่เฟยเยียนมองหันเหยากวง
เจียงหลีพูดด้วยแววตาสงบนิ่งว่า “ไม่ได้เป็นอะไร แค่สลบไปก็เท่านั้น”
หลังจากที่เจียงหลีพูดจบ การต่อสู้อีกสามคู่ก็จบลงแล้วเช่นกัน
“ไอ้เด็กบ้า รอกลับไปก่อนเถอะ ข้าจะจัดการเจ้า!” กงเสวี่ยฮวาคลึงหัวไหล่ของตัวเอง แล้วพูดกับลูกศิษย์สำนักเดียวกันที่ถูกเขาจัดการให้สลบไป
เจียงเฮ่าและไป๋หลี่เฟิง แล้วก็พระอินฮูทางนั้นก็ได้จัดการให้พวกเขาสลบไปแล้ว
“พาเขาไป” เจียงหลีพูดกับฉู่เฟยเยียน
ฉู่เฟยเยียนไม่ได้พูดอะไร ประคองหันเหยากวงขึ้นมาจากพื้นแล้วเดินไป
เอาทั้งห้าคนที่สลบอีกครั้งมาไว้ด้วยกัน เจียงเฮ่าได้ผนึกพลังวิญญาณในร่างกายของพวกเขาแล้ว
“ทางนั้นยังสู้กันอยู่รึ” กงเสวี่ยฮวามองไปทางป้อมปราการเฟยอวิ๋นและสำนักหุนหลีจง เสียงต่อสู้กันดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เจียงหลีแอบปลดปล่อยพลังจิต หลังจากเห็นเหตุการณ์ทางนั้นแล้ว แววตาก็เปล่งประกายเล็กน้อย
คนของสำนักหลีหุนจงคนหนึ่งได้ตายด้วยน้ำมือของเหล่าคนป้อมปราการเฟยอวิ๋น
“อิสระไร้ขอบเขต ต้องหยุดการเข่นฆ่ากันของพวกเขา” พระมหาอินฮูพนมมือแล้วพูดขึ้น
“เอ๊ะ! พระคุณท่าน ท่านรู้สึกโศกเศร้าเพราะคนตีกันตั้งแต่เมื่อไหร่” กงเสวี่ยฮวาหัวเราะเยาะ
พระมหาอินฮูส่ายหัวด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม “เปล่า พวกเขาจะอยู่หรือตายก็ไม่เกี่ยวกับข้า ข้าเพียงแค่เป็นห่วงว่าจุดประสงค์ของอุปสรรคนี้คืออยากให้พวกเราฆ่ากันเอง สุด ดท้ายก็ตายอยู่ที่นี่กันหมด”
กงเสวี่ยฮวาสีหน้าเปลี่ยนไป ทันใดนั้นสีหน้าก็ดูแย่ทันที
ลูกศิษย์หญิงสองสามคนของวังเวิ่นฉิงก็อยู่รวมกันเพราะหวาดกลัว เหมือนว่าภายใต้บรรยากาศที่แปลกประหลาดนี้ ทำได้เพียงแค่ให้ความอบอุ่นแก่กันและกัน ปลอบโยนความกลัวในใจ
“ข้า…ข้าจะไปจากที่นี่! ข้าจะไม่อยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้ว!” ทันใดนั้น ลูกศิษย์ผู้หญิงของวังเวิ่นฉิงคนหนึ่งก็ผลักคนข้างๆ ออกอย่างแรง
“เจ้าจะทำอะไร” อีกคนอยากจะห้ามนางไว้
แต่กลับถูกฝ่ามือของนางตบเข้าที่หน้าอก ลูกศิษย์ผู้หญิงของวังเวิ่นฉิงคนนั้นที่ถูกโจมตีอ้าปากก็มีเลือดไหลออกมาเปื้อนเสื้อผ้าเต็มไปหมด
“หยุด!” ไหวปี้หายแวบมาอยู่ด้านข้างของหญิงสาวที่ถูกโจมตีและประคองนางไว้ แล้วก็รีบสั่งปี้โหรวทันที “ห้ามนางไว้เร็วเข้า”
“ใครกล้ามาขวางข้า! ข้าจะฆ่าให้หมด!” แต่ทว่าลูกศิษย์ผู้หญิงคนนั้นกลับเข้าสู่การเป็นมารไปแล้ว นางตะโกนเสียงดังขึ้นมา
“นางเข้าสู่การเป็นมารแล้ว” เจียงหลีพูดเสียงเข้ม ในแววตาเต็มไปด้วยความเยือกเย็น
อีกฝั่งหนึ่ง ฉู่เฟยเยียนรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ รีบพูดขึ้นมาว่า “เร็ว! รีบจับข้าไว้!”
เสียงของนางทำให้เจียงหลี เจียงเฮ่า และไป๋หลี่เฟิงหันมามองนางพร้อมๆ กัน ร่างกายของฉู่เฟยเยียนเกิดสั่นขึ้นมา แววตามีความดิ้นรน
ในหัวของนางมีเสียงที่หลอกล่อนางไม่หยุด เสียงนั้นบอกว่าต้องเป็นนางที่ได้เป็นลูกศิษย์ของตำหนักเย่า จะเป็นเจียงหลีได้อย่างไร
ถ้าไม่ใช่เพราะว่านางคิดได้ก่อนหน้านี้แล้ว ตอนนี้นางคงจะเข้าสู่การเป็นมารไปนานแล้ว และลงมือกับเจียงหลี แต่ว่าถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ นางกลับรู้สึกว่าสติปัญญาของตัวเองกำลังถู กครอบงำอย่างต่อเนื่อง
“ข้า…ข้ารู้สึกว่ามีพลังบางอย่างอยากจะครอบงำจิตใจของข้า” ฉู่เฟยเยียนตะโกนเสียงดัง
“ไป๋หลี่เฟิ่ง!” เจียงหลีมองไปด้วยแววตาที่เย็นชา แล้วตะโกนเสียงดัง
ไป๋หลี่เฟิ่งอยู่ใกล้ฉู่เฟยเยียนที่สุด ก็เป็นธรมดาที่เขาจะลงมือได้ง่ายที่สุด
ปัก!
ฉู่เฟยเยียนโดนการโจมตีของไป๋หลี่เฟิ่ง นางก็สลบไป
และในตอนนี้ คนของวังเวิ่นฉิงได้สู้กันแล้ว
“ห้ามพวกนางไว้” เจียงหลีพูดขึ้น
เจียงหลีหายแวบไป พระอินฮูและกงเสวี่ยฮวาก็ลงมือในขณะเดียวกัน ช่วยไหวปี้จัดการกับคนของวังเวิ่นฉิงทั้งสามคนให้สลบไป
ตอนนี้คนที่ยังสามารถยืนอยู่ตรงนี้ได้ นอกจากเจียงหลี ก็ยังเหลือ……